[Review] The Politan Breeze คอนโดมิเนียมสวย ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ย่านสนามบินน้ำ เดินทางง่ายใกล้รถไฟฟ้า MRT พระนั่งเกล้า 350 ม.
ซอยนนทบุรี 15 ถนนสนามบินน้ำ ตำบลบางกระสอ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี
Everland (เอเวอร์แลนด์)
Review Info
ข้อมูลโครงการ The Politan Breeze
The Politan Breeze เป็นคอนโดมิเนียมสวย ติดริมแม่น้ำเจ้ายา ซึ่งมีเจ้าของเดียวกับ The Politan Rive ค่ะ แต่ด้วยอารมณ์ ความรู้สึกยามอยู่อาศัยที่แตกต่างกัน The Politan Breeze จึงกลายเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจ สำหรับผู้ที่ต้องการคอนโดมิเนียม low rise ในราคาเกินคุ้ม ทำให้ EVERLAND บริษัทผู้พัฒนา สามารถจับกลุ่มลูกค้าได้ถึง 2 กลุ่ม ในเวลาเดียวกัน นับเป็นการตลาดที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี
ชื่อโครงการ
The Politan Breeze
ผู้พัฒนา
Everland
ราคาเริ่มต้น
1.65 ล้านบาท
ราคาเฉลี่ยทั้งโครงการ
57,000 บาท / ตร.ม.
เว็บไซต์โครงการ
http://www.thepolitancondo.com/breeze/
เบอร์ติดต่อ
02-002-2222
Location
ที่ตั้งโครงการ
โครงการตั้งอยู่ถนนสนามบินน้ำติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา
แผนที่จาก Google จะเห็นว่าโครงการมีทางเข้าได้ 2 ทางคือฝั่งถนนสนามบินน้ำ และถนนรัตนาธิเบศร์ โดยมีโครงการ The Politan Rive อยู่ติดกัน แต่สองโครงการนี้จะแยกส่วนกันชัดเจน ไม่มีอาณาบริเวณและส่วนกลางร่วมกัน
หากขับรถมาทางถนนรัตนาธิเบศร์ โดยวิ่งมาจากแคราย ต้องไปกลับรถใต้สะพานพระนั่งเกล้าก่อน เพราะสี่แยกถนนรัตนาธิเบศร์ตัดถนนสนามบินน้ำ ถูกกั้นไม่ให้มีการเลี้ยว
เมื่อกลับรถแล้ว หรือวิ่งมาจากสะพานพระนั่งเกล้า ให้เตรียมตัวเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนสนามบินน้ำ
ตรงมาสักพักจะเจอ ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท อยู่ในระหว่างการก่อสร้างทางขวามือ
ตรงมาสักพักจะเจอกับป้ายโครงการ เป็นรูปพีระมิด ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางเข้าข้างหน้าได้เลย ซึ่งทางเข้าตรงนั้นจะเป็นซอยนนทบุรี 15
เลี้ยวเข้าไปในซอยนนทบุรี 15 ได้เลย
ตรงมาซักจะเจอแยก ซึ่งถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปออก ถ. รัตนาธิเบศร์ จะเห็นว่าดครงการนี้จริง ๆ แล้วมีทางเข้าออก 2 ทาง สำหรับเข้าโครงการให้ขับตรงไปเลย
เลือกเส้นทางขวามือเข้าสำหนักงานขาย ส่วนที่กำลังก่อสร้างเป็นของ The Politan Rive
เลี้ยวซ้ายเข้าสำนักงานขาย
ถนนเข้าโครงการสองเลนสวนกันได้สบาย พื้นผิวดีไม่มีหลุมบ่อ
จะเจอกับสำนักงานขายใหญ่โตและสวยงามทีเดียว
Insight
เจาะลึกภาพรวมโครงการ
The Politan Breeze
เป็นคอนโดมิเนียม 8 ชั้น 4 อาคาร (อาคารสีเหลือง) ตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกับ
The politan Rive
โดยจะมีสำนักงานขายตั้งอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 โครงการค่ะ
ภาพจำลองบรรยากาศโครงการ ซึ่งอาคาร A และ B จะตั้งอยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ห้องมุมสามารถชมวิวของแม่น้ำได้อย่างชัดเจน สระว่ายน้ำตั้งกลางโครงการ ส่วนด้านหลังอาคาร C และ D จะติดกับอาคารจอดรถแทน
การเดิน
ทางก็ไปได้อย่างสะดวก ทั้งจากทางถนนสายหลักที่วิ่งผ่านหน้าโครงการ หรือจะใช้บริการรถไฟฟ้า BST สายสีม่วง ลงสถานีพระนั่งเกล้า ซึ่งห่างจากโครงการเพียง 500 เมตรเท่านั้น ใกล้ๆ กันก็เป็นท่าเรือพระนั่งเกล้าค่ะ
เมื่อผู้อ่านได้เห็นหน้าตาโมเดลตัวโครงการกันไปแล้ว คราวนี้มาดูรายละเอียดแปลนอาคารคร่าวๆ กันต่อดีกว่าค่ะ ว่าแต่ละที่ตั้งอยู่ส่วนไหนของอาคารบ้าง
ลักษณะการจัดวางโครงการ จะตั้งเรียงกันเป็นรูปตัวยู (U) หันหัวไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา มีสระว่ายน้ำ สวนหย่อมอยู่ตรงกลาง โดยอาคาร A และ B จะเป็นสองอาคารที่มีทำเลดีใกล้ชิดธรรมชาติ ซึ่ง 2 อาคารนี้จะเป็นห้องพักแบบ 2 ห้องนอนทั้งหมด หากใครอยากชมวิวแม่น้ำสวยๆ คงจะถูกใจ
