รูปหน้าปก ให้ทุกความต้องการในการใช้ชีวิต ‘ใกล้’ มากกว่าเคย กับโครงการติดรถไฟฟ้า 3 สาย ที่ The Rich Rama 9 - Srinakarin

[Review] ให้ทุกความต้องการในการใช้ชีวิต ‘ใกล้’ มากกว่าเคย กับโครงการติดรถไฟฟ้า 3 สาย ที่ The Rich Rama 9 - Srinakarin

ถนนศรีนครินทร์ แขวงสวนหลวง ​เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ

Richy place (ริชี่เพลซ)

HIGHLIGHTS


โครงการที่สูงที่สุดบนถนนศรีนครินทร์ พร้อมห้องแบบ Loft หนึ่งเดียวในย่านนี้


  • เดินทางสะดวก ติดรถไฟฟ้า 3 สาย และทางด่วน
  • รายล้อมด้วยแหล่งอาหารการกิน และไลฟ์สไตล์ครบครัน
  • มาพร้อม Community Mall ภายในโครงการถึง 3 ชั้น
  • เฟอร์นิเจอร์ built-in แบบมัลติฟังก์ชัน ช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้มากขึ้น
  • ห้องสไตล์ Loft เพดานสูง 4.4 เมตร ให้ความรู้สึกคล้ายกับอยู่บ้าน


Project Review


โครงการ The Rich Rama 9 - Srinakarin ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “Parallel with the Horizon” ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากเส้นสายและสีสันคู่ขนานกับเส้นขอบฟ้า ตกแต่งด้วยประติมากรรมร่วมสมัยโดดเด่นสวยงาม ให้ความรู้สึกพิเศษเหนือระดับแบบ High-Class พร้อมด้วย Community Mall ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่แบบคอนโดสไตล์ Mixed-Use ให้เราสัมผัสการใช้ชีวิตคนเมืองอย่างแท้จริง


นอกจากนี้ The Rich Rama 9 - Srinakarin ยังเป็นโครงการที่เติมเต็มความเป็นอยู่ให้สมบูรณ์แบบด้วยการให้ Space ที่มากกว่ากับห้องแบบ Loft ที่ดีไซน์ฟังก์ชันการใช้งานไว้อย่างลงตัวแบบ Double Volume ที่ให้ความรู้สึกปลอดโปร่งคล้ายอยู่บ้านด้วยเพดานที่สูงกว่าคอนโดทั่วไป



รายละเอียดโครงการ The Rich Rama 9 - Srinakarin


ชื่อโครงการ : The Rich Rama 9 - Srinakarin (เดอะริช พระราม 9 - ศรีนครินทร์)

เจ้าของโครงการ : บริษัท ริชี่เพลซ 2002 จำกัด (มหาชน)

ที่ตั้งโครงการ : ถนนศรีนครินทร์ แขวงสวนหลวง ​เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ

พื้นที่โครงการ : 0-2-52 ไร่

ลักษณะโครงการ : คอนโดมิเนียม 32 ชั้น 1 อาคาร

จำนวนห้อง : 558 ยูนิต

รูปแบบห้อง :

  • MONO 1 ห้องนอน 25.61 - 35.68 ตร.ม.
  • LOFT 1 ห้องนอน 25.27 - 45.0 ตร.ม.

ที่จอดรถ : 40% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน)

ราคาเริ่มต้น : 3.29 ล้านบาท



Floor Plan และ Facilities โครงการ The Rich Rama 9 - Srinakarin


สำหรับโครงการ The Rich Rama 9 - Srinakarin จะตั้งอยู่ติดกับถนนใหญ่อย่างถนนศรีนครินทร์ รูปที่ดินจะเป็นแนวสีเหลี่ยมผืนผ้าขนาด 0-2-52 ไร่ รายล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวทั้งด้านหน้าโครงการและด้านหลังโครงการ สร้างความรู้สึกร่มรื่นและสบายตาให้กับการอยู่อาศัยได้อย่างลงตัว


นอกจากทางเข้าโครงการจะตั้งอยู่ติดกับถนนศรีนครินทร์แล้ว ในอนาคตด้านหน้าโครงการยังมีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง สถานีพัฒนาการ (คาดว่าแล้วเสร็จในปี 2564) ตัดผ่าน ซึ่งจะสร้างความสะดวกสบายให้ทั้งคนที่ใช้รถยนต์ส่วนตัว และคนที่ใช้รถไฟฟ้าในการเดินทางของคนในย่านนี้ได้มากยิ่งขึ้น



ภาพจำลอง Retail

เมื่อเลี้ยวรถเข้ามาภายในพื้นที่ของตัวโครงการจะมีจุด Drop off อยู่ทางด้านขวามือ เพื่อความสะดวกในการรับ-ส่งผู้โดยสาร และเรายังสามารถเดินเชื่อมต่อเข้าสู่ Community Mall ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าของโครงการได้ตั้งแต่บริเวณชั้นใต้ดินไปจนถึงชั้นที่ 3 หากใครอยากแวะซื้ออาหาร หรือเครื่องดื่มก่อนกลับขึ้นห้องก็ถือว่าสะดวกสบายมากๆ


ภาพจำลอง Lobby

เมื่อเดินเข้ามาบริเวณชั้น 1 ของอาคารจะพบกับพื้นที่ส่วนของ Lobby ซึ่งจัดไว้รองรับการใช้งานของลูกบ้าน ไม่ว่าจะใช้เป็นที่นั่งรอรถ หรือนัดหมายแขกคนสำคัญก็ดูสะดวกสบายทั้งสิ้น


