รูปหน้าปก ESTA BLISS (เอสต้า บลิซ) คอนโดใหม่ใกล้แยกมีนบุรีและสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู เชื่อมต่อการเดินทางแสนสะดวก จาก Asset Wise

[Review] ESTA BLISS (เอสต้า บลิซ) คอนโดใหม่ใกล้แยกมีนบุรีและสถานีรถไฟฟ้าสายสีชมพู เชื่อมต่อการเดินทางแสนสะดวก จาก Asset Wise

ถนนรามอินทรา แขวงมีนบุรี เขตมีนบุรี กรุงเทพมหานคร

Project Info

Esta bliss คอนโด Low Rise ใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู


Esta bliss คอนโด มาพร้อมกับ คอนเซ็ปต์ที่ว่า “เปลี่ยนชีวิตเมืองให้สุข เหมือนอยู่รีสอร์ทตลอด 365 วัน” ด้วยพื้นที่ส่วนกลางกว่าไร่ ที่รายล้อมไปด้วยสวนสวยๆ จะทำให้คุณจะรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ใน รีสอร์ท สไตล์บูติค ที่ทุกๆวันของคุณจะกลายเป็นวันพักผ่อน เชื่อมต่อกับไลฟ์สไตล์ของคนเมือง ด้วยการที่ในอนาคต รถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ จะอยู่ห่างคอนโดเพียง 100 เมตร!



Project Insight

เจาะลึกภาพรวมโครงการ

แปลนของโครงการจะมีลักษณะคล้ายรูปทรง สามเหลี่ยมมุมฉาก มีทั้งหมด 3 อาคาร ทางเข้าอยู่ติดกับถนนรามอินทรา (ทางซ้ายมือของภาพ) อาคาร A จะอยู่ใกล้กับทางเข้ามากที่สุด ถัดเข้าไปจะเป็นอาคาร B ส่วนอาคาร C จะอยู่ตรงข้ามกับ อาคาร A โดยที่มีสระว่ายน้ำกั้นกลาง ซึ่งแต่ละอาคารจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างกัน

อาคารA จะมี ห้องสมุด บริเวณประตูทางเข้าตึก

อารคารB จะมีห้องฟิตเนส และ คาเฟ่

อาคาร C จะมี Lobby (ตอนนี้ใช้เป็นสำนักงานขาย) และ ห้องซาวน่า (สีน้ำตาลด้านขวา ในแปลน)

Esta Bliss Condo เป็นคอนโดแบบ Low rise มีทั้งหมด 8 ชั้น โดยห้องพักจะเริ่มที่ชั้น 2

ทางเข้า-ออกคอนโด จะมีรปภ ตลอด 24 ชั่วโมง ผู้ที่ขับรถเข้าออกต้องใช้คีย์การ์ดทุกครั้ง

เมื่อผ่านป้อมยามมาแล้วบริเวณชั้น 1 ของทั้ง 3 อาคารจะเป็นพื้นที่จอดรถ ทั้งใต้อาคารและกลางแจ้ง ซึ่งสามารถจอดรถได้ 280 คัน (รวมซ้อนคัน) คิดเป็น 44% ของจำนวนห้องพัก

ในหนึ่งช่วงเสาสามารถจอดรถได้จำนวน 3 คัน

พื้นที่จอดรถกลางแจ้งจะอยู่บริเวณด้านหน้าและด้านหลังของ อาคารC

บริเวณที่จอดรถมีทางเข้าตึกได้เลย แต่จะต้องใช้คีย์การ์ดในการเปิดประตู

ทางเดินเข้าอาคาร A และ C จะกั้นกลางด้วยสระว่ายน้ำ บรรยากาศรวมๆ ถือว่าร่มรื่นใช้ได้ แต่ถ้าสาวๆ คนไหนขี้อาย อาจจะรู้สึกว่าไม่ค่อยส่วนตัว เพราะจะมีคนเดินผ่านบริเวณนี้ตลอด

