[Review] Landmark at Kasetsart TSH Station คอนโดใหม่ที่เชื่อมต่อได้กับทุกจังหวะชีวิต
ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร
บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด
HIGHLIGHTS
- Mixed Use แห่งใหม่ บนถนนวิภาวดี
- โครงการอยู่ติดรถไฟฟ้าสายสีแดงสถานีทุ่งสองห้อง
- 5 Interchange เชื่อมรถไฟฟ้า 6 สาย
- ใกล้สถานศึกษา 1 นาที ถึง ม.เกษตร
- เดินทางสะดวก เข้าเมืองสบาย 5 นาที ถึงลาดพร้าวอินเตอร์เชนจ์
- ห้องเพดานสูง 4.15 เมตร หาได้ยากในย่านนี้
- ห้องอเนกประสงค์ปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์
- Landmark at Kasetsart TSH Station คอนโดใหม่ที่พร้อมเชื่อมต่อทุกจังหวะชีวิต VIP DAY 2 เม.ย. นี้ ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท หรือ 78,000 บาท/ตร.ม. ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษที่นี่ https://bit.ly/34oLEV7
- ความคุ้มสุดในย่านนี้เมื่อเทียบกับคอนโดในระดับเดียวกัน
Project Review
LANDMARK YOUR LIFE , SYNCHRONIZE YOUR LIVING
‘แลนด์มาร์คที่เชื่อมต่อได้กับทุกจังหวะของชีวิต’ ให้สะดวกสบายแบบรอบด้าน ทั้งการเดินทาง การอยู่อาศัย การกิน ไลฟ์สไตล์ที่ครบครันบนทำเลติดถนนวิภาวดี พบได้ที่นี่ Landmark at Kasetsart TSH Station
รายละเอียดโครงการ Landmark at Kasetsart TSH Station
ชื่อโครงการ : Landmark at Kasetsart TSH Station
เจ้าของโครงการ : บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน)
ที่ตั้งโครงการ : ถนนวิภาวดีรังสิต , เขตหลักสี่ , กรุงเทพมหานคร
พื้นที่โครงการ : 3-3-62 ไร่
จำนวนยูนิต : 428 ยูนิต และร้านค้า 9 ยูนิต
รูปแบบห้อง : Flexi ห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่โฉนด 25 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยภายใน 38 ตร.ม. Grand ห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่โฉนด 29.5 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยภายใน 44.5 ตร.ม.
ที่จอดรถ : 166 คัน (ที่จอดอัตโนมัติ 135 คัน,ที่จอดปกติ 31 คัน)
ราคาเริ่มต้น : 2.99 ล้าน หรือ 78,000 บาท/ตร.ม.
Floor Plan และพื้นที่ส่วนกลางโครงการ Landmark at Kasetsart TSH Station
การออกแบบโครงการ Landmark at Kasetsart TSH Station จะถูกเรียงยาวไปตามที่ดินที่เป็นแปลงยาวเข้าไป แบ่งออกเป็น 3 อาคาร ซึ่งมีข้อดีคือแต่ละอาคารจะไม่มีการบังวิวกันเองแน่นอน อีกทั้งรอบด้านยังไม่มีตึกสูงในระยะประชิดด้วย
โดยตัวอาคารจะถูกแบ่งเป็น 3 อาคาร ดังนี้ อาคารในสุดเป็นส่วนของคอนโดมิเนียม อาคารตรงกลางเป็นที่จอดรถที่รองรับการจอดได้ 166 คัน (ที่จอดอัตโนมัติ 135 คัน,ที่จอดปกติ 31 คัน) ส่วนอาคารด้านหน้าสุดเป็น Branded Residence (อยู่ระหว่างพัฒนา)
อาคารด้านในสุด อาคาร C เป็นส่วนของอาคารคอนโดมิเนียมที่ทางโครงการเปิดขายห้องอยู่ในขณะนี้ เป็นอาคารที่มีความสูง 19 ชั้น มีห้องพักอาศัยทั้งหมด 236 ยูนิต และยังมีพื้นที่ของ Retail Shop ที่อยู่ชั้นล่างเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้อยู่อาศัยโดยตรง
