[Review] Benedict Tower At The Saint Residences รีวิวคอนโดมิเนียมสไตล์ modern luxury สวย ดูดี ประโยชน์ครบ
ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร
Review Info
อีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจ สำหรับคนที่ต้องการคอนโดมิเนียม ราคาไม่แรงหากเทียบกับสิ่งที่ได้รับ
ในรีวิวนี้มาพบกับ Benedict At The Saint Residences ซึ่งเป็น 1 ใน 3 อาคารของโครงการ The Saint Residences ค่ะ โดยตัวโครงการตั้งอยู่ใกล้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าว ยูเนี่ยนมอลล์ ทำให้สามารถเดินทางได้สะดวก ไม่ว่าจะ MRT พหลโยธิน หรือ BTS หมอชิต ก็ใช้เวลาเพียงไม่นาน และด้วยความที่ห้องมีความสูงฝ้าเพดานถึง 2.90 เมตร บวกกับเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกออกแบบมา ให้ใช้ประโยชน์ได้อย่างที่เต็มที่ ทำให้ Benedict At The Saint Residences โดย บริษัท ซาแลน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด นั้น เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจ สำหรับคนที่ต้องการคอนโดมิเนียม ราคาไม่แรงหากเทียบกับสิ่งที่ได้รับค่ะ
More info
ราคาเมื่อวันที่ 19/08/2016 เฉพาะห้องที่เปิดขาย
1 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 30 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 4.4 ล้านบาท
2 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอย 55 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 8.7 ล้านบาท
Location
ที่ตั้งโครงการ Benedict At The Saint Residences
แผนที่โครงการ
การเดินทางโดยรถไฟใต้ดิน MRT สถานีพหลโยธิน
เมื่อผู้อ่านเดินทางมาถึงสถานีพหลโยธินแล้ว ให้ออกประตูที่ 2 เพราะจะใกล้กับที่ตั้งโครงการที่สุดค่ะ
จากนั้นเดินตรงไปทางห้าแยกลาดพร้าวค่ะ
เมื่อเดินไปประมาณ 200 เมตร ก็จะเจอกับห้าแยกลาดพร้าวแล้วค่ะ จากนั้นก็เดินไปตามถนนเรื่อยๆ เลย
เดินผ่านซอยวิภาวดีรังสิต 26 ไปค่ะ
เมื่อมองตรงไปก็จะสังเกตเห็นสำนักงานขายอยู่ข้างหน้าแบบนี้ โดยทางเข้าจะอยู่ติดถนนใหญ่ ก่อนถึงโรงเรียนเซนต์จอนห์ค่ะ
ถึงหน้าโครงหน้า เดินทางไม่ยากเลยใช่ไหมคะ
การเดินทางโดยรถส่วนตัวบนถนนพหลโยธิน
ให้วิ่งบนถนนพหลโยธิน มาทางห้าแยกลาดพร้าว เมื่อวิ่งตรงมาเรื่อยๆ ผู้อ่านจะเจอเทสโก้ โลตัสสาขาลาดพร้าวอยู่ทางซ้ายมือ ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเป็นเซ็นทรัล ลาดพร้าว ซึ่งเป็นแลนมาร์คสำคัญในย่านนี้ค่ะ
พอวิ่งตรงมาสักระยะจะเห็นสะพานลอยตรง MRT สถานีพหลโยธิน แบบนี้ ให้เตรียมชิดซ้ายเพื่อวิ่งไปทางดินแดง ตามป้ายค่ะ
เมื่อใกล้ถึง ห้าแยกลาดพร้าว ให้เลี้ยวซ้ายไปทาง ดินแดง
พอเลี้ยวซ้ายเแล้ว ให้ชิดซ้ายค่ะ เพราะทางเข้าโครงการจะอยู่ติดถนนใหญ่เลย
เจอทางเข้าสำนักงานขายแล้วค่ะ
Insight
เจาะลึกภาพรวมโครงการ Benedict At The Saint Residences
สำหรับโครงการ The Saint Residences จะมีด้วยกันทั้งหมด 3 อาคาร ซึ่งอาคาร Benedict At The Saint Residences นั้นจะเป็นอาคารที่ตั้งอยู่ด้านหน้าทางขวามือค่ะ
ด้านหน้าทางเข้าโครงการค่ะ
ส่วนตรงนี้จะเป็นทางเข้าไปยังลานจอดรถของแต่ละอาคารค่ะ
ที่จอดรถจะอยู่ที่ชั้น 1 - 6 ของแต่ละอาคารนั้นเองค่ะ
โดยห้องชุดพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 7 ของแต่ละอาคาร และมีพื้นที่ส่วนหนึ่งแต่ที่ของส่วนกลางค่ะ
ตรงชั้น 7 มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ ยาว 50 เมตร เชื่อมระหว่างอาคาร Benedict และอาคาร Anthony ค่ะ
สำหรับแปลนของอาคาร Benedict At The Saint Residencesนั้น ในส่วนของชั้น 7 จะเป็นแบบ 1 ห้องนอนทั้งหมด ซึ่งการออกแบบห้องจะคล้ายกัน เพียงแค่กลับด้านกันเท่านั้นเอง ส่วนพื้นที่สีขาวนั้น จะเป็นในส่วนของห้องฟิตเนส และบริการต่างๆ ของทางส่วนกลาง ซึ่งก็อยู่บนชั้นนี้เช่นกัน เนื่องจากชั้น 1 - 6 ทางโครงการได้ทำเป็นที่สำหรับจอดรถนั้นเองค่ะ
สำหรับชั้นที่ 8 - 40 ทางโครงการจะเพิ่มห้องใหญ่แบบ 2 ห้องนอนเข้ามาชั้นละ 2 ห้อง ตรงห้องสีเขียวที่เห็นอยู่มุมอาคารนั้นเอง โดยแต่ละห้องก็จะมีรูปแบบเหมือนกันค่ะ อาจจะต่างแค่ตำแหน่งการจัดวางที่สลับด้านกันเท่านั้น
สำหรับชั้น 41 จะมีแค่แบบ 2 ห้องนอน และ 3 ห้องนอนเท่านั้นค่ะ โดยห้องสีเขียวจะเป็น 2 ห้องนอน ส่วนสีเทาเป็น 3 ห้องนอนค่ะ เมื่อดูแปลนดูโมเดลโครงการกันเรียบร้อยแล้ว งั้นเราไปดูภาพจากสถานที่จริงกันเลยดีกว่าค่ะ
Showroom
สำนักงานขายของโครงการ Benedict At The Saint Residences
ทางเข้าสำนักงานขายจะอยู่ติดกับถนนใหญ่ สังเกตเห็นได้ง่ายค่ะ
สำหรับคนที่ขับรถส่วนตัวมา มีที่จอดรถอยู่ข้างทางเข้าสำนักงานขาย
เมื่อเปิดประตูเข้ามา ห้องโถงสำนักงานขายกว้างมาก เพดานยกสูง ด้านหน้าเป็นกระจก ทำให้ภายในสำนักงานดูสว่างยิ่งขึ้น
เดินตรงเข้าไปจะเจอเคาน์เตอร์ให้บริการเป็นอันดับแรก ตรงนี้จะมีพนักงานคอยให้ข้อมูลต่างๆ สามารถเข้าไปสอบถามกันได้ค่ะ
ด้านข้างมีที่นั่งรับรองอยู่หลายที่ค่ะ
ใกล้ๆ กัน มีโมเดลของตัวโครงการตั้งไว้ ให้เราได้ชมกันซึ่งวันนี้เราจะพาชมห้องตัวอย่างที่โครงการจัดไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง 2 ห้องค่ะ โดยภายในตกแต่งไว้อย่างเรียบร้อยสวยงาม พร้อมอยู่ เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่จะเป็นแบบ built in ซึ่งถ้าผู้อ่านต้องการห้องแบบ fully furnished ต้องขอบอกไว้ก่อนนะคะ ว่าเฟอร์นิเจอร์ในห้องตัวอย่างนั้น จะแตกต่างกับห้องจริงที่เป็นของ Modernform นั่นเอง
