[Review] U Delight Rattanathibet (ยู ดีไลท์ รัตนาธิเบศร์) ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง จาก Grand U
ถนนรัตนาธิเบศร์ ตำบลบางกระสอ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี
Review Info
U Delight Rattanathibet (ยู ดีไลท์ รัตนาธิเบศร์) คอนโดมิเนียมพร้อมอยู่โครงการจาก บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด ในราคาน่าประทับใจโดยเป็นโปรเจค คอนโด High Rise สูง 23 ชั้น จำนวน 989 ยูนิต พร้อม Facilities มากมาย แถมยังสะดวกด้วยตำแหน่งที่ตั้งของโครงการ ใกล้กับสถานี ศูนย์ราชการนนทบุรี (MRT สายสีม่วง) ระยะทางเพียง 650 ม.
เจอโครงการดีๆ แบบนี้ เราจึงอดใจไม่ได้ที่จะนำข้อมูลของ U Delight Rattanathibet (ยู ดีไลท์ รัตนาธิเบศร์) มาฝากกัน
Location
ที่ตั้งโครงการ U Delight Rattanathibet (ยู ดีไลท์ รัตนาธิเบศร์)
โครงการ U Delight Rattanathibet (ยู ดีไลท์ รัตนาธิเบศร์) ตั้งอยู่ที่ ถนนรัตนาธิเบศร์ ตำบลบางกระสอ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี ติดกับถนนใหญ่รัตนาธิเบศร์ – งามวงศ์วาน
แผนที่จากโครงการ
โครงการ U Delight Rattanathibet (ยู ดีไลท์ รัตนาธิเบศร์) อยู่ในทำเลที่เรียกว่า กำลังได้รับความสนใจที่จะพัฒนาทั้งด้านการลงทุนและการคมนาคม รอบๆ บริเวณโครงการ เริ่มมีคอนโดมิเนียมยึดพื้นที่ทำเลมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะมีรถฟ้า MRTสายสีม่วงเข้าถึง และจะกลายเป็นแลนด์มาร์กของที่อยู่อาศัยต่อไปในอนาคตอย่างแน่นอน
สำรวจการคมนาคม
- MRT สายสีม่วง
เราสามารถเดินทางจาก คอนโด U Delight Rattanathibet (ยู ดีไลท์ รัตนาธิเบศร์) ไปยังสถานีรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงในระยะทางประมาณ 650 ม. โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ สถานีศูนย์ราชการนนทบุรี
- รถยนต์ส่วนตัว
โครงการจะตั้งอยู่บนถนนรัตนาธิเบศร์ฝั่งขาออก มุ่งหน้าไปยังสะพานพระนั่งเกล้า ส่วนฝั่งขาเข้าเมืองจะไปทางเส้นงามวงศ์วาน ด้วยความที่มีถนนตัดผ่านอยู่หลายสาย อาจจะทำให้การจราจรติดขัดบ้าง แนะนำให้เผื่อเวลาสำหรับการเดินทางในช่วงเวลาเร่งด่วนสักเล็กน้อย
การเดินทาง
วันนี้จะมาแนะนำการเดินทางจาก 2 เส้นทางด้วยกัน
เส้นทางที่ 1
ถนนงามวงศ์วานมุ่งหน้าไปยังถนนรัตนาธิเบศร์โดยผ่านสี่แยกแคราย
เริ่มต้นด้วยเส้นทางที่ 1 ฝั่งถนนงามวงศ์วานมุ่งหน้าไปยังถนนรัตนาธิเบศร์โดยผ่านสี่แยกแคราย
ตั้งต้นจาก_ The Mall _งามวงศ์วาน ซึ่งอยู่ห่างจากตัวโครงการประมาณ 2.5 กิโลเมตร
มุ่งหน้าไปเรื่อยๆ ข้ามแยกพงษ์เพชรมาเล็กน้อย จนเจอกับโรงเรียนกวดวิชาณภัทรศึกษาและ Pantip Plaza ทางขวามือ
ขับรถตรงมาตามเส้นทางเรื่อยๆ จะเจอกับทางพิเศษศรีรัช ให้ขับเลยไป
และเมื่อมุ่งหน้ามาเจอกับสะพานข้ามแยกแครายก็อย่าขึ้น แนะนำให้วิ่งเส้นล่าง เพราะหากขึ้นไปแล้วจะเลยตัวโครงการ ต้องเสียเวลากลับรถกันนานเลยทีเดียว
ตรงมาจนเจอกับแยกแคราย ซึ่งเป็นแยกที่มีถนนติวานนท์ตัดผ่านกับถนนงามวงศ์วาน และเป็นจุดเชื่อมระหว่างถนนงามวงศ์วานและถนนรัตนาธิเบศร์อีกด้วย รอสัญญาณไฟเขียวก็ให้ขับมุ่งตรงไป
เมื่อข้ามแยกแครายมาประมาณ 200 เมตร ก็จะเจอกับตัวโครงการทางฝั่งซ้ายมือให้ชิดซ้ายตรงเข้าไปเลย
และแล้วเราก็มาถึงตัวโครงการ U Delight Rattanathibet (ยู ดีไลท์ รัตนาธิเบศร์) สูง 23 ชั้น ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า
เส้นทางที่ 2
ทางด่วนงามวงศ์วานผ่านสี่แยกแคราย
เส้นทางที่ 2 นี้มุ่งหน้ามาจากทางฝั่งพระราม 9 และใช้ทางด่วนงามวงศ์วานในการเลี่ยงเส้นรถติด โดยค่าบริการทางด่วนอยู่ที่ 15 บาท
หลังจากนั้นให้ชิดซ้ายตามป้าย หากวิ่งไปลงที่แยกพงษ์เพชร – ม.เกษตร ก็จะวกกลับไปวิ่งในเส้นทางที่ 1
หลังจากวิ่งมาได้ประมาณ 1 กิโลเมตรจะเจอกับทางแยก ให้ชิดซ้าย
เมื่อลงจากทางด่วนจะพบกับป้ายบอกทางวิ่งไปยังแยกแคราย ให้วิ่งตามทิศลูกศรไป