นอกจากพื้นที่พักผ่อนแบบ Indoor อย่าง Lobby แล้ว บริเวณชั้น 1 ของทางโครงการยังมีพื้นที่ Outdoor อย่าง ‘พื้นที่นั่งเล่นสีเขียว’ ซึ่งมีขนาดค่อนข้างใหญ่พอสมควร โดยลูกบ้านสามารถลงมานั่งเล่นพักผ่อน, ออกกำลังกาย หรือจะแวะมาพักผ่อนเปลี่ยนบรรยากาศที่บริเวณนี้ร่วมกันได้


ถัดจากส่วนพื้นที่นั่งเล่นสีเขียวจะพบกับทางขึ้นพื้นที่จอดรถ ซึ่งกินพื้นที่ตั้งแต่บริเวณชั้น 3 ถึงชั้น 8 สามารถรองรับรถได้ทั้งหมด 40% (ไม่รวมซ้อนคัน) ของจำนวนห้องพักอาศัยทั้งหมด


ด้าน Facilities หลักของโครงการจะอยู่ที่บริเวณชั้น 9 และชั้นที่ 30 ประกอบไปด้วย


ภาพจำลอง Swimming Pool

Swimming Pool (ชั้น 9) เป็นสระว่ายน้ำระบบเกลือ หันหน้าไปทางทิศเหนือ ซึ่งช่วยหลบความร้อนจากดวงอาทิตย์ได้เป็นอย่างดี แถมยังมีวิวเมืองสวยๆ ให้ชมอีกด้วย


ภาพจำลอง Executive Lounge

ติดกับสระว่ายน้ำจะเป็นพื้นที่ของ Executive Lounge จุดพักผ่อนขนาดใหญ่ท่ามกลางบรรยากาศการตกแต่งที่เรียบหรู สำหรับใครที่อยากหามุมพักผ่อนหย่อนใจก็สามารถเข้ามานั่งเล่น พูดคุยกับกลุ่มเพื่อน หรือทำความรู้จักกับผู้คนใหม่ๆ ได้


ภาพจำลอง Coworking Space

ส่วนใครชอบทำงานนอกสถานที่ ชั้น 9 ของโครงการก็จัดเต็มพื้นที่ส่วนกลางอย่าง Co-working Space เอาไว้ให้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับคนที่อยากลองเปลี่ยนบรรยากาศจากการทำงานภายในห้องมาพบเจอผู้คนเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นซึ่งกันและกัน หรือถ้าใครอยากนั่งทำงานสงบๆ ก็ Take วิวเมืองสวยๆ ไปด้วยได้แบบชิลล์ๆ เช่นกัน


ภาพจำลอง Arcade Room

แต่ถ้า Work Hard แล้วอยากจะ Play Hard บ้าง บริเวณชั้น 9 ก็ยังมีส่วนของ Game room ที่มีทั้ง Table Football และ Pool Table รองรับความต้องการในการพักผ่อนเอาไว้ให้ เหมาะสำหรับคลายความเครียด, หากิจกรรมสนุกๆ ทำร่วมกับกลุ่มเพื่อน และพบปะผู้คนใหม่ๆ


ภาพจำลอง Fitness

ส่วนสาย Healthy รักสุขภาพ ผู้ชื่นชอบการออกกำลังกาย ที่ชั้น 9 ก็ยังมีส่วนของ Fitness ไว้ให้ใช้บริการ แต่จุดที่พิเศษคือเราสามารถชมวิวเมืองเพลินๆ ไปพร้อมกับการออกกำลังกายได้จากมุมสูง ซึ่งก็สร้างความสุนทรีย์ให้กับการออกกำลังกายได้อีกรูปแบบหนึ่ง


ภาพจำลอง Co-kitchen

และอีกหนึ่ง Facility ที่น่าสนใจของตัวโครงการต้องยกให้ Co-kitchen หรือพื้นที่ครัวกลาง ซึ่งจัดทำขึ้นมาเพื่อรองรับสำหรับกลุ่มลูกบ้านที่ต้องการทำอาหารร่วมกับเพื่อนๆ หรือครอบครัว รวมไปถึงรองรับสำหรับการจัดปาร์ตี้สังสรรค์ที่ต้องใช้พื้นที่ในการเตรียมอาหาร ทำให้การนัดพบและทำกิจกรรมร่วมกัน สามารถเกิดขึ้นได้ภายในคอนโดพักอาศัย ไม่ต้องออกไปที่ไหนไกลๆ ให้ยุ่งยากอีกต่อไป


ภาพจำลอง Rooftop garden

แถมท้าย Facility จากทางโครงการกันที่ชั้น 30 บริเวณ Rooftop ก็ยังมีสวนสวยสีเขียวไว้ให้ลูกบ้านได้มานั่งเล่นพักผ่อนชมวิวกันอีกด้วย



แผนผังห้องพักของโครงการ The Rich Rama 9 - Srinakarin


ยูนิตพักอาศัยของโครงการ The Rich Rama 9 - Srinakarin จะเริ่มต้นที่ชั้น 9 โดยในชั้นนี้ยูนิตทั้งหมดจะเป็นห้องแบบ Loft ซึ่งเป็นรูปปแบบห้องพิเศษของทางโครงการ มีทั้งหมด 8 ยูนิต ประกอบด้วย

  • Type D ขนาด 25.46-26.68 ตารางเมตร 5 ห้อง
  • Type G ขนาด 37.42-37.72 ตารางเมตร 2 ห้อง
  • Type H ขนาด 45.64 ตารางเมตร 1 ห้อง


ส่วนชั้นที่ 10-24 จะเป็นห้องแบบ Mono รูปแบบห้องมาตรฐานของทางโครงการซึ่งมีทั้งหมด 26 ยูนิตต่อชั้น ประกอบด้วย