1 BR 35 sq.m.
ห้องตัวอย่าง 1 ห้องนอน ขนาด 35 ตารางเมตร
แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 35 ตารางเมตร
สำหรับแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 35 ตารางเมตร ทางโครงการตกแต่งโดยเน้นโทนสีสว่าง เพื่อเสริมให้ห้องดูกว้างขึ้น ไม่อึดอัด ผนังติดวอลล์เปเปอร์ลายไม้สีอ่อนทั้งหมด ฝ้าทาสีขาว พื้นไม้สีอ่อน หรือแม้กระทั้งเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ตกแต่ง ก็จะเป็นสีขาวซะส่วนใหญ่ค่ะ
เมื่อเราเข้ามาในห้อง อันดับแรกที่พบจะเป็นส่วนของห้องนั่งเล่นค่ะ ภายในห้องดูไม่อึดอัดมาก ด้วยระยะจากพื้นถึงฝ้าสูงถึง 2.90 เมตร ซึ่งสูงกว่าคอนโดมิเนียมทั่วไป ที่จะอยู่กันที่ 2.50 เมตร ส่วนเฟอร์นิเจอที่ให้มาด้วยในห้องจริงจะได้แก่ โซฟา โต๊ะกลาง โต๊ะกินข้าวของ modernform โดยหน้าตาจะไม่เหมือนกับในห้องตัวอย่างค่ะ
ฝ้าด้านบน ทางโครงการทำไว้ 2 ระดับ ไว้สำหรับติดตั้งแอร์แบบ conceal และซ่อนไฟไว้ด้านในแบบนี้ค่ะ ทำให้บรรยากาศในห้องดูนุ่มนวล น่าอยู่ซึ่งการติดตั้งแอร์ลักษณะนี้ มักพบเห็นได้ทั่วไปตามโรงแรม เพราะจะดูสวยงามกว่าการใช้แอร์แบบติดผนัง แต่ก็ทำความสะอาดยากกว่าด้วยเช่นกันค่ะ
พื้นในส่วนของห้องนั่งเล่นและห้องนอนจะเป็นพื้นไม้ลานิเนจสีอ่อนแบบนี้ค่ะ
สำหรับโต๊ะกินข้าวที่ทางโครงการออกแบบมา จะเป็นโต๊ะกินข้าวแบบ built in ยื่นมาจากผนังระหว่างห้องครัวกับห้องนอนอย่างนี้ค่ะ ไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้ ต้องนั่งตรงนี้เท่านั้น ส่วนเก้าอี้เป็นเบาะหนังทรงกลม พนักพิงสูงประมาณเอว นั่งนานๆ อาจไม่สบายตัวเท่าไร
โต๊ะกินข้าวมีขนาด 2 คนนั่ง พื้นที่ตั้งอาหารค่อนข้างเล็ก เหมาะสำหรับการกินแบบเบาๆ กับข้าวไม่เยอะมาก เวลานั่งก็ค่อนข้างลำบากในการกินเช่นกันค่ะ อาจมีแขนชนผนังบ้าง ต้องหามุมดีๆ ส่วนตัวโต๊ะ ถูกออกแบบโดยหุ้มหนังสีขาวไว้ทุกด้าน ให้เข้ากับผนังด้านข้างที่บุด้วยหนีงสีขาวเช่นกัน เวลากินต้องระวังเป็นพิเศษ ไม่งั้นเปื้อนแน่ๆ แต่ห้องจริง โต๊ะที่ทางฌครงการให้มาจะเป็น top ไม้สีขาวด้านบน ฐานแสตนเลสแทนค่ะ
สำหรับโซฟาที่โครงการใช้ตกแต่ง เป็นโซฟาผ้าสีขาวทั้งตัว ไม่มีที่วางแขน แต่ด้านข้างจะทำเป็นที่วางของในตัว ส่วนอีกข้างจะตั้งกล่องใส่ของไว้
ผนังตรงส่วนนี้ โครงการตกแต่งด้วยวอลเปเปอร์ฉลุลายตัวอักษร ซึ่งห้องจริงไม่มีให้ค่ะ แต่จะเป็นวอลเปเปอร์ลายไม้สีอ่อนแบบในห้องนอนแทน
โต๊ะกลางในห้องตัวอย่าง ไม่สูงมาก เตี้ยกว่าระดับที่นั่งโซฟาเล็กน้อย ใช้วางของขนาดไม่ใหญ่มาก
ภาพด้านบนโต๊ะกลางค่ะ ซึ่งในส่วนของพื้นที่วางของไม่กว้างมาก ประมาณความสูงของหนังสือเท่านั้น ส่วนด้านล่างทำเป็นช่อง สามารถใส่ของไว้ข้างใต้ได้
ฝั่งตรงข้ามโซฟาเป็นที่ติดตั้งโทรทัศน์ ด้านล่างเป็นชั้นวางของแบบ built in โดยผนังด้านหลังโทรทัศน์ทางโครงการได้ติดกระเบื้องเพิ่มเข้าไปค่ะ
พอหันต่อไปทางขวามือ จะเจอตู้เก็บของหน้าตาแบบนี้ค่ะ
เมื่อเปิดดู ด้านในทำไว้เป็นชั้นๆ เป็นระเบียบ เหมาะสำหรับคนที่มีของเยอะ ก็นำมาจัดใส่ไว้ในนี้ได้เลย ต่อไป ไปดูส่วนของห้องนอนกันบ้างดีกว่าค่ะ
ภายในห้องนอนมีพื้นที่ไม่กว้างมากนักค่ะ เพดานสูง 2.50 เมตรเท่ากับห้องนั่งเล่น พื้นไม้สีอ่อน มีห้องน้ำในตัว และตู้เสื้อผ้า built in มาให้
เมื่อเข้ามาในห้องนอน จะเห็นว่าผนังด้านนึงทำเป็นกระจกติดไว้ทั้งบาน เอาไว้ชมวิวสวยๆ โดยไม่มีกรอบให้รำคาญสายตา ส่วนผ้าม่านจะซ่อนไว้หลังฝ้าตามสไตล์โรงแรมค่ะ
สำหรับห้องจริง ทางโครงการจะมีฐานเตียงให้ แต่ไม่มีฟูกกับผ้าม่านให้ค่ะ
ผนังห้องนอนจติดด้วยวอลเปเปอร์ลายไม้สีอ่อนแบบนี้ ซึ่งเป็นวอลล์เปเปอร์ที่ทางโครงการจะติดให้กับห้องจริงนั้นเองค่ะ
