[Review] ไซมิส ราชครู (Siamese Ratchakru) คอนโดมิเนียม High Rise ผสม Home Office ติดกับรถไฟฟ้า BTS ถึง 2 สถานีฺ

ซอยพหลโยธิน 3-5 ถนนพหลโยธิน แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร

Review info

สวัสดีค่ะ กลับมาพบกันอีกครั้งกับการรีวิวคอนโดมิเนียมหรูระดับ High Class ที่มีจุดเด่นเป็นทั้งคอนโดผสมกับ Home Office อย่าง ไซมิส ราชครู (Siamese Ratchakru) คอนโดมิเนียม High Rise ย่านอารีย์ อีกหนึ่งโครงการดีๆ จาก บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด คอนโดในเครือนี้เราได้ทำการรีวิวไปแล้วหลายโครงการด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ไซมิส นางลิ้นจี่ หรือ ไซมิส สุรวงศ์ ตามไปดูกันได้นะคะ

ส่วน ไซมิส ราชครู (Siamese Ratchakru) โครงการที่ 3 ที่เราเข้าไปเจาะลึกมาให้ชมวันนี้จะเป็นอย่างไร ชาว Estopolis สามารถติดตามต่อได้ในรีวิวนี้เลยค่ะ

Location

ที่ตั้งโครงการ ไซมิส ราชครู (Siamese Ratchakru)

โครงการ ไซมิส ราชครู (Siamese Ratchakru) ตั้งอยู่บนทำเลย่านสนามเป้า-อารีย์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทำเลทองของกรุงเทพมหานครที่ไม่ควรมองข้าม เพราะในบริเวณดังกล่าวเป็นย่านธุรกิจ มีสถานที่ทางราชการมากมาย รวมถึงเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของคนที่ทำงานอยู่ในกรุงเทพมหานครทั้งชั้นในและชั้นนอก นอกจากนี้การเดินทางยังสะดวกสบายทั้งทางรถยนต์ส่วนตัวและระบบขนส่งสาธารณะ เรียกได้ว่า ครอบคลุมทุกปัจจัยที่ทุกคนตามหาเลยค่ะ

แผนที่จากโครงการ ไซมิส ราชครู (Siamese Ratchakru) ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธินติดกับถนนใหญ่ ช่วงต้นซอยพหลโยธิน 3-5 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าในระยะเดินถึงค่ะ

ตำแหน่งที่ตั้งของคอนโด ไซมิส ราชครู อยู่บนถนนพหลโยธิน ช่วงสนามเป้า-อารีย์ โดดเด่นในเรื่องการเดินทางไปยังถนนสายต่างๆ ได้หลากหลายเส้นทาง เพราะอยู่ใกล้กับอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยสามารถขับรถไปถึงถนนเส้นสำคัญโดยผ่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้ ดังนี้

เส้นทางที่ 1 ถนนราชวิถี ถนนเส้นสำคัญที่เชื่อมไปถึงฝั่งธนบุรี

เส้นทางที่ 2 ถนนดินแดง ถนนที่เชื่อมต่อถึงตัวเมืองอย่างพระราม 9 และอโศก

เส้นทางที่ 3 ถนนพญาไท ถนนที่ตัดกับถนนเพชรบุรี, ถนนพระราม 1 และไปสุดที่ถนนพระราม 4

ส่วนถนนพหลโยธินเอง จะสามารถมุ่งหน้าไปสะพานควาย, จตุจักร หรือจะใช้ถนนประดิพัทธิ์เชื่อมต่อสู่ถนนวิภาวดี-รังสิตก็ได้

ส่วนซอยพหลโยธิน 2 ซึ่งเป็นซอยย่อยอยู่ตรงข้ามกับโครงการ ยังสามารถเชื่อมถึงถนนวิภาวดี-รังสิตได้ ไม่ต้องไปเผชิญกับปัญหารถติดให้หงุดหงิดใจ แต่ถ้าใครอยากจะเดินทางให้เร็วขึ้นอีก ในชั่วโมงเร่งด่วน ใกล้ๆ กับโครงการก็มีจุดขึ้น-ลงทางด่วนให้ใช้งาน ซึ่งสะดวกต่อการเดินทางมากค่ะ