  • Type A ขนาด 25.81-28.14 ตารางเมตร 13 ห้อง
  • Type B ขนาด 29.59-32.21 ตารางเมตร 10 ห้อง
  • Type C ขนาด 35.28-36.06 ตารางเมตร 3 ห้อง


ชั้นที่ 25-29 เป็นชุดห้องพักอาศัยแบบ Loft ทั้งหมด 26 ยูนิตต่อชั้น ประกอบด้วย

  • Type D ขนาด 25.81-28.14 ตารางเมตร 13 ห้อง
  • Type E ขนาด 29.59-32.21 ตารางเมตร 10 ห้อง
  • Type F ขนาด 35.23-36.06 ตารางเมตร 3 ห้อง


และชั้นที่ 30-32 เป็นชุดห้องพักอาศัยแบบ Loft ทั้งหมด 10 ยูนิตต่อชั้น ประกอบด้วย

  • Type D ขนาด 25.91-28.01 ตารางเมตร 4 ห้อง
  • Type E ขนาด 29.59-29.98 ตารางเมตร 4 ห้อง
  • Type F ขนาด 35.23-36.06 ตารางเมตร 2 ห้อง


Room Review


ห้อง MONO ขนาด 29 ตารางเมตร ตกแต่งแบบ Fully Fitted


  • ห้อง Type นี้เหมาะกับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว อยากมีพื้นที่อเนกประสงค์สำหรับใช้สอยเพิ่มเติม เช่น ต้องการห้องอ่านหนังสือหรือห้องทำงานที่แยกออกจากห้องนอน


รูปแบบแปลนห้อง MONO ขนาด 29 ตารางเมตร ตกแต่งแบบ Fully Fitted

สำหรับแปลนห้องแบบ MONO ขนาด 29 ตารางเมตร เป็นรูปแบบห้องมาตรฐานของโครงการ จะมีลักษณะของการแบ่งสัดส่วนห้องที่แยกพื้นที่ส่วนตัวออกจากพื้นที่ส่วนรวมอย่างชัดเจน โดยเราจะเจอกับส่วนครัว ซึ่งเป็นครัวแบบเปิดก่อนเป็นอันดับแรก ส่วนทางขวามือจะเป็นห้องน้ำ ถัดจากครัวจะเป็นมุมห้องนั่งเล่นและห้องอเนกประสงค์ตามลำดับ และพื้นที่พักผ่อนอย่างห้องนอนจะถูกแยกออกไปยังอีกห้อง ซึ่งจะมีประตูทางเข้าอยู่ระหว่างห้องครัวและห้องนั่งเล่น เมื่อเปิดเข้าไปจะเจอกับพื้นที่วางเตียงขนาดใหญ่และระเบียงอยู่ทางด้านซ้ายมือ


เริ่มต้นสำรวจภายในห้องตัวอย่างของทางโครงการ The Rich Rama 9 - Srinakarin เมื่อเปิดประตูเข้าไป เราจะเจอกับเคาน์เตอร์ครัว Built-in อยู่ทางด้านซ้ายมือก่อนเป็นอันดับแรก ถัดจากส่วนครัวไปจะมีพื้นที่วางโต๊ะทานข้าว, พื้นที่สำหรับห้องนั่งเล่น และส่วนของห้องอเนกประสงค์ที่ด้านในสุดตามลำดับ


ส่วนทางด้านขวามือระหว่างห้องนั่งเล่นและส่วนครัวจะมีประตูเชื่อมเข้าไปยังห้องนอนอีกชั้นหนึ่ง โดยพื้นที่บริเวณครัวและห้องนั่งเล่นนี้จะติดตั้งเครื่องปรับอากาศขนาด 12,000 BTU เอาไว้ให้ และเพดานของห้อง Type นี้มีความสูงอยู่ที่ 2.7 เมตร ซึ่งถือว่าค่อนข้างโล่งโปร่งมากเมื่อเทียบกับคอนโดทั่วไปที่มีความสูงของฝ้าเพดานอยู่ที่ประมาณ 2.5 เมตร


ลักษณะของครัวที่ได้จะเป็นแบบเปิด มีชั้นและลิ้นชักเก็บของแบบ Built-in เอาไว้ให้อย่างดี โดยเราสามารถจัดเก็บอุปกรณ์เครื่องครัว, ภาชนะ, อาหารแห้ง และเครื่องปรุงได้อย่างเป็นระเบียบ


ด้านเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ทางโครงการมอบให้จะประกอบไปด้วย...

  • เตาไฟฟ้า 2 หัว และเครื่องดูดควันระบบฟิลเตอร์จาก TEKA
  • ส่วนซิงก์ล้างจานจะมาพร้อมกับฝาปิด เพิ่มพื้นที่ใช้สอยในการเตรียมวัตถุดิบได้มากขึ้น
  • ด้านล่างก็มีช่องรองรับสำหรับเตาอบและไมโครเวฟเอาไว้ให้ สามารถซื้อเข้ามาใส่เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายเพิ่มเติมได้ 


ส่วนด้านตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ครัว มีพื้นที่เหลือสำหรับวางตู้เย็นเอาไว้ให้พร้อมปลั๊กไฟ เราสามารถเลือกซื้อตู้เย็นตามขนาดและแบบที่ถูกใจนำมาจัดวางเองได้ตามใจชอบ

  • ห้องครัวในลักษณะเปิดที่มีขนาดเล็กแบบนี้ อาจไม่เหมาะกับการทำอาหารหนักๆ สักเท่าไหร่ ถ้าหากอยากทำครัวจริงจัง อาจจะต้องติด Backsplash เพิ่มเติมบริเวณหลังเคาน์เตอร์ เพื่อป้องกันการกระเด็นของน้ำมัน และง่ายต่อการทำความสะอาด