มาตามป้ายแล้วจะเจอเส้นทางแบบในรูปวิ่งตามเส้นทางมาเรื่อยๆเลย
ก่อนจะถึงสี่แยกแครายจะเป็นเส้นทางตรงตามถนนงามวงศ์วาน
เมื่อเจอสะพานข้ามแยกแครายให้เลี่ยงวิ่งเส้นล่าง เพราะทางลงของสะพานจะอยู่เลยไปจากที่ตั้งโครงการ
ตรงนี้จะเป็นสี่แยกแคราย โดยมีถนนติวานนท์ตัดผ่านระหว่างถนนงามวงศ์วานและถนนรัตนาธิเบศร์
และเมื่อผ่านแยกแครายมาประมาณ 200 เมตรก็จะพบกับที่ตั้งโครงการ U Delight Rattanathibet (ยู ดีไลท์ รัตนาธิเบศร์)ทางซ้ายมือ
Insight
เจาะลึกภาพรวมโครงการ
U Delight Rattanathibet (ยู ดีไลท์ รัตนาธิเบศร์)
ก่อนอื่นเรามาดูผังอาคารกันก่อน ผังอาคารชั้น Ground Floor แบ่งออกเป็นส่วนของห้องพักจำนวน 24 ยูนิต ซึ่งวางตัวอยู่ในฝั่งทางทิศใต้ และเป็นส่วนของFacilities อย่างอาคารจอดรถ, ร้านค้าและโถงรับรองทางฝั่งทิศเหนือของอาคาร
ขึ้นมาถึง 3-6 Floor จะมีห้องอยู่แค่ทางทิศใต้และจะมีการเว้าชวงตึกเป็นตัว U ทางทิศตะวันออกของห้องพักเพื่อทำให้เห็นพื้นที่สวน ชั้นนี้มีประมาณ 24 ยูนิต ก็ถือว่ากำลังพอดี
8 Floor จะมีฟิตเนส สระว่ายน้ำ สตรีมและซาวน่าอยู่บนชั้นนี้ เป็นชั้นที่เรียกได้ว่ารวบรวมเอาพื้นที่ส่วนกลางหลักไว้ ซึ่งสะดวกสบายสำหรับคอนโด High rise ที่ลงมาใช้บริการส่วนกลางได้โดยไม่ต้องลงไปถึงชั้นล่าง มีห้องพักอาศัยทั้งหมด 48 ยูนิต
สำหรับ 9
–
23 Floor จะเป็นส่วนของห้องพักเป็นหลัก มีห้องพักอยู่ประมาณ 50 ยูนิต/ชั้น ซึ่งค่อนข้างจะหนาแน่นอยู่สักหน่อยเมื่อเทียบกับจำนวนลิฟต์ที่มีให้เพียง 4 ตัว
ดูผังอาคารไปแล้ว มาดูผังห้องกันบ้างที่นี่แบ่งลักษณะของห้องออกเป็นฝั่ง North Wing
และ South Wing
เริ่มต้นเจาะลึกสถานที่จริงของโครงการ U Delight Rattanathibet (ยู ดีไลท์ รัตนาธิเบศร์) หนึ่งในคอนโดจากค่าย
Grand U
เป็นคอนโดแบบ
High Rise
สูง 23 ชั้น 989 ยูนิต ตัวอาคารทาสีเทาอ่อน ติดโลโก้คำว่า
U Delight
สีเขียวเอาไว้ทางด้านหน้าของตึก
รอบๆตึกมีการปลูกต้นไม้ไว้ให้ความร่มรื่น
จากปากทางเข้าอาคารที่เป็นซุ้มรปภ. คอยดูแลความปลอดภัยด้านหน้าอาคาร และมีทางเท้ายกสูงไว้ให้เดินเข้าไป
ที่นี่ปลอดภัย หายห่วงด้วยระบบการแสกนคีย์การ์ดของรถที่เข้า-ออก
ใต้อาคารด้านหน้าโครงการมีร้าน 7-11 และตู้
ATM
ของธนาคารออมสินคอยให้บริการ
ผ่าน 7-11 มาจะเป็นทางเดินทอดตัวยาวไปยังส่วนของโถงรับรองของโครงการ ทางฝั่งซ้ายมือเป็นที่จอดรถ
ด้านขวามือของทางเดินจะมีพื้นที่สำหรับให้เช่าเปิดร้านได้ด้วย
รวมถึงร้านซัก อบ รีด ก็มีเปิดให้บริการ
สำหรับสาวๆ ที่ชอบเข้าร้านเสริมสวยก็ไม่ต้องไปไหนไกล ที่นี่มีร้านบิวตี้ ซาลอนเปิดให้บริการด้วยเช่นเดียวกัน
ทางโครงการมีการทำทางลาดไว้สำหรับรถเข็นผู้ป่วย รถขนของไว้ให้ด้วย
และก่อนถึงส่วนของโถงรับรองก็จะมีห้องนิติบุคคลรวมทั้งสำนักงานขาย แวะเข้าไปสอบถามรายละเอียดต่างๆกันได้เลย
มุมนี้จะเป็นมุมมองย้อนกลับไปจากฝั่งทางเข้า ซ้ายมือที่เป็นห้องกระจกจะเป็นห้องนิติบุคคล ขวามือจะเป็นที่จอดรถ ส่วนถ้าอาคารจอดรถจริงๆจะต้องเลี้ยวซ้ายไปตามทาง
Drop off
ซึ่งเราจะพาไปชมกันก่อนจะเข้าสู่โถงรับรอง
สำหรับอาคารจอดรถจะเป็นอาคารที่ให้จอดเฉพาะรถที่มีสติกเกอร์เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย และความสูงจากพื้นถึงเพดาน คือ 2.10 เมตร
ทางขึ้นอาคารจอดรถ (มีทั้งหมด 5 ชั้น) จำนวนที่จอดรถคิดเป็น 50
%
รวมการจอดแบบซ้อนคัน
เดินอ้อมมานิดจะเป็นทางวนรถออกจากตัวโครงการ ด้านขวาเป็นลานจอดจักรยานยนต์
ใต้ทางขึ้นอาคารจอดรถมีห้องซักล้างและตู้กดน้ำแบบหยอดเหรียญให้
กลับมายังโถงรับรอง เมื่อผ่านประตูกระจกเข้ามาจะเห็นประชาสัมพันธ์ทางฝั่งขวามือก่อนเป็นอันดับแรก และเมื่อมองตรงยาวเข้ามาจะเป็นส่วนของสวนขนาดใหญ่ของโครงการ (มุมนี้เป็นมุมถ่ายจากฝั่งสวนของโครงการ)
จากทางเข้าโถงรับรองมองไปทางฝั่งขวาจะเป็นส่วนของที่นั่งรับรอง ที่นี่เน้นความเป็นธรรมชาติจึงไม่มีการติดแอร์ เป็นแบบ