ด้านหน้าโครงการอยู่ติดถนนใหญ่วิภาวดี พร้อมทั้งยังได้มีทางขึ้น-ลง ทางเชื่อมไปยังรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีทุ่งสองห้อง
พร้อมกับการเปิดรับความร่มรื่นของธรรมชาติในพื้นที่สีเขียวรอบโครงการกับมุม Tropical Paradise ให้ชีวิตได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้นเมื่อเข้ามาในโครงการ
เข้ามาด้านในโครงการเริ่มจากล็อบบี้ที่อยู่ชั้นล่างสุด Elite Lobby เป็นล็อบบี้ที่มีความโอ่โถงด้วยเพดานที่สูงโปร่ง เปิดโล่งรับวิวได้รอบด้าน การตกแต่งภายในล็อบบี้ทั้งหมดตกแต่งด้วยโทนสีขาวเทาชวนให้ดูสะอาดสว่างตาและสวยหรูอย่างมีระดับ เป็นพื้นที่เหมาะแก่การนัดพบปะ พบเจอ
ขึ้นมาดูส่วนกลางหลักๆที่ถูกจัดไว้ชั้นบนสุดของโครงการ เพื่อให้ลูกบ้านสามารถขึ้นมารับลมชมวิวสวยได้แบบรอบด้านไปพร้อมๆกับการใช้พื้นที่ส่วนกลาง
Panoramic Gym พื้นที่ออกกำลังกายขยับเส้นสายร่างกาย ที่เปิดรับชมวิวเมืองได้แบบ Panoramic ชวนให้ออกกำลังกายท่ามกลางวิวสวยได้อย่างมีระดับทั้งการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ และเวทเทรนนิ่ง
Serene Pool & Jacuzzi พื้นที่ของช่วงเวลาผ่อนคลายไปกับสระว่ายน้ำพร้อม Jacuzzi ที่มีระบบ White lon Bath ที่ชวนให้สัมผัสวิวสวยรอบด้านแบบสุดสายตาของชั้นบนสุด
Room Review
Type Flexi ขนาด 25 ตร.ม. (พื้นที่ใช้สอย 38 ตร.ม.)
นับว่าเป็นพื้นที่ของชีวิตที่เพิ่มขึ้นที่ทางโครงการ Landmark at Kasetsart TSH Station ได้ออกแบบห้องพักอาศัยให้เป็นห้องที่มีฝ้าเพดานสูงทั้งหมด ทำให้ไลฟ์สไตล์ของชีวิตคนที่อยู่โครงการนี้จะได้ฟีลเหมือนอยู่บ้านที่มีพื้นที่ใช้สอย 2 ชั้น ที่มีห้องน้ำทั้งชั้นบนและชั้นล่าง รวมไปถึงมี 2 ห้องนอน ที่สามารถปรับห้องอเนกประสงค์ชั้นล่างให้เป็นไปตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย
จากแปลนของห้องแบบ FLEXI จะเห็นว่าเมื่อเข้าห้องไปจะเจอฟังก์ชั่นห้องนั่งเล่น และห้องน้ำก่อน โดยได้เชื่อมต่อไปยังบันไดขึ้นด้านบนของห้อง และด้านล่างยังมีห้องอเนกประสงค์อีก 1 ห้อง ที่สามารถปรับฟังก์ชั่นใช้สอยเพิ่มเติมได้
ความพิเศษของห้องเพดานสูง ที่โครงการ Landmark at Kasetsart TSH Station คือการที่ทางโครงการได้จัดวางห้องน้ำไว้ให้ทั้ง 2 ชั้น โดยชั้นบนจะเป็นห้องน้ำแบบ Power Room ทำให้ตอนกลางคืนไม่ต้องลงมาเข้าห้องน้ำด้านล่าง ถือว่าเป็นการอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตของห้องเพดานสูง ที่แตกต่างแต่ลงตัวมากๆ
ห้องตัวอย่างห้องแรกที่เราจะพาไปชมกัน เป็นห้องแบบ Flexi ขนาด 25 ตร.ม. แต่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยจริงๆถึง 38 ตร.ม. ซึ่งทางโครงการจะมีการตกแต่งห้องพร้อมขายแบบ Fully Fitted ที่ให้เฟอร์นิเจอร์เฉพาะตู้เสื้อผ้า Built-in แอร์ 2 เครื่อง และ Wallpaper พร้อมกั้นห้องชั้นบนตามแบบห้องตัวอย่าง
เมื่อเข้ามาภายในห้องส่วนแรกที่เจอคือพื้นที่ของ Common Area ที่ค่อนข้างสูงโปร่งด้วยเพดานห้องที่สูง 4.15 เมตร โดยในพื้นที่ของชั้นแรกจะมีครบทั้งพื้นที่ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ ห้องอเนกประสงค์ สำหรับพื้นของห้องนั่งเล่นเป็นพื้น Synthetic ที่เป็นกระเบื้องยางคลิกล็อค จะมีข้อดีในเรื่องของการดูแลรักษาที่ทำได้ง่ายกว่า กันน้ำ ทนทานต่อการใช้งาน และมีโทนสีสวยกลมกลืนเป็นธรรมชาติ