สำหรับห้องน้ำจะอยู่ติดกับห้องครัว เมื่อเปิดเข้าไปจะเจอกับอ่างล้างหน้าพร้อมกระจกบานใหญ่เต็มความยาวผนัง ตรงข้ามกระจกจะมีราวสำหรับแขวนผ้าขนหนูเอาไว้ให้ และด้านในสุดเป็นส่วนอาบน้ำที่แยกระหว่างส่วนเปียกและส่วนแห้งแบบชัดเจนด้วย Shower Box อีกทั้งบริเวณพื้นที่ระหว่างโถสุขภัณฑ์ไปจนถึงผนังด้านตรงข้ามก็มีพื้นที่กว้างพอสมควรอีกด้วย ทำให้ไม่รู้สึกอึดอัดเวลาใช้งาน


สำหรับอ่างล้างหน้าทางโครงการเลือกใช้แบรนด์ Charmer แบบติดผนังพร้อมชั้นวางของ 2 ชั้น ด้านใต้ระหว่างพื้นถึงตัวอ่างมีพื้นที่เหลือ ง่ายต่อการทำความสะอาด ส่วนก๊อกน้ำเป็นของ American Standard บริเวณรอบๆ อ่างมีพื้นที่เหลือสำหรับวางอุปกรณ์และเครื่องสำอางได้อย่างเต็มที่

  • ส่วนของโถสุขภัณฑ์, สายชำระ และที่ใส่กระดาษชำระ เป็นของแบรนด์ American Standard อีกเช่นเดียวกัน


Partition กั้นระหว่างพื้นที่ส่วนเปียก/ แห้ง เป็นลักษณะแบบบานเลื่อน 3 ตอน ค่อนข้างสะดวกสบายในการเปิดใช้งาน ส่วนฝักบัวจะมีทั้ง Rain Shower และ Hand Shower จากแบรนด์ Hafele พร้อมชั้น Drop wall สำหรับวางแชมพู, สบู่ ไว้ให้ ซึ่งเพียงพอต่อความต้องการในการจัดเก็บอย่างแน่นอน


มาสำรวจกันต่อในส่วนของ ‘มุมห้องนั่งเล่น’ ซึ่งจะมีพื้นที่ค่อนข้างใหญ่และกว้างขวาง ให้เราเลือกซื้อชุดโซฟาได้ตามความเหมาะสม และตรงกับไลฟ์สไตล์ที่ต้องการ เช่น...

  • หากมีแขกแวะมาเยี่ยมที่ห้องบ่อยๆ ก็อาจเลือกซื้อเป็นแบบตัวยาวเพื่อให้เพียงพอสำหรับการรองรับ
  • หรือหากอยู่คนเดียว ก็อาจเลือกเป็นโซฟา 2 ที่นั่งขนาดกะทัดรัด เพื่อเพิ่มพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทานข้าวที่บริเวณนี้ด้วยได้

ส่วนระยะห่างระหว่างโซฟาและจอทีวีอยู่ที่ประมาณ 1.5 เมตร แนะนำว่าให้แขวนทีวีติดผนังเพื่อเพิ่มระยะห่างที่เหมาะสมกับสายตา นอกจากนี้ยังสามารถทำชั้นวางของเพิ่มเติมเพื่อจัดเก็บซีดี, วางกล่องสัญญาณ หรือติดตั้งชุดโฮมเทียร์เตอร์เพิ่มเติมได้เลย


ถัดจากห้องนั่งเล่นจะเป็นมุมห้องอเนกประสงค์ กั้นด้วยประตูกระจกบานสไลด์ 3 ตอน ภายในเป็นพื้นที่โล่งติดหน้าต่างมองเห็นวิวเมืองได้อย่างชัดเจน ซึ่งจะทำเป็นห้องอ่านหนังสือก็เหมาะ หรือหากอยากได้ห้องทำงานวิวสวยๆ ก็สามารถวางโต๊ะตัวยาวติดหน้าต่างเข้าไปเพิ่มเติมได้ ทั้งนี้ ทางโครงการได้ติดผ้าม่านกันแดดเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้วอีกด้วย


มาดูส่วนพื้นที่พักผ่อนอย่างห้องนอนกันบ้าง ทางโครงการให้ฐานเตียงขนาด 5 ฟุต ส่วนบริเวณผนังปลายเตียงมีปลั๊กไฟพร้อม Cable TV รองรับไว้ให้ สามารถติดตั้งทีวีเพิ่มเติมภายในห้องนอนได้ นอกจากนี้ทางโครงการได้ให้เครื่องปรับอากาศขนาด 9,000 TBU อีก 1 เครื่อง ติดอยู่บริเวณเหนือประตูกระจกบานสไลด์ขึ้นไป อีกทั้งตัวห้องยังเชื่อมต่อกับระเบียงด้านนอก ทำให้ห้องดูสว่าง โดยทางโครงการจะติดผ้าม่านให้เรียบร้อย ช่วยป้องกันแสงแดด และเพิ่มความเป็นส่วนตัวภายในห้องนอนได้เป็นอย่างดี


ด้านข้างเตียงนอนฝั่งขวามือ จะเป็นที่ตั้งของตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in ที่จัดสรรพื้นที่ไว้ให้สำหรับทั้งจัดเก็บของและแขวนเสื้อผ้าในตัว โดยส่วนนี้จะยังมีที่ว่างด้านข้างเหลือเยอะพอสมควร ซึ่งเราสามารถหาซื้อโต๊ะเครื่องแป้งทั้งแบบนั่งและยืนมาตั้งไว้ข้างๆ ตู้เสื้อผ้าได้