Open Air
ยกเพดานสูงแทนทำให้โถงรับรองทั้งสว่าง และได้รับลมธรรมชาติ อากาศจึงถ่ายเทได้ดี
เดินออกมาจากโถงรับรองผ่านบันไดลงมาก็จะเป็นสวนส่วนกลางของโครงการ จากมุมนี้สามารถมองเห็นห้องสมุดที่อยู่บนชั้น 2 ได้ด้วย สำหรับสวนส่วนกลางของที่นี่มีการปูหญ้าสนาม และทำทางเดินไปรอบๆ รวมทั้งปลูกต้นไม้ใหญ่ให้ความร่มรื่น
เงยหน้ามองด้านบนกันหน่อย จะเห็นว่าอาคารจะเว้าเป็นรูปตัว
U
ทำให้ห้องชั้นล่างๆ เห็นสวนได้ชัดเจน เรียกได้ว่าสัมผัสกับธรรมชาติได้ง่ายๆ เหมือนมีสวนขนาดใหญ่เป็นของตัวเอง
ด้านข้างอาคารทางโครงการก็ไม่ลืมที่จะเพิ่มเติมพื้นที่สีเขียวให้ดูสบายตา พร้อมทำทางเท้าไว้ให้เดินชมธรรมชาติรอบๆอาคารให้ด้วย
กลับเข้ามายังส่วนโถงรับรองอีกครั้ง นอกจากจะมีพื้นที่ให้นั่งเล่นแบบนี้แล้ว โถงรับรองยังมีประตูเชื่อมกับที่พักอาศัยชั้นล่างและโถงลิฟต์ รวมทั้ง
Mail Box
ซึ่งอยู่ด้านหลังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์
พื้นที่
Mail Box
จะปูด้วยหญ้าเทียมสีเขียว ส่วนตู้รับจดหมายก็เป็นไม้สีอ่อน แปะเลขห้องด้านหน้าตู้ ดูเป็นสัดส่วนดี
ประตูทางเข้าของชั้นล่าง จะอยู่ติดกับ
Mail Box
ประตูเป็นบานกระจกแบบเปิดคู่
ระบบรักษาความปลอดภัยที่นี่อยู่ในระดับที่ดีมาก เพราะทางเข้าจะต้องแสกนบัตรเข้าไป
เราเลือกที่จะเข้ามาในส่วนของโถงลิฟต์ก่อนเป็นอันดับแรก (อยู่ฝั่งตรงข้ามกับส่วนนั่งเล่นของโถงรับรอง) ประตูนี้ก็ต้องใช้บัตรแสกนเข้า-ออก เหมือนกับประตูชั้นล่าง
นี่คือโถงลิฟต์ของทางโครงการ มีลิฟต์ให้บริการอยู่ทั้งหมด 4 ตัว
หน้าตาของปุ่มกดชั้นของลิฟต์
ภายในลิฟต์ก็ดูกว้างขวางดี มีกล้องวงจรปิดภายในลิฟต์ทุกตัว
ลิฟต์เป็นแบบล็อกชั้น ต้องสแกนบัตรก่อนถึงจะกดชั้นได้ เพิ่มความปลอดภัยให้คนในโครงการอีกชั้นหนึ่ง และเรากำลังจะพาทุกคนไปยังชั้น 2 เพื่อสำรวจ
Facilities
ต่อ
เมื่อลิฟต์เปิดออกมาก็เจอกับชั้นแยกประเภทขยะ ซึ่งมีแบบนี้ทุกชั้น ถือเป็นเรื่องดีๆ ที่ทางโครงการ
U delight
รัตนาธิเบศร์ ทำเพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม
เดินจากโถงลิฟต์มาทางซ้ายมือจะเจอกับห้องประขุมของโครงการ ด้านในมีโต๊ะยาวและเก้าอี้ไว้รองรับสำหรับการประชุม
พร้อมไวท์บอร์ดสำหรับจดเนื้อหาให้ด้วย
ติดกับห้องประชุมก็มีห้องน้ำแยกชาย-หญิง ของส่วนกลางไว้คอยให้บริการ
เดินตรงไปตามทางเดินจนสุดทาง จะพบกับประตูไม้บานใหญ่ นี่คือ ห้องสมุดของโครงการ หากใครต้องการใช้บริการก็อย่าลืมพกบัตรมาแสกนเพื่อเข้าไปด้านใน
เปิดประตูบานใหญ่เข้ามาในห้องสมุด ส่วนแรกจะเป็นส่วนของชั้นหนังสือ ลักษณะเป็นเกาะตรงกลาง วางหนังสือมาให้หลายเล่ม หลายหมวดทีเดียว
เดินเข้ามาในประตูอีกชั้นด้านขวามือ จะเป็นส่วนของที่นั่งอ่านหนังสือรวมกับเก้าอี้สำหรับทำงาน
มี day bed พร้อมปลั๊กไฟสำหรับลูกบ้านที่ต้องการเอกเขนกอ่านหนังสือหรือทำงาน ไปพร้อมกับชมวิวสีเขียวนอกหน้าต่าง
มาดูภาพแบบ 360 องศากันบ้างจะเห็นว่า ทางโครงการจัดพื้นที่สำหรับอ่านหนังสือไว้เยอะพอสมควร ทั้งโซฟายาวสีเหลือง โซฟาติดผนังกับโต๊ะกลมไว้สำหรับทำงาน หรือโซฟาแบบนั่งเอนติดกับสวน นั่งชมวิวไปอ่านหนังสือไปก็ดู
สุนทรีย์ไปอีกแบบ
ขึ้นลิฟต์ต่อ มากันที่ชั้น 8 แหล่งรวม
Facilities
ส่วนกลางไว้หลายอย่างไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ
,
ห้องฟิตเนส
,
จุดชมวิว ห้องสตรีม
และ ห้องซาวน่า รวมถึงห้องพักประมาณ 48 ยูนิต และนี่เป็นสิ่งแรกที่เราเห็นคือสระว่ายน้ำของโครงการ
ตามทางเดินรอบสระจะปูพื้นด้วยแผ่นหิน ตัวสระว่ายน้ำเป็นสระกลางแจ้งระบบเกลือ แบบ
Infinity Edge Pool
ขนาด
5 x 27
เมตร ลึก
1.2
เมตร
ตรงจุดนี้น่าเสียดายอยู่นิดคือ ด้านยาวของสระดันมีห้าง
Every Mall
บดบังทัศนียภาพไปบางส่วน
ริมสระมีศาลาและเก้าอี้ไว้ให้เอนกายพักผ่อน นอนมองผืนน้ำและวิวรอบๆ
ด้านข้างสระว่ายน้ำจะมีจุดล้างตัวมาให้