พื้นที่นั่งดูทีวีเป็นบริเวณที่ค่อนข้างกว้าง เพราะทางโครงการตัดพื้นที่ส่วนครัวออกไป (Outdoor Kitchen) และได้จัดวางโซฟามาใกล้กับบริเวณระเบียง ที่สามารถมองวิวจากมุมห้องนั่งเล่นได้
ถ้าหากมองตรงไปยังบริเวณระเบียง จะเห็นว่ามีขนาดค่อนข้างกว้าง และทางโครงการยังได้ใส่ประตูบานสไลด์แบบ 3 บาน มีข้อดีคือสามารถเลื่อนเปิดประตูได้กว้างมากขึ้น
นอกจากนี้ยังมีห้องเก็บของขนาดใหญ่ที่บริเวณใต้บันไดขึ้นชั้นบน สามารถเก็บของได้เยอะ
ห้องอเนกประสงค์ที่สามารถจัดฟังก์ชั่นได้ตามไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนที่สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ หรือแม้แต่จะทำเป็นห้องทำงานอย่างที่ทางโครงการได้ทำไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ก็ถือว่าตอบโจทย์ในช่วงยุค Work From Home ได้เป็นอย่างดี
เข้ามาดูที่ห้องน้ำชั้นล่าง จะเป็นห้องน้ำขนาดใหญ่กว่าชั้นบน มีแยกโซนอาบน้ำและสุขภัณฑ์อย่างชัดเจน แต่ในห้องน้ำจริงของโครงการจะไม่มีที่กั้นส่วนเปียกและแห้งให้ อาจจะต้องติดตั้งเพิ่มเอง ทั้งนี้ในส่วนของสุขภัณฑ์ทางโครงการใช้แบรนด์ COTTO และอ่างล้างหน้าแบรนด์ American Standard รวมไปถึงมีชั้นวางของไว้ให้ตามแบบห้องตัวอย่างเลยด้วย
ออกมาด้านหน้าห้องน้ำ เจอบันไดขึ้นไปยังชั้น 2 ที่มีราวกั้นไว้และเป็นบันไดแบบโครงเหล็กใช้ไม้ประสาน ความกว้างของบันไดเดินขึ้นลงได้แบบไม่อึดอัด ราวกั้นนี้ยังสามารถเป็นผนังในการติดตั้งทีวีสำหรับห้องนั่งเล่นได้อีกด้วย
ขึ้นมาที่ชั้นบน จะพบกับห้องนอนหลัก ที่สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต ได้กำลังพอดี ทั้งยังมีประตูบานสไลด์ในการกั้นห้องเพิ่มความเป็นสัดส่วนมากขึ้นด้วย
ทั้งนี้ทางโครงการ ยังได้ให้แอร์ 2 เครื่อง สำหรับห้องพักอาศัย โดยได้ติดตั้งที่ห้องนั่งเล่น 1 ตัว และในห้องนอน 1 ตัว เพื่อจะช่วยให้การประหยัดการเปิดแอร์ได้มากขึ้น หากใช้พื้นที่ห้องนอนในตอนกลางคืนก็สามารถปิดประตูบานสไลด์และเปิดแอร์ในห้องนอนเพียง 1 ตัว ก็เพียงพอแล้ว
จุดเด่นของห้อง Double Volume ที่โครงการคือ มีห้องน้ำชั้นบนให้ด้วย เป็นการตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี
โดยห้องน้ำชั้นบนของห้องเพดานสูง ที๋โครงการ Landmark at Kasetsart TSH Station จะเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room ที่ในห้องน้ำมีอ่างล้างหน้า สุขภัณฑ์ กระจกบานใหญ่ และชั้นวางของไว้ให้ ถือว่าอำนวยความสะดวกสบายในยามค่ำคืนแบบไม่ต้องลุกมาเข้าห้องน้ำชั้นล่าง สำหรับวัสดุปูพื้นในห้องน้ำนั้นจะเป็น Synthetic Floor ที่เชื่อมต่อมาจากห้องนอนแล้ว
เพื่อความสะดวกสบายที่มากขึ้นไปอีก ทางโครงการยังได้ใส่ใจในการ Built-in ตู้เสื้อผ้าแบบบานกระจกไว้ให้เรียบร้อย ข้อดีคือพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างห้องนอนและห้องน้ำมีความเป็นสัดส่วนลงตัว และเป็นพื้นที่ Walk-in Closet ได้พอดี
Type Grand ขนาด 29.5 ตร.ม. (พื้นที่ใช้สอย 44.5 ตร.ม.)