ส่วนไฟที่ใช้ เป็นไฟ downlight สีส้ม ตามที่คอนโดมิเนียมทั่วไปนิยมใช้กัน
ภาพห้องนอนจากฝั่งกระจกค่ะ
แอร์ที่โครงการติดให้ในห้องนอน จะเป็นแอร์ติดผนัง Daikin ตามในรูปค่ะ
บริเวณปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้าแบบ built in ติดผนัง ลายไม้สีอ่อนอย่างนี้ค่ะ
มองเผินๆ ดูกลืนไปกับผนังเลย
ด้านในสามารถแขวนเสื้อและเก็บของได้เยอะค่ะ ประตูตู้เสื้อผ้าเป็นแบบบานเลื่อน 2 บาน เปิดได้ทั้งสองฝั่ง เพื่อเป็นการประหยัดเนื้อที่ เนื่องจากระยะห่างจากปลายเตียงถึงตู้ กว้างประมาณ 1 ช่วงตัวเท่านั้น หากจะแต่งตัวก็ต้องเดินมาแต่งที่ข้างเตียงจะสะดวกกว่า
สำหรับด้านในหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ ที่มีแขวนเสื้อผ้า ลิ้นชัก ช่องเก็บของ ครบ
ชั้นวางโทรทัศน์ข้างๆ ก็เป็นแบบ build in เช่นกัน
ซ่อนชั้นวางของไว้ด้านในอย่างนี้ และจากที่สังเกตเฟอร์นิเเจอร์ต่างๆ ภายในห้อง จะถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ค่อนข้างเยอะทีเดียวค่ะ
ส่วนพื้นที่ข้างเตียง ทางโครงการออกแบบให้เป็นที่ทำงานเล็กๆ เพื่อเป็นไอเดียในการตกแต่งห้องให้กับผู้อ่าน
มีปลั๊กไฟติดอยู่ตรงมุมนี้ด้วยค่ะ ส่วนด้านหลังที่เห็นเป็นกระจกนั้น ทางโครงการได้ตกแต่งเพิ่มเข้ามา ซึ่งห้องจริงจะเป็นวอลล์เปเปอร์ทั้งหมดแทน
สำหรับห้องน้ำส่วนตัว จะเป็นแบบ 2 ระบบ คือมีทั้งระบบ rain shower และ hand shower ค่ะ
สำหรับเครื่องสุขภัณฑ์ที่ทางโครงการให้มาก็มีหน้าตาตามในรูปเลย แต่จะมีอะไรบ้าง ลองไปดูกันค่ะ
เริ่มที่อ่างล่างหน้า จะเป็นทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ความลึกของอ่างประมาณ 1 ฝ่ามือค่ะ เวลาใช้งาน น้ำไม่ค่อยกระเด็นออกมานอกอ่าง ส่วนช่องระบายน้ำถูกออกแบบมาให้เรียบไปกับพื้นอ่าง ซึ่งก็ไม่ได้มีปัญหาเวลาระบายน้ำค่ะ
หน้าตาก็อกน้ำค่ะ ห้องจริงก็จะได้แบบนี้เช่นกัน
ด้านล่างอ่างล้างหน้าสามารถเก็บของได้
สวิตซ์ไฟจะอยู่ข้างอ่างล้างหน้า
ส่วนปลั๊กไฟจะมีที่ครอบกันน้ำให้อย่างนี้
ชักโครกเป็นแบบกด มาพร้อมที่ฉีดน้ำ ข้างๆ เป็นช่องสำหรับใส่กระดาษชำระค่ะ
หน้าตาที่ฉีดน้ำค่ะ
พื้นที่บนชักโครกสามารถวางของใช้เล็กๆ น้อยๆ ได้
มีตู้กระจก built in ติดมาให้เหนือชักโครกและอ่างล้างหน้าค่ะ สามารถใช้ส่องกระจกและเก็บของได้ในตัว
เมื่อเปิดตู้กระจกมา ด้านในจะแบ่งเป็นชั้นๆ ไว้แบบนี้ค่ะ แต่เวลาเปิดต้องระวังอย่าให้บานเปิดไปชนกับกระจกกั้นโซนอาบน้ำที่อยู่ข้างๆ
สำหรับโซนอาบน้ำจะมีกระจกกั้นแบบนี้ แยกโซนแห้งและโซนเปียกชัดเจน โดยกระจกจะสูงตั้งแต่พื้นจนถึงฝ้า จะมีแค่ส่วนบานผลักเท่านั้นที่จะต่ำกว่าส่วนอื่น ซึ่งก็ถือว่าสูงสมควรค่ะ ทำให้น้ำกระเด็นออกมาข้างนอกแค่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น
พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องแผ่นใหญ่สีขาว ร่องกระเบื้องชิด เพื่อลดคราบสกปรกที่จะเกิดตามร่องกระเบื้อง ส่วนธรณีไม่ได้ยกสูงมาก แต่ดีที่มีกระจกกั้นไว้อีกชั้นหนึ่ง ทำให้น้ำไม่ไหลออกมาที่โซนแห้งด้านนอก
ราวแขวนผ้าติดไว้ด้านขวามือ ใกล้กับประตูกระจกค่ะ เมื่ออาบน้ำเสร็จสามารถเอื้อมหยิบผ้าได้เลย ไม่ต้องเดินออกมา ให้พื้นด้านนอกต้องเปียกน้ำไปด้วย
หรือจะแขวนไว้ที่ราวจับประตูอย่างนี้ก็ได้
ด้านในมีที่นั่งอาบน้ำเล็กๆ มาให้ตรงมุมห้อง
ระบบ rain shower จะติดไว้กับเพดานด้านบน
หน้าตาฝักบัวเป็นแบบนี้ค่ะ มีที่หมุนปรับระดับน้ำอยู่ด้านข้าง พร้อมแท่นวาง เอาไว้วางแว่นตาหรือของใช้เล็กๆ ก็สะดวกดี
เวลามือเปียก มือลื้น ควรจับฝักบัวดีๆ เพราะจะร่วงหลุดมือได้ง่ายค่ะ
ภาพจากในห้องน้ำค่ะ
จะเห็นว่าธรณีประตูไม่สูงมาก น้ำจะเปียกไปยังพื้นไม้ในห้องนอนได้ง่าย แนะนำให้หาพรมมาวางไว้แบบนี้ค่ะ