บริเวณหัวเตียงอีกฝั่งก็พอมีที่เหลือสำหรับวางโต๊ะหัวเตียงสำหรับจัดเก็บหนังสือหรือวางโคมไฟได้ แต่ถ้าใครอยากจะบิลต์เพิ่มเป็นโต๊ะทำงานขนาดย่อมแบบพับได้ หรือทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง พื้นที่บริเวณนี้ก็ยังสามารถรองรับได้แบบสบายๆ


ถัดออกมาที่ส่วนระเบียงกันบ้าง ทางด้านซ้ายบนจะเป็นที่ตั้งของคอมเพรสเซอร์แอร์ 2 ตัว ซึ่งหันหน้าออกนอกอาคาร ส่วนทางซ้ายด้านล่างทางโครงการวางระบบท่อน้ำทิ้งและปลั๊กไฟมาให้ สามารถติดตั้งเครื่องซักผ้าได้ทั้งฝาหน้าและฝาบน



ห้อง LOFT ขนาด 26 ตารางเมตร


  • ห้อง LOFT ขนาด 26 ตารางเมตร จะให้ความรู้สึกราวกับอยู่บ้าน เหมาะกับคนที่ชอบบรรยากาศโล่งๆ ไม่อึดอัด ด้วยพื้นที่ใช้สอยที่ไม่ได้ใหญ่จนเกินไป เหมาะสำหรับการอยู่คนเดียว หรือ 2 คน ได้อย่างสบายๆ


รูปแบบแปลนห้อง LOFT ขนาด 26 ตารางเมตร ตกแต่งแบบ Fully Fitted

แปลนของห้อง LOFT ขนาด 26 ตารางเมตร เป็นลักษณะสีเหลี่ยมผืนผ้าตอนลึก เมื่อเปิดประตูเข้าไปภายในห้อง เราจะเจอกับห้องครัวแบบปิดก่อนเป็นอันดับแรก ถัดออกมาจากห้องครัวทางด้านซ้ายมือจะเป็นห้องน้ำ ส่วนทางด้านขวาจะเป็นพื้นที่โล่งสำหรับวางโต๊ะทานข้าว หรือเฟอร์นิเจอร์อื่นๆ ติดกับห้องน้ำจะเป็นบันไดพร้อมห้องเก็บของขนาดเล็ก ส่วนด้านในสุดของห้องจะเป็นพื้นที่ห้องนั่งเล่นรับแขกขนาดใหญ่อยู่ติดกับระเบียงขนาดเล็ก และส่วนพักผ่อนอย่างห้องนอนจะอยู่ที่บริเวณชั้น 2 ของห้อง


เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอกับครัวปิดก่อนเป็นอันดับแรก ด้านซ้ายมือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวพร้อมชั้นวางของ Built-in ไว้ให้แบบเดียวกันกับห้อง MONO ขนาด 29 ตารางเมตร ส่วนด้านขวาเป็นพื้นที่โล่งพร้อมปลั๊กไฟ สามารถเพิ่มตู้เย็นขนาดที่ถูกใจกับชั้นวางของอีกเล็กน้อยได้


สำหรับชุดเคาน์เตอร์ครัวที่ทางโครงการให้มาจะเป็นแบบ Full Function เช่นเดียวกันกับห้อง MONO ขนาด 29 ตารางเมตร สามารถใช้จัดเก็บภาชนะและเครื่องครัวต่างๆ ได้อย่างจุใจเช่นเดียวกัน ส่วนด้านล่างเว้นช่องไว้ให้สำหรับใส่เตาอบและไมโครเวฟได้ด้วย


บริเวณท็อปครัวมีพื้นที่เตรียมอาหารเพียงพอ มาพร้อมเตาไฟฟ้า 2 หัวและเครื่องดูดควันระบบฟิลเตอร์จากแบรนด์ TEKA ส่วนซิงก์ล้างจานก็มาพร้อมฝาปิดเพิ่มพื้นที่ในการเตรียมอาหารจากแบรนด์ TEKA อีกเช่นเดียวกัน แถมยังคิดมาเพื่อการใช้งานอย่างแท้จริงด้วยการทำพื้นที่สำหรับคว่ำจานไว้ที่ด้านบนซิงก์ ข้อดีคือน้ำจากจานจะไม่หยดเลอะเทอะบนท็อปครัว ซึ่งช่วยยืดอายุการใช้งานและไม่ทำให้ครัวเปียกอีกด้วย


เขยิบออกมาจากห้องครัวอีกนิดจะเป็นพื้นที่โล่ง สามารถเลือกวางโต๊ะอาหารขนาดใหญ่จุที่นั่งได้มากสุดถึง 4 คน แต่ถ้าใครอยู่คนเดียว ไม่ได้มีแขกแวะมาบ่อยๆ ก็อาจจะจัดโต๊ะทานข้าวเล็กๆ ขนาด 2 ที่เอาไว้ แล้วเพิ่มตู้สำหรับจัดเก็บของที่บริเวณนี้เพิ่มเติมแทน


ตรงข้ามพื้นที่วางโต๊ะทานข้าวจะเป็นที่ตั้งของห้องน้ำ ซึ่งแยกส่วนแห้งอย่างอ่างล้างหน้า, โถสุขภัณฑ์ และพื้นที่ส่วนเปียกอย่าง Shower Box ออกจากกัน โดยวัสดุอุปกรณ์และแบรนด์สุขภัณฑ์ที่ใช้จะเป็นแบบเดียวกันกับห้อง Type MONO ขนาด 29 ตารางเมตร ทุกประการ