แต่หากใครต้องการความสะดวก เข้า-ออกโครงการง่าย แนะนำให้พักอยู่อาคาร C และ D ค่ะ เนื่องจากใกล้อาคารจอดรถ ติดถนนใหญ่ สามารถมุ่งหน้าสู่ซอยนนทบุรี 15 ได้เลย
สำหรับสิ่งอำนวยความสะดวกก็มีหลากหลายตามที่คอนโดมิเนียมทั่วไปควรจะมี เช่น Main Lobby ,ห้องฟิตเนส ,สระว่ายน้ำกลางแจ้ง ,สระว่ายน้ำเด็ก และห้องสมุด เป็นต้น
Main Lobby ตกแต่งสไตล์โมเดิร์น หรูหราด้วยกระเบื้องลายหินอ่อน รับกับเฟอร์นิเจอร์สีเอิร์ธโทน เพิ่มความโปร่ง โล่ง สบาย ด้วยการยกเพดานให้สูง ติดไฟวอร์มไลท์ไว้โดยรอบบริเวณ มีโซฟาตั้งอยู่กลางห้อง สำหรับผู้ที่ต้องการใช้บริการ
ห้องฟิตเนสขนาดกลางตั้งอยู่ที่ชั้น 1 ของอาคาร B เพดานยกสูง จะได้ไม่สร้างความอึดอัดให้กับผุ้ใช้บริการ ส่วนผนังด้านข้างทำเป็นกระจกใส เผยให้เห็นบรรยากาศของสระว่ายน้ำกลางแจ้งที่อยู่ตรงกลางของโครงการ ทั้งยังช่วยเพิ่มความสว่างให้แก่ห้อง
ห้องสมุดก็อยู่ที่ชั้น 1 ของอาคาร B ข้างๆ ห้องฟิตเนสค่ะ โดยผนังด้านข้างก็ทำเป็นกระจกใจเปิดรับแสงเต็มที่ ติดไฟทั่วบริเวณ เพื่อให้แสงสว่างที่เพียงพอต่อการอ่านหนังสือ เพดานสูงแบบ Double Volume มีบันไดวนเพื่อขึ้นไปยังพื้นที่ชั้น 2
สระว่ายน้ำผู้ใหญ่พร้อมอ่างจากุชชี่ และสระว่ายน้ำเด็ก ตั้งตรงอยู่กลางโครงการ ล้อมรอบด้วย 4 อาคาร มีการปลุกต้นไม้แซมรอบสระ เพื่อเพิ่มความร่นรื่น ความสดชื่นให้กับบริเวณนี้ด้วย
หรือใครไม่อยากว่ายน้ำก็มาพักผ่อนหย่อนใจที่สวนข้างๆ ได้ มีเก้าอี้จัดไว้เป็นจุดๆ เป็นส่วนตัว ให้นั่งพักผ่อน นั่งชมวิวบริเวณโดยรอบอาคารที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ดูร่มรื่น และไม่ต้องกลัวร้อนค่ะ เพราะทางโครงการก็ได้ทำที่บังแดดไว้ให้เช่นกัน
ต่อไปจะเป็นแปลนของแต่ละอาคารค่ะ ซึ่งรูปแบบอาคารทั้ง 4 อาคารจะเหมือนกันเป็นรูปตัวไอ (I) หันระเบียงเข้าหากัน มีลิฟท์โดยสาร 1 ตัว และลิฟท์บริการอีก 1 ตัว เท่ากันทุกอาคาร โดยสิ่งอำนวยความสะดวกจะกระจายออกไปตามอาคารต่างๆ ค่ะ
อาคาร A
สำหรับชั้น 1
ระเบียงจะหันไปทางทิศเหนือ ยกเว้นห้องมุมขนาด 60 ตารางเมตร (ห้อง13) ที่ระเบียงจะยาวไปทางทิศตะวันตกด้วย ทำให้ผู้อาศัยสามารถชมบรรยากาศของแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น ด้านขวามืออาคารเป็น Main lobby และโถงลิฟท์ ประกอบด้วยลิฟท์โดยสาร 1 ตัว และลิฟท์บริการอีก 1 ตัว (ซึ่งเท่ากันทุกอาคาร) ส่วนฝั่งตรงข้ามห้องพักจะเป็นลานจอดรถสามารถจอดได้ 24 คันค่ะ
ต่อมาในชั้น 2 มีห้องพักอาศัยเต็มทั้งชั้น 17 ยูนิต ซึ่งภายในชั้นจะคละแบบห้องกัน มีทั้งห้องพักขนาด 43 ตารางเมตร จำนวน 4 ยูนิต ห้องขนาด 53 ตารางเมตร 10 ยูนิต และห้องมุมติดแม่น้ำเจ้าพระยา ขนาด 60 ตารางเมตร จำนวน 2 ยูนิต โดยห้องหมาย 2 ก็เป็นห้องมุมเช่นกันแต่มีขนาด 48 ตารางเมตรค่ะ
แปลนชั้น 3-8 รูปแบบเหมือนกับชั้น 2 แต่เพิ่มห้องขนาด 43 ตารางเมตร (ห้องหมายเลข 1 ) มา 1 ยูนิตค่ะ
อาคาร B
มาที่อาคาร B กันต่อ ซึ่งจะตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามอาคาร A ค่ะ ทางทิศเหนือของอาคารเป็นที่สำหรับจอดรถ 19 คัน ห้องชุดพักอาศัยจำนวน 5 ยูนิต แบ่งเป็นห้องมุมขนาด 60 ตารางเมตร จำนวน 2 ห้อง และห้องพักขนาด 50 ตารางเมตร อีก 3 ห้อง โดยห้องทั้งหมดจะเป็นแบบ 2 ห้องนอนค่ะ รวมถึงมี Main lobby ,ห้องฟิตเนสขนาดกลาง ,โถงลิฟท์ และห้องสมุดที่ติดกับโซนสระว่ายน้ำส่วนกลางด้วยค่ะ
โดยชั้นสองจะมีห้องพักอาศัยเป็นหลักทั้งขนาด 43 , 50 ตารางเมตร และห้องมุมขนาด 60 ตารางเมตรค่ะ
สำหรับชั้น 3-8 ของอาคาร B ก็มีลักษณะเหมือนชั้น 2 ค่ะ แค่เพิ่มห้องหมายเลข 17 ขนาด 43 ตารางเมตรเข้ามา
อาคาร C
ในส่วนของชั้น 1 อาคาร C จะเป็นลานจอดรถทั้งหมด จอดได้ 42 คัน โดยมี Main lobby และโถงลิฟท์อยู่ทิศใต้ ฝั่งซ้ายมือ
ห้องพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 2 ของอาคารค่ะ ซึ่งจะเป็นแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 29 ตารางเมตรทั้งหมดจำนวน 21 ห้อง
ชั้น3-8 ก็เป็นห้องขนาด 1 ห้องนอน 29 ตารางเมตรเช่นกันค่ะ แต่เพิ่มจำนวนห้องเป็น 23 ห้องเท่านั้น
อาคาร D