ส่วนการเดินทางโดยระบบขนส่งสาธารณะก็มีความสะดวกสบายไม่แพ้การขับรถเลยค่ะ โดยตัวคอนโด ไซมิส ราชครู (Siamese Ratchakru) จะอยู่ระหว่างสถานีรถไฟฟ้า BTS ถึง 2 สถานี ได้แก่ สถานีสนามเป้า อยู่ห่างจากโครงการประมาณ 400 เมตร และสถานีอารีย์ ห่างจากโครงการประมาณ 500 เมตร

การเดินทางไปยังคอนโด ไซมิส ราชครู (Siamese Ratchakru)

ด้านการเดินทางไปยังคอนโด ไซมิส ราชครู (Siamese Ratchakru) เราเลือกใช้เส้นทางตั้งแต่แยกพระราม 9 มุ่งหน้าเข้าสู่ถนนดินแดง ผ่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เพื่อเข้าสู่ถนนพหลโยธิน วิ่งตรงไปจนผ่านสถานีรถไฟฟ้า BTS สนามเป้า และขับตรงไปอีกประมาณ 400 เมตร จะเจอทางเข้าของโครงการไซมิส ราชครู (Siamese Ratchakru) อยู่ทางซ้ายมือค่ะ ส่วนจุดเด่นของการเดินทางจะมีอะไรบ้าง ก็สามารถชมในแผนที่ได้เลยนะคะ

Environment

สภาพแวดล้อมรอบโครงการ ไซมิส ราชครู (Siamese Ratchakru)

สภาพแวดล้อมโดยรอบคอนโด ไซมิส ราชครู (Siamese Ratchakru) จะเป็นแหล่งของสถานที่ราชการมากมายค่ะ ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาล กระทรวง กรม หรือค่ายทางทหารต่างๆ นอกจากนั้นก็ยังเป็นพื้นที่ธุรกิจ ออฟฟิศ และที่อยู่อาศัยของคนในชุมชน ตัวคอนโดจะอยู่ค่อนมาทางสนามเป้า ซึ่งมีความสงบมากกว่าฝั่งอารีย์เล็กน้อย แต่ก็ไม่ต้องกังวลว่าจะเปลี่ยวนะคะ เพราะโครงการอยู่ติดกับถนนใหญ่ มีรถวิ่งผ่านตลอดทั้งวัน ส่วนความคึกครื้นจะอยู่แถว BTS อารีย์ มีแหล่งให้เดินชอปปิง ซื้ออาหาร รวมถึงร้านนั่งชิลมากมาย

สภาพแวดล้อมจาก BTS อารีย์-คอนโด ไซมิส ราชครู

จากบนสถานี ถ้าจะเดินทางไปยังแหล่งชอปปิงอย่าง La Villa อารีย์ ให้เลือกลงทางออกที่ 4

ลงมาจากสถานีจะเจอกับแหล่งชอป ชิม ชิล ของคนในย่านนี้ อย่าง La Villa ถือเป็น Community Mall ที่อยู่ใกล้กับ ไซมิส ราชครู (Siamese Ratchakru) มากที่สุดค่ะ

แต่ถ้าเลือกลงมาฝั่งทางออกที่ 3 ใกล้กับสถานีอารีย์จะเป็นอาคารปิยวรรณ ทาวเวอร์ เป็นพื้นที่สำนักงานให้เช่า ติดๆกันนั้นเป็นปั๊มเชลล์ บริวเณนี้มีวินมอเตอร์ไซค์คอยรับส่งผู้โดยสารด้วยค่ะ

ซอยพหลโยธินฝั่งเลขคู่จะเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ ค่ะ ทั้งแบบร้านใต้อาคารและแบบแผงลอย ใครหิวๆ ก็ฝากท้องกันก่อนได้ เป็นทำเลที่อุดมสมบูรณ์ในเรื่องของอาหาร และมีการคมนาคมที่สะดวกจริงๆ ค่ะ

จากสถานีอารีย์ให้เดินย้อนขึ้นมาทางฝั่งซอยคู่เลยค่ะ เราจะผ่านโชว์รูม Benz ราชครู

ใกล้ขึ้นมาอีกหน่อยจะมีปั๊มน้ำมัน Esso ด้านในเป็นร้านสะดวกซื้อ Tesco Lotus Express อยู่ในระยะเดินถึงได้ง่ายด้วยค่ะ