ติดกับห้องน้ำทางโครงการได้ทำเป็นห้องเก็บของใต้บันไดเอาไว้ให้ด้วย ซึ่งเราสามารถใช้จัดเก็บอุปกรณ์ทำความสะอาดห้อง, กระเป๋าเดินทาง หรือข้าวของอื่นๆ ได้ ช่วยให้ห้องของเราเป็นระเบียบ และง่ายต่อการทำความสะอาดได้เป็นอย่างมาก


และด้านในสุดของห้องเป็น Living Room ที่มีความสูงของเพดานถึง 4.4 เมตร ให้ความรู้สึกโล่งโปร่งเป็นพิเศษราวกับอยู่บ้าน ทั้งยังมีกระจกบานใหญ่รับวิวเมืองได้อย่างเต็มที่อีกด้วย


นอกจากนี้พื้นที่โซน Living Room ยังสามารถจัดสรรและตกแต่งเพิ่มเติมตามความเหมาะสมของไลฟ์สไตล์ได้ เช่น

  • ด้วยระยะห่างระหว่างพื้นที่วางโซฟาและทีวีที่ค่อนข้างกว้าง เราสามารถเลือกซื้อโซฟาแบบตัวยาวพร้อมเดย์เบดไว้สำหรับนอนดูภาพยนตร์เรื่องโปรดอย่างจุใจได้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคอหนังและคอเกมที่ให้ความสำคัญกับห้องนั่งเล่นเป็นพิเศษ
  • แต่สำหรับใครที่ไม่ได้เน้นการใช้งานในพื้นที่ส่วนนี้มากนัก ก็อาจเพิ่มโต๊ะทำงานติดหน้าต่าง หรือบิลต์ชั้นวางหนังสือเพิ่มเติมได้

พื้นที่บริเวณนี้ค่อนข้างมีขนาดใหญ่พอสมควร ถ้าหากวางแผนจัดสรรพื้นที่ดีๆ ก็สามารถเพิ่มพื้นที่ใช้สอยและเพิ่มพื้นที่เก็บของได้อีกมากเลยทีเดียว


ส่วนระเบียงของห้อง Type นี้จะมีพื้นที่เล็กกว่าห้องแรก เพราะเน้นพื้นที่ใช้สอยภายในห้องมากกว่า แต่ตรงระเบียงทางโครงการก็ได้วางระบบน้ำทิ้งและปลั๊กไฟเอาไว้ให้ สามารถวางเครื่องซักผ้าได้เช่นเดียวกัน ส่วนพื้นที่ตากผ้าอาจจะต้องติดตั้งราวแขวนติดผนังเพิ่มเติมเอง


จากระเบียงเมื่อหันกลับเข้ามาภายในห้อง เราจะสามารถเห็นภาพรวมของห้องได้ทั้งหมด ภายในห้อง Loft ขนาด 26 ตารางเมตรนี้ ให้ความรู้สึกกว้างขวาง โปร่งโล่ง เป็นอย่างมาก เพราะทุกส่วนสามารถเชื่อมต่อถึงกันได้ทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีส่วนพักผ่อนซึ่งเป็นชั้นลอยแยกไว้ให้ต่างหากด้วย


บริเวณบันไดทางขึ้นไปยังโซนห้องนอน โครงการก็ได้ซ่อนลิ้นชักเอาไว้ให้ถึง 2 ช่อง เพื่อเพิ่มพื้นที่จัดเก็บของเพิ่มเติมได้แบบแนบเนียน


เมื่อขึ้นมายังชั้น 2 จะเจอกับตู้เสื้อผ้าบิลต์อินติดผนังอยู่ทางด้านขวามือ พร้อมเหลือพื้นที่ว่างอีกเล็กน้อยอยู่ที่ด้านข้าง ซึ่งเราสามารถเพิ่มชั้นวางของเข้าไปแบบในห้องตัวอย่าง หรือจะวางตู้ลิ้นชักสำหรับเพิ่มพื้นที่จัดเก็บเสื้อผ้าก็สามารถทำได้


บริเวณหัวเตียงมาพร้อมกับโต๊ะขนาดเล็กพร้อมลิ้นชัก สามารถใช้เป็นที่นั่งทำงาน หรือติดกระจกเพิ่มเพื่อทำเป็นโต๊ะเครื่องแป้งได้


สำหรับห้องนอน Type นี้ก็จะได้ฐานเตียงขนาด 5 ฟุตด้วยเช่นเดียวกับห้องแบบ MONO ขนาด 29 ตารางเมตร ส่วนพื้นที่ปลายเตียงก็ยังมีพื้นที่ว่างเหลืออยู่อีกพอสมควร ไม่ว่าจะวางตู้หรือลิ้นชักเล็กๆ ที่มุมติดระเบียงก็ไม่กีดขวางทางเดิน นอกจากนี้ทางโครงการไม่ลืมที่จะติดตั้งเครื่องปรับอากาศขนาด 12,000 TBU เอาไว้ให้ที่ชั้นนี้ด้วย


ส่วนด้านล่างเองก็ติดตั้งแอร์ไว้ให้อีกเช่นเดียวกัน แต่ขนาดจะใหญ่กว่าช้้นบน โดยมีขนาดอยู่ที่ 18,000 TBU ซึ่งสามารถกระจายความเย็นไปได้ทั่วถึงทุกบริเวณ


ข้อดีของห้องในสไตล์ LOFT สุดพิเศษนี้ก็คือ วิวสวยๆ ที่สามารถมองเห็นได้แทบทุกส่วนของห้อง ไม่ว่าจะนั่งดูทีวี, นั่งทานข้าว, ทำอาหารในครัว หรือนอนเหยียดกายพักผ่อนอยู่ที่ชั้น 2 เพราะกระจกหน้าต่างของห้อง Type นี้ให้มาใหญ่เกือบเต็มความสูงของห้องเลยทีเดียว หากต้องการพักผ่อน หรือต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถเลื่อนม่านปิดรับแสงสว่างจากด้านนอกได้ โดยทางโครงการได้ติดตั้งม่านขนาดใหญ่เต็มความสูงห้องเอาไว้ให้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว


นอกจากนี้ห้องของโครงการ The Rich Rama 9 - Srinakarin ยังพิเศษกว่าด้วยระบบ Smart Home เอาใจคนยุคใหม่อีกด้วย โดยทางโครงการได้ติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดเอาไว้ให้ พร้อมทั้งรองรับระบบการสั่งการเปิดปิดไฟและเครื่องปรับอากาศได้จากทางแอปพลิเคชันบนมือถืออีกด้วย ส่วนประตูทางเข้าก็เป็นแบบ Digital Lock รองรับทั้งระบบคีย์การ์ด, รหัสพิน และกุญแจแบบธรรมดา เรียกว่าสะดวกง่ายดาย และเพิ่มความปลอดภัยให้กับการอยู่อาศัยได้เป็นอย่างมาก


Location


สำหรับโครงการ The Rich Rama 9 - Srinakarin การเดินทางที่สะดวกและง่ายดายที่สุด เห็นจะต้องยกให้กับ ‘รถไฟฟ้า’ เพราะใกล้กับโครงการมี Airport Link สถานีหัวหมาก อยู่ห่างออกไปจากตัวโครงการเพียงแค่ 300 เมตรเท่านั้น สามารถเดินทางไปยังสถานีพญาไทเพื่อเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายอื่นๆ หรือจะเดินทางไปยังสนามบินก็สะดวกรวดเร็วเพียงต่อเดียว


ส่วนรถไฟฟ้าสายอนาคตอย่างรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่วิ่งมุ่งหน้าตั้งแต่สถานีรัชดาไปจนถึงสถานีสำโรง ก็ตัดผ่านอยู่หน้าโครงการที่สถานีพัฒนาการอีกด้วย ซึ่งปัจจุบันกำลังดำเนินงานก่อสร้างอยู่ คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมใช้งานภายในปี 2564 นี้


สำหรับสายรถไฟฟ้าที่รายล้อมโครงการ The Rich Rama 9 - Srinakarin ยังไม่ได้มีเฉพาะแค่ Airport Link และ MRT สายสีเหลืองเท่านั้น แต่ในอนาคต รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดงอ่อน ก็จะเปิดเส้นทางให้บริการด้วยเช่นเดียวกัน โดยในปัจจุบันได้อนุมัติจัดสร้างเป็นที่เรียบร้อย เมื่อแล้วเสร็จ ก็จะสามารถเดินทางเข้าออกไปยังชานเมืองได้อย่างสะดวกและง่ายดายมากเลยทีเดียว


สำหรับเรื่องอาหารการกิน ย่านพัฒนาการแห่งนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เริ่มที่แรกกับซุปเปอร์มาร์เก็ต 24 ชั่วโมงอย่าง MaxValu ไว้ให้จับจ่ายใช้สอยแบบง่ายๆ อยู่ห่างจากโครงการไปเพียงแค่ 200 เมตร นอกจากนี้ยังมีมีร้าน Fast food ไว้ให้ฝากท้องกันแบบสะดวกรวดเร็วทั้ง KFC และ McDonald's นอกจากนี้ก็ยังมีอาหารพร้อมทานและร้านอาหารอื่นๆ ให้บริการอยู่อีกหลายร้าน เรียกว่าถ้าหิวเมื่อไหร่ ก็มาฝากท้องได้ทุกเมื่อ


ส่วนใครที่ชื่นชอบการทำอาหาร อยากได้วัตถุดิบคุณภาพสดใหม่ ด้านในก็มีข้าวของให้เลือกชอปกันอย่างเต็มที่ ทั้งผักผลไม้นำเข้า, เนื้อสัตว์, อาหารแห้ง และเครื่องปรุงรสต่างๆ รวมไปถึงเครื่องใช้สำหรับอุปโภคบริโภคอื่นๆ ก็สามารถหาซื้อได้จากที่แหล่งไลฟ์สไตล์เหล่านี้อีกเช่นกัน หากขาดเหลืออะไรก็สามารถแวะมาใช้บริการกันได้ตลอด 24 ชั่วโมง


ถ้า MaxValu ยังไม่จุใจ ถัดออกไปอีก 800 เมตร ก็มี Tesco Lotus สาขาพัฒนาการ เปิดให้บริการอยู่ ซึ่งภายในก็จะมีร้านอาหารและมีสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ ให้เลือกอยู่มากมายอีกเช่นเดียวกัน ถ้าอยากซื้อของเข้าห้องแบบจัดเต็มก็แวะมาที่นี่ได้


เขยิบออกมาจาก Tesco Lotus เพียงไม่กี่ก้าว ก็จะเจอตึกรูปทรงสวยงามคล้าย Bigben อย่าง London Street แหล่งไลฟ์สไตล์ฮิปๆ ของคนบนถนนศรีนครินทร์


ภายในอาคาร London Street มีทั้งร้านอาหารและคาเฟ่สไตล์อบอุ่นเป็นกันเองเปิดให้บริการอยู่ นอกจากนี้ยังมีมุมพักผ่อน Outdoor สไตล์สวนอังกฤษ และห้องสันทนาการสำหรับเด็กๆ ใครชอบถ่ายรูปเช็กอินที่นี่ก็ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะเขาจัดมุมถ่ายรูปเก๋ๆ เอาไว้ให้หลายมุม เสมือนได้มาเดินเล่นอยู่ในลอนดอนเลยทีเดียว