สำหรับห้องอีกแบบของโครงการที่เรียกว่า Grand จะมีแปลนที่ค่อนข้างคล้ายห้องแบบ Flexi แต่จะมีพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า รวมถึงเป็นห้องที่มีเพดานสูง 4.15 เมตร เหมือนกัน
ห้องตัวอย่างต่อไปที่เราจะพาไปชมกัน เป็นห้องแบบ Grand ขนาด 29.5 ตร.ม. แต่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยจริงๆถึง 44.5 ตร.ม. ซึ่งทางโครงการจะมีการตกแต่งห้องพร้อมขายแบบ Fully Fitted ที่ให้เฟอร์นิเจอร์เฉพาะตู้เสื้อผ้า Built-in แอร์ 2 เครื่อง และ Wallpaper พร้อมกั้นห้องชั้นบนตามแบบห้องตัวอย่าง
เมื่อเข้ามาในห้องส่วนแรกที่เจอเป็นพื้นที่ Common Area ขนาดใหญ่ ที่เห็นฟังก์ชั่นรวมภายในห้องได้แบบครบๆ และมีทางขึ้นไปยังชั้น 2 อยู่บริเวณกลางห้อง ฟังก์ชั่นรวมแบบนี้มีความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านได้ดีทีเดียว
พื้นที่ห้องนั่งเล่นจะอยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าห้อง มีขนาดกว้างเพียงพอที่จะวางโซฟาแบบ 3 คน ได้กำลังพอดี และยังมีพื้นที่เพียงพอให้วางโต๊ะทานข้าวขนาด 4 ที่นั่งได้ด้วย ไฮไลท์ของห้องนี้อยู่ที่เพดานห้องที่สูงถึง 4.15 เมตร ทำให้บรรยากาศโดยรวมในห้องดูสูงโปร่งเลยทีเดียว
ถัดมาในส่วนของห้องน้ำ ทางเข้านั้นเชื่อมต่อกับพื้นที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งในห้องน้ำมีขนาดค่อนข้างกว้างและมีการใช้กระเบื้องตกแต่งโทนสีขาวทำให้ห้องน้ำดูสวยหรู และสว่างตา รวมไปถึงยังได้มีการจัดฟังก์ชั่นวางของในห้องน้ำให้ใช้สอยได้อย่างลงตัว และมีการเลือกใช้สุขภัณฑ์ในห้องน้ำแบรนด์ Cotto และอ่างล้างหน้าแบรนด์ American Standard พร้อมชั้นวางของที่ใช้งานได้จริง
ในส่วนของพื้นที่โซนอาบน้ำ แม้ทางโครงการจะไม่ได้ติดตั้งที่กั้นส่วนเปียกส่วนแห้งไว้ให้ แต่สามารถติดตั้งเพิ่มเองได้ และทางโครงการยังได้ให้ฝักบัวที่มีทั้งแบบ Rain Shower และ Hand Shower เลยด้วย
ถ้าหากมองจากฝั่งระเบียงเข้าไปในห้อง จะเห็นว่าระหว่างห้องน้ำและห้องอเนกประสงค์มีบันไดทางขึ้นชั้นบนกั้นกลาง ดูมีสัดส่วนของแต่ละพื้นที่ใช้งานมากขึ้น
ห้องอเนกประสงค์ชั้นล่าง เป็นห้องที่ผู้อยู่อาศัยสามารถจัดปรับฟังก์ชั่นได้ตามไลฟ์สไตล์ โดยทางโครงการได้ออกแบบห้องนี้ให้เป็นห้องนอนชั้นล่างที่วางเตียง 5 ฟุต แล้วยังมีพื้นที่เหลือๆข้างเตียง รวมไปถึงในห้องนอนนี้ยังมีมุมส่องแสงสว่างจากหน้าต่างกระจก เป็นมุมที่มองวิวได้ทั้งยามค่ำคืนและกลางวัน
อีกด้านของห้องอเนกประสงค์ชั้นล่าง ที่ถ้าหากปรับเป็นห้องนอน ยังสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าให้เป็นสัดส่วนได้ด้วย