ออกมาดูที่ห้องครัวกันต่อ สำหรับแบบ 1 ห้องนอน ทางโครงการจะออกแบบมาเป็นครัวแบบปิด มีแพลทติชั่นกั้นระหว่างห้องครัวกับห้องนั่งเล่น เพื่อป้องกันกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ที่จะเข้าไปปะปนอยู่ในห้องนั่งเล่นค่ะ
แพลทติชั่นเป็นแบบรางลอย ล้ออยู่ด้านบนค่ะ ซึ่งแพลทติชั่นที่มีล้ออยู่ด้านบนแบบนี้ ค่อนข้างจะชำรุดง่ายกว่าล้ออยู่ด้านล่าง ต้องระวังไม่ให้ห้องชื้น ไม่อย่างงั้นพื้นไม้อาจเกิดการบวมน้ำ ทำให้ประตูเลื่อนยากขึ้น
สำหรับชุดครัวที่ทางโครงการแถมให้กับห้อง เป็นแบบ built in หน้าตาตามนี้ค่ะ
พื้นที่ด้านบนชุดครัว จะเป็นที่สำหรับซิงค์ล้างจานกับเตาไฟฟ้าค่ะ หากจะวางอุปกรณ์อย่างอื่นเพิ่ม จะวางลำบาก เพราะพื้นที่ค่อนข้างน้อย
มีปลั๊กไฟมาให้หนึ่งจุดค่ะ ไว้ใช้กับเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก อย่างเครื่องปิ้งขนมปัง กาต้มน้ำร้อน แต่อาจจะมีปัญหาเรื่องที่วางนิดนึง
หน้าตาก็อกน้ำค่ะ เป็นก็อกสแตนเลส แข็งแรง สูงจากระดับฐานซิงค์ขึ้นมาพอสมควร ทำให้น้ำกระเด็นเปรอะไปรอบๆ ได้ง่าย
ซิงค์ล้างจานเป็นแบบสแตนเลสเหมือนคอนโดมิเนียมทั่วไป มีช่องระบายน้ำ ตะแครงถี่ เพื่อป้องกันเศษอาหารหล่นไปอุดตันท่อ
พื้นที่ด้านข้างซิงค์ล้างจาน ทำเป็นร่องป้องกันไม่ให้น้ำไหลนองไปโดนเตาไฟฟ้าที่อยู่ข้างๆ กัน
สำหรับเตาไฟฟ้าที่ให้มา เป็นเตาไฟฟ้าขนาด 2 เตา หน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ
มีที่ดูดควันจะอยู่ด้านบนเตาไฟฟ้า
โดยที่ดูดควัน จะเป็นระบบดูดควันออกไปนอกอาคาร มี haust และ hood ให้เรียบร้อย ถ้าต้องการใช้ให้ดึงออกมาได้เลย
ด้านบน มีชั้นเก็บของมาให้เช่นกันค่ะ
พอเปิดออกมาตู้จะมีเป็นลักษณะแบบนี้ จะสังเกตเห็นว่าตู้ด้านซ้ายจะใส่ของได้น้อยกว่า เพราะต้องซ่อนท่อดูดควันเอาไว้ด้วยนั้นเอง
สำหรับชั้นด้านล่างชุดครัว ทางโครงการได้ออกแบบให้สามารถจัดเก็บอุปกรณ์ทำครัวต่างๆ ได้อย่างจัดเต็ม ไม่ต้องเอาขึ้นมาตั้งไว้ให้เกะกะมือค่ะ
มีทั้งลิ้นชักสำหรับเก็บมีด เก็บช้อนส้อม ลิ้นชักใส่ของ ที่พักจาน และตู้ใต้ซิงค์ล้างจาน ซึ่งเหมาะสำหรับคนที่ชื่นชอบการทำครัว คนที่มีอุปกรณ์เยอะๆ ค่ะ
ตรงส่วนเตาอบ oven เป็นอุปกรณ์ที่ทางโครงการนำมาตกแต่งเป็นตัวอย่าง โดยห้องจริงจะเป็นแค่ช่องว่างโล่งๆ มาให้แทน ไว้วางไมโครเวฟ หรือผู้อ่านจะซื้อเตาอบมาติดเองก็ได้ค่ะ
ด้านหลังเป็นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นขนาดประมาณ 10 คิว ถือว่ากว้างพอสมควรเลยค่ะ
ด้านบนที่วางตู้เย็นก็มีชั้นเก็บของมาให้อีก แต่ตำแหน่งชั้นค่อนข้างสูง ต้องเอื้อมเปิด อาจทำให้ของหล่นใส่ได้
หน้าตาสวิตซ์ไฟตรงห้องครัวค่ะ
ระเบียงจะอยู่ติดกับห้องครัว มีประตูกระจกแบบบานเลื่อน 2 เลื่อนกั้นไว้ ประตูค่อนข้างมั่นคง แข็งแรง ไม่หลุดง่าย กรอบเป็นเหล็กสีขาวเพื่อความสวยงาม
ที่ล็อกเป็นแบบกดค่ะ โดยจะมีแถบสีแดงแสดงให้เราทราบเวลาล็อกระเบียง
พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องแผ่นเล็กๆ แบบนี้ ทำความสะอาดยาก เพราะสิ่งสกปรกจะติดอยู่ตามร่องกระเบื้องค่อนข้างเยอะ
คอมแอร์ทั้ง 2 ตัวจะตั้งไว้ตรงระเบียง โดยจะวางไว้บนแท่นวางที่ยื่นออกมาจากกำแพงอีกที และด้วยพื้นที่ระเบียงที่ไม่ได้กว้างมาก พอนำคอมแอร์มาตั้งไว้อย่างนี้ ยิ่งกินพื้นที่ระเบียงเข้าไปอีก ทำให้เราใช้ประโยชน์จากระเบียงได้ไม่เต็มที่ค่ะ
ทางโครงการได้ทำตะแกรงสำหรับกั้นคอมแอร์ เพื่อความปลอดภัย โดยตะแกรงจะสูงตั้งแต่พื้นระเบียงจนถึงเพดานด้านบน
ส่วนราวกันตก เป็นเหล็กสูงประมาณ 0.90 เมตร ซึ่งถ้าเป็นคนที่อาศัยอยู่ชั้นสูงๆ อาจจะมีอาการหวาดเสียวเล็กน้อย