สระว่ายน้ำที่นี่จะมี 2 สระคือสำหรับเด็กและผู้ใหญ่ โดยสระผู้ใหญ่จะอยู่ระหว่างอาคาร AกับC

รอบๆสระก็จะมีเก้าอี้หวายเทียมไว้ให้เอนหลัง พักผ่อน ระหว่างว่ายน้ำ พร้อมกับโต๊ะกลางไว้วางเครื่องดื่มหรือหนังสือสักเล่ม

ระหว่างสระผู้ใหญ่ไปสระเด็กก็จะมีที่นั่งกลางสระ ไว้นั่งพักผ่อน และสามารถสอดส่องหนูๆขณะเล่นน้ำได้อย่างใกล้ชิด

ช่วงตรงกลางระหว่างสระผู้ใหญ่กับสระเด็ก จะมีจุดล้างตัวอยู่หนึ่งจุด ไว้ให้ลูกบ้านได้ล้างตัวก่อนขึ้น ลงสระ

สระสำหรับเด็กจะอยู่ ระหว่างอาคาร B กับ C โดยมีสไลเดอร์อันเล็กๆ หนึ่งอัน ไว้ให้ลูกเล็ก เด็กแดง ได้เล่นสนุกกัน

บวกกับเครื่องเทน้ำอัตโนมัติ แบบที่สวนน้ำต่างๆชอบใช้ อีกหนึ่งเครื่อง

ทางเดินภายในอาคาร จะมีไฟดาวไลค์ตลอดทาง และมีกระจกใสเป็นระยะเพื่อให้แสงสว่างในตอนกลางวันลอดเข้า

นอกจากแสงสว่างแล้ว ยังมีกล้องวงจรปิดและสัญญาณเตือนภัยเป็นระยะๆ

แต่ละอาคารจะมีลิฟท์โดยสาร 2 ตัว และเป็นลิฟต์แบบล็อกชั้น เพื่อความเป็นส่วนตัว

กล่องจดหมาย จะมีเลขห้องติดไว้ชัดเจน เพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวสับสน


สิ่งอำนวยความสะดวกภายในคอนโด


ห้องฟิตเนส

ห้องฟิตเนสจะอยู่ที่ชั้น 2 ของอาคาร B ด้านในดูโอ่โถง ใช้โทนสีขาวกับสีแดงเป็นหลัก มีเครื่องเดินออกกำลังกาย 2 เครื่อง

ถัดไปอีกหน่อยจะมี ลู่วิ่ง 4 เครื่อง , เครื่องปั่นจักรยาน 4 เครื่อง

ด้านในสุดจะเป็นห้องเพาะกาย


Cafe

ในส่วนของคาเฟ่จะอยุ่ใกล้ๆกับห้องฟิตเนส ซึ่งด้านในคาเฟ่จะมีที่นั่งเล่นอ่านหนังสือ และมีโต๊ะพลูไว้ให้เล่นยามว่าง


ล็อบบี้

ล็อบบี้ จะอยู่ที่อาคาร C ซึ่งปัจจุบันใช้เป็นสำนักงานขายของโครงการ

ใช้ประตูกระจกใสกั้นเพื่อความเป็นสัดส่วนระหว่างผู้ที่มาดูโครงการกับลูกบ้าน

ด้านในตกแต่งด้วยโทนสีเทา ดำ มีโต๊ะทำงานตรงกลาง และรอบจะเป็นที่นั่งเล่น นั่งพักผ่อน

ห้องอบไอน้ำจะอยู่ที่ท้ายอาคาร C โดยจะแยกเป็นชาย หญิง

ด้านในห้องอบไอน้ำ จะปูด้วยกระเบื้อง และเป็นที่นั่งยาว 


สิ่งอำนวยความสะดวกบริเวณคอนโด

นอกจาก Amorini (อมอรินี่) ไลฟ์สไตล์ มอลด์ ที่อยู่ใกล้คอนโดเพียง 2 กิโลเมตรแล้ว ยังมี แฟชั่น ไอซ์แลนด์ และ The Promenard แหล่งรวมความบันเทิง สำหรับทุกคนในครอบครัว เพราะมีทั้งร้านอาหาร ร้านค้า โรงภาพยนตร์ ฯลฯ ที่อยู่ห่างออกไปเพียง 6 กิโลเมตรเท่านั้น