แถวคอนโด ไซมิส ราชครู มีร้านอาหารเปิดอยู่บ้างประปรายค่ะ ร้านแนะนำเป็นร้านก๋วยเตี๋ยวชื่อดัง รสเด็ด ราคาไม่แพง ว่างๆ ก็มาฝากท้องได้นะคะ

นอกจากร้านอาหารก็มีร้านขายของชำของคนย่านนี้ค่ะ

อยากทานของหวานก็มีให้เลือกซื้อนะคะ เป็นร้านเล็กๆ ราคาไม่แพง

ใครที่จำเป็นต้องไปรษณีย์บ่อยๆ คอนโด Siamese ราชครู มีที่ทำการไปรษณีย์อยู่ใกล้ๆ เลยค่ะ

Insight

**

เจาะลึกภาพรวมโครงการ ไซมิส ราชครู (Siamese Ratchakru)

ไซมิส ราชครู (Siamese Ratchakru) คอนโดมิเนียม High Rise สูง 27 ชั้น 1 อาคาร ผสมกับ Home Office สูง 15 ชั้น 1 อาคาร จาก บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด เป็นคอนโดมิเนียมอีกโครงการบนถนนพหลโยธิน ในโซนอารีย์-สนามเป้า ด้านดิเวลลอปเปอร์ก็คงไม่ต้องพูดอะไรมากในเรื่องของชื่อเสียง ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้ว ส่วนด้านศักยภาพด้านทำเลก็ถือว่าอยู่ใน Prime Zone ของกรุงเทพมหานคร ไปไหนมาไหนสะดวกดีค่ะ

ผังอาคารของโครงการ ไซมิส ราชครู (Siamese Ratchakru)

เริ่มเจาะลึกโครงการกันที่ตัว Master Plan โดยคอนโด ไซมิส ราชครู (Siamese Ratchakru) จะแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 ส่วน คือ ส่วนที่พักอาศัยแบบคอนโดมิเนียม และส่วนของ Home Office จากภาพจะเห็นว่า Home Office จะอยู่ด้านหน้าติดกับถนนใหญ่ ส่วนคอนโดจะเขยิบเข้ามาจากถนนใหญ่อีกเล็กน้อยค่ะ การเข้าออกใช้ทางเดียวกัน ด้านการจอดรถจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ ตรงข้ามกับอาคารที่พักอาศัย ด้านในพื้นที่คอนโดด้านหน้าจะเป็นที่นั่งพักผ่อน เข้าไปด้านในจะเป็นล็อบบี้ มีบันไดขึ้นไปชั้น 2 ซึ่งทำเ็นพื้นที่นั่งเล่น และมีโถงทางเดินเข้าสู่ลิฟต์ ที่นี่ให้ลิฟต์มา 3 ตัวแบบล็อกชั้นเพื่อความปลอดภัยค่ะ

ในชั้นที่ 2-7 จะเป็นอาคารจอดรถ จำนวนที่จอดระจะคิดเป็น 70% หรือ 215 คัน (ที่จอดรถส่วนกลาง 136 คัน และ ที่จอดรถส่วนบุคคล 79 คัน) ไม่รวมการจอดแบบซ้อนคัน อาจจะสงสัยว่าการแยกที่จอดส่วนบุคคลคืออะไร จะเป็นที่จอดของผู้อาศัยที่ครอบครองห้องที่มีขนาดเกิน 70 ตารางเมตรขึ้นไปค่ะ ส่วนฝั่ง Home Office ก็มีการกันที่จอดรถในชั้น B เอาไว้ให้ประมาณ 30 คันจากจำนวนทั้งหมด

สำหรับชั้นที่ 8 จะเป็นชั้นของ Facilities หลักๆ ของทางโครงการค่ะ จะมีฟิตเนส สระว่ายน้ำ และพื้นที่สีเขียวให้นั่งเล่นและพักผ่อน แต่พื้นที่สระว่ายน้ำตรงนี้สามารถเชื่อมต่อจากทั้งฝั่ง Home Office และฝั่งคอนโดมิเนียมได้เลย ซึ่งอาจจะทำให้เรารู้สึกไม่เป็นส่วนตัวสักเท่าไรกับการที่ต้องใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกับคนภายนอก

ข้ามกันมาที่ชั้น 12-16 นะคะ (เนื่องจากชั้นที่ 9-11 ทางโครงการสงวนสิทธิพื้นที่ไว้ให้กับเจ้าของที่ดินเดิม) ในชั้นนี้จะเป็นพื้นที่ของที่อยู่อาศัยทั้งหมดแล้วค่ะ แต่ในชั้นที่ต่ำกว่าชั้น 16 จะมีโอกาสโดนตึกของ Home Office ด้านหน้าบล็อกวิวไปบางส่วน แต่ก็มีข้อดีนะคะ เพราะผังห้องวางตัวในทิศตะวันออก-ตะวันตก ทำให้มีโอกาสโดนแดดเยอะ การมีตึกมาช่วยบังแบบนี้ก็ช่วยกันแดดได้อีกทางเหมือนกัน

ห้องส่วนมากในชั้นนี้จะเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ซึ่งก็ขายดีเป็นเทน้ำ เทท่า หมดลงไปเรียบร้อยแล้วค่ะ

ในชั้นที่ 17-26 มีจำนวนยูนิตประมาณ 12 ยูนิต เป็นจำนวนยูนิตที่น้อยและมีความเป็นส่วนตัวสูงดีนะคะ เหมาะกับคนที่อยากได้ห้องเพื่อการพักผ่อนอย่างแท้จริง อ้อ ลืมบอกไปว่า ลิฟต์ของอาคารจะอยู่ริมสุดทางทิศเหนือของอาคาร คนที่อยู่อาศัยในทิศใต้ก็ต้องเดินไปใช้งานลิฟต์กันไกลสักหน่อยนะคะ

ชั้น 27 จะเป็นชั้นของห้องแบบ Penthouse และห้องแบบ 2 ห้องนอน มีความเป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วยจำนวนยูนิตที่เพียง 6 ยูนิต แถมได้วิวสวยๆ ด้วย

สิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการ ไซมิส ราชครู (Siamese Ratchakru)

ทางคอนโด ไซมิส ราชครู (Siamese Ratchakru) จัดเต็มด้านสิ่งอำนวยความสะดวก ให้มาครบครัน ซึ่งจะมีอะไรบ้างเดี๋ยวเราตามไปชมพร้อมๆ กันนะคะ

ตรงนี้จะขออธิบายในส่วนของทางเข้าก่อนนะคะ ทางเข้า-ออกจะเป็นทางเดินรถสวนกันแบบที่เห็นในภาพจำลองอย่างที่เห็น ตึกในภาพจะเป็น Home Office ที่อยู่ด้านหน้าโครงกร ส่วนคอนโดจะต้องขับรถเข้าไปทางด้านในค่ะ แต่เดี๋ยวเราจะขอขับรถเข้าไปแล้วเลี้ยวซ้ายไปดูพื้นที่จอดรถสักหน่อยนะคะ

เข้ามาถึงพื้นที่จอดรถแล้วค่ะ ที่นี่เเบ่งที่จอดรถให้ตั้งแต่ชั้นล่างไปจนถึงชั้น 7 มีการแยกพื้นที่จอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้ให้ด้วยค่ะ

ขึ้นมาดูชั้น 2 เล็กน้อย ที่ลาดจอดรถมีสายดับเพลิงติดไว้ให้ด้วย ส่วนระยะการเลี้ยวก็สังเกตได้จากกระจกกลมที่ติดไว้ให้ได้ค่ะ มีการคำนึงถึงความปลอดภัยให้ลูกบ้านในระดับที่ดีเลยทีเดียว

ออกมาดูด้านหน้าทางเข้าคอนโดมิเนียมกันค่ะ ตรงนี้จัดเป็นมุมพักผ่อนริมน้ำให้ลูกบ้านได้ใช้งาน แต่น่าจะจัดเก้าอี้เพิ่มเติมอีกหน่อย และปลูกต้นไม้ให้ดูร่มรื่นจะน่านั่งมากๆ เลยค่ะ

เข้ามาด้านในจะเป็นโถงล็อบบี้ของทางโครงการค่ะ การตกแต่งเป็นสไตล์กึ่งๆ ลอฟต์ดูทันสมัย และถ้าขึ้นบันไดไปด้