มีปลั๊กไฟมาให้ตรงข้างใต้ที่ตั้งคอมแอร์ หากจะใช้ก็ควรระวังศรีษะกันด้วยค่ะ
ธรณีประตูไม่ได้สูงมาก อาจทำให้น้ำจากด้านนอกระเบียงสาดเข้ามาในห้องได้
2 BR 55 sq.m.
ห้องตัวอย่าง 2 ห้องนอน ขนาด 55 ตารางเมตร
แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 55 ตารางเมตร
สำหรับห้องใหญ่แบบ 2 ห้อง ขนาด 55 ตารางเมตร ทางโครงการได้ออกแบบโดยเน้นโทนสีที่เข้มและดูแพงกว่าห้องแรก พื้นเป็นพื้นไม้สีเข้ม ผนังด้านในก็มีการเพิ่มลูกเล่นต่างๆ ให้ห้องมีความน่าสนใจ โดยเฟอร์นิเจอร์ที่ได้ก็จะเหมือนกับห้องแรก คือ โซฟา โต๊ะกินข้าว โต๊ะกลางแต่จะมีขนาดใหญ่กว่าเท่านั้นเอง
เมื่อเข้ามาในห้อง ทางโครงการได้ตกแต่งอย่างหรูหรา luxury ให้บรรยากาศโรงแรมเบาๆ ส่วนเฟอร์นิเจอร์ที่ทางโครงการนำมาตกแต่งก็เรียกว่าจัดเต็ม ละลานตาไปหมด และอย่างที่บอกไว้ในตอนแรกนะคะ ว่าเฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดที่เห็นในห้องตัวอย่าง จะเป็นเฟอร์นิเจอร์ของทางโครงการเอง ซึ่งหน้าตาจะไม่เหมือนกับที่ได้ในห้องจริงค่ะ
ทางเข้าห้องเป็นทางเข้าเล็กๆ ก่อนเดินไปถึงห้องครัวแบบนี้ค่ะ ด้านขวามือติดเป็นกระจกเงา ส่วนด้านซ้ายมือจะ built in ที่เก็บของ ที่เก็บรองเท้ามาให้ค่ะ
ตู้เก็บของที่ทางโครงการให้มาเป็นแบบ built in เหมือนกับห้องแรกค่ะ เมื่อเปิดมาแล้วมีหน้าตาเป็นแบบนี้ค่ะ
หน้าตาสวิตซ์ไฟค่ะ
ปลั๊กไฟเป็นแบบมาตรฐานทั่วไป
ห้องครัวจะเป็นห้องแรกที่เราได้เจอเมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาค่ะ โดยในส่วนของห้องครัวนั้นจะมีระยะฝ้าเพดานสูงเพียง 2.60 เมตร ซึ่งต่างจากส่วนอื่นของห้องที่สูง 2.90 เมตร เนื่องจากทางโครงการได้ทำการดรอปฝ้าเพื่อวางงานระบบนั้นเองค่ะ
โต๊ะกินข้าวที่ทางโครงการนำมาตกแต่ง จะมีลักษณะเป็นโต๊ะกลม top ด้วยหินอ่อนสีขาว ดูหรูหราเข้ากับชุดเก้าอี้หนังหุ้มสีขาว ที่นำมาคู่กันได้อย่างลงตัว ซึ่งโต๊ะกินข้าวจะมีขนาดใหญ่กว่าห้องแรก สามารถนั่งทานได้ 3 - 4 คนค่ะ
สำหรับชุดครัวที่ทางโครงการมาให้ จะคล้ายๆ กันกับห้องแรก แต่มีขนาดใหญ่กว่าและพื้นที่ใช้สอยมากกว่าเท่านั้นเอง
เตาที่ทางโครงการแถมให้ จะเป็นเตาไฟฟ้าขนาด 4 เตาค่ะ
ซิงค์ล้างจานเป็นแบบสแตนเลสเหมือนห้องแรก ก้นอ่างลึก สะดวกในการล้างผัก ผลไม้ค่ะ
ส่วนที่ดูดควันก็เป็นระบบดูดควันออกไปนอกตัวอาคาร โดยจะอยู่บริเวณด้านบนของเตาไฟฟ้า
หน้าตาชั้นเก็บของด้านบน เป็น soft close ทั้งหมด โดยจะมีขนาดกว้างและพื้นที่เก็บของเยอะกว่าห้องแรก
สำหรับฝ้าตรงบริเวณห้องครัว มีการเพิ่มลูกเล่นโดยการซ่อนไฟ downlight ไว้ด้านใน ตามเส้นสีดำ ทำให้แสงไฟที่ส่องลงมายังโต๊ะอาหารดูนุ่นนวล ไม่แข็งกระด้าง เป็นการสร้างบรรยากาศในการทานอาหารให้อร่อยยิ่งขึ้น
ด้านล่างของชุดครัวก็มีพื้นที่สำหรับเก็บของให้เช่นกัน โดยส่วนที่เป็นเตาอบ oven ทางโครงการไม่มีให้ แต่จะเป็นช่องว่างไว้สำหรับวางไมโครเวฟเช่นเดียวกับห้องแรกค่ะ
ที่วางตู้เย็นถูกจัดไว้อยู่ด้านมุมของชุดครัวดังที่เห็นในภาพ สามารถใส่ได้สูงสุดขนาดประมาณ 10 คิว
ในส่วนของห้องนั่งเล่นจะติดกับห้องครัว พื้นที่กว้าง นั่งสบาย เฟอร์นิเจอร์ที่ได้จะเหมือนกับห้องแรกค่ะ ได้แก่ โซฟา โต๊ะกินข้าว เก้าอี้ และโต๊ะกลาง โดยไม่รวมเก้าอี้ตัวเล็กสีเทา-ทอง 2 ตัวที่ทางโครงการนำมาใช้ตกแต่งนั้นเอง มีการปูพรมเพื่อเพิ่ม texture ให้กับพื้นห้อง ทำให้ห้องดูมีสไตล์ ไม่น่าเบื่อ เหมือนเป็นการแบ่งโซนห้องไปในตัวค่ะ
พื้นห้องจริงๆ แล้วจะเป็นพื้นไม้สีเข้มแบบนี้ค่ะ