ห้องตัวอย่างแบบ One Bedroom Plus

Show room ห้องตัวอย่างแบบ One Bedroom Plus 


Type B3 ขนาด 35.81 ตร.ม


แปลนของห้อง One Bedroom plus หรือจะพูดว่า 2 ห้องนอนก็ได้ ด้วยพื้นที่ขนาด 35 ตร.ม อาจจะดูเล็กไปหากจะทำให้เป็น 2 ห้องนอน แต่ด้วยไอเดียการจัดวางที่ลงตัว ส่งผลให้ห้องแบบนี้ดูน่าสนใจมาก

ภาพแบบ 360 องศาของห้องแบบ One Bedroom plus ที่ดูกะทัดรัดแต่ถือว่าจัดพื้นที่ใช้สอยได้อย่างลงตัว

ประตูห้องจะเป็นลามิเนตลายไม้ ด้ามจับเป็นสแตนเลสแบบโยก มาพร้อมกับ Digital Door Lock ของ Samsung

เวลาเข้าออก ต้องกดรหัสทุกครั้ง ถ้าไม่กดก็ออกไม่ได้ ซึ่งอาจจะยุ่งยากสำหรับคนที่มีแขกมาที่ห้องบ่อยๆ เพราะต้องคอยมากดรหัสให้


โซนนั่งเล่น

เมื่อเปิดประตูเข้าห้อง จะเจอห้องนั่งเล่นขนาดกะทัดรัด ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นห้องนอน โดยใช้กระจกบานเลื่อน กั้นให้เป็นสัดส่วน และดูโปร่ง แทนที่จะผนังเบากั้นให้ทึบ

เมื่อก้าวเข้ามาในห้อง ทางซ้ายมือจะเป็นโต๊ะทานข้าวกับโซฟายาวสำหรับ 2 คน ไว้นั่งเล่นดูทีวี 

ส่วนทางขวามือจะเป็นชั้นวางของกับชั้นวางทีวี

เวลาเปิดประตูเข้าห้องก็ไม่ต้องกังวลว่า บานประตูจะกระแทกกับชั้นวางของเพราะบริเวณพื้นที่ จะมีตัวกันกระแทก (Door Stopper) ติดไว้ให้

ด้านหลังชั้นวางทีวีจะเป็นพื้นที่ครัวและห้องน้ำ

เมื่อยืนอยู่กลางห้องแล้วมองย้อนกลับไปที่ประตูทางเข้า จะเห็นว่าเฟอร์นิเจอร์ที่จัดวางไว้อย่างลงตัว และยังมีพื้นที่ใช้สอยเหลือเฟือ

โต๊ะทานข้าว จะอยู่ชิดประตูทางเข้า ซึ่งก็มีพื้นที่พอสำหรับตั้งโต๊ะแบบ 4 คน แต่ถ้าคนตัวใหญ่ๆอาจจะรู้สึกอึดอัดสักนิด แต่ถ้าเป็นโต๊ะสำหรับ 2 คน คงจะมีพื้นที่มากกว่านี้

เก้าอี้โซฟาที่โครงการให้ จะเป็นผ้าสีครีม ขาอลูมิเนียม ส่วนโต๊ะกลาง และโคมไฟนั้นไม่ได้แถมให้ เพียงแค่วางเป็นไอเดีย

เมื่อนั่งจากโซฟามองตรงไปจะเป็นทางเดินไปห้องนอนที่ 2 ห้องน้ำ และพื้นที่ครัว


ห้องนอน

ภาพ 360 องศาของห้องนอนใหญ่ จะเป็นโทนสีเทาดูสบายตา

กั้นความเป็นส่วนตัวด้วยกระจกบานเลื่อน ขอบอลูมิเนียมสีดำ แต่ถ้าใครต้องการความเป็นส่วนตัวมากๆก็น่าจะติดผ้าม่านเพิ่มภายหลัง