ชั้น 1 ของอาคาร D แบ่งออกเป็น 2 ส่วนค่ะ คือส่วนของลานจอดรถทางทิศเหนือ สามารถจอดได้ 20 คัน และส่วนของห้องพักอาศัยทางทิศเหนือจำนวน 8 ห้อง ซึ่งจะเป็นแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 29 ตารางเมตรทั้งหมด โดยจะมี Main lobby และ โถงลิฟท์อยู่ตรงบริเวณนี้ด้วย
สำหรับชั้น 2 จะมีลักษณะคล้ายกับชั้น 2 ของอาคาร C ค่ะ แค่สลับกระจกกันเท่านั้น ภายในชั้นมีห้องพักขนาด 29 ตารางเมตรเต็มทั้งชั้น จำนวน 21 ห้อง
ชั้น 3-8 ก็มีหน้าตาเหมือนชั้นสองค่ะ แค่เพิ่มห้องพักมา 2 ห้อง
อาคารจอดรถ
สำหรับอาคารจอดรถจะอยู่ติดถนนสายหลัก เมืองนนทบุรี เพื่อความสะดวกในการเข้า-ออกอาคารค่ะ โดยจะอยู่ใกล้กับอาคาร C และ D ซึ่งในส่วนชั้น 1 ของอาคารจอดรถก็จะมีที่จอดสำหรับรถจักรยานยนตร์ไว้รองรับด้วย
โครงการทำพื้นที่สำหรับจอดรถไว้เป็นสัดส่วน มีทางเข้า-ออกชัดเจน ซึ่งรวมจำนวนที่จอดรถทั้งหมดคิดเป็น 58% หรือประมาณ 343 คันค่ะ
Showroom
สำนักงานขาย
จากที่ได้ดูแปลนตัวอย่างไปเรียบร้อยแล้ว โครงการ The Politant Breeze ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าจับตามองทีเดียว ด้วยราคาที่ไม่แพง แต่กับมีสิ่งอำนวยสะดวกเทียบเท่ากับคอนโดมิเนียมอื่นๆ และอย่างไรก็ตาม เราลองไปดู Showroom และห้องตัวอย่างจากสถานที่จริง เพื่อประกอบการพิจารณากันอีกทีดีกว่าค่ะ
โครงการ
The Politan Rive
กำลังอยุ่ในระหว่างการก่อสร้างค่ะ โดยสำนักงานขายนั้นจะเป็นจุดเดียวกับ โครงการ
The Politan Breeze
ซึ่งเป็นโครงการพี่น้อง ตั้งอยู่ใกล้ๆ กันค่ะ
ด้านหน้าทางเข้าสำนักงานขายกว้างขวาง รูปแบบภายนอกอาคารมีความโมเดิร์น แฝงไปด้วยความเท่ห์ของรูปทรงเลขาคณิต ทำให้ตัวสำนักงานดูมั่นคง แข็งแรงค่ะ
มีลานจอดรถอยู่ด้านหน้าสำนักงานเลยค่ะ ไม่ต้องเดินไกล เพิ่มความร่มรื่นโดยการปลูกต้นไม้แซมตามส่วนต่างๆ ของอาคาร แต่เนื้อที่ลานจอดรถก็ไม่ได้เยอะมาก ดูแล้วไม่น่าจะจอดซ้อนคันได้ค่ะ
เมื่อสำรวจบริเวณรอบๆ สำนักงานขาย จะเจอสระน้ำขนาดใหญ่ ด้านในเป็นที่นั่งวงกลม สร้างไว้อย่างสวยงาม เป็นจุดดึงดูดให้หลายคนต้องหันมามองแและต้องเข้าไปลองนั่งสักครั้ง เมื่อมาถึง
มีการลงต้นไม้ไว้ด้านข้างสำนักงาน ซึ่งหากต้นไม้เติบโตขึ้นมากกว่านี้ คงร่มรื่นน่าดูค่ะ เพราะได้ร่มเงามาช่วยบังแดดที่ส่องกระทบตัวสำนักงานได้อย่างพอดิบพอดี
ด้านทิศตะวันตกของโครงการจะติดริมแม่น้ำเจ้าพระยาค่ะ
ซึ่งทางโครงการได้สร้างสวนหย่อมไว้ตลอดแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ช่วงเย็นหลังอาทิตย์หมดแสง ก็สามารถมาเดินรับลมเย็นๆ กันได้ หรือใครชื่นชอบการวิ่งออกกำลังกาย ก็มาวิ่งตรงจุดนี้ได้ วิ่งพลาง ชมวิวสวยๆ ไปพลาง ทำให้เรามีความสุขกับการออกกำลังกายยิ่งขึ้นไปอีกค่ะ
ด้านข้างสำนักงานขาย เป็นส่วนของการดำเนินงานก่อสร้างโครงการ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาสแรกของปี 2562 ต้องอดใจรอกันหน่อยค่ะ
คราวนี้เราเข้าไปดูในสำนักงานขายกันดีกว่าค่ะ ทางเข้าสำนักงานยกสูง มีการจัดที่นั่งไว้ให้ด้วย
ประตูกระจกบานใหญ่ กรอบฉาบสีทอง ทำให้สำนักงานดูกว้าง โล่ง สว่าง แต่ยังคงมีความเป็นส่วนตัวโดยการใช้กระจกสีเข้มแทนที่จะเป็นกระจกใสแบบธรรมดาค่ะ
เมื่อเข้ามายังด้านใน การตกแต่งมีความหรูหรา เพดานสูงโปร่ง ไม่อึดอัด และเนื่องจากการตกแต่งส่วนใหญ่เน้นความแข็งแรง รูปทรงแบบเหลี่ยม สีหลักเป็นสีดำ น้ำตาล ทอง จึงมีการดรอปฝ้าซ่อนไฟไว้ด้านในตามสไตล์โรงแรม เพื่อลดความกระด้างของห้อง ทำให้ห้องดูนุ่มนวลขึ้นค่ะ
พื้นปูกระเบื้องลายหินอ่อน ตัดกับโครงสร้างอาคารที่เน้นสีดำ น้ำตาล ทอง ส่วนโซฟารับรอง มีจำนวนมาก ตั้งยาวตลอดทางเดิน
โดยในส่วนของห้องตัวอย่างจะมีด้วยกันทั้งหมด 4 ห้อง แบ่งออกเป็นชั้นล่าง 2 ห้อง และชั้นบนอีก 2 ห้องค่ะ
ตรงเข้าไปเป็นส่วนที่ตั้งโมเดลแบบจำลองโครงการทั้งสองโครงการ โดยวันนี้เราจะชมในส่วนของห้องตัวอย่าง
โครงการ The Politan Breeza
กันค่ะ ซึ่งจะประกอบด้วยห้องเล็กขนาด 1 ห้องนอน 29 ตารางเมตรและห้องใหญ่ขนาด 2 ห้องนอน 60 ตารางเมตร ที่ทางโครงการได้ตกแต่งไว้อย่างเรียบร้อยสวยงาม เป็นไอเดียให้แก่ผู้ที่จะมาพักอาศัย โดยเฟอร์นิเจอร์บางส่วนอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต ตามเงื่อนไขของโครงการค่ะ
1BR 29 sq.m.