ส่วนแอร์ที่ติดตรงห้องนั่งเล่นก็เป็นแอร์ conceal แบบเดียวกับห้องแรก
ไฟที่ห้องนั่งเล่น เป็นไฟ downlight ฝังไว้ในฝ้าเช่นเดียวกับตรงห้องครัว แต่ได้ติดโคมไฟเพื่อเพิ่มความสว่างให้ห้อง
สำหรับโซฟาที่ใช้ตกแต่งก็คล้ายกับห้องแรก แต่จะกว้างกว่า นั่งได้เยอะกว่าค่ะ
โต๊ะกลางเป็นโต๊ะกลมสีดำสนิทสะท้อนแสงไฟ ตัดกับเก้าอี้ลายเทา-ทองที่โครงการนำมาตกแต่ง หรือใครอยากนั่งทานข้าวหน้าโทรทัศน์ก็ได้ค่ะ เพราะโต๊ะมีพื้นที่กว้าง สามารถวางของได้เยอะกว่าห้องแรก
ชั้นวางโทรทัศน์เป็นแบบ built in ลายหินอ่อนสีดำ ยื่นมาจากผนังด้านหลัง เพื่อประหยัดเนื้อที่ในห้องนั่งเล่น ตรงนี้จะมีปลั๊กไฟและปลั๊กสัญญาณมาให้
หรือใครอยากเพิ่มชั้นวางของเข้าไปแบบนี้ ก็เป็นความคิดที่ดีค่ะ ห้องดูมีระเบียบขึ้นด้วย
ภาพห้องนั่งเล่นจากฝั่งระเบียงค่ะ เห็นได้ชัดว่า ตรงห้องครัวจะมีระดับฝ้าต่ำกว่าบริเวณอื่น และผนังของห้องจริงจะเป็นวอลล์เปเปอร์ทั้งหมดค่ะ
ทางเข้าไปยังส่วนของห้องน้ำ และห้องนอนทั้งสองห้อง จากภาพจะสังเกตเห็นว่าผนังด้านใน ทางโครงการได้ติดกระจกไว้แทนวอลเปเปอร์ เพื่อเพิ่มความกว้างให้แก่ห้อง และเพิ่มความหรูด้วยกระเบี้ยงลายหินอ่อนแผ่นใหญ่ด้านข้างค่ะ
เมื่อเดินเข้ามาด้านในจะเจอห้องน้ำกลางอยู่ทางขวามือแบบนี้
รูปแบบห้องน้ำก็จะเหมือนกับห้องแรกค่ะ พื้นปูด้วยกระเบื้องแผ่นใหญ่สีขาว ธรณีประตูไม่สูงมาก ส่วนโซนอาบน้ำจะมีกระจกกั้น และมีแต่ระบบ hand shower ให้เท่านั้น
ส่วนเครื่องสุขภัณฑ์ที่ได้จะมี ชักโครกแบบกดที่มาพร้อมสายฉีดน้ำ มีอ่างล่างหน้าทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าอยู่ด้านข้าง ส่วนตู้กระจกด้านบนก็เป็นแบบ built in เปิดใส่ของไว้ด้านในได้เช่นเดียวกัน
ตู้กระจกเปิดมาจะเป็นลักษณะค่ะ เวลาเปิด-ปิด ควรระวังนิดนึง ถึงวัสดุจะดูแข็งแรง ไม่แตกง่าย แต่เนื่องจากเป็นกระจกทั้งบานจึงค่อนข้างมีความเสี่ยงในการใช้งานมากกว่าตู้แบบอื่นทั่วไปค่ะ
ข้างใต้อ่างล้างหน้าสามารถเก็บของได้เช่นกัน
ด้านในเป็นที่อาบน้ำ มีกระจกกั้นเพื่อแยกโซนแห้งและโซนเปียกไว้ให้เรียบร้อย ไม่มีที่นั่งอาบน้ำ และเป็นระบบ hand shower เท่านั้นค่ะ
พอเข้ามายังห้อง Master bedroom ขอบอกเลยว่าบรรยากาศน่านอนมาก มีห้องน้ำส่วนตัว ผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกมองออกไปชมวิวรอบๆ โครงการได้
ทางโครงการได้ตกแต่งให้บรรยากาศห้องโดยรวมดูมืด สงบ ผนังห้องตกแต่งด้วยวอลล์เปเปอร์สีเข้ม แสงไฟสลัวๆ ตามแบบคอนโดมิเนียมทั่วไปที่ถูกออกแบบมาเพื่อการนอนโดยเฉพาะ แต่ก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกอึดอัดจนเกินไป
สำหรับห้อง master bedroom ทางโครงก็มีแต่ฐานเตียงให้ ไม่มีฟูกกับผ้าม่านมาให้เช่นกัน ตรงบริเวณหัวเตียงมีปลั๊กไฟอยู่ เผื่อใครอยากซื้อโคมไฟมาเพิ่มความสว่างให้ห้องก็ทำได้ค่ะ
ริมผนังด้านหนึ่งเป็นกระจกบานใหญ่และเล็ก เอาไว้ชมวิวเมืองสวยๆ ของกรุงเทพฯ ยามค่ำคืนเพราะที่ตั้งโครงการอยู่ท่ามกลางตึกสูงย่านลาดพร้าวที่ประดับประดาไปด้วยแสงไฟมากมายค่ะ
หน้าต่างบานเล็ก เป็นบานผลักเปิด-ปิด เพื่อระบายอากาศได้
ที่ล็อกและกรอบหน้าต่างเป็นเหล็กสีอบขาว ดูแข็งแรง ทนทาน ล็อกแน่นหนาดีค่ะ
ตรงบริเวณปลายเตียงมีที่ว่างมากพอที่จะตั้งโต๊ะทำงานขนาดเล็กได้
ใครที่ชอบทำงานในห้องนอน ลองหาโต๊ะทำงานมาตั้งไว้อย่างนี้ก็ได้ค่ะ แต่จะให้ดีก็ควรหาโคมไฟมาเสริมด้วยเช่นกัน เพราะไฟในห้องนั้นไม่ได้สว่างมากนัก อาจส่งผลกระทบต่อสายตาได้