1
จุด ซ้ายมือจะเป็นบันไดขึ้นไปจุดชมวิว ด้านขวามือเป็นทางเดินลงไปห้องฟิตเนส
ห้องซาวน่า และห้องสตรีมของโครงการ
จุชมวิวด้านบนปูด้วยหญ้าเทียม มีชุดเก้าอี้ให้นั่งเล่น ชมวิว 3 จุด รอบด้านกั้นด้วยรั้วและพุ่มไม้
วิวที่เห็นก็เป็นตึกรามบ้านช่องให้บรรยากาศคนเมือง แต่ก็มีพื้นที่สีเขียวแซมอยู่บ้าง
ลงมาจากจุดชมวิวก็มาต่อกันในส่วนของฟิตเนส ห้องสตรีม และห้องซาวน่า ซึ่งตั้งอยู่ทางด้านล่างของโถงที่เรียกว่า
Sunken Courtyard
ภาพรวมๆของฟิตเนสเป็นรูปตัว L มีพื้นที่กว้างมากพอที่จะใส่อุปกรณ์เพิ่มได้อีกหลายตัว และดูโปร่งด้วยการติดกระจกไว้รอบห้อง
เครื่องเล่นชิ้นแรกเป็นเครื่องเพาะกาย ตั้งอยู่หน้ากระจกเงาบานใหญ่ ซึ่งเครื่องนี้น่าจะไปอยู่อีกฝั่งมากกว่า เพราะอีกฝั่งยังมีพื้นที่เหลือเยอะ และกระจกน่าจะเหมาะกับคนที่เล่นโยคะ หรือเต้นแอโรบิก
อีกฝั่งมีลู่วิ่งไฟฟ้ามาให้ 2 เครื่องและเครื่องปั่นจักรยานมาให้ 4 เครื่อง
โซนนี้มีเบาะซิทอัพ และดัมเบลขนาดตั้งแต่ 5-30 กิโลกรัม ดูแล้วจะเป็นขนาดที่เกินกำลังของผู้หญิงไปสักหน่อย
ใกล้กันกับห้องฟิตเนสจะเป็นห้องสตรีมและห้องซาวน่าแยกชาย-หญิงให้
เข้ามาสำรวจในห้องฝั่งชาย ด้านขวาเป็นโถปัสสาวะ ด้านหน้ามีอ่างล้างมือฝังลงบนเคาน์เตอร์ และติดกระจกเงา
ฝั่งขวามือของห้องจะเป็นส่วนของห้องน้ำและห้องอาบน้ำ
ก่อนเข้าใช้บริการก็อย่าลืมอ่านกฎระเบียบกันสักเล็กน้อย
ด้านซ้ายมือจะแบ่งเป็นห้องสตรีม 1 ห้อง(ขวา) และห้องซาวน่า 1 ห้อง (ซ้าย)
1 BR Couple 30 Sq.m.
ห้องตัวอย่าง 1 ห้องนอน ขนาด 30 ตารางเมตร
เข้ามาในส่วนของห้องพักก็เจอกับโถงทางเดินกว้างๆ ติดไฟดาวน์ไลท์ ในภาพอาจจะดูสว่าง แต่จริง ๆ แล้วจะสลัวเล็กน้อย โถงทางเดินมีสริงเกอร์ เครื่องตรวจจับควัน และกล้อง CCTV
ห้องตัวอย่าง : 1 BR Couple 30 Sq.m.
เริ่มต้นกันกับ 1 ห้องนอนขนาด 30 ตร.ม. พร้อมชุดครัว
,
เครื่องปรับอากาศ
,
สุขภัณฑ์และเฟอร์นิเจอร์
Built-in โครงการขาย
แบบ
Fully Furnished
ประตูห้องเป็นประตูไม้สีขาวเซาะร่องทำเป็นลาย ด้ามจับเป็นแบบก้านโยกสเตนเลสสีเงิน ตัวล็อกเป็นแบบหมุนล็อก 2 ชั้น
ที่ประตูมีติดตาแมวไว้เพื่อความปลอดภัย
เปิดเข้ามาในห้องทางขวามือจะมีตู้เก็บของแบบ
Built-in
สูงจรดเพดาน บานประตูเป็นกระจกเงา ใช้เก็บได้ทั้งของใช้และรองเท้าได้
ภาพรวมของห้องแบ่งเป็นสัดส่วน เริ่มจากโซนห้องนั่งเล่น ห้องน้ำอยู่ฝั่งขวามือ ติดกับห้องน้ำเป็นห้องนอน มองเลยห้องนั่งเล่นไปเป็นโซนห้องครัว โดยมีประตูบานเลื่อนเปิดไปริมระเบียงได้
จะเห็นว่าพื้นภายในปูด้วยไม้ลามิเนต เพดานสูง 2.6 ม. ติดหลอดไฟดาวน์ไลท์ตามที่เห็น
ในส่วนของห้องนั่งเล่นจะเป็นส่วนรวมกันของห้องนั่งเล่น ห้องทำงานและห้องทานอาหาร โดยมีโต๊ะอเนกประสงค์ตั้งอยู่ชิดริมผนัง จะใช้สำหรับทำงานหรือทานอาหารก็ได้
ชุดโต๊ะและเก้าอี้แบบที่โครงการให้มา ตัวหนึ่งจะเป็นเก้าอี้เบาะติดผนังมีลิ้นชักไว้สำหรับใส่ของด้านใต้ อาจจะเว้นระยะโต๊ะออกมาสักหน่อยเพื่อให้เข้า-ออกจากเก้าอี้ได้สะดวก
หน้าตาของปลั๊กไฟภายในห้อง
ยี่ห้อ
Schneider
โซฟาที่ให้มาเป็นโซฟา 2 ที่นั่งพร้อมโต๊ะ ระยะห่างจากตัวโซฟาถึงทีวีประมาณ 2.5 เมตร สามารถวางทีวีได้สูงสุดถึงขนาด 50 นิ้ว
ชั้นวางทีวีหน้าตาแบบนี้มีลิ้นชักสำหรับใส่ของ
ด้านหลังชั้นมีปลั๊กไฟให้อีก 1 จุด
มาดูห้องน้ำกันบ้าง มีการยกธรณีประตูสูงจากพื้นห้องประมาณ 5 เซนติเมตร ประตูเป็นประตูสีขาว ลูกบิดแบบหมุน
ส่วนพื้นเป็นกระเบื้องขนาด 30
x
30 เซนติเมตร
เวลาเปิดประตูต้องระวังกันหน่อย เพราะลูกบิดประตูอาจจะกระแทกกับประตูบานเลื่อนจนเสียหายได้
พื้นที่ในห้องน้ำแยกเป็นส่วนแห้งกับส่วนเปียก ในส่วนพื้นที่แห้ง ผนังห้องเป็นแบบฉาบเรียบทาสี ด้านขวาเป็นโถสุขภัณฑ์และราวแขวนผ้าเช็ดตัวด้านบน ส่วนมองตรงไปด้านหน้าจะเป็นอ่างล้างหน้าและกระจกติดผนัง
อ่างล้างมือเป็นอ่างอะคริลิคขึ้นรูปของ
Charmer