ห้องตัวอย่าง 1 ห้องนอน 29 ตร.ม.
ภายในห้องประกอบด้วย 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ มีห้องนั่งเล่นและห้องครัวแบบปิดอยู่ด้านในค่ะ ซึ่งเมื่อเราเปิดประตูห้องเข้ามา จะพบกับห้องนั่งเล่นก่อนเป็นอันดับแรก ซึ่งจะเชื่อมต่อไปยังห้องครัวด้านใน ส่วนขวามือจะเป็นห้องน้ำ ลึกเข้าไปก็เป็นส่วนของห้องนอนที่เชื่อมกับระเบียงเล็กๆ ด้านนอกค่ะ
ห้องแรกที่เราจะได้ชมกันเป็นห้องนั่งเล่นขนาดกลาง ผนังติดวอลล์เปเปอร์สีพื้นที่ทางโครงการแถมให้ พื้นปูด้วยไม้ลามิเนตสีอ่อน ติดไฟ downligh ทรงสี่เหลี่ยมทั่วห้อง พื้นที่ระหว่างโซฟากับโทรทัศน์ค่อนข้างเยอะ ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตร ทำให้อาณาเขตห้องดูกว้างขวางขึ้น และเมื่อมองตรงไปจะเห็นห้องครัวและห้องนอนอยู่ติดกัน มีประตูปิดมิดชิดเพื่อความเป็นส่วนตัว
ทางโครงการได้นำโซฟาขนาดกลาง 3 คนนั่ง มาตั้งตกแต่งห้องนั่งเล่น ให้ดูสวยงามพร้อมอยู่ ด้านหลังติดกระจกเพิ่มลวดลายให้ห้องมีมิติ ไม่ซ้ำซากจำเจ ทั้งยังเพิ่มความกว้างให้กับตัวห้องได้อีกวิธีหนึ่ง ซึ่งห้องจริงทางโครงการจะขายแบบ
Fully Fitted
ไม่มีเฟอร์นิเจอร์ตรงส่วนนี้ให้นะคะ
ไฟเป็นแบบ down light ทรงสี่เหลี่ยมแบบนี้เหมือนกันทั้งห้องค่ะ
หน้าตาสวิตซ์ไฟเปิด-ปิดง่าย
ปลั๊กไฟเป็นแบบมาตรฐาน กระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ในห้อง
สำหรับเครื่องปรับอากาศที่ทางโครงการติดตั้งมาให้ จะเป็นแบบติดผนังของ Toshiba จำนวน 2 ตัว อยู่ที่ห้องนั่งเล่น 1 ตัว และที่ห้องนอนอีก 1 ตัวค่ะ
ฝั่งตรงข้ามโซฟา เป็นชั้นสำหรับวางโทรทัศน์ ที่ Built in มาพร้อมกับชั้นวางของและตู้เก็บของด้านของ ไว้เป็นไอเดียให้กับผู้ที่จะมาพักอาศัย โดยผนังด้านหลังได้เดินระบบไฟฟ้า มีปลั๊กไฟพร้อมปลั๊กสัญญาณไว้ให้เรียบร้อย โทรทัศน์ตั้งอยู่ในระดับสายตา นั่งดูที่โซฟาได้สบายๆ
ชั้นวางเป็นกระจกใส ต้องระมัดระวังเวลาวางของ เพราะมีความเสี่ยงในการชำรุดสูงกว่าชั้นแบบอื่น
ชั้นวางเป็นแบบเปิดโล่ง เหมาะแก่การตั้งโชว์ของสะสมสวยๆ ค่ะ
ส่วนห้องครัวจะอยู่ลึกเข้าไป ต่อจากห้องเล่นค่ะ มีแพทติชั่นกั้นไว้อย่างมิดชิด ป้องกันกลิ่นอาหารเข้ามารบกวนพื้นที่อื่นในห้อง ส่วนพื้นปูด้วยกระเบื้องแผ่นใหญ่ สามารถเช็ดล้างทำความสะอาดง่าย แต่ร่องกระเบื้องปูไว้ค่อนข้างห่าง ทำให้อาจเกิดคราบสกปรกฝังอยู่ตามร่องกระเบื้องได้ง่าย ต้องระวังค่ะ
สำหรับขนาดห้องครัวไม่กว้างมากนัก เหมาะกับการทำมื้ออาหารขนาดเล็ก ช่วยกันทำสักคนสองคนก็เต็มพื้นที่ครัวแล้วค่ะ เพราะถ้ามากกว่านั้น อาจทำให้ลำบากเวลาเข้าครัว เนื่องจากพื้นที่สำหรับเตรียมอาหารตรงชุดครัวก็เล็กตามไปด้วยเช่นกัน
แพทติชั่นเป็นประตูกระจกบานเลื่อนเดี่ยว บวกบานปิดตาย ในลักษณะเลื่อนไปทางขวา แยกโซนห้องครัวกับห้องนั่งเล่นออกจากกัน
ในห้องตัวอย่าง ทางโครงการเลือกใช้ชุดครัว Hi gross มาตกแต่งไว้ให้เป็นตัวอย่าง เป็นไอเดียสำหรับคนที่อยากตกแต่งครัวของตนเอง แต่สำหรับห้องจริงแบบ 1 ห้องนอนนั้น ชุดครัวที่ได้รับจะเป็นของ Starmark Top ด้วยหินสังเคราะห์สีดำแทนค่ะ
เคาน์เตอร์ครัวเป็นพื้นที่วางเตาไฟฟ้าขนาด 2 เตา กับซิงค์ล้างจานสแตนเลส มีพื้นที่ให้เตรียมอาหารได้พอประมาณ กำลังพอดีกับอาแถมด้านหลังก็เป็นที่วางตู้เย็นขนาดประมาณ 9 คิวอีกด้วย
ซิงค์ล้างจานสแตนเลสทรงสี่เหลี่ยมก้นลึก ฝังลงไปกับชุดครัว ด้านข้างเก็บรายละเอียดงานได้ดี ไม่มีช่องโหว่ รอยต่อของขอบอ่าง ช่องของตะแกรงกันเศษอาหารด้านล่างแคบ ป้องกันเศษอาหารอุดตันท่อได้อย่างดี
ตัวก็อกซิงค์เป็นแบบก้านโยก หมุนเปิด-ปิด คอยกสูง อาจทำให้เกิดการกระเด็นของน้ำง่าย
มีตู้อเนกประสงค์อยู่ด้านบนเหนือซิงค์ล้างจานขึ้นไป คนที่ตัวเล็กอาจจะลำบากในการใช้งาน ต้องเอื้อมเพื่อหยิบจับสิ่งของ อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายค่ะ และติดไฟดวงเล็กไว้ใต้ตู้ เพิ่มความสะดวกเวลาประกอบอาหาร
ส่วนด้านล่างก็มีชั้นให้เก็บของเช่นกัน แต่เพิ่มช่องว่างสำหรับวางไมโครเวฟไว้ให้ (แต่ทางโครงการจะใช้วางเตาอบ Oven แทน) ซึ่งการที่ช่องใส่ไมโครเวฟอยู่ด้านล่างนั้น จะปลอดภัยต่อผู้ใช้งานมากกว่าอยู่ด้านบน เนื่องจากเวลายกอาหารจะได้ไม่ต้องเอื้อม ไม่ต้องเขย่งค่ะ