จะเห็นว่าทางโครงการได้นำกระจกมาติดไว้ที่ปลายเตียง เพื่อให้ห้องดูกว้างขึ้น แต่ตามหลักฮ้วงจุ้ยนั้น คงไม่ดีสักเท่าไรค่ะ เพราะการมีกระจกอยู่ตรงปลายเท้า จะส่งผลให้การพักผ่อนถูกรบกวนได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อส่วนบุคคลค่ะ
สำหรับแอร์ในห้อง Master bedroom จะเป็นแอร์แบบติดผนัง Daikin เหมือนกับห้องแรกค่ะ โดยจะติดอยู่ทางฝั่งปลายเตียง แล้วอย่าลืมห่มผ้าหนาๆ เพราะลมแอร์จะเป่าลงที่เตียงโดยตรง
ส่วนอีกฝั่งของเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้าแบบ built in ที่ทางโครงการแถมมาให้ ประตูเป็นแบบบานเลื่อนติดกระจกเงา เปิดได้ทั้งสองฝั่ง ด้านในสามารถแขวนเสื้อผ้า เก็บของได้ และมีไฟดวงเล็กๆ ติดไว้ให้ เวลาหาของจะได้สะดวก โดยฝั่งขวาของตู้ เอาไว้สำหรับแขวนชุดเดรส ชุดกระโปรงต่างๆ พร้อมกันนั้นก็มีช่องเก็บของอีกหลายช่องมาให้ด้วย
ส่วนฝั่งซ้ายของตู้เสื้อผ้า เอาไว้สำหรับแขวนเสื้อทั่วไป ที่มีความยาวของเสื้อไม่มาก โดยด้านล่างก็จะมีลิ้นชักและช่องใส่ของขนาดต่างๆ ให้เช่นกัน
พอเลื่อนลิ้นชักออกมา จะมีหน้าตาแบบนี้ค่ะ ไว้สำหรับเก็บเนคไท เก็บผ้าเช็ดหน้า หรือ accessories ต่างๆ
สำหรับห้องน้ำส่วนตัวก็ไม่ได้แตกต่างจากห้องน้ำของห้องแรกเท่าไร มีให้ทั้งระบบ rain shower และ hand shower ส่วนพวกเครื่องสุขภัณฑ์ต่างๆ ก็มีหน้าตาเหมือนกันหมดค่ะ
หน้าตาเครื่องสุขภัณฑ์ค่ะ มีอ่างล่างหน้า ชักโครกแบบกดพร้อมที่ฉีดน้ำ ตู้กระจกแบบ built in ที่นั่งอาบน้ำ
ที่กดชักโครกจะอยู่ด้านบนแบบนี้เหมือนกันทุกห้องค่ะ
ตรงนี้ก็มีปลั๊กไฟมาให้เช่นกัน
หน้าตาปลั๊กไฟในห้องน้ำค่ะ มีที่ครอบกันน้ำกระเด็นใส่
ตรงที่อาบน้ำก็มีประตูกระจกกั้นไว้ แยกโซนแห้งและโซนเปียกชัดเจน
หน้าตาฝักบัวก็หน้าตาแบบนี้เหมือนกันทุกห้อง
ระบบ rain shower ติดไว้ด้านบนค่ะ
ที่นั่งอาบน้ำให้ค่ะ
และสิ่งที่ห้องน้ำห้องนี้ ต่างจากห้องน้ำข้างนอกและห้องน้ำห้องแรกก็คือ ห้องนี้จะมีหน้าต่างระบายอากาศ บานกระทุ้งให้
ราวที่แขวนผ้าอยู่ตรงผนังห้องแบบนี้ค่ะ
หรือจะแขวนไว้กับราวจับประตูกระจกก็ได้เช่นกัน
สำหรับพื้นห้องน้ำเป็นพื้นกระเบื้ยงลายหินอ่อนแผ่นใหญ่ โดยจะปูชิดกันติดกันเพื่อช่วยลดโอกาสการเกิดคราบสกปรกตามร่องค่ะ
ธรณีประตูตรงระหว่างห้องน้ำกับห้องนอนค่อนข้างเตี้ย ควรหาพรมเช็ดเท้ามาวางไว้
ข้ามไปที่ห้องนอนเล็ก ทางโครงการได้ดัดแปลงให้กลายเป็นห้องทำงานส่วนตัวค่ะ จะเอาไว้นั่งอ่านหนังสือ ดูหนัง หรือนั่งทำงานแบบจริงจังก็ได้ ซึ่งไฟในห้องนี้จะสว่างกว่าห้อง master bedroom ค่ะ
ในส่วนของห้องจริงนั้นจะไม่ได้ bed sofa แบบในภาพ แต่ทางโครงการจะมีเตียงขนาด 3.5 ฟุต พร้อมตู้เสื้อผ้า built in มาให้แทนค่ะ
ทางโครงการได้นำโทรทัศน์มาติดไว้ด้านข้าง ไว้นอนดูหนังชิลล์ๆ
ส่วนอีกฝั่งจะตั้งโต๊ะทำงานเล็กๆ โดยหันหน้าเข้าหาหน้าต่างที่อยู่ริมห้องค่ะ เวลานั่งทำงานเครียดๆ ก็สามารถชมวิวไปด้วยได้ เป็นการผ่อนคลายสมอง ถือว่าเป็นไอเดียที่ดี เอาไว้ใช้ตกแต่งห้องได้ค่ะ
ด้านล่างมีปลั๊กไฟไว้ให้พร้อมใช้งาน
แอร์ในห้องทำงานก็เป็นแอร์ติดผนัง daikin เช่นกัน
ตู้เสื้อผ้า built in ที่ทางโครงการแถมมาให้ค่ะ
พอเปิดมา หน้าตาด้านในเป็นแบบนี้เลย จะแตกต่างจากห้องอื่นตรงที่ประตูตู้เป็นแบบบานผลัก soft close ค่ะ
ส่วนระเบียงของห้องนี้จะอยู่ตรงห้องนั่งเล่นค่ะ ประตูเป็นแบบบานเลื่อน 2 บาน กรอบเหล็ก สีอบขาว ส่วนราวกันตกเป็นเหล็กสูงประมาณ 1.20 เมตร เหมือนกับห้องแรก แต่ระเบียงของห้องนี้จะมีพื้นที่กว้างกว่าเท่านั้น