มีพื้นที่สำหรับวางของด้านข้างอ่าง
หน้าตาของโถสุขภัณฑ์เป็นของ
American Standard
ด้านบนเป็นราวแขวนผ้าเช็ดตัวทำจากสเตนเลส
หน้าตาของสายชำระที่ได้เป็นสีขาวของ
Hoy
บนฝ้าติดไฟดาวน์ไลท์และมีตัวระบายอากาศติดไว้ให้
มาถึงส่วนเปียกกันบ้าง มีการยกธรณีขึ้นสูงกันแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งออกจากกัน
ประตูกั้นเป็นบานเลื่อน 3 ตอนแบบกระจกฝ้า
ฝักบัวเป็นแบบติดกับผนัง ถืออาบของ VRH
พร้อมที่วางสบู่มาให้ข้างๆกัน แต่ในส่วนเปียกไม่มีราวแขวนผ้า อาจจะต้องติดเพิ่มเติมเอง
กำแพงของส่วนเปียกปูด้วยกระเบื้อง เช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่าย
ภาพโดยรวมของห้องน้ำก็ถือว่าขนาดกำลังพอดี
ย้ายมาดูส่วนครัวกันบ้าง สำหรับครัวเป็นแบบปิด หมดปัญหาเรื่องกลิ่นอาหารลอยไปติดเฟอร์นิเจอร์ มีประตูเข้า-ออกเชื่อมระหว่างห้องนั่งเล่น-ห้องครัว-ระเบียง
ประตูกั้นระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องครัวเป็นประตูบานเลื่อนแบบสามตอนเปิดได้ทางเดียว ทำให้ประตูสามารถเปิดออกได้กว้างมากขึ้น
มุมนี้จะเห็นว่าโซฟาขวางทางประตูเล็กน้อยทำให้ไม่สะดวกนักเวลาเดิน พื้นครัวปูด้วยกระเบื้องขนาด 60
x
60 ซม.
เข้ามาในครัว จะเห็นอ่างล้างจานของ
Hafele
แบบ
Built-in
ตัวอ่างเป็นสเตนเลสค่อนข้างเล็ก มีที่พักจานให้ด้านข้าง ส่วนด้านบนอ่างเป็นราวแขวนอุปกรณ์ทำครัว ด้านข้างเป็นตู้เย็นขนาด10.4 คิวบิกฟุตหรือวางขนาดที่ใหญ่กว่านี้ก็ยังเหลือพื้นที่ให้วางได้
**
**
ตรงข้ามเคาน์เตอร์อ่างล้างจานจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวแบบ
Built-in
ส่วนท็อปเป็นลามิเนตลายไม้ มีปลั๊กไฟให้ที่มุมเคาน์เตอร์ เตาเป็นเตาไฟฟ้า 2 หัวยี่ห้อ MEX และเครื่องดูดควันแบบปล่อยออกของ
MEX
ด้านล่างมีช่องใส่ไมโครเวฟและลิ้นชักเก็บช้อนส้อม ด้านบนเป็นชั้นลอยใช้เก็บของ
บนฝ้ามีการติดเครื่องตรวจจับควันไฟและสปริงเกอร์ให้ในยามเกิดเพลิงไหม้ ความจริงติดให้แบบนี้ทุกส่วนของห้อง
เดินผ่านห้องครัวเป็นส่วนของระเบียง ประตูเป็นแบบบานเลื่อนคู่ ที่จับเป็นแบบเซาะร่องกรอบอะลูมิเนียม มีการ
ยกธรณีประตูสูงขึ้นมาประมาณ 5 ซม.กันน้ำฝนได้ดี
ที่ระเบียงจะแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ขนานกับระเบียง พร้อมกริลไว้เปลี่ยนทิศของลมร้อน ติดระแนงบังไว้ด้านนอก ใช้ตากผ้าในวันที่ไม่มีแดดได้
พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องขนาด 30
x
30 ซม. มีราวเหล็กเป็นราวระเบียง
มีไฟดาวน์ไลท์ให้ความสว่างอยู่ที่มุมระเบียงอยู่ 1 ดวง
เข้ามาดูห้องนอนกันบ้าง ในห้องนอนจะมีเตียง ชั้นวางทีวี ตู้เสื้อผ้าแบบ
Built-in,
แอร์ และโต๊ะเครื่องแป้ง
ส่วนของเตียงนอนเป็นเตียงขนาด 5 ฟุต มีการทำชั้นวางของให้ใช้สอยบนหัวเตียง
ใต้เตียงเองก็มีลิ้นชักไว้สำหรับเก็บของเพิ่มเติม
ข้างหัวเตียงฝั่งขวามือมีโต๊ะเครื่องแป้งแบบ
Built-in
พร้อมเก้าอี้และปลั๊กไฟ 1 จุด
ติดกับโต๊ะเครื่องแป้งก็มีตู้เสื้อผ้า
Built-in
ฝังเข้ากับผนัง ประตูเป็นบานเลื่อน 2 ทาง ด้านในมีลิ้นชัก ราวแขวนชุด และช่องเก็บของด้านบนมาให้
ฝั่งหน้าเตียงเองก็มีชั้นวางทีวี ระยะห่างจากเตียงอยู่ที่ 70 ซม. เดินผ่านไปยังหน้าต่างได้สบายๆ ไม่คับแคบ
ด้านซ้ายของหัวเตียงมีพื้นที่ว่างไว้สำหรับวางเฟอร์นิเจอร์หรือโคมไฟเพิ่มเติม พร้อมปลั๊กไฟให้อีก 1 จุด
หน้าต่างเป็นหน้าต่างเต็มความกว้างของผนัง มีการใช้กระจกแบบเข้ามุมทำให้ห้องดูกว้างมากขึ้น และด้านล่างเป็นกระจกบานฟิกซ์ ด้วยหน้าต่างแบบนี้จะทำให้ห้องได้รับแสงสว่างจากธรรมชาติอย่างเต็มที่ ในส่วนของการปิดเปิดจะเป็นหน้าต่างบานเลื่อน ซึ่งเลื่อนได้ 2 ทาง
ในห้องนอนเองก็มีการติดไฟดาวน์ไลท์ สปริงเกอร์ และที่ตรวจจับสัญญาณควันไฟ และมีการติดตั้งแอร์ให้ เป็นแอร์ขนาด 12000 บีทียู ซึ่งห้องขนาด 30 ตร.ม.นี้จะติดแอร์ไว้ในห้องนั่งเล่น 1 ตัวและห้องนอนอีก 1 ตัว
