[Review] The Unique Eakamai-Ramintra คอนโดมิเนียมเปิดใหม่ สไตล์ Modern & Loft
ซอยลาดพร้าว 87 แยก 30 แขวงคลองเจ้าคุณสิงห์ เขตวังทองหลาง กรุงเทพมหานคร
Review Info
The Unique Eakamai-Ramintra คอนโดมิเนียมเปิดใหม่ สไตล์ Modern & Loft เผยความเท่ห์ โดดเด่น ด้วยการตกแต่งแบบร่วมสมัย ใกล้คอมมูนิตี้ มอลล์ เอกมัย-รามอินทรา
The Unique Eakamai-Ramintra เป็นคอนโดมิเนียม low rise สูงเพียง 7 ชั้น โดยบริษัท เท็นไทย ดิเวลล็อปเม้นท์ จำกัด เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมที่อยู่ห่างไกลความวุ่นวายในเมืองหลวง การเดินทางอาจจะลำบากไปบ้าง แต่ก็คุ้มค่า หากใครกำลังมองหาคอนโดมิเนียมที่มีความเป็นส่วนตัว เงียบสงบ แถมยังอยู่ใกล้คอมมูนิตี้ มอลล์เพียงนิดเดียว
More info
ราคาห้อง
1 ห้องนอน ชั้น 2 - 3 , 42 ตร.ม. แบบห้อง A3-2 , ( 2.73 ล้านบาท)
2 ห้องนอน (Duplex) ชั้น 4 - 5 , 72 ตร.ม. แบบห้อง D1M , ( 6.76 ล้านบาท)
วงเงินกู้ 100%
ค่าจดจำนอง 1 % ของวงเงินกู้ (กรณีผู้จะซื้อชำระเป็นสินเชื่อ)
Location
ที่ตั้งโครงการ The Unique Eakamai-Ramintra
แผนที่โครงการ
การเดินทางโดยรถส่วนตัวบนถนนลาดพร้าว
หากผู้อ่านวิ่งมาจากทางลาดพร้าว บนถนนลาดพร้าวให้วิ่งตรงตามถนนหลักไปเรื่อยๆ จนถึง_ซอยลาดพร้าว 87 _ซึ่งเป็นซอยที่ตั้งสำนักงานขายค่ะ
ซอย 87 ทางถนนลาดพร้าวเลี้ยวซ้ายเข้า ซอยลาดพร้าว 87 ค่ะ
ซอย 87 ทางถนนลาดพร้าว 02 ทางเข้าซอย วิ่งตรงไปเรื่อยๆ
ซอย 87 ทางถนนลาดพร้าว 03 จะผ่านร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อต่างๆ
ซอย 87 ทางถนนลาดพร้าว 04 เนื่องจากทางเข้าจากถนนลาดพร้าวเป้นแหล่งชุมชน ทำให้ร้านรวง และผู้คนสัญจรไปมาเยอะ
ซึ่งการเดินทางจากถนนลาดพร้าวมุ่งหน้าเข้าสู่ ซอยลาดพร้าว 87 จะเดินทางได้สะดวก เนื่องจากวิ่งตรงเข้ามาในซอยอย่างเดียว ก็จะเจอที่ตั้งสำนักงานขายอยู่ทางขวามือแล้วค่ะ
การเดินทางโดยรถส่วนตัวบนถนนเรียบทางด่วนรามอินทราขอาจณรงค์
หากวิ่งตรง บนถนนทางขนานรามอินทราจะใช้ระยะเยอะกว่าทางแรก แต่วิ่งง่ายกว่าค่ะ
ให้วิ่งตรงตามทางผ่านหน้าเทสโก้ โลตัส สาขารามอินทรา
แล้วเราก็จะวิ่งผ่านแลนมาร์คสำคัญอีกที่หนึ่งของย่านนี้ ก็คือเซ็นทรัล อีสต์ วิลล์นั้นเอง
และเมื่อสังเกตเห็น Crystal Park ให้เตรียมตัวชิดขวาไว้ เพราะเราจะต้องกลับรถใต้สะพานข้างหน้าค่ะ
จุดกลับรถจะอยู่ทางขวามือเลยCrystal Parkไปนิดเดียว
กลับรถใต้ทางด่วนค่ะ
เมื่อกลับรถเรียบร้อยแล้ว ก็จะสังเกตเห็นChic Republicให้วิ่งตรงไปเรื่อยๆ อีกไม่ไกลค่ะ
จากนั้นจะผ่านCDCซึ่งแสดงว่าใกล้ถึงทางเข้าซอยลาดพร้าว 87แล้วค่ะ ให้ชะลอรถ ชิดเลนซ้ายสุดไว้
ทางเข้าจะอยู่ถัดจาก CDC *ไปให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปในซอย โดยจุดสังเกตคือบริษัท แหลมทอง จำกัด* ที่ตั้งอยู่หัวมุมนั้นเอง
วิ่งตรงเข้าไปไม่ไกล ประมาณ 300 เมตร ก็จะถึงสำนักงานขายค่ะ
สำนักงานขายตั้งอยู่ทางซ้ายมือ มีที่จอดรถให้ค่ะ
เส้นทางจากถนนเรียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ค่ะ
Insight
เจาะลึกภาพรวมโครงการ The Unique Eakamai-Ramintra
ก่อนอื่น… เรามาดูแปลนของโครงการ The Unique Eakamai-Ramintraกันดีกว่าค่ะ โดยเนื้อที่โครงการจะอยู่ที่ 349 ตารางวา ซึ่งถือว่าไม่ใหญ่มากหากเทียบกับโครงการอื่นๆ สำหรับลานจอดรถ ทำมารองรับได้ 33 คัน หรือคิดเป็น 58 % เท่านั้น หากผู้พักอาศัยส่วนใหญ่ใช้รถส่วนตัวในการเดินทาง คงต้องบริหารจัดการให้ดีๆ ค่ะ และมีสระว่ายน้ำกลางแจ้งอยู่ระหว่าง 2 อาคาร
ซึ่งพื้นที่ ชั้น GROUND นั้น จะเป็นส่วนของล็อบบี้และห้องฟิตเนสค่ะ
2nd FLOOR PLAN ห้องชุดพักอาศัยจะเริ่มที่ ชั้น 2 ของทั้งสองอาคารค่ะ ซึ่งในส่วนของชั้น 2 จะเป็นห้องชุดแบบ 1 ห้องนอนทั้งหมด โดยสีเหมือนกันจะมีขนาดและการตกแต่งที่เหมือนกัน แค่สลับด้านกันเท่านั้นเองค่ะ
4-5 th duplex FLOOR PLAN สำหรับ ห้อง Duplex จะอยู่ตรงชั้น 4 - 5 เป็นห้องขนาด 72 ตารางเมตร มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำค่ะ โดยห้อง Duplex นั้นจะอยู่ฝั่งอาคาร B ทางขวามือนั้นเอง โดยทั้งสองชั้นของทั้งสองอาคารจะเป็นแบบละห้อง มีทั้งแบบ 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน, และห้อง Duplex ที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งห้องที่สีเหมือนกัน ก็จะมีขนาดและการออกแบบที่เหมือนกันค่ะ
7th FLOOR PLAN ส่วนห้อง Penthouseแบบ 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 84 ตารางเมตร จะอยู่ที่ชั้น 6 และ 7 ของอาคาร B ค่ะ และหลังจากที่ดูแปลนกันเรียบร้อยแล้ว จะเห็นว่าจำนวนยูนิตแต่ละชั้นของทั้งสองอาคารมีไม่เยอะ ตกชั้นละ 5-6 ห้องเท่านั้น ซึ่งจุดนี้อาจจะเป็นข้อดีสำหรับคนที่ต้องการความสงบ และความเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยค่ะ
1 BR 42 sq.m.
สำนักงานขาย และห้องตัวอย่าง 1 ห้องนอน ขนาด 42 ตารางเมตร
สำนักงานขายโครงการ The Unique Eakamai-Ramintra ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 84 เข้ามาเล็กน้อย อยู่ทางขวามือค่ะ ด้านหน้าสำนักงานออกแบบไว้สวยงาม มีที่จอดรถให้
ภายในก็ตกแต่งสวยไม่แพ้ด้านนอกเช่นกัน มีกลิ่นอายความเป็น loft เบาๆ ด้วยเคาน์เตอร์ไม้ พื้นไม้ และเพิ่มลวดลายด้วยวอลล์เปเปอร์ลายอิฐค่ะ
มีโมเดลตัวอย่างโครงการตั้งอยู่กลางสำนักงาน เป็นคอนโดมิเนียม low rise 7 ชั้น 2 อาคาร ให้เดินชมกัน
ถัดไปเป็นแบบแปลนส่วนต่างๆ ของอาคารค่ะ
ในส่วนของที่นั่งรับรอง มีทั้งโซฟาหนังตัวใหญ่ และโต๊ะพร้อมเก้าอี้
หรือหากมาเป็นกลุ่มใหญ่ก็ใช้บริการห้องด้านในได้ค่ะ
ทางขึ้นไปยังห้อง Duplex ที่ทางโครงการจัดไว้
ชั้นสองของสำนักงานค่ะ จะสังเกตเห็นว่าการตกแต่งภายในสำนักงานขายทั้งหมด จะเน้นโชว์ลวดลายไม้ และวัสดุจากธรรมชาติ ซึ่งถ้าผู้อ่านได้ชมห้องอย่างก็จะตกแต่งแนวนี้เช่นกัน
โดยวันนี้เราจะพาชมห้องตัวอย่างจำนวน 2 ห้อง คือ แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 42 ตร.ม. และ ห้อง Duplex ขนาด 72 ตร.ม. ค่ะ ซึ่งเฟอร์นิเจอร์บางส่วนในห้องตัวอย่างนั้น จะไม่ตรงกับห้องจริง เนื่องจากทางโครงการได้ตกแต่งเพิ่มเติมเพื่อความสวยงาม และเป็นไอเดียให้ผู้พักอาศัย โดยห้องจริงจะได้ ชุดครัว, ตู้เสื้อผ้า built in, เตียงพร้อมฟูก และโต๊ะทานข้าว
แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 42 ตารางเมตร สำหรับห้องแรกที่ผู้อ่านจะได้ชม เป็นห้องขนาด 42 ตารางเมตร 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ การตกแต่งภายในห้องจะเป็นสไตล์ Mix and Match ผสมผสานความทันสมัยของเฟอร์นิเจอร์และเพิ่มลูกเล่นด้วยวอลล์เปเปอร์ลายอิฐ ลวดลายพื้นไม้ ตามแบบ Loft style ให้ความรู้สึกเท่ห์ แข็งแรง มั่นคง โดยห้องนี้จะมีความสูงของฝ้าเพดานอยู่ที่ 2.45 เมตร ค่ะ
ระบบเข้า-ออกอาคาร รวมถึงห้องพักอาศัย เป็นแบบดิจิตอลล็อก ใช้ keycard ในการเปิด-ปิด
หน้าตาที่ล็อกด้านในค่ะ
กลอนก้านโยก ด้ามจับ แข็งแรง
ปลั๊กไฟเป็นแบบมาตรฐาน กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ในห้อง
หน้าตาสวิตซ์ไฟไม่เหมือนที่อื่น เหมือนจะออกแบบให้ดูเข้ากับสไตล์การตกแต่งห้อง แต่แอบกดยากค่ะ ต้องกดย้ำหลายครั้ง มีไฟแสดงสถานะเปิด-ปิด
เมื่อเดินเข้ามา ท่านผู้อ่านจะเจอกับห้องนั่งเล่นที่ดูโปร่ง โล่ง สว่าง ตกแต่งสไตล์ loft ไว้อย่างสวยงาม แฝงไปด้วยความเท่ห์ด้วยลายของพื้นไม้และวอลล์เปเปอร์ลายอิฐ ส่วนด้านริมมีระเบียงเล็กๆ ยื่นออกไป
ไฟที่ใช้เป็นไฟ downlight สีส้ม ตามแบบคอนโดมิเนียมทั่วไป
ฝ้าทำเพิ่มเป็น 2
ระดับเพื่อซ่อนไฟไว้ด้านใน ทำให้แสงภายในห้องดูซอฟท์ ไม่แข็งกระด้างเกินไป
แอร์ที่ทางโครงการติดให้ เป็นแอร์ติดผนังแล้วแต่ขนาดแอร์ค่ะ
ทางโครงการได้นำเฟอร์นิเจอร์มาตกแต่งอย่างจัดเต็ม พร้อมอยู่ เน้นสีแบบโมโนโทนเพื่อความกลมกลืนของห้อง ซึ่งห้องจริงจะไม่มีวอลล์เปเปอร์ให้ แต่จะเป็นผนังก่ออิฐฉาบปูนแทนค่ะ
โซฟาหุ้มผ้าสีขาวดูโดดเด่น ตัดกับตัวห้อง ส่วนด้านหลังติดกระจกเพื่อเพิ่มความกว้างของห้องค่ะ
ชั้นไม้แบบ built in สูงตั้งแต่พื้นถึงฝ้า ไว้วางของตกแต่งเล็กๆ
ฝั่งตรงข้ามโซฟา เป็นชั้นวางโทรทัศน์ โดยด้านล่างชั้นจะเป็นตู้ไม้เก็บของ ขาเหล็กสีอบดำ
เมื่อเปิดตู้ออกมา ด้านในแบ่งเป็น 4 ส่วนตามที่เห็นในรูป บานเปิด-ปิดแบบ soft close
ด้านหลังโทรทัศน์มีปลั๊กไฟ พร้อมปลั๊กสัญญาณให้
โต๊ะกินข้าวก็ตั้งอยู่บริเวณนี้เช่นกัน นั่งทานได้ 2 - 3 คน
โต๊ะกินข้าวของทางโครงการจะเป็น top ไม้สีอ่อน ขาเหล็กสีอบดำ ที่ถูกออกแบบมาอย่างมีสไตล์
มีปลั๊กไฟข้างๆ โต๊ะกินข้าว
ซึ่งหากมองจากมุมนี้จะเห็นระเบียงที่ยื่นออกไปจากห้องนั่งเล่นค่ะ
ประตูระเบียงเป็นแบบบานเลื่อนเดี่ยว กรอบเหล็กอบดำ ที่ล็อกเป็นแบบกดแข็งแรง ธรณีสูงพอสมควรค่ะ ลดโอกาสที่น้ำจากด้านนอกจะสาดเข้ามาในห้องได้ ส่วนพื้นปูด้วยกระเบื้องสีเทา
ด้านนอกตั้งคอมแอร์ไว้ทั้งสองตัว มีปลั๊กให้สำหรับเสียบเครื่องซักผ้า ซึ่งจากตำแหน่งปลั๊กไฟที่อยู่ใต้คอมแอร์ เครื่องซักผ้าที่ใช้ควรเป็นแบบฝาหน้าค่ะ เพราะถ้าเป็นแบบฝาบนอาจไปติดกับแท่นวางคอมแอร์ได้ ที่พื้นมีช่องระบายน้ำให้ ส่วนราวกันตกเป็นเหล็กซี่ สูงประมาณ 1.2 เมตร ตามมาตรฐาน
ต่อมาเป็นในส่วนของห้องนอนค่ะ พื้นที่ในห้องโล่ง ไม่อึดอัด มีประตูเชื่อมไปยังห้องน้ำส่วนตัว การตกแต่งส่วนใหญ่ใช้ไม้เป็นวัสดุหลัก ทั้งพื้นและเฟอร์นิเจอร์ สร้างจุดเด่นให้ห้อง ใส่ความโมเดิร์นผสมกับความเป็นธรรมชาติได้อย่างลงตัว ทำให้บรรยากาศดูอบอุ่น น่านอน
พื้นของห้องนอนและห้องนั่งเล่นจะเป็นพื้นไม้สีธรรมชาติทั้งสองห้องค่ะ
ไฟเป็น downlight สีส้มเช่นเดียวกับห้องนั่งเล่น หัวเตียงตกแต่งด้วยระแนงไม้ ทำให้ห้องดูมีมิติขึ้น ซึ่งห้องจริงนั้นจะได้ฐานเตียงพร้อมฟูก และตู้เสื้อผ้าแบบ built in ค่ะ
ฝ้าด้านบนตกแต่งในลักษณะเดียวกับห้องนั่งเล่น เพียงแค่ไม่ได้ทำเป็น 2 ระดับเท่านั้นค่ะ
แอร์ก็เป็นแบบติดผนังเช่นกัน
หน้าตาสวิตซ์ไฟจะคล้ายๆ กันค่ะ แต่เป็นแบบ 4 ปุ่ม ซึ่งกดยากกว่า ส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะพื้นที่สัมผัสปุ่มน้อยจึงลำบากในการกดค่ะ
ภาพจากทางปลายเตียงค่ะ
มีตู้ใส่ของตั้งอยู่ตรงหัวเตียง
ตู้เป็นบานเปิด-ปิดแบบ soft close
มีปลั๊กไฟและที่ต่อสาย LAN ให้ที่หัวเตียง
ส่วนปลายเตียงจะเป็นชั้นวางของ built in หน้าตาแบบนี้ค่ะ
ที่ติดโทรทัศน์ จะเป็นแบบติดผนังอย่างนี้ค่ะ
มีปลั๊กไฟพร้อมปลั๊กสัญญาณให้
ชั้นวางของก็จะเป็บแบบเรียบๆ อย่างนี้ค่ะ โชว์ลายไม้สวยๆ เรียบง่ายแต่ประโยชน์เยอะ
สำหรับตู้เสื้อผ้าของทางโครงการเป็นแบบ built in มาให้เช่นกัน ติดกระจกไว้ด้านหน้า บานประตูเปิด-ปิด soft close ทั้งสามบาน สูงตั้งแต่พื้นถึงฝ้า
ที่จับอลูมิเนียมยื่นออกมาเล็กน้อย คนมือใหญ่อาจเปิดยากไปสักนิด แต่ก็ออกแบบมาได้กลมกลืนดีค่ะ
เมื่อเปิดตู้ออกมา ต้องบอกว่าราวแขวนเสื้อผ้าสูงมาก เกือบ 1.80 เมตรได้ค่ะ ทีมงานที่ไปสูงประมาณ 1.60 เมตร ยังต้องเขย่งถึงจะสามารถแขวนผ้าได้
บนสุดมีชั้นสำหรับเก็บของ
ด้านล่างเป็นลิ้นชักแบบนี้ค่ะ
ส่วนอีกฝั่งจะเป็นราวเล็กๆ มีชั้นด้านบนเหมือนกัน แต่ไม่มีลิ้นชักให้ค่ะ
และหากมองจากทางตู้เสื้อผ้าจะเห็นหน้าต่างรับแสงแบบนี้ค่ะ มีบานกระทุ้งเล็กๆ ไว้เปิดระบายอากาศได้
เมื่อเปิดออกไปจะเป็นลักษณะนี้ค่ะ
กรอบเหล็กอบดำ
ที่ล็อกแน่นหนา ไม่โยกไปมา
พื้นที่ข้างเตียงแคบคราวนี้มาต่อกันที่ห้องน้ำเลยดีกว่าค่ะ ทางเข้า-ออก 2 ทาง โดยจะมาจากทางห้องนอน และจากห้องครัวอีกทางหนึ่ง มีการแบ่งโซนแห้งและเปียกชัด เครื่องสุขภัณฑ์ประกอบด้วย อ่างล้างหน้า กระจก ชักโครกแบบกดพร้อมสายฉีดน้ำ และฝักบัว ซึ่งที่นี่จะไม่มีระบบ rain shower ให้ค่ะ
ขนาดห้องน้ำไม่กว้างมาก เป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวเข้าไปด้านใน การตกแต่งดูสะอาดตา เล่นลวดลายด้วยกระเบื้องด้านข้าง ตัดกับพื้นสีดำ
หน้าตาอ้างล่างหน้าค่ะ ด้านล่างเป็นตู้เปิด-ปิดได้
อ่างไม่ลึกมาก
หน้าตาก๊อกน้ำ
สะดืออ่างเป็นแบบกด Pop up
พอเปิดตู้ใต้อ่างล้างหน้าจะเจอระบบท่อระบายน้ำแบบนี้ พื้นที่ข้างๆ สามารถวางของเล็กๆ ได้
ประตูเป็นบานเปิด-ปิด soft close
โดยเป็นสุขภัณฑ์ของ Mogen ค่ะ
มีปลั๊กไฟพร้อมที่ครอบกันน้ำอยู่ข้างอ่างล้างหน้า
ส่วนชักโครกเป็นแบบกด พร้อมสายฉีดน้ำ
ชักโครกที่ทางโครงการใช้เป็นสุขภัณฑ์ของ COTTO
ที่กดจะอยู่ด้านบนแบบนี้
หน้าตาสายฉีดชำระแบบโครเมี่ยมค่ะ
ที่ใส่ทิชชู่อยู่ด้านข้าง
มีหน้าต่างระบายอากาศบานกระทุ้งอยู่ด้านบน
โซนอาบน้ำมีแพทติชั่นกระจกกั้น มีแต่ระบบ hand shower ค่ะ
ด้านหน้ามีราวจับ ใช้แขวนผ้าขนหนูได้
ประตูเป็นแบบผลักเข้าด้านใน ไม่ต้องกลัวกระจกจะกระแทกกับผนังค่ะ เพราะมีด้ามกันกระแทกติดไว้อย่างนี้
ธรณีประตูสูง ป้องกันน้ำไหลไปยังโซนแห้ง
โซนอาบน้ำเป็นระบบ hand shower อย่างเดียว แล้วอย่าลืมติดตั้งสายดินเพื่อความปลอดภัยด้วยนะคะ
หน้าตาฝักบัว จับถนัดมือค่ะ
ที่ปรับระดับน้ำค่ะ
มีที่วางสบู่พร้อมในตัว แต่เนื่องจากอยู่ใต้ฝักบัวอาจทำให้น้ำสบู่ไหลเปื้อนพื้น ทำให้พื้นลื่นเกิดอุบัติเหตุได้ค่ะ
ตะแกรงระบายน้ำ ป้องกันเศษผมอุดตันท่อ
ราวแขวนอยู่ข้างผนัง
เป็นผลิตภัณฑ์ของ COTTO
ธรณีประตูกั้นระหว่างห้องน้ำ ไปยังห้องนอนและห้องครัวสูงดีค่ะ ทำให้น้ำไหลเปื้อนไปด้านนอกได้น้อย โดยพื้นห้องน้ำจะปูด้วยกระเบื้องแผ่นใหญ่สีดำผิวด้าน เวลาเปียกน้ำจะไม่ลื่นเท่ากับกระเบื้องแบบขัดเงา ส่วนร่องกระเบื้องก็ปูชิดติดกัน ช่วยลดการเกิดครบสกปรกตามร่องได้ค่ะ
มาถึงห้องสุดท้าย คือห้องครัวนั่นเองค่ะ เป็นครัวแบบปิด พื้นที่แคบ ปูพื้นด้วยกระเบื้องสีเทาเข้ากับเข้าครัวที่ทางโครงการแถมให้
จากภาพจะเห็นว่าพื้นที่ครัวค่อนข้างแคบแต่ยาว คล้ายกับกับห้องน้ำ ชุดครัวเป็นแบบ built in มีชุดเก็บของทั้งด้านล่างและบน
ชุดครัว Top ด้วยหินเทียมสีดำ ซิงค์ล้างจานสแตนเลสตามแบบคอนโดมิเนียมทั่วไป
สำหรับเตาที่ได้จะเป็นเตาไฟฟ้าขนาด 2 เตา มีช่องใส่ไมโครเวฟอยู่ด้านล่างแบบนี้ สะดวกต่อการยกอาหารค่ะ
ซึ่งด้านบนจะติดตั้งที่ดูดควันของ Teka โดยทางโครงการบอกว่าระบบดูดควันจะเป็นระบบปล่อยนอกอาคาร และชั้นเก็บของทั้งด้านล่างและบนจะเป็น soft close ทั้งหมดค่ะ
มีปลั๊กไฟให้ตรงชุดครัว ไว้สำหรับการใช้งานเครื่องไฟฟ้าขนาดเล็กอย่างกาต้มน้ำ หรือเครื่องปิ้งขนมปัง เป็นต้น
ส่วนที่วางตู้เย็นจะอยู่ข้างชุดครัวใกล้กับทางออกไปห้องนั่งเล่นค่ะ วางได้ใหญ่สุดประมาณ 10 คิว
2 BR 72 sq.m.
ห้องตัวอย่าง 2 ห้องนอน ขนาด 72 ตารางเมตร
แบบห้อง Duplex 2 ห้องนอน ขนาด 72 ตารางเมตร สำหรับห้อง Duplex จะมี 2 ห้องนอน อยู่ที่ชั้นบนและล่าง ทางเข้า-ออกมีเพียง 1 ทางเท่านั้น อยู่ตรงชั้นล่างค่ะ ระดับฝ้าเพดานสูง 2.45 เมตร ห้องจริงจะผนังก่ออิฐฉาบปูนทั้งหมด ส่วนสไตล์การตกแต่งเป็นแบบ Loft style เช่นเดียวกับห้องแรก เพียงแต่เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นจะใหญ่กว่า และเยอะกว่าเท่านั้น
ที่พิเศษอีกอย่างคือ ห้อง Duplex จะมีลิฟท์ส่วนตัว ส่งตรงถึงในห้อง เพื่อความเป็นส่วนตัว โดย ลิฟท์จะเป็นแบบล็อกชั้น ปลอดภัยค่ะ
ระบบเข้า-ห้อง เป็นแบบดิจิตอลล็อก ใช้ keycard เช่นเดียวกับห้องแรกค่ะ
หน้าตากลอนด้านหลังค่ะ ก้านโยกแข็งแรง
ข้างประตูเป็นที่ตั้งตู้ใส่รองเท้า
เป็นบานเปิด-ปิดแบบ softclose ทั้ง 4 บานค่ะ ชั้นด้านบนไว้สำหรับวางของ ส่วนด้านล่างไว้วางรองเท้า
ที่จับเป็นห่วงอลูมิเนียมแบบนี้ ดีไซน์น่ารักแต่แอบเปิดยากกว่าที่จับแบบปกติค่ะ
วัสดุในการทำจะเป็นไม้ทั้งหมด
หน้าตาสวิตซ์ไฟกดยากเหมือนห้องแรก
ปลั๊กไฟเป็นแบบมาตรฐาน
เมื่อเข้ามาด้านใน ขนาดห้องดูไม่ใหญ่มาก เนื่องจากเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่ทางโครงการจัดไว้ค่อนข้างเยอะ แต่ด้วยการออกแบบที่ลงตัว มีการติดกระจกเพิ่ม ด้านริมเป็นหน้าต่างเปิดโล่ง จึงมีส่วนช่วยเพิ่มความกว้างของห้อง ให้โปร่ง โล่ง สบายตาขึ้นเยอะค่ะ
มาดูที่ห้องครัวกันเป็นอันดับแรกค่ะ ลักษณะโดยรวมจะไม่ต่างจากห้องแรกมากนัก ทั้งอุปกรณ์ที่ทางโครงการจัดไว้ให้ ทั้งการดีไซน์ชุดครัวก็จะไปในทิศทางเดียวกัน เพียงแค่เพิ่มช่องสำหรับใส่เครื่องซักผ้ามาไว้รวมกันตรงจุดนี้ แทนที่จะอยู่ด้านนอกระเบียงเหมือนกับห้องแรกค่ะ ส่วนพื้นจะปูด้วยพื้นไม้สีธรรมชาติเช่นเดียวกับห้องนั่งเล่น
ฝ้าตรงโซนห้องครัว ติดไฟ downlight สีส้มเพิ่มความน่ากินให้กับอาหารมื้อนั้นๆ
สำหรับชุดครัว Top ด้วยหินเทียมสีดำ เช็ดล้างทำความสะอาดง่าย ที่พื้นที่ใช้สอยมากขึ้น
ซิงค์ล้างจานสแตนเลส ก้นอ่างลึก
หน้าตาก็อกน้ำมีกับห้องแรก
ตะแกรงที่ก้นอ่าง
เตาไฟฟ้าขนาด 2 เตาเหมือนห้องแรกเช่นกัน
ตรงชุดครัวก็มีปลั๊กไฟสำหรับการใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ ค่ะ
ที่ดูดควัน Teka ติดตั้งอยู่ตรงด้านบนเตา เวลาใช้งานให้ดึงออกมา ระบบจะทำการดูดควันออกไปปล่อยนอกอาคารค่ะ
มีปลั๊กไฟอยู่ใต้ที่ดูดควันค่ะ
ส่วนตู้เก็บของด้านบนเป็นบานเปิด-ปิดแบบ softclose ทั้งหมด แต่เนื่องจากแต่ละตู้ built in อยู่ติดกัน ทำให้เวลาเปิดต้องระวังประตูจะชนกับตู้ข้างๆ ต้องเปิดใช้งานทีละตู้ค่ะ
ช่องใส่ไมโครเวฟอยู่ด้านล้างชุดครัว
มีลิ้นชักเก็บของให้
รางลิ้นชัก softclose ระบบลูกปืน 2 ตอน
ช่องใส่เครื่องซักผ้า (ฝาหน้า) ก็อยู่ด้านล่างเช่นกันค่ะ
ส่วนที่วางตู้เย็นจะอยู่ริมชุดครัว วางได้ใหญ่สุด 9.3 คิว
ห้องครัวจะติดอยู่กับห้องนั่งเล่น โดยมีโต๊ะกินข้าวคั่นกลางแบบนี้ค่ะ
โต๊ะกินข้าวที่ทางโครงการให้จะมีขนาดใหญ่กว่าห้องแรก ซึ่งหากจัดวางตำแหน่งดีๆ สามารถนั่งได้ 3-4 คน
โต๊ะกินข้าวคล้ายกับห้องแรกคือ Top ไม้ ขาเหล็กอบดำ ต่างกันแค่การดีไซน์ค่ะ
ระยะจากโต๊ะกินข้าวกับโซฟาไม่ห่างกันมาก
แอร์เป็นแบบติดผนัง ติดอยู่ระหว่างห้องครัวกับห้องนั่งเล่น
ถัดมาเป็นห้องนั่งเล่น การตกแต่งยังคงเน้นความโมเดิร์นผสมล๊อฟท์ ซึ่งทางโครงการได้ตกแต่งไว้อย่างจัดเต็มเหมือนเดิม ฝ้าตรงบริเวณนี้จะสูงขึ้นไปยังชั้นสอง ห้อยประดับด้วยโคมไฟ ด้านริมเป็นกระจกบานใหญ่เปิดรับแสงอาทิตย์เต็มๆ ทำให้ช่วงกลางวันห้องจะสว่างมาก แม้ไม่ได้เปิดไฟ
ฝ้ายกสูงไปถึงชั้นสองแบบนี้ค่ะ
พื้นลายไม้สีธรรมชาติ
ภาพห้องจากฝั่งริมหน้าต่าง
ภาพจากทางห้องครัวค่ะ พื้นที่ระหว่างโซฟาถึงโทรทัศน์สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ โดยเฟอร์นิเจอร์ที่ได้จะเหมือนกับห้องแรก แต่มีโต๊ะกลางเพิ่มให้ด้วย
โต๊ะกลางขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่มาก ดีไซน์มาให้เข้าชุดกับโต๊ะกินข้าว
ฝั่งตรงข้ามโซฟาเป็นชั้นวาง built in ลายไม้ ส่วนโทรทัศน์จะเป็นแบบแขวนผนังค่ะ
มีปลั๊กไฟและปลั๊กสัญญาณ พร้อมที่ต่อสาย LAN ให้
ชั้นด้านล่างเป็นบานเปิด-ปิดแบบsoft close
ส่วนหน้าต่างด้านริม จะเป็นบานกระจก กรอบเหล็กสีอบดำ
มีบานกระทุ้งเล็กๆ เปิดระบายอากาศ
ที่ล็อกหนาแน่น ไม่โยกไปมาค่ะ
และเมื่อมองไปตรงแผ่นไม้ด้านหลังโทรทัศน์ดีๆ จะสังเกตเห็นว่ามีรอยต่ออยู่ พอลองกดลงไปก็เจอประตูเปิดไปยังระเบียงด้านนอกได้ค่ะ
ที่ล็อกประตูเป็นแบบป๊อปอัพ ต้องกดลงไป ประตูถึงจะเด้งออกมาค่ะ
ส่วนระเบียงจะมีตัวล็อกกุญแจแบบหมุน ปิดไว้อีกชั้นหนึ่ง
ประตูจะเป็นบานแขวนเลื่อนเดี่ยวแบบนี้ค่ะ
ด้านนอกระเบียงเป็นที่ตั้งคอมแอร์แขวนผนังทั้งสามตัว
ที่กันตกเป็นแผ่นกระจกสูงประมาณ 1.20 เมตร ด้านในก่อคอนกรีตสูงประมาณ 1 เมตร ขึ้นมาอีกชั้นเพื่อความปลอดภัย
พื้นระเบียงปูกระเบื้องร่องตื้น ผิวสัมผัสด้าน ไม่ลื่น ธรณียกสูงกั้นไม่ให้น้ำไหลเข้ามายังตัวห้อง
มีท่อระบายน้ำอยู่ใต้คอมแอร์
โดยอีกด้านของระเบียงจะเชื่อมกับห้องนอนเล็กค่ะ
เข้ามาสู่ห้องนอนเล็ก ซึ่งมีขนาดไม่กว้างมาก ใช้สำหรับนอนเพียงอย่างเดียว โดยภายในห้องจะมีเฟอร์นิเจอร์แค่เตียงกับตู้เสื้อผ้าเท่านั้น
เป็นเตียงขนาดเล็กประมาณ 3.5 ฟุต หัวเตียงยื่นออกมาสามารถใช้วางของได้
ตู้เสื้อผ้า built in มาให้ข้างเตียง โดยบานเปิด - ปิดเป็นแบบ soft close ด้านในเป็นราวสำหรับแขวนผ้า มีชั้นใส่ของและลิ้นชักให้ ซึ่งชั้นใส่ของด้านบนสูงมาก ต้องเอื้อมถึงจะสามารถหยิบของได้
มีที่จับอลูมิเนียมเล็กๆ ยื่นออกมาลักษณะนี้
ส่วนปลายเตียงเป็นโทรทัศน์แขวนผนัง และแอร์ติดผนังอยู่ด้านบนแบบนี้ค่ะ
ตรงจุดนี้จะมีปลั๊กไฟพร้อมปลั๊กสัญญาณให้ค่ะ
มีแอร์ติดผนังอยู่ด้านบน
หน้าตาสวิตซ์ไฟเหมือนกับห้องอื่น มีแถบไฟแสดงสถานะเปิด-ปิด
ภาพจากฝั่งประตู จะเห็นระเบียงอยู่ริมห้อง มีผ้าม่านบังแดดแบบนี้
พื้นที่ข้างเตียงแคบ เดินลำบากนิดหน่อยค่ะ และก็ไม่สามารถขยับได้ เนื่องจากอีกฝั่งก็ติดตู้เสื้อผ้าแล้วเช่นกัน
สำหรับที่แขวนผ้าม่านจะซ่อนอยู่ด้านหลังฝ้า เพื่อความกลมกลืนสวยงาม
ส่วนประตูเป็นแบบบานเลื่อนเดี่ยว บวกบานปิดตาย ในลักษณะเลื่อนจากขวาไปซ้ายค่ะ
ตัวล็อกเป็นแบบกด หน้าตาอย่างนี้
ภาพจากนอกระเบียงค่ะ
และหากมองจากด้านริมระเบียง ก็จะเห็นห้องน้ำอยู่ฝั่งตรงข้ามห้องนอนเล็กค่ะ
โดยห้องน้ำจะมีรูปแบบ รวมทั้งเครื่องสุขภัณฑ์ เหมือนกับห้องน้ำของห้องแรกค่ะ มีแพทติชั่นกระจกกั้นโซนแห้งและโซนเปียกให้ ที่อาบน้ำเป็นระบบ hand shower อย่างเดียว แต่ห้องนี้จะไม่มีหน้าต่างระบายติดมาให้
เครื่องสุขภัณฑ์ภายในจะมีอ่างล้างหน้า ชักโครกแบบกดพร้อมสายฉีดชำระ ราวแขวนผ้าหนู และฝักบัวอาบน้ำค่ะ
ธรณีประตูยกสูง ร่องกระเบื้องชิดกัน ลดการเกิดคราบสปกรกในห้องน้ำ
สำหรับอ่างล้างหน้า หน้าตาจะเหมือนกับห้องแรกค่ะ ก้นอ่างไม่ลึกมาก สะดืออ่างเป็นแบบป็อปอัพ มีปลั๊กไฟอยู่ข้างอ่าง
เปิดตู้ด้านล่างออกมา จะเจอระบบท่อระบายน้ำอยู่ด้านใน
ชักโครกแบบกดเช่นเดียวกับห้องแรก ตั้งอยู่ระหว่างอ่างล้างหน้าและห้องอาบน้ำ
มีที่กดน้ำอยู่ด้านบน
สายฉีดชำระโครเมี่ยม
แพทติชั่นมีความสูงเกือบถึงฝ้า และธรณีประตูยกขึ้นเพื่อป้องกันน้ำไหลออกมายังโซนแห้ง
หน้าตาฝักบัวจับถนัดมือ ไม่ร่วงหลุดมือง่าย
ที่ปรับระดับน้ำอยู่ด้านล่าง
ราวแขวนผ้าขนหนูด้านข้าง โดยสุขภัณฑ์ส่วนใหญ่ที่ทางโครงการเลือกใช้จะเป็นของ COTTO ค่ะ
คราวนี้ขึ้นไปดูห้องที่ชั้นสองกันบ้างดีกว่า โดยบันไดทางขึ้นจะเป็นแบบหักกลับ อยู่ระหว่างห้องน้ำและห้องนอนเล็กค่ะ
บันไดมีโครงสร้างเป็นคอนกรีต ลูกนอน top ด้วยไม้แบบนี้ค่ะ
โดยทางโครงการได้ติดไฟเพิ่มใต้ขั้นบันได เพื่อความปลอดภัยเวลาเดินขึ้นตอนกลางคืน ซึ่งห้องจริงจะไม่ได้ติดไฟมาให้ค่ะ
ราวบันไดเป็นเสาเหล็ก ที่จับไม้ สูงประมาณ 1 เมตร
ทางขึ้นไปยังห้องชั้นบนค่ะ
หน้าทางเข้ามีปลั๊กไฟให้
ชั้นบนจะเป็นส่วนของห้อง Master bedroom ทั้งหมด ภายในห้องกว้างขว้าง มีเฟอร์นิเจอร์ครบเหมือนเป็นทั้งห้องนั่งเล่นและห้องนอนไปในตัว มีห้องน้ำส่วนตัว ส่วนผนังด้านข้างทำเป็นกระจกบานใหญ่ สามารถมองลงไปยังชั้นล่างได้ค่ะ
ฝ้าทำเป็น 2 ระดับ เพื่อซ่อนไฟ downlight สีส้มไว้ด้านใน ทำให้บรรยากาศห้องนุ่มนวล น่านอน
โดยห้องมีลักษณะยาว สามารถวางโซฟาตัวใหญ่ไว้ปลายเตียงแบบนี้ได้
ภาพจากด้านหน้าโซฟา ซึ่งห้องจริงไม่ได้มีโซฟาให้ค่ะ ซึ่งทางโครงการได้นำมาตกแต่งเพิ่มเท่านั้น
เตียงขนาดประมาณ 5 ฟุต ตั้งอยู่ชิดด้านใน หัวเตียงตกแต่งเพิ่มความหรูด้วยหนังสีขาว ส่วนด้านข้างขนาบด้วยลิ้นชักไม้ มีปลั๊กไฟตรงหัวเตียงค่ะ
เมื่อเลื่อนลื้นชักออกมาค่ะ
ปลั๊กตรงหัวเตียง
ฝ้าตรงหัวเตียงตกแต่งด้วยการเล่นระดับฝ้า เพิ่มความหรูด้วยวอลล์เปเปอร์และบุหนังสีดำ
ส่วนปลายเตียงเป็นชั้นวางโทรทัศน์แบบ built in และโต๊ะเครื่องแป้งค่ะ
ชั้นวางโทรทัศน์ เป็นบานเปิด- ปิด แบบ soft close หน้าตาแบบนี้ค่ะ
โต๊ะเครื่องแปรงก็เป็นแบบ built in เช่นกันค่ะ
ด้านล่างเลื่อนออกมาเป็นลิ้นชักใส่ของ
มีปลั๊กไฟอยู่ตรงโต๊ะเครื่องแป้งด้วย
ชั้นบนเป็นช่องใสของลายไม้เข้าชุดกับโต๊ะเครื่องแป้งค่ะ
มีหน้าต่างบานใหญ่อยู่ข้างเตียงค่ะ
โดยพื้นที่ข้างเตียงสามารถเดินได้สะดวกค่ะ
หน้าต่างเป็นบานเลื่อนคู่สลับ บวกช่องรับแสง กรอบเหล็กอบดำ
ภาพจากฝั่งหน้าต่างค่ะ โดยในภาพจะเห็นห้องน้ำส่วนตัว ซึ่งตู้เสื้อผ้าที่ทางโครงการแถมให้ก็จะอยู่โซนนี้ด้วยเช่นกัน ผู้อาศัยสามารถแต่งตัวด้านในได้ค่ะ
ประตูตู้เสื้อผ้ากับห้องน้ำส่วนตัวจะเป็นประตูเดียวกันแบบนี้ค่ะ เมื่อเปิดเข้าไป จะเป็นโซนแต่งตัวก่อน โดยจะมีตู้เสื้อผ้าและชั้นวางของ built in มาให้
ประตูเป็นกระจกแบบบานเลื่อนสลับ 3 บาน เวลาเปิดต้องระวังไม่ให้ประตูชนกันค่ะ
รางเลื่อนอลูมิเนียม ไม่มีปัญหาเวลาเลื่อน
สำหรับตู้เสื้อผ้าด้านในเป็นราวแขวน มีชั้นใส่ของอยู่บนสุด
ด้านล่างเป็นลิ้นชักเลื่อนเปิดแบบนี้ค่ะ
ซึ่งเวลาจะหยิบของ ต้องเปิดจากด้านหน้าอย่างนี้เท่านั้นค่ะ
เพราะพื้นที่หน้าตู้ถึงประตูแคบมาก ไม่สามารถเข้าไปยืนได้
ประตูจะคั่นห้องนอนกับตู้เสื้อผ้าไว้อย่างนี้ค่ะ
ริมข้างๆ จะตั้งตู้ไม้แบบนี้ให้ ชั้นบนสุดสูงมากค่ะ ทีมงานต้องเอื้อมกันสุดมือถึงจะสามารถหยิบของได้
ลึกเข้าไป ก็เป็นส่วนของห้องน้ำส่วนตัวแล้วค่ะ
ห้องน้ำห้องนี้จะพิเศษกว่าห้องที่ผ่านมาคือ มีอ่างจากุชชี่มาให้ แทนห้องอาบน้ำระบบ hand shower ค่ะ ส่วนชักโครก อ่างล้างหน้า รวมถึงสุขภัณฑ์อื่นๆ จะมีหน้าตาเหมือนกับห้องอื่น
ขนาดห้องน้ำไม่กว้างใหญ่มาก เครื่องสุขภัณฑ์ต่างๆ จะจัดอยู่ในบริเวณใกล้กัน ไม่มีแพทติชั่นให้
พื้นปูกระเบื้องผิวด้านสีดำ ธรณีประตูสูงกันน้ำไหลเปรอะที่แต่งตัว
โซนแห้งค่ะ
ลักษณะอ่างล้างหน้า มีพื้นที่ให้วางของได้
ก้นอ่างลึกเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า สะดือเป็นแบบกดป๊อปอัพ
ด้านล่างอ่างเปิด-ปิดได้ 2 บาน ฝั่งหนึ่งเป็นที่สำหรับวางระบบท่อระบายน้ำ ส่วนอีกฝั่งเป็นพื้นที่สำหรับเก็บของค่ะ
หน้าตาก็อกน้ำค่ะ
มีปลั๊กไฟข้างอ่างล้างหน้า
ชักโครกข้างอ่างล้างหน้า
ริมผนังผลุบเข้าไปเป็นที่วางของ
โซนอาบน้ำเป็นอ่างจากุชชี่
ลักษณะอ่างตามยาวค่ะ
เป็นสุขภัฑ์ของ COTTO เช่นกันค่ะ
ก็อกน้ำ ฝักบัว และที่ปรับระดับน้ำอยู่ด้านบนอ่างแบบนี้
หน้าตาฝักบัว ติดมากับตัวอ่างค่ะ
ก็อกน้ำ
ที่หมุนปรับระดับน้ำ หมุนง่ายรับกับรูปมือ
มีคำเตือนการใช้งานบอกที่ข้างอ่าง ส่วนสะดืออ่างเป็นป็อปอัพแบบกด
Environment
สภาพแวดล้อมโครงการ The Unique Eakamai-Ramintra
โครงการ The Unique Eakamai-Ramintra อยู่ใกล้ห้างและคอมมูนิตี้ มอลล์ อย่าง CDC
และเซ็นทรัลอีสต์วิลล์ ถือว่าใกล้ความเจริญ ความสะดวกสบาย แต่ในทางกลับกัย การเดินทางก็ยังค่อนข้างลำบากค่ะ เนื่องจากระแวกโครงการไม่มีรถสาธารณะวิ่งผ่านเลย ต้องอาศัยรถส่วนตัว และรถแท็กซี่เท่านั้น
- CDC
หากวิ่งมาทาง ถนนเรียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ จะเจอ CDC (crystal design center) คอมมูนิตี้ มอลล์ขนาดใหญ่ อยู่ติดถนน สังเกตง่าย รวบรวมไว้ทั้งร้านอาหาร ร้านค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ตให้ได้เดินเล่นกัน ส่วนฝั่งตรงข้าม เยื้องๆ กันจะเป็นเซ็นทรัลอีสต์วิลล์ค่ะ
ด้านหน้ามีทางเดินร่มรื่น สามารถเดินไปได้ ไม่ไกลจากสำนักงานขายมากค่ะ
- ร้าน Furry tail
ถัดจาก CDC จะมีร้าน Furry tail อยู่ด้านหน้า
- บริษัทแหลมทอง จำกัด
ต้นซอยเป็นที่ตั้งของ บริษัท แหลมทอง จำกัด ค่ะ
- max value
มี max value ตั้งอยู่ในซอย
- ศูนย์ยางยนต์ Continental
และเมื่อเข้าซอยมาจนใกล้ถึงที่ตั้งสำนักงานขาย ก็จะเจอ ศูนย์ยางยนต์ Continental ค่ะ
- ทางเข้าซอยลาดพร้าว 87
ซอย 87 ทางถนนลาดพร้าวหากวิ่งมาทาง ถนนลาดพร้าว ให้เลี้ยวเข้าซอยลาดพร้าว 87 ค่ะ
- ร้านสะดวกซื้อ Family mart
ซอย 87 ทางถนนลาดพร้าว 03 ภายในซอยคึกคักค่ะ มีร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้ออยู่ทั้ง 2 ข้างทาง
- ร้านสะดวกซื้อ 7⁄11
ซอย 87 ทางถนนลาดพร้าว 04
Analysis
วิเคราะห์โครงการ The Unique Eakamai-Ramintra
ทำเล : อยู่ในย่านที่การเดินทางค่อนข้างลำบาก ต้องอาศัยรถส่วนตัวและแท็กซี่เท่านั้นค่ะ แต่หากพูดถึงการสัญจรจะเป็นไปอย่างสะดวก เพราะทางผ่านโครงการเป็นถนนใหญ่ ทางตรง ไม่ค่อยมีแยก หรือสัญญาณไฟจราจรให้หงุดหงิด
สภาพล้อมแวดล้อม : บรรยากาศโดยรอบค่อนข้างสงบ เงียบ เนื่องจากตัวโครงการอยู่ในซอย ห่างจากถนนหลักพอสมควร แต่ก็ไม่ลำบากเกินไปที่จะออกไปหาความสบายตามคอมมูนิตี้ มอลล์ หรือห้างสรรพสินค้าค่ะ
แบบห้อง : มีให้เลือกไม่มากนัก แต่ละแบบห้องมีลักษณะการตกแต่งคล้ายๆ กัน โดยห้องใหญ่จะอยู่ในส่วนของอาคาร B ค่ะ
สิ่งอำนวยความสะดวก : เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการส่วนกลาง เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทางโครงการมีให้ มีเพียงสระว่ายน้ำกลางแจ้งกับห้องฟิตเนสให้เท่านั้น
ราคา : อาจจะด้วยทำเลที่ห่างจากตัวเมืองค่อนข้างมาก และสิ่งอำนวยความสะดวกไม่เยอะเท่าโครงการอื่นๆ ทั่วไป ทำให้ราคาของโครงการไม่สูงมากนัก สามารถจับต้องได้ค่ะ
โครงการนี้เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความเงียบสงบ หลีกหนีจากความวุ่นวายของเมืองหลวง หรือคนที่ทำงานอยู่ระแวกเอกมัย-รามอินทรา แล้วไม่อยากไปเจอสภาพการจราจรที่ติดขัดค่ะ ที่สำคัญเหมาะกับคนที่มียานพาหนะส่วนตัว เพื่อสะดวกในการเดินทาง เนื่องจากย่านนี้ไม่มีรถโดยสารประจำทาง รถไฟฟ้า BTS หรือแม้กระทั่งรถไฟใต้ดิน หากใครที่ไม่มีรถส่วนตัว คงต้องพึ่งพาแท็กซี่อย่างเดียวค่ะ