ที่ล็อกบานเลื่อนเป็นแบบกดล็อกหน้าตาอย่างนี้ค่ะ
สวิตซ์ไฟและปลั๊กไฟตรงข้างระเบียง
ด้านนอกระเบียงเป็นที่ตั้งคอมแอร์ทั้งสามตัว ห้องเก็บคอมแอร์เป็นตะแกรงมีบานเปิด-ปิดเรียบร้อย ซึ่งดูแล้วตรงระเบียงไม่สามารถปลูกต้นไม้ได้ เพราะมีลมร้อนจากคอมแอร์นั้นเอง
ตรงระเบียงมีปลั๊กไฟพร้อมที่ครอบกันน้ำสาดมาให้เช่นกัน
พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้องแผ่นเล็กเช่นเดียวกับห้องแรก ทำให้เกิดคราบสกปรกตามร่องกระเบื้องได้
Environment
สภาพแวดล้อมโครงการ Benedict At The Saint Residences
เนื่องจากตัวโครงการอยู่ย่านลาดพร้าว ใกล้ศูนย์การค้าเซ็นทรัลลาดพร้าวและยูเนี่ยนมอลล์ อีกทั้งยังเดินทางไปตลาดนัดสวนจตุจักรได้ในระยะเพียงนิดเดียว ทำให้ตรงนี้ถือว่าเป็นทำเลดี มีความอุดมสมบูรณ์ ทั้งด้านอาหารและด้านความเจริญค่ะ
- MRT สถานีพหลโยธิน
เพียงเดินไปไม่ไกลก็จะเจอกับ MRT สถานีพหลโยธินแล้วค่ะ พอเดินลงไปที่สถานีก็จะเจอ metro mall เป็นแหล่งช็อปปิ้งเล็กๆ ในสถานีใต้ดินค่ะ
- ยูเนี่ยน มอลล์
เมื่อเดินไปยังทางออกที่ 5 ก็จะเจอกับศูนย์การค้ายูเนี่ยน มอลล์เลยค่ะ
- เซ็นทรัล ลาดพร้าว
ไม่ไกลกันนักจะเป็นที่ตั้งของเซ็นทรัล ลาดพร้าวค่ะ โดยระหว่างเซ็นทรัล ลาดพร้าวกับยูเนี่ยน มอลล์จะมีสะพาน sky walk เชื่อมอยู่ สะดวกในการเดินทางมากๆ ค่ะ
ที่ตั้งโครงการอยู่ใกล้ห้าแยกลาดพร้าวค่ะ รถค่อนข้างติด การจราจรหนาแน่นพอสมควร
- สวนจตุจักร
เมื่อตรงไปทางห้าแยกลาดพร้าวก็จะเห็นสวนจตุจักรแล้วค่ะ
- MRT สถานีสวนจตุจักร / BTS สถานีหมอชิต
ใกล้ๆ กันก็เป็น BTS สถานีหมอชิต ที่เป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟใต้ดิน MRT สถานีสวนจตุจักร นั่นเองค่ะ
Analysis
วิเคราะห์โครงการ Benedict At The Saint Residences
ทำเล : อยู่ในย่านลาดพร้าว ใกล้ศูนย์การค้าหลายแห่ง เป็นทำเลดีเดินทางสะดวก ซึ่งห่างจาก MRT สถานีพหลโยธิน เพียง 300 เมตรเท่านั้น แต่หากต้องการเดินทางโดยรถส่วนตัวก็ทำได้เช่นกัน เนื่องจากอยู่ติดถนนใหญ่ มีถนนหลายสายตัดผ่าน แต่อาจจะต้องเสียเวลาเรื่องรถติดพอสมควร
สภาพล้อมแวดล้อม : มีความอุดมสมบูรณ์ รายล้อมด้วยศูนย์การค้า ตึกใหญ่และการจราจรที่หนาแน่น หากใครไม่ชอบความวุ่นวายคงต้องตัดสินใจดีๆ ค่ะ แต่ในขณะเดียวกัน หากใครชอบเที่ยว ชอบความคึกคักก็ถือว่า Benedict เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจ
แบบห้อง : มีลักษณะห้องคล้ายกัน ไม่มีความหลากหลายเท่าไร ต่างกันแค่การจัดวางห้อง ที่สลับด้านกันเท่านั้น แต่ห้องของทางโครงการจะมีจุดเด่นอยู่ที่เฟอร์นิเจอร์แบบ built in ที่ทางโครงการให้มาค่ะ โดยจะเน้นเพิ่มประโยชน์ใช้สอย ในพื้นที่ที่จำกัด
สิ่งอำนวยความสะดวก : มีให้ครบตามแบบคอนโดมิเนียมทั่วไปค่ะ แต่มีจำนวนมากกว่า โดยแต่ละตึกจะมีบริการส่วนกลางแยกอยู่ตามตึกนั้นๆ ทำให้ไม่ต้องไปแยกกันใช้
ราคา : เนื่องจากทำเลที่ตั้ง Benedict อยู่ย่านลาดพร้าว ที่มีความเจริญทางเศรษฐกิจ จึงไม่แปลกที่ราคาของโครงการจะสูงตามไปด้วยเช่นกัน แต่หากเทียบกับความสะดวกสบายที่ได้รับ ก็ถือว่ารับได้ค่ะ
Benedict At The Saint Residences เหมาะสำหรับคนที่ต้องการความสะดวกสบาย ท่ามกลางความเจริญของเมืองกรุงค่ะ เพราะไม่ว่าจะไปทางไหนก็ไปได้ง่ายๆ หรือคนที่ทำงานอยู่ใกล้เส้นทาง รถไฟใต้ดิน MRT และ รถไฟฟ้า BTS ก็เดินทางได้สะดวกเช่นกันค่ะ และเหมาะสำหรับคนที่ต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน แต่ไม่ซีเรียสเรื่องแบบห้องมากนักค่ะ