1 BR Deluxe 40.5 Sq.m.
ห้องตัวอย่าง 1 ห้องนอน ขนาด 40.5 ตารางเมตร
ห้องตัวอย่างห้องที่ 2 เป็นแบบ 1 ห้องนอนเช่นเดียวกันแต่มีขนาด 40.5 ตร.ม. โครงการขายแบบ
Fully Furnished
ห้องนี้ด้ามจับประตูเป็นแบบก้านโยกสเตนเลสสีเงิน
ตัวล็อกเป็นแบบ 2 ชั้นเช่นเดียวกับห้องแรก
ดูแข็งแรงและแน่นหนาดี
หน้าตาของสวิตซ์และปลั๊กไฟเป็นของยี่ห้อ
Schneider
ลักษณะของผังห้องก็เริ่มจากห้องนั่งเล่นซึ่งรวมอยู่ในส่วนของพื้นที่การทำงานและพื้นที่ของการรับประทานอาหารด้วย ด้านซ้ายเป็นห้องน้ำและห้องครัว เชื่อมต่อกับส่วนระเบียงทางด้านหลัง ด้านขวาจะเป็นส่วนของห้องนอนและ
Walking in Closet
มองเข้ามาในห้องทางฝั่งซ้ายมือจะเห็นตู้เก็บของ
Built-in
เหมือนกันกับห้องแรก ซึ่งตู้จะอยู่ติดกับประตูห้องน้ำ
ส่วนแรกที่เข้ามาจะเป็นส่วนของห้องนั่งเล่น ด้านขวาจะวางโซฟาสีเทาแบบ 2 ที่นั่งพร้อมโต๊ะเข้าชุดกัน มองเยื้องไปทางขวาจะเป็นห้องนอน และมองตรงไปจะเป็นส่วนของโต๊ะอเนกประสงค์ไว้สำหรับทำงานหรือนั่งทานอาหารก็ได้
จะเห็นว่าพื้นที่ใช้สอยในห้องนั่งเล่นมีมากขึ้นกว่าห้องแรก ปูด้วยพื้นลามิเนตลายไม้สีเข้ม ระยะห่างของโซฟาและทีวีกว้างมากพอจะวางทีวีขนาด 40- 50 นิ้วได้สบายๆ
ส่วนของชั้นวางทีวีมีช่องให้วางหนังสือ ด้านล่างเป็นลิ้นชักเก็บของ ส่วนด้านบนมีชั้นไม้แบบ
Built-in
ให้วางของตกแต่งเพิ่มเติม
ชิดติดกับโซฟาก็มีตู้บานเปิดแบบคู่ตั้งอยู่ ด้านบนก็มีชั้นวางของแบบ
Built-in
มุมนี้เป็นมุมนั่งเล่นได้อีกมุม จะใช้ทำงาน หรือสังสรรค์&ดินเนอร์ก็ได้ ทางโครงการจะให้โต๊ะลายไม้ 1 ตัวเก้าอี้ 2 ตัวแบบนี้เลย
มุมมองจากโต๊ะนี้จะเห็นว่า ห้องนั่งเล่นเองก็มีประตูบานเลื่อนเปิดออกไปสู่บริเวณระเบียงได้ หรือเลือกจะเดินผ่านห้องครัว ซึ่งก็มีประตูเชื่อมไปยังระเบียงก็ได้เหมือนกัน
เปิดประตูออกมาดูระเบียงกัน ระเบียงของที่นี่ค่อนข้างกว้าง ปูด้วยกระเบื้อง 30
x
30 ซม. มีราวกันตก และไฟดาวน์ไลท์ให้ 2 ดวง
มีการแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้เหมือนกับห้องแรก ติดระแนงบังไว้ด้านนอก พร้อมกับมีท่อระบายน้ำมาให้เหมือนกัน
เปิดประตูกลับเข้ามาดูในส่วนของห้องครัวกันบ้าง ครัวจะเป็นครัวแบบปิด มีประตูเปิดได้จากฝั่งห้องนั่งเล่นและระเบียง ทำให้ถ่ายเทอากาศได้ดี พื้นครัวจะปูด้วยกระเบื้องขนาด 60
x
60 ซม. วัสดุเหมือนกับห้องแรกแต่แตกต่างกันตรงการจัดวางและรูปแบบของเคาน์เตอร์ครัว
เคาน์เตอร์ครัวเป็นรูปตัว
L
ด้านบนเป็นชั้นลอยสำหรับใส่ของ ชั้นล่างมีเตาไมโครเวฟ และพื้นที่เก็บของเพิ่มเติม วัสดุท็อปเป็นลามิเนตลายไม้ อ่างล้างจานและก๊อกน้ำเป็นของ
Hafele
ส่วนเตาไฟฟ้าเป็นแบบ 2 หัวของ
Mex
เช่นเดียวกันกับเครื่องดูดควันแบบปล่อยออกข้างนอกที่ติดตั้งอยู่ด้านบนก็เป็นของ
Mex
เปิดประตูใต้อ่างล้างจานและลิ้นชักเก็บช้อนนส้อมให้ดู ลืมบอกไปว่า เฟอร์นิเจอร์ทุกอย่างทั้งในห้องแรกและห้องที่สองนี้ไม่เป็นแบบ
Soft close
จะเปิด-ปิดก็ระมัดระวังกันสักนิด
เทียบขนาดของอ่างกับฝ่ามือให้เห็นกันชัดๆ อ่างค่อนข้างจะเล็กแต่ว่าลึกพอสมควร
ที่วางตู้เย็นเองก็มีพื้นที่กว้าง จะวางตู้เย็นขนาดใหญ่ก็ยังไหว
เข้ามาสู่ส่วนพักผ่อน นอนหลับอย่างห้องนอนกันบ้าง ห้องนี้ก็ปูพื้นด้วยลามมิเนตเช่นเดียวกันกับห้องนั่งเล่น
เตียงมีขนา
ด 5 ฟุตด้านล่างมีลิ้นชักสำหรับใส่ของเหมือนห้องแรก มีพื้นที่วางของบนหัวเตียงให้เหมือนห้องที่ 1 ด้านข้างทั้งสองฝั่งเป็นพื้นที่สำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้งและโคมไฟได้
ปลายเตียงมีชั้นวางทีวี พร้อมติดแอร์ไว้ด้านบน 1 ตัว (ในห้องนั่งเล่นก็ติดอีก 1 ตัว) ถัดไปก็เป็นหน้าต่างบนใหญ่มีการเพิ่มลูกเล่นโดยการใช้กระจกเข้ามุมเช่นเดียวกันกับห้องที่ 1