ส่วนระเบียงจะยื่นออกไปจากห้องครัวอีกทอดหนึ่งค่ะ มีแพทติชั่นปิดมิดชิดเช่นกัน เวลาทำอาหารสามารถเลื่อนเปิดระบายกลิ่น ระบายควันออกไปทางระเบียงได้เลย
ตรงประตูบานเลื่อน ทำธรณียกสูงขึ้นมาจากระดับพื้นครัวพอสมควร ป้องกันไม่ให้น้ำจากนอกห้องไหลเข้ามาสู่ด้านใน
แพทติชั่นตรงระเบียงมีหน้าตาเหมือนตรงห้องครัวค่ะ ส่วนพื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องแผ่นใหญ่ สีเทาสกปรกยาก
ที่ล็อกดูแข็งแรง ไม่โยก ไม่หลุดง่ายๆ
พื้นที่ระเบียงขนาดไม่ใหญ่มาก ยิ่งวางเครื่องซักผ้าไว้ด้านนอกอย่างนี้ ยิ่งกินพื้นที แทบจะไม่สามารถใช้ประกอบการทำกิจกรรมอย่างอื่นได้
มีระบบท่อน้ำติดไว้ให้เรียบร้อย
นอกจากนั้น ด้านบนยังเป็นที่แขวนคอมแอร์ทั้งสองตัวค่ะ
ราวกันตกเป็นเหล็กสีอบดำ สูงประมาณ 1.2 เมตร ถือว่าอยู่ในระดับมาตรฐาน ปลอดภัยในระดับหนึ่งค่ะ แต่หากเป็นคนที่มีส่วนสูงมากๆ ก็อาจจะยังมีอาการหวาดเสียวปนอยู่
ห้องน้ำใหญ่ตั้งอยู่ทางขวามือของประตูห้อง ภายในมีเครื่องสุขภัณฑ์มาให้ครบทั้ง อ่างล้างหน้า ชักโครก และมีการแยกโซนห้องอาบน้ำออกจากโซนแห้งให้เรียบร้อย
สำหรับสุขภัณฑ์เป็นเกรดพรีเมี่ยมของ
Cristina อ่างล้างหน้ารูปทรงสี่เหลี่ยม ก้นอ่างลึก มีพื้นที่หน้าอ่างสำหรับวางของเล็กๆ ก็อกเป็นแบบก้านโยก ใช้งานง่าย ส่วนด้านล้างเป็นตู้เก็บของค่ะ ข้างๆ เป็นชักโครกของ Cristina เช่นกัน มีสายฉีดชำระและที่ใส่กระดาษทิชชู่ เหนืออ่างล้างหน้าและชักโครก ติดกระจกส่องหน้าขนาดมาตรฐานครบชุด
พื้นห้องน้ำ รวมไปถึงผนัง ฉาบด้วยกระเบื้องเซลามิคสีเทาแผ่นใหญ่ ซึ่งถือว่าเป็นข้อดีสำหรับการสร้างห้องน้ำ เพราะจะลดจำนวนร่องกระเบื้อง ลดการเกิดคราบสกปรกที่ฝังตามร่องได้ค่ะ
สำหรับห้องอาบน้ำ แบ่งโซนเปียกและโซนแห้งด้วยประตูกระจกบานสวิง ที่พื้นยกสูงขึ้นกันน้ำไหลนองไปยังโซนแห้ง ที่จับสามารถแขวนผ้าขนหนูได้
ห้องอาบน้ำเป็นแบบ 2 ระบบ มีทั้งระบบ rain shower และ hand shower มีที่ปรับระดับน้ำ พร้อมก็อกน้ำฝังกำแพงแบบก้านโยก และที่วางสบู่มาให้ในตัว สำหรับหน้าตาฝักบัวเป็นทรงกระบอกยาว ต้องจับดีๆ ค่ะ ไม่งั้นอาจลื่นหลุดมือง่าย
ทางเข้าห้องน้ำจะเชื่อมกับห้องนอนแบบนี้ค่ะ ประมาณว่าเป็นห้องน้ำส่วนตัวนั้นเอง ซึ่ง ณ จุดนี้จะมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ในส่วนของข้อดีคือ ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูง มีความสะดวกสบาย สามารถเดินเข้าจากห้องนอนได้เลย แต่ในเวลากลับกัน หากมีแขกมาหาที่ห้อง นั้นก็หมายความว่า แขกจะต้องเดินผ่านห้องนอนเราเช่นกันค่ะ
ห้องนอนตกแต่งด้วยโทนสีอ่อน สีเอิร์ธโทน ดูสบายตาเมื่อได้เห็น ไฟเป็นแบบ downlight ตรงฝ้าเพดานทำการดรอปฝ้าลงมาเป็น 2 ระดับ เพื่อซ่อนไฟไว้ด้านใน ทำให้ห้องดูละมุนเหมาะกับการนอนค่ะ ส่วนด้านริมห้อง มีระเบียงพักผ่อนเล็กๆ ยื่นออก ให้ยืนรับลมชมวิวได้ตามอัธยาศัย
พื้นปูด้วยไม้ลามิเนตสีอ่อนเช่นเดียวกับห้องนั่งเล่น
ไฟ downlight สี่เหลี่ยมด้านบน ทำไว้ให้สามารถปรับองศาแสงที่จะส่องลงมาได้ ซึ่งไม่ค่อยได้เห็นในคอนโดมิเนียมทั่วไป เป็นลูกเล่นที่น่าสนใจ ตอบโจทย์การนอนได้เป็นอย่างดี
เตียงที่นำมาตั้ง มีขนาด 5 ฟุต แต่พื้นที่โดยรอบเตียงก็ยังกว้างขวาง เหลือพอให้อัพเป็นขนาด 6 ฟุตได้สบายๆ ค่ะ
ทางโครงการตกแต่งตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง Built in มาให้ดูเป็นไอเดีย ซึ่งห้องจริงจะเป็นผนังติดวอลล์เปเปอร์สีพื้นเปล่าๆ ค่ะ
มีกระจกส่องหน้าตรงโต๊ะเครื่องแป้ง สูงขึ้นไปจนถึงเพดาน ส่วนข้างๆ ตั้งตู้เสื้อผ้าบานเปิด-ปิด เป็นกระจกมองเห็นภายใน ทำให้ห้องดูไม่อึดอัด ไม่ปิดทึบไปหมด
เมื่อมองกลับมาในห้อง จะเห็นเครื่องปรับอากาศติดผนังของ Toshiba ติดอยู่บริเวณเหนือประตูห้องนอน 1 เครื่อง
ส่วนระเบียงพักผ่อน กั้นด้วยประตูกระจก แบบบานเลื่อนคู่สลับบวกบานปิดตายอีกหนึ่งบาน เพื่อเปิดรับวิวในมุมมองที่กว้างขึ้นค่ะ
พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิคเช่นเดียวกับระเบียงห้องครัว ราวกันตกเป็นเหล็กสีอบดำ สูงประมาณ 1 เมตร
2BR 43sq.m.