ออกมาที่ด้านหน้าห้องอเนกประสงค์ จะเชื่อมต่อกับระเบียงได้ โดยพื้นที่ระเบียงของโครงการมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ และเพียงพอที่สามารถทำเป็นพื้นที่ครัวให้เป็นสัดส่วนได้ แต่อาจจะต้องติดตั้งพื้นที่สำหรับทำครัวเพิ่มเติมเอง
นอกจากนี้ทางโครงการยังเลือกใช้ประตูกระจกโฟลต สีชา บานสไลด์แบบ 3 บาน มาติดตั้งที่บริเวณนี้ด้วย ซึ่งจะมีข้อดีคือ ช่วยกรองแสงที่เข้าสู่ตัวห้อง และยังทำให้เปิดประตูสู่ระเบียงได้กว้างมากขึ้น
บันไดทางขึ้นชั้น 2 เป็นแบบโครงเหล็กเสริมความแข็งแรง คงทน
ห้องนอนชั้น 2 มีความเป็นสัดส่วนมากขึ้นด้วยประตูบานสไลด์ที่ปิดกั้นห้อง รวมไปถึงผนังมุมห้องที่เป็นแบบผนังกระจก ทำให้ห้องนอนนี้ค่อนข้างสว่าง โปร่ง เปิดรับแสงได้แบบรอบด้าน หรือถ้าหากอยากเพิ่มความเป็นส่วนตัว สามารถติดตั้งม่านเพิ่มได้
ฟังก์ชั่นที่เชื่อมต่อออกมาจากห้องนอนชั้นบน คือมุมของห้องน้ำแบบ Poerder Room และมีพื้นที่ที่สามารถเป็น Walk-in Closet ได้ เพราะพื้นที่ด้านหน้าห้องน้ำทางโครงการได้ Built-in ตู้เสื้อผ้าและตู้เก็บของไว้ให้อย่างเป็นสัดส่วน และของจริงห้องจริงจะได้ตู้เสื้อผ้าบานกระจกแบบนี้เลยด้วย
ส่วนด้านในห้องน้ำชั้นบน เป็นห้องน้ำแบบ Powder Room ที่มีเพียงสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้า และชั้นวางของ เป็นการอำนวยความสะดวกในยามค่ำคืน หรือเมื่ออยู่ชั้นบน ก็ไม่ต้องขึ้น-ลง บันไดเพื่อเข้าห้องน้ำ
อย่างไรก็ตามโครงการ Landmark at Kasetsart TSH Station ได้มีการตกแต่งห้องพร้อมขายแบบ Fully Fitted โดยจะให้ตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in เครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง วอลเปเปอร์และกั้นห้องชั้นบนตามแบบห้องตัวอย่าง
Location
โลเคชั่นที่แสนสะดวกสบาย ด้วยที่ตั้งอยู่ติดถนนวิภาวดีรังสิต ใกล้ทางด่วน และอยู่ติดรถไฟฟ้าสายสีแดงสถานีทุ่งสองห้อง 0 เมตร ทั้งยังเชื่อมต่อสถานี Interchange ได้ถึง 5 จุด ใกล้ทั้งสถานศึกษาขนาดใหญ่ มหาวิทยาเกษตรศาสตร์ ใกล้โรงพยาบาลวิภาวดี ใกล้แหล่งงาน อาคารสำนักงานใหญ่ๆ SCB ปตท.สำนักงานใหญ่
ด้านหน้าโครงการอยู่ติดทางขึ้น-ลง เชื่อมสู่รถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีทุ่งสองห้อง และยังเป็นรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการเรียบร้อยแล้ว
ถัดเข้ามาที่ถนนพหลโยธิน คู่ขนานถนนวิภาวดีรังสิต ยังเป็นเส้นทางที่มีรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยตัวสถานีที่ถือว่าสะดวกสบายในการเชื่อมต่อเข้าเมือง คือ สถานีมหาวิทยาเกษตรศาสตร์ ห่างกันเพียง 1 สถานี จากสถานีทุ่งสองห้อง
รถไฟฟ้าสายสีเขียวเชื่อมต่อเข้าเมือง ทั้งยังผ่านเมเจอร์รัชโยธิน แหล่งอำนวยความสะดวกสบายทั้งดูหนัง กินข้าว ช้อปปิ้ง
ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษก่อนใคร https://bit.ly/34oLEV7