ในห้องนอนก็จะมีที่นอนขนาด 5 ฟุต ด้านข้างติดหน้าต่างจะมีโต๊ะ 1 ตัว ส่วนปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า ชั้นวางของ และ เครื่องปรับอากาศ

ด้านซ้ายของเตียงจะมีพื้นที่แคบกว่าด้านขวา เพราะกระจกบานเลื่อนกินพื้นที่เข้ามา

ระยะห่างจากเตียง(ด้านขวา)ถึงหน้าต่างประมาณ 50 เซนติเมตร ซึ่งสามารถวางโต๊ะได้สบายๆ

ใต้เตียงนอนไม่มีลิ้นชักเก็บของ แต่เนื่องจากเตียงนอนไม่ได้ปิดทึบ จึงสามารถหากล่องหรือลังที่ขนาดพอดี มาใช้เก็บของกระจุก กระจิกได้

หน้าต่างของห้องนอนจะเป็นบานฟิกซ์ไม่สามารถเปิดได้ แต่ด้วยความที่เป็นกระจกบานใหญ่ก็รู้สึกโปร่ง โล่ง ไม่อึดอัด

ปลายเตียงมีชั้นวางทีวี เครื่องเสียง และชั้นลอยตัวที่ดูแล้วสามารถดัดแปลงเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง หรือโต๊ะทำงานก็ได้

บริเวณชั้นวางของก็ทำปลั๊กไว้รอเสียบอุปกรณ์ไฟฟ้าเป็นที่เรียบร้อย

ตู้เสื้อผ้าจะเป็นแบบบิ๊ว อินท์ 2 บาน สูงชิดเพดาน


โซนครัว

ภาพ 360 องศาของส่วนครัวที่อยู่ด้านหลังห้องนั่งเล่น ซึ่งจะหากยืนอยู่บริเวณครัว ทางขวาจะเป็นห้องน้ำ ทางซ้ายอยู่ใกล้จะเป็นห้องนอนเล็กหรือห้องเอนกประสงค์

ชุดครัวจะเป็นแบบบิ๊วส์ อินท์ มาพร้อมกับชั้นเก็บของแบบลอยตัว ไม่มีที่ดูดควันและเตาไฟฟ้าให้ แต่มีหน้าต่างไว้เปิดเพื่อระบายอากาศ

ช่องเก็บของมีในระดับมาตรฐาน ที่สามารถใช้เก็บช้อนซ้อม จานชาม แก้วน้ำ ฯลฯ

อ่างล้างจานเป็นสแตนเลส หลุมเดียว แบบฝังยี่ห้อ VRH


ห้องนอนเล็ก หรือ ห้องเอนกประสงค์

ภาพ 360 องศาของห้องนอนเล็กหรือห้องเอนกประสงค์ที่ดูกะทัดรัด ในห้องจะมีที่นอน ตู้เสื้อผ้า และเครื่องปรับอากาศ

กั้นความเป็นส่วนตัวด้วยประตูบานเลื่อน แบบ 2 บาน

ถ้าจะใช้ห้องนี้เป็นห้องนอนน่าจะหาผ้าม่านมาติดเพิ่มเพื่อความเป็นส่วนตัวมากขึ้น

ถ้าหากใครไม่ต้องการทำเป็นห้องนอน ห้องนี้ก็เหมาะที่จะทำเป็นห้องทำงานหรือสาวๆ จะทำเป็นห้องแต่งตัวก็ดูเหมาะเหมือนกันเพราะมีตู้เสื้อผ้าแล้ว 1 ตู้

ตู้เสื้อผ้าเป็นแบบบิ๊วส์ อินท์ 2 บาน สูงชิดกับเพดาน

ด้านในมีราวแขวนกับลิ้นชักเก็บของไว้ให้

ห้องนี้จะมีประตูแบบผลักออกไปด้านนอกระเบียง โดยจะมีธรณีประตูกั้นสูงราว 10 เซนติเมตร