ส่วนเรื่องของแหล่งไลฟ์สไตล์ที่เป็น Landmark ของคนในย่านนี้ ขอประเดิมที่แรกด้วยศูนย์การค้าขนาดใหญ่ครบวงจรอย่าง Seacon Square ที่เพิ่งปรับโฉมใหม่กันไปหมาดๆ เอาใจสำหรับไลฟ์สไตล์ของคนทุกเพศทุกวัย


เพราะนอกจากจะมีร้านค้า ร้านอาหารชั้นนำมากมายให้เลือกชอป เลือกชิมแล้ว ที่นี่ก็ยังมี Fitness ไว้เอาใจสำหรับคนรักสุขภาพ ทั้งยังจัดเต็มด้านความบันเทิงสำหรับคอหนังด้วยโรงภาพยนตร์ Major Cineplex และยังมีสวนสนุก YoYo Land สำหรับคุณหนูๆ อยู่ด้วย


สำหรับศูนย์การค้ายอดฮิตอีกที่คือ Paradise Park ซึ่งอยู่ถัดออกมาจาก Seacon Square เพียง 500 เมตร ที่นี่เป็นหนึ่งในแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ชอป ชิม ชิลล์ ที่ดีที่สุดของกรุงเทพตะวันออก ประกอบด้วยอาคารศูนย์การค้า 5 ชั้น และร้านค้าชั้นนำกว่า 500 ร้านค้า ภายใต้คอนเซ็ปต์ “The Oasis of Eastern Bangkok” ทำให้บรรยากาศโดยรอบทั้งภายนอกและภายในอาคารของศูนย์การค้า Paradise Park แห่งนี้ เต็มไปด้วยต้นไม้สีเขียว สร้างบรรยากาศร่มรื่น และดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างมาก


แถมตอนนี้ที่ Paradise Park ก็เปิดโซนใหม่อย่าง พาราไดซ์ ไซต์วอล์ค ที่สามารถพาน้องหมา น้องแมว มาเดินชอปชิลล์ๆ ภายในตัวห้างได้อีกด้วย เรียกว่าเป็นบรรยากาศน่ารักๆ ที่แตกต่างออกไปจากศูนย์การค้าอื่นๆ สำหรับใครที่อยากมาพักผ่อน พบปะผู้คนใหม่ๆ ที่ Paradise Park แห่งนี้ ก็ดูจะตอบโจทย์ได้ไม่น้อย


สำหรับใครที่โหยหาธรรมชาติสีเขียวภายในเมือง สวนหลวง ร.9 ก็เป็นทางออกสำหรับการพักผ่อน โดยตัวสวนจะอยู่ถัดเข้าไปในซอยศรีนครินทร์ 55 หรือซอยหมู่บ้านเสรีวิลล่า ด้วยพื้นที่ขนาด 500 ไร่ ทำให้สวนหลวง ร.9 เป็นสวนสาธารณะและสวนพฤกษศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพมหานคร มีพื้นที่สีเขียวและมุมพักผ่อนหย่อนใจให้เลือกมากมาย จะนั่งชมผู้คนที่ผ่านไปมาใต้เงาไม้ หรือปั่นเรือเป็ดสัมผัสบรรยากาศรอบด้านก็แสนสุขใจไม่แพ้กัน


ส่วนใครที่ชอบออกกำลังกาย ที่นี่ก็เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการวิ่งเหยาะๆ ชมต้นไม้ใบไม้สีเขียวรอบๆ สวน พร้อมสูดอากาศหายใจกันได้เต็มปอด นอกจากนี้ในช่วงเย็นก็ยังมีลานแอโรบิก กิจกรรมออกกำลังกายเต้นเข้าจังหวะกับเพลงสนุกๆ ให้ได้มาเอนจอยกันอีกด้วย


พลบค่ำแล้ว ถ้ายังอยากสนุกกับสีสันของไลฟ์สไตล์กันต่อ แน่นอนว่าพลาดไม่ได้กับแหล่งแฮงก์เอาต์สุดคูลอย่าง ตลาดนัดรถไฟ ศรีนครินทร์ ที่รวบรวมสินค้าแฟชันอย่าง เสื้อผ้า, รองเท้า, เครื่องประดับ ทั้งมือหนึ่ง มือสอง และร้านอาหาร Street food หลากหลายเมนู ให้ได้เดินซื้อเดินชิมกันจนอิ่มหนำ รับรองว่าเพลิดเพลินจนลืมเวลาไปอย่างไม่ต้องสงสัย

  • ตลาดนัดรถไฟศรีนครินทร์ เปิดให้บริการทุกวันพฤหัสบดีถึงวันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 17.00 - 1.00 น.


หากคุณกำลังตามหาที่อยู่อาศัยที่ลงตัว ไม่ว่าจะเป็นด้านการเดินทางที่สะดวกสบาย อยู่ใกล้แหล่งไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่แล้วล่ะก็ The Rich Rama 9 - Srinakarin ก็เป็นหนึ่งโครงการที่ดีที่สุด บนถนนศรีนครินทร์ สนใจลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลดพิเศษได้ที่ http://bit.ly/2ZioKHt


ทางโครงการจะมีการจัดงาน Booking online

ราคาพิเศษสุดๆ ในวันที่เสาร์ที่ 27 เมษายนนี้

เวลา 18.00-21.00 น. รับ Iphone XR 125 GB.

ท่านใดสนใจร่วมลงทะเบียนได้ ตามลิงก์นี้ http://bit.ly/2KKcAEj


แบ่งปันบทความให้เพื่อนๆของคุณ