หันกลับมาดูฝั่งตู้เสื้อผ้า จะเป็นแบบ
Walking in Closet
ประตูเป็นแบบบานเลื่อน 3 ตอน ทำให้ส่วนทางเข้ากว้างมากขึ้น
ด้านในของ
Walking in Closet
ก็ปูพื้นด้วยลามิเนต มีราวไว้แขวนเสื้อผ้าวางตัวเป็นรูปตัว
L
ด้านบนเป็นชั้นวางของ และมีลิ้นชักให้ตรงมุมของห้อง พื้นที่ค่อนข้างกว้างใครจะเพิ่มเติมในส่วนของราวแขวนเสื้อผ้า หรือลิ้นชักเก็บของก็ยังได้
ภาพโดยรวมของ
Walking in Closet
ส่วนสุดท้ายจะเป็นห้องน้ำที่อยู่ติดกับประตูทางเข้า ห้องน้ำมีการแยกส่วนแห้งและเปียก ส่วนแห้งจะมีราวแขวนผ้าขนหนู โถสุขภัณฑ์ สายชำระ ที่ใส่ทิชชู่ อ่างล้างหน้า และโซนของการอาบน้ำ ก็มีฝักบัวและที่ใส่สบู่มาให้
ยกธรณีประตูขึ้นสูงกันน้ำออกมาสู่พื้นห้องนั่งเล่น พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องขนาด 30
x
30 ซม.
ฝั่งนี้เป็นโซนแห้ง โถสุขภัณฑ์ตั้งอยู่ด้านซ้ายเป็นของ
American Standard
ติดสายชำระให้ทางขวามือของโถเป็นของ
Hoy
ด้านหน้าเป็นอ่างล้างหน้าของ
Charmer
ผนังติดกระจกเงาบานใหญ่ให้
เทียบขนาดของอ่างกับมือ ตัวอ่างค่อนข้างกว้าง ก๊อกน้ำจะอยู่มุมขวาของอ่างและมีพื้นที่ด้านข้างให้วางของด้วย
กั้นส่วนแห้งและส่วนเปียกด้วยกระจกฝ้าเป็นบานเลื่อนแบบ 3 ตอน
ฝักบักเป็นแบบถืออาบของ
VRH
ติดกับผนังกระเบื้อง เหมือนกับของห้องที่แล้ว
Environment
**
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ U Delight Rattanathibet (ยู ดีไลท์ รัตนาธิเบศร์)
**
**
**
สำหรับพื้นที่โดยรอบของโครงการ U Delight Rattanathibet (ยู ดีไลท์ รัตนาธิเบศร์)
จะแบ่งเป็นตามทิศที่ตั้ง โดยที่
ทิศเหนือ
จะเป็นฝั่งทางเข้าตัวโครงการติดกับถนนรัตนาธิเบศร์
ทิศใต้
จะเป็นที่ดินเปล่าไม่มีสิ่งปลูกสร้างใดๆ แต่ถัดไปอีกนิดจะเป็นโกดังเก็บของสูงประมาณ 2 ชั้น
ทิศตะวันออก
จะเป็นที่ดินเปล่าและอาคาร บ้านเรือนสูงประมาณ 3-4 ชั้น
ทิศตะวันตก
จะเป็นห้างที่ปิดตัวไปแล้วอย่างห้าง
Every Mall
ตัวห้างค่อนข้างจะสูงเกิน 8 ชั้น มุมนี้อาจจะโดนบดบังทัศนียภาพเล็กน้อย แต่ถ้าอยู่เลยชั้น 10 ขึ้นไปก็ไม่มีสิ่งกีดขวางด้านทัศนียภาพแล้ว
โครงการ U Delight Rattanathibet (ยู ดีไลท์ รัตนาธิเบศร์) มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้าอย่าง Esplanade แคราย และ Tesco Lotus รัตนาธิเบศร์ที่เดินข้ามฟากไปก็ถึง หรือติดๆกันนั้นก็มีห้างEvery Mall ที่ปิดตัวไปแล้วแต่ใต้ห้างยังเปิดร้านขายอาหารมากมายคอยให้บริการยามท้องว่าง รวมทั้งมีแหล่งพักผ่อนหย่อนใจอย่างอุทยานมกุฎรมย์สราญ เป็นต้น
หากเป็นทางฝั่งถนนงามวงศ์วานก็จะมี โรงพยาบาลนนทเวช ซึ่งอยู่ที่ติดกับห้างสรรพสินค้า
The Mall
งามวงศ์วาน รวมถึงห้าง
Pantip Plaza
และสถาบันกวดวิชามากมาย
เรามาดูภาพรวมของสิ่งอำนวยความสะดวกด้วยสถานที่จริง รอบตัวโครงการกันบ้าง เริ่มจากในทิศตะวันตกของตัวอาคารซึ่งอยู่ติดกับห้างสรรพสินค้า
Every Mall
ถึงแม้ว่าตัวของห้าง
Every Mall
จะปิดตัวลงไปแล้วแต่ตัวอาคารยังเปิดให้เช่าเป็นพื้นที่สำหรับค้าขาย รวมถึงเป็นที่ตั้งของศูนย์หนังสือจุฬาฯ สาขารัตนาธิเบศร์อีกด้วย
พื้นที่ให้เช่าค้าขายจะอยู่ด้านล่างของตัวตึก จะเปิดเป็นตลาดแครายไนท์ เริ่มขายสินค้ากันในช่วงเวลาเย็น แต่ช่วงสายๆของวันก็เห็นมีการเปิดร้านอาหารให้ฝากท้องกันบ้างประปราย
ส่วนฝั่งตรงข้ามก็จะมีวิทยาลัยเทคโนโลยีสยามบริหารธุรกิจ นนทบุรี
และถัดจากวิทยาลัยเทคโนโลยีสยามบริหารธุรกิจ นนทบุรีไปทางซ้ายมือก็จะเป็นแหล่ง
Shopping
ที่ใกล้ที่สุด อย่าง
Esplanade แคราย และ Tesco Lotus รัตนาธิเบศร์
เดินต่อมาอีกหน่อยก่อนจะขึ้นสะพานข้ามไปยังฝั่ง Esplanade แคราย ก็จะเห็นว่ามีรถตู้โดยสารหลายสายจอดรอรับ-ส่งผู้โดยสารอยู่ ถือว่าจุดนี้เป็นจุดศูนย์กลางของรถตู้โดยสารหลายสายก็ว่าได้