ห้องตัวอย่าง 2 ห้องนอน ขนาด 43 ตารางเมตร
แบบ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ
มาต่อกันที่
ห้องที่ 2
กันเลยดีกว่าค่ะ ซึ่งการตกแต่งภายในห้องนี้จะไม่ได้แตกต่างอะไรจากห้องแรกมากนัก ซึ่งโครงการก็ขายห้องแบบ
Fully Fitted
เช่นกัน สิ่งที่ผู้อาศัยจะได้รับมี ชุดครัว top หินสังเคราะห์ , สุขภัณฑ์ในห้องน้ำแบบครบเซ็ต ,เครื่องปรับอากาศติดผนัง 3 ตัว ,ผนังห้องติดวอลล์เปเปอร์สีพื้น และไฟ downlight ค่ะ
เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะเจอห้องนั่งเล่นอยู่ตรงกลางห้อง และถูกประกบด้วยห้องนอนทั้งสองด้าน ด้านซ้ายมือจะเป็นโซนนั่งทานอาหารและห้องครัว ส่วนด้านขวามือเป็นห้องน้ำค่ะ
สวิตซ์ไฟกดง่าย หน้าตาเหมือนกับห้องแรก
ขนาดห้องนั่งเล่นกำลังพอดี ไม่กว้างไม่ใหญ่มาก โดยทางโครงการนำโซฟาและโต๊ะกลางมาตั้งไว้เป็นไอเดีย หากใครอยากได้พื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้น อาจจะลดทอนโต๊ะกลาง สดขนาดโซฟาก็ได้ค่ะ
พื้นเป็นไม้ลามิเนตสีอ่อน ฝ้าเพดานสูง 2.55 เมตรเท่ากันทั้งโครงการ ส่วนด้านริมเป็นระเบียงยื่นออกไปชมวิวภายนอกได้
เหนือโซฟาติดเครื่องปรับอากาศของ Toshiba ให้ 1 เครื่อง
ตรงข้ามโซฟาเป็นชั้นวางโทรทัศน์ built in พร้อมชั้นวางของในตัว เป็นการประหยัดเนื้อที่ห้อง ส่วนตรงผนังได้เดินระบบไฟฟ้า มีปลั๊กไฟฟ้า ปลั๊กสัญญาณมาให้เรียบร้อย
ระเบียงพักผ่อนมีประตูกระจกกั้น ตรงธรณีประตูยกสูงกันน้ำ กันสิ่งสกปรกเข้ามาในห้องค่ะ
กรอบอลูมิเนียมสีน้ำตาลเข้ม ที่กดล็อกแข็งแรง แน่นหนา
พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องเซรามิก ราวกันตกเหล็กสูงประมาณ 1 เมตร ซึ่งโครงสร้างจะเหมือนกับห้องแรกทุกประการค่ะ แต่ที่พิเศษคือ ระเบียงห้องนี้จะเชื่อมตั้งแต่ห้องนั่งเล่นทอดยาวไปถึงห้องนอน เป็นระเบียงเดียวกัน สามารถเดินไปยังห้องนอนได้สะดวก ทำให้ใช้ประโยชน์ได้เต็มพื้นที่
ฝั่งซ้ายมือระเบียง แขวนคอมแอร์ไว้ 2 ตัว และตั้งที่พื้นอีก 1 ตัว โดยทั้งสามตัวจะหันหน้าปล่อยลมออกไปทางนอกอาคาร
เมื่อมองย้อนกลับไปในห้องพัก จะเห็นมุมทานอาหารและห้องครัวแบบเปิดอยู่ใกล้ประตูทางเข้าค่ะ
ชุดครัวแบบ Built in ที่ทางโครงการให้จะ top ด้วยหินสังเคราะห์ ง่ายต่อการทำความสะอาด เช็ดล้างสะดวก ทนต่อความชื้น ไม่ก่อให้เกิดอาการบวมน้ำภายหลัง
ชุดครัวจัดในตำแหน่งเข้ามุมห้องเป็นรูปตัวแอล (L) ชั้นบนและล่างมีที่สำหรับเก็บอุปกรณ์ ซึ่งรูปแบบจะคล้ายกับห้องแรก แต่มีพื้นที่ใช้สอยเยอะกว่า ตามการรองรับผู้พักอาศัยที่มากกว่า
พื้นครัวปูกระเบื้องแผ่นใหญ่ทำความสะอาดง่าย
เตาไฟฟ้าที่ได้มาพร้อมชุดครัว จะเป็นขนาด 4 เตา
เหนือเตาไฟฟ้าติดตั้งระบบดูดควันมาให้เรียบร้อยพร้อมใช้งาน ซึ่งห้องแรกก็จะได้ระบบดูดควันแบบนี้เช่นกันค่ะ
ซิงค์ล้างจานสแตนเลสเก็บรายละเอียดงานเรียบร้อย รอยต่อแนบสนิท ก็อกน้ำแบบก้านโยก คอสูงสามารถโยกซ้าย-ขวาได้ ก้นอ้างลึกทรงสี่เหลี่ยม ด้านล้างมีตะแกรงกรองเศษอาหาร ทำให้การล้างผัก ผลไม้ทำได้สะดวกค่ะ
เคาน์เตอร์ด้านล่างเป็นที่เก้บของ พร้อมช่องวางไมโครเวฟและช่องใส่เครื่องซักกผ้าฝาหน้ามาให้ พร้อมเดินระบบไฟฟ้าและระบบท่อน้ำเรียบร้อย
ที่วางตู้เย็นกว้างพอให้วางตู้เย็นขนาด 8-10 คิว ได้อย่างสบาย
ส่วนมุมทานอาหาร built in มาให้เช่นเดียวกับห้องแรก นั่งทานได้ 2 คน ซึ่งอาจจะน้อยไปสำหรับห้องนี้ ที่มีพื้นที่เหลือเฟือ พอให้ขยายที่นั่งทานอาหารให้กว้างขึ้น ให้สามารถรองรับมื้ออาหารที่ใหญ่ขึ้นได้ และแอบสังเกตเห็นปลั๊กไฟตรงจุดนี้ มีไว้สำหรับการใช้งานอุปกรณ์ไฟฟ้าอื่นๆ เช่น เครื่องปิ้งขนมปัง กาต้มน้ำร้อน เป็นต้น
ในส่วนของห้องน้ำออกแบบมาให้เหมือนกับห้องแรก เครื่องสุขภัณฑ์เป็นของ Cristina เช่นเดียวกัน มีการแยกโซนแห้งและเปียกออกจากกัน พื้นและผนังฉาบด้วยกระเบื้องแผ่นใหญ่ ช่วยลดจำนวนร่องกระเบื้องและคราบสกปรกที่ฝังตามร่องได้