พื้นที่ระเบียงมีความกว้างประมาณ 50 เซนติเมตร แต่อาจจะใช้พื้นที่ทำอะไรได้ไม่มากนักเพราะอีกด้านเป็นคอมเพรสเซอร์แอร์ ซึ่งดูแล้วน่าจะเหมาะที่จะใช้เป็นพื้นที่ปลูกต้นไม้เล็กๆ ริมระเบียง


ห้องน้ำ

กลับมาดูที่ห้องน้ำกันบ้าง โดยห้องน้ำจะปูพื้นด้วยกระเบื้องสีเทาให้เข้ากับโทนสีห้อง ผนังจะเป็นกระเบื้องสีขาว และในส่วนของฝ้าเพดานห้องน้ำจะเตี้ยกว่าฝ้าเพดานในห้องเล็กน้อย

ประตูทางเข้าจะมีธรณีประตูสูงขึ้นมาจากพื้นห้องประมาณ 10 เซ็นติดเมตร เพื่อกันน้ำไม่ให้กระเด็นออกมาด้านนอก

ห้องน้ำไม่ได้ก่ออิฐบล็อกหรือมีตู้อาบน้ำ เพื่อแยกส่วนเปียกและส่วนแห้ง

ในส่วนของสุขภัณฑ์ ทั้งฝักบัว ก๊อกน้ำ อ่างล้างหน้า ชักโครก จะเป็นของยี่ห้อ American standard เป็นหลัก

ด้านบนฝ้าเพดาน จะมีที่ดูดอากาศอยู่เหนือชักโครกอีก 1 ตัว


ห้องตัวอย่างแบบ One Bedroom

Show room ห้องตัวอย่างแบบ One Bedroom


Type A 2 ขนาด 26.34 ตร.ม.

Layout ของ ห้องแบบ 1 ห้องนอน Type A 2 ขนาด 26.34 ตร.ม. จะเหมือนคอนโดทั่วๆไปคือ เมื่อเปิดประตูออกมา จะเจอกับห้องน้ำหรือส่วนครัวไม่ด้านในก็ด้านหนึ่ง ถัดไปจะเป็นห้องนั่งเล่น และด้านในสุดจะเป็นห้องนอน


ภาพแบบ 360 องศาของห้องขนาด 26.34 ตร.ม

โดยห้องที่เราจะพาไปดูนั้นเมื่อเปิดประตูมา ห้องน้ำจะอยู่ซ้ายมือ ส่วนด้านขวาจะเป็นโซนครัว

เมื่อเดินเข้ามาในห้องแล้ว มองย้อนกลับไปจะเห็นเป็นแบบนี้ พื้นที่ใช้สอยในส่วนครัวถือว่าไม่แคบเกินไป

ชุดครัวเหมือนกับห้อง One bedroom plus คือมีเคาท์เตอร์ , ชั้นเก็บของ และช่องเก็บอุปกรณ์ต่างๆ แบบมาตรฐาน ทั่วๆไป


ห้องน้ำ

ห้องน้ำของห้องแบบ 1 ห้องนอนก็จะเหมือนๆกับห้อง One bed room plus คือใช้กระเบื้องสีเทาที่พื้นและกระเบื้องสีขาวที่กำแพง และไม่มี การแยกพื้นที่เปียกกับพื้นที่แห้ง

ประตูทางเข้าห้องน้ำจะอยู่ตรงข้ามกับเคาท์เตอร์ครัว โดยจะมีธรณีประตูกั้นไม่ให้น้ำในห้องน้ำกระเด็นออกมา

เมื่อเข้าประตูห้องน้ำมา จะเจอกับอ่างล้างหน้าและฝักบัว ซึ่งตำแหน่งฝักบัวจะตรงกับชักโครก เวลาอาบน้ำอาจจะทำให้ชักโครกเปียกได้ หากใครไม่ชอบคงต้องหาผ้าม่านมากั้น


โซนนั่งเล่น

ภาพ 360 องศาของห้องนั่งเล่น จะเห็นว่าเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้นั้นลงตัวกับพื้นที่ที่มีมากๆ

ในห้องนั่งเล่นจะมีโต๊ะทานข้าวแบบ 2 ทีนั่ง ติดกับผนังห้องน้ำ อีกด้านเป็นโซฟาแบบ 2 ที่นั่งติดกับประตูห้องนอน

เนื่องจากผนังห้องน้ำมีส่วนที่เป็นกระจก อาจจะทำให้แขกที่มาเยี่ยมเยียน รู้สึกเกร็งนิดๆ ว่าคนข้างนอกจะเห็นไหม เพราะมันตรงกับชักโครกเป๊ะๆ ทางที่ดีน่าจะหาม่านมาใส่ด้านในห้องน้ำ อีก1 ชั้น เวลาไม่มีแขกก็เปิดรับแสงธรรมชาติ เวลามีแขกมาเยี่ยมก็ปิดเพื่อความเป็นส่วนตัว เวลาเข้าห้องน้ำ

ระหว่างโซนนั่งดล่นกับห้องนอน จะถูกกั้นความเป็นส่วนตัวด้วยกระจกใสแบบบานเลื่อน

เมื่อนั่งบนโซฟามองตรงไปจะมี ชั้นวางทีวีแบบ บิ๊ว อินท์ ที่มีเต้าเสียบติดตั้งรอไว้ให้เรียบร้อยแล้ว หรือถ้าใครทำงานก็ได้ เหมือนกัน


ห้องนอน

ภาพ 360 องศาของห้องนอน จะเห็นว่าเตียงนอนถูกวางค่อนมาทางประตู เพื่อเว้นพื้นที่ใช้สอยด้านที่ติดกับระเบียง

เพื่อเพิ่มความเป็นส่วน น่าจะติดผ้าม่านบริเวณประตูบานเลื่อนเข้าห้องนอน

ที่นอนจะเป็นขนาด 5 ฟุต ใต้เตียงโล่ง สามารถเก็บของได้

ด้านที่ชิดกับหน้าต่างจะมีโต๊ะทำงานให้ 1 ชุด

บริเวณโต๊ะทำงาน เป็นกระจกใสบานใหญ่ สามารถมองออกไปเห็นวิวทิวทัศน์ด้านนอกได้ (ห้องที่รีวิว มองเห็นสระว่ายน้ำ)

ตู้เสื้อผ้าในห้องนอนจะเป็นแบบ บิ๊วส์ อินท์ 2 บาน ด้านในจะมีราวแขวนและช่องเก็บของแบบมาตรฐาน ตรงกลางตู้มีเต้าเสียบให้ 1 จุด

ในห้องนอนจะมีประตูเปิดออกไประเบียงได้ ส่วนด้านบนประตูจะเป็นตำแหน่งที่ติดเครื่องปรับอากาศ

ประตูออกไประเบียงจะเป็นบานเลื่อน 3 ตอน ด้านนอกระเบียงจะมีเต้าเสียบและก๊อกน้ำให้อย่างละ 1 จุด แต่ก็ไม่น่าจะใช้พื้นที่อะไรได้มากเท่าไหร่เพราะ ส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่ของคอมเพรสเซอร์ แอร์ 


Location

ที่ตั้งโครงการ


การเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว


จากใจกลางกรุงเทพฯ สามารถเดินทางไปยัง Esta Bliss คอนโด ได้หลายทาง ทั้งถนนรามอินทรา, รามคำแหง , ถนนเสรีไทย ซึ่งการรีวิวนี้เลือกใช้ ถนนเส้นลาดพร้าว

จากถนนลาดพร้าวขับตรงไปเรื่อยๆ ผ่านบางกะปิ ต่อด้วยถนนเสรีไทย

จากถนนเสรีไทยให้ขับตรงไปอีก 9 กิโลเมตร จะเจอถึงแยกมีนบุรี จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนรามอินทรา กม8

เมื่อเลี้ยวซ้ายแล้ว ให้ขับตรงไปอีกประมาณ 200 เมตร จะเจอคอนโดอยู่ทางซ้ายมือ

ป้ายชื่อคอนโด ติดอยู่ด้านหน้าชัดเจน รับรองหาไม่ยาก

Project Analysis

วิเคราะห์โครงการ


ทำเล : Esta Bliss เป็นโครงการที่อยู่ติดถนนรามอินทรา เวลาจะเดินทางเข้าเมือง ก็สามารถใช้ถนนรามอินทราแล้วเชื่อมต่อกับถนนเส้นอื่นๆได้ทั้ง นวมินทร์ ,เกษตร, พหลโยธิน ฯลฯ แต่ถ้าจะออกนอกเมืองก็วิ่งเส้นรามอินทรา ต่อด้วยวงวงแหวนกาญจนาภิเษก ซึ่งถือว่าสะดวกทั้งขาเข้าและขาออก ไม่ว่าจะรถส่วนตัว หรือรถสาธารณะ อีกทั้งในอนาคตกำลังจะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพู วิ่งผ่านหน้าโครงการ ส่งผลให้การเดินทางไปไหน มาไหนจะสะดวกมากยิ่งขึ้น


สภาพแวดล้อม : ในระยะไม่เกิน 7 กิโลเมตร รอบโครงการมีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ทั้ง Fashion Island, Promanade, แม็กแวลู่ สาขานวมินทร์, Amorini, ตลาดมีนบุรี ฯลฯ จึงถือว่าสภาพแวดล้อมอยู่ในเกณฑ์ที่ดีมาก สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งแบบวัยรุ่นและครอบครัว


แบบห้อง : มี 3 แบบให้เลือก คือแบบ 1 ห้องนอน ,1 ห้องนอนพลัส หรือห้องเอนกประสงค์ และ แบบ 2 ห้องนอน แต่ห้องแบบ 1 ห้องนอนพลัส นั้นถือว่าเป็นตัวเลือกน่าสนใจมากๆ เหมาะทั้งคนที่อยู่เป็นคู่รัก,แบบพี่น้อง หรือจะอยู่คนเดียวแต่มีของเยอะก็ได้ แต่ในส่วนที่ลูกบ้านแต่ละคนจะต้องทำเพิ่ม น่าจะเป็นเรื่องการกั้นพื้นที่แห้ง พื้นที่เปียกของห้องน้ำ ที่ทางโครงการไม่ได้ทำไว้ให้


สิ่งอำนวยความสะดวก : มีครบตามมาตรฐานของคอนโดทั่วไป ทั้งสระว่ายน้ำ , ฟิตเนส , ล๊อบบี้ , สนามเด็กเล่น ,ที่จอดรถ , รปภ 24 ชั่วโมง ฯลฯ แต่อย่างที่บอกไปในตอนแรก ในส่วนของสระว่ายน้ำ หากมีต้นไม้บังสายตา คงจะดีกว่านี้ เพราะคนที่ขี้อายอาจจะรู้สึกเขินๆที่ต้องมาว่ายน้ำแล้วมีคนเดินผ่านไปมา


ราคา : คอนโดราคาเริ่มต้นล้านกว่าๆ ที่มาพร้อมกับ เฟอร์นิเจอร์ Fully Furnished แบบมาตรฐานถือว่าไม่แพง เมื่อเทียบกับโซนนอกเมืองย่านอื่นๆ เพราะด้วยทำเลที่ตั้งนั้น ถือว่าสะดวกสบายในการเดินทางเข้า-ออกเมือง อีกทั้งในอนาคตกำลังจะมีรถไฟฟ้าสายสีชมพูผ่าน จึงถือว่าคุ้มค่าที่จะซื้อเอาไว้

แบ่งปันบทความให้เพื่อนๆของคุณ