หลังจากขึ้นสะพานมาแล้ว เหลือบไปมองทางซ้ายมือสักนิดจะเห็นสถานีของ
MRT
สายสีม่วง อย่างสถานีศูนย์ราชการนนทบุรีที่สะพานลอยถัดไป ก็ยังถือว่าไม่ไกลมากจากตัวโครงการ ระยะทางประมาณ 650 ม. ยังสามารถเดินถึงได้
จากมุมสะพานก็มองเห็น Esplanade แคราย และ Tesco Lotus รัตนาธิเบศร์ เวลาว่างๆ จากการพักผ่อนในคอนโดมิเนียมก็เดินเท้ามาเที่ยวห้างบ้างก็เป็นสีสันดีเหมือนกัน
ลงจากสะพานมาฝั่งซ้ายมือติดกับ Esplanade แคราย และ Tesco Lotus รัตนาธิเบศร์ จะเป็น ศาลจังหวัดนนทบุรี
ภาพมุมสูงฝั่งถนนรัตนาธิเบศร์ตรงไปยังสถานีรถไฟฟ้า
MRT
สายสีม่วง และใกล้ๆ สะพานที่ยืนอยู่นี้ก็มีป้ายรถเมล์ให้บริการอยู่ด้วย
ภาพมุมสูงจากฝั่งแยกแคราย ทางขวามือแอบเห็นตัวอาคารของโครงการ ทางซ้ายคือ Esplanade แคราย และ Tesco Lotus รัตนาธิเบศร์ และจะเห็นว่าหากใช้บริการสะพานข้ามแยกแครายมาจุดลงจะเลยตัวโครงการทำให้ต้องเสียเวลากลับรถกันนาน
Analysis
**
วิเคราะห์โครงการ
U Delight Rattanathibet (ยู ดีไลท์ รัตนาธิเบศร์)
**
ทำเล :
U Delight Rattanathibet (ยู ดีไลท์ รัตนาธิเบศร์) คอนโด
High Rise จำนวน 23 ชั้น ตั้งอยู่บนถนนรัตนาธิเบศร์ที่กำลังอยู่ในช่วงขยายตัว มีทั้งคอนโดมิเนียมมากมายตลอดเส้นถนน มีห้างสรรพสินค้ารายล้อมพื้นที่ รวมถึงใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า
MRT สายสีม่วงเพียง 650 ม. ทำให้ภาพรวมของทำเลอยู่ในเกณฑ์น่าพึงพอใจ
การเดินทาง :
ถึงแม้ว่าตัวโครงการจะตั้งอยู่ใต้สะพานข้ามแยกแคราย ทำให้ไม่สามารถใช้สะพานเพื่อเลี่ยงรถติดด้านล่างได้ในวันที่เร่งรีบ แต่รอบๆตัวโครงการก็มีทางเลือกในการเดินทางด้านอื่นๆ อย่างระบบขนส่งสาธารณะไม่ว่าจะเป็น MRT สายสีม่วง รถโดยสารประทำทาง หรือรถตู้ แต่ไม่ว่าจะเลือกใช้ยานพาหนะประเภทใดก็ควรจะเผื่อเวลาสำหรับการเดินทางไว้ให้ดีๆ เพราะถนนเส้นนี้การจราจรค่อนข้างหนาแน่นพอสมควร
สภาพแวดล้อม :
ในรัศมีรอบๆ โครงการ มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เพียงแค่ก้าวออกมาจากตัวคอนโดก็มีทั้งแหล่ง Shopping อย่าง Esplanade แคราย และ Tesco Lotus รัตนาธิเบศร์ อยู่ในระยะที่เดินเท้าไปได้เพียง 400 ม. หรืออยากจะจับจ่ายซื้ออาหาร ติดกับตัวโครงการก็มีตลาดแครายไนท์เปิดให้บริการอยู่ใต้ห้าง Every Mall ด้วยสภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ทำให้การใช้ชีวิตทั่วไปทำได้อย่างสะดวกสบาย
แบบห้อง : โครงการนี้มีห้องอยู่ 2 แบบคือ 1 ห้องนอนและ 2 ห้องนอน แต่มีพื้นที่และรูปแบบการจัดวางของห้องที่แตกต่างกันไป ตัวห้องจะขายแบบ Fully Furnished ฝ้าเพดานสูง 2.6 เมตร ทำให้ห้องดูโปร่ง ส่วนตัววัสดุก็อยู่ในระดับมาตรฐานคุ้มค่ากับราคาที่เสียไป
สิ่งอำนวยความสะดวก : ตัวโครงการเน้นเรื่องของระบบความปลอดภัย ทำให้รู้สึกอุ่นใจในยามที่อาศัยอยู่ในคอนโด สำหรับด้าน Facilities ส่วนกลางก็มีมากมาย เนื่องจากมีจำนวนยูนิตค่อนข้างหน้าแน่น ไม่ว่าจะเป็น โถงรับรอง สวนขนาดใหญ่ Mail Box ห้องประชุม ห้องสมุด สระว่ายน้ำ จุดชมวิว ฟิตเนส ซาวน่า และสตรีม ก็น่าจะสามารถถัวเฉลี่ยความหนาแน่นของการใช้ส่วนกลางร่วมกันได้บ้าง
ราคา : เริ่มต้นอยู่ที่ 2.6 ล้านบาทคิดเป็น 80,000 บาท/ตร.ม. ราคาถือว่าสมน้ำสมเนื้อ เมื่อเทียบกับทำเล สภาพแวดล้อมที่อุดมสมบูรณ์ วัสดุระดับมาตรฐานภายในห้องพัก รวมถึง Facilities ที่ได้จากโครงการ
โครงการนี้เหมาะสำหรับคนที่ทำงาน หรือพักอาศัยอยู่ในย่านนนทบุรี ไม่ชอบบ้านเดี่ยว เดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีม่วงเป็นหลัก ชอบเที่ยวย่านงามวงศ์วาน จตุจักร ม.เกษตร หรืออยากมีห้าง แหล่งช็อปปิ้งของกินของใช้ และโรงภาพยนตร์อยู่หน้าบ้าน