ธรณีประตูยกสูง ไม่ให้น้ำไหลเปื้อนไปยังนอกห้องน้ำ
สุขภัณฑ์สวยเข้าชุดรับกับการตกแต่งภายใน ที่เน้นโทนสีเข้ม สกปรกยาก อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม มีตู้เก็บของข้างใต้อ่าง บริเวณหน้าอ่างมีที่ให้วางของได้เล็กน้อย ส่วนด้านหลังก่อเคาน์เตอร์ top หินอ่อนให้เป็นที่สำหรับวางผลิตภัณฑ์ในห้องน้ำ ชักโครกตั้งอยู่ด้านข้างพร้อมสายฉีดชำระ และที่ใส่กระดาษชำระครบเซ็ต เหนือขึ้นไปติดกระจกส่องหน้ายาวตลอดแนวค่ะ
ห้องอาบน้ำมีทั้งระบบ rain shower และ hand shower เช่นเดียวกับห้องแรกค่ะ มีฝักบัว ที่ปรับระดับน้ำก้านโยก และที่วางสบู่มาให้ในตัว
ฝักบัวหน้าตาเหมือนห้องแรก อาจจับยาก ลื่นหลุดง่ายไปสักหน่อย
ทำธรณียกขึ้นมาป้องกันน้ำไหลเปื้อนโซนแห้งได้
ที่จับบานผลักกว้างพอให้แขวนผ้าขนหนูได้
ถัดมาเราจะชมในส่วนของห้องนอนเล็กกันค่ะ ทางโครงการวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตไว้ชิดหน้าต่าง ตามด้วยโต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้า built in ไว้เป็นไอเดียค่ะ
พื้นที่ข้างเตียงค่อนข้างกว้าง สามารถตั้งเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว หรือจะ Built in ตามแบบที่ทางโครงการจัดให้ดูอย่างนี้ก็ได้เช่นกันค่ะ
เพดานติดไฟ downlight สี่เหลี่ยม พร้อมติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัยให้ และเครื่องปรับอากาศในห้องก็เป็นแบบติดผนังของ Toshiba เช่นเดียวกันค่ะ
เตียงตั้งอยู่ติดหน้าต่างแบบบานเลื่อนคู่สลับ ส่วนด้านล่างเป็นบานปิดตาย ให้ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยากันแบบเต็มๆ
มาถึงห้องสุดท้าย ห้อง Master bedroom ทางโครงการตกแต่งไว้อย่างสวยงาม มีความละมุนด้วยโทนสีพาสเทล ทำให้ห้องดูซอฟท์ นุ่มนวล น่านอน ด้านบนติดไฟ downlight สามารถปรับองศาของแสงที่ส่องลงมาได้ ไม่ให้ส่องมาที่เตียงโดยตรง ทำให้เวลานอนลดปัญหาแสงแยงตาได้เป็นอย่างดี
ริมห้องนอน เชื่อมกับระเบียงพักผ่อน สามารถชมบรรยากาศของแม่น้ำเจ้าพระยาได้ชัดเจน ด้วยประตูกระจกแบบเข้าตามมุมห้อง ซึ่งพื้นที่ห้องนอนใหญ่ค่อนข่างกว้างมากค่ะ ผู้อ่านอาจจะขยับเตียงให้ชิดระเบียง หรือตั้งโต๊ะทำงานเล็กๆ ไว้ตรงนี้ ก็จะทำให้เราชมวิวแม่น้ำในมุมมองที่กว้างยิ่งขึ้น
โดยประตูเป็นกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่ เปิดออกกว้างรับลมเย็นๆ
ตรงหัวเตียงมีปลั๊กไฟให้
ส่วนปลายเตียงติดตั้งโทรทัศน์ ซึ่งแนะนำให้แขวนโทรทัศน์ตามแบบที่ทางโครงการจัดไว้เป็นตัวอย่างค่ะ เพื่อลดการใช้พื้นที่ ทำให้บริเวณปลายเตียงสามารถเดินผ่านได้สะดวก
ทางโครงการได้ติดตั้งระบบไฟฟ้า มีปลั๊กไฟและปลั๊กสัญญาณให้เรียบร้อย และมีพื้นที่สำหรับแขวนโทรทัศน์ได้อย่างเต็มที่ค่ะ
ระยะห่างจากปลายเตียงถึงผนัง เดินไปมาได้สะดวก
หันกลับมาในห้อง ข้างเตียงฝั่งขวาเป็นตู้เสื้อผ้า built in และโต๊ะเครื่องแป้งที่มาพร้อมกับชั้นวางกระจก เหนือประตูติดตั้งเครื่องปรับอากาศของ Toshiba ให้ 1 เครื่อง
ระยะห่างระหว่างตู้เสื้อผ้ากับเตียง กว้างพอสมควร สามารถยืนแต่งตัวได้เต็มที่
Environment
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ
ออกมาหน้าโครงการจะเจอ ศุภาลัย ซิตี้ รีสอร์ท อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง
MRT สถานีพระนั่งเกล้า เดินออกมาประมาณ 10 นาที มาถึงตรงนี้แล้วต้องข้ามถนนไปที่ตัวสถานี
เปิดให้บริการเต็มรูปแบบเป็นที่เรียบร้อย
สำนักงานกินแบ่งรัฐบาลอยู่เลยไปไม่ไกล
ขับรถจากโครงการไปไม่ไกล จะเจอสนามบินน้ำ มาร์เก็ต มาร์ท ตรงนี้มีครบทุกอย่าง กลับจากทำงานและซื้อของก่อนเข้าที่พักได้
ไปตามถนนสนามบินน้ำจะเจอกระทรวงพาณิชย์
สำนักงาน ป.ป.ช. ก็ไปถึงได้สบายๆ เช่นกัน
Analysis
วิเคราะห์โครงการ
****ทำเลและการเดินทาง
โครงการ The Politan Breeze เป็นโครงการ Low Rise 4 อาคาร มีจุดเด่นที่อยู่ตรงพื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ในทำเลที่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีพระนั่งเกล้า) และถนนสายหลัก ช่วยให้สามารถเดินทางเข้าสู่ใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเลือกทางรัตนาธิเบศน์หรือติวานนท์ อีกทั้งไม่ไกลจากโครงการ มีทั้งห้างสรรพสินค้า หน่วยงานราชการ ทางด่วน และขนส่งมวลชนที่ครบครัน จัดเป็นทำเลที่ยังสามารถเติบโตได้อีกในอนาคต และเมื่อทางเชื่อมจากซอยรัตนาธิเบศร์ 42 แล้วเสร็จในอนาคต เชื่อว่าจะสร้างความสะดวกให้กับผู้อยู่อาศัยได้อีกมาก ถือเป็นทำเลที่พร้อมรองรับการขยายตัวของเขตเมืองได้สบายๆ
สภาพแวดล้อม
ด้วยพื้นที่ขนาดใหญ่กับอาคารเพียง 4 หลังที่สูงเพียง 8 ชั้น รวมถึงมีพื้นที่โครงการด้านหนึ่งขนานกับแม่น้ำ และอีกด้านขนานลำคลอง เป็นสองปัจจัยหลักที่ช่วยเสริมความรู้สึกเป็นส่วนตัวของผู้อยู่อาศัย เมื่อผนวกกับสวนกลางแจ้งและสระน้ำที่แบ่งตัวตึกออกจากกัน ก็จะได้พื้นที่โปร่งสบายไม่แออัด ซึ่งเมื่อเทียบกับปริมาณยูนิต ต้องถือว่าพื้นที่สีเขียวกลางแจ้งมีให้มากเกินหน้าโครงการอื่น แต่ต้องรอดูว่าการจัดการจากส่วนกลาง ว่าจะรักษาสภาพแวดล้อมได้ดีแค่ไหน อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้ถือว่า The Politan Breeze ตั้งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีมากๆ สมชื่อโครงการ
แบบห้อง
วัสดุที่ใช้ในโครงการคัดเลือกเฉพาะเป็นวัสดุเกรดดี ไม่ว่าจะเป็นพื้นห้อง สุขภัณฑ์ กระเบื้อง หรือโมเสกในส่วนของห้องอาบน้ำ ทั้งหมดล้วนอยู่ในระดับเหนือมาตรฐานและอุ่นใจได้ จากห้องตัวอย่างทั้ง 2 ขนาด มีการออกแบบผังที่เป็นสัดส่วนดี และใช้ประโยชน์จากทุกตารางเมตรได้คุ้มค่า รวมถึงการวางตัวอาคารที่ไม่ต้องรับแสงแดดในตอนบ่าย ก็ทำให้ห้องไม่ร้อนจนเกินไป เป็นอีกหนึ่งข้อดีที่ไม่ต้องนำมาพิจารณาการเลือกตำแหน่งห้องในจุดนี้
**
สิ่งอำนวยความสะดวก**
การออกแบบพื้นที่ส่วนกลางทำได้สวยเยี่ยม ให้ความรู้สึกหรูหรามีราคา เหมาะกับการใช้พักผ่อนหย่อนใจหรือต้อนรับแขกที่มาเยี่ยม และเมื่อพิจาณาเพิ่มเติมถึงระบบสาธารนูปโภค ก็ต้องบอกว่า The Politan Breeze นั้นให้มาเยอะมากๆ สำหรับคอนโด low rise ที่มีทั้งสวนกลางแจ้ง สระว่ายน้ำ ห้องสมุด ลู่วิ่ง ฟิตเนส ฯลฯ จึงสบายใจได้ว่า เข้ามาอยู่แล้วจะได้ใช้ชีวิตสบายๆ ได้ครบถ้วนแน่นอน
ราคา
เมื่อพิจารณาราคาเริ่มต้นกับทำเล หลายคนอาจคิดว่าด้วยตัวเลขเริ่มต้น 1.65 ล้านบาท ที่ค่าเฉลี่ย 57,000 บาท/ตร.ม. นั้น ยังสามารถหาคอนโดในระดับราคาเดียวกันที่อยู่ใกล้เมืองมากกว่านี้ได้หลายแห่ง อีกทั้งค่าส่วนกลางที่อาจจะดูสูงไปสักหน่อย อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดเทียบกับทำเลที่มีอนาคต และสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีให้ครบถ้วน และทำเลริมแม่น้ำ ราคานี้ก็ดูจะมีความเหมาะสมทั้งในแง่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยหรือลงทุน
สรุปรวบยอด
ความโดดเด่นที่แตกต่างประการแรกของ The Politan Breeze คือทำเลขนานแม่น้ำเจ้าพระยาและเลียบคลองบางสร้อยทองที่เชื่อมกันอยู่ เป็นสิ่งที่ทำให้พื้นที่ทั้งหมดของโครงการ ราวกับถูกโอบล้อมเอาไว้อย่างเป็นส่วนตัว แต่ก็ยังเปิดมุมมองกว้างๆ ได้สบายๆ ตัวเลือกสำคัญในการเลือกซื้อ ก็คือการซื้อทำเลริมแม่น้ำที่นับวันจะหายากขึ้นทุกที ถึงแม้ทำเลอาจจะดูไกลศูนย์กลางเมืองไปสักหน่อย แต่ด้วยการขนส่งระบบราง ทางด่วน และโครงการท่าเทียบเรือ ก็ไม่ได้ลำบากในการเดินทางแต่อย่างใด เมื่อบวกกับส่วนกลางที่มีมาให้ครบถ้วน และพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ต้องถือว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการในราคาไม่ถึงสองล้านที่น่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกเป็นอย่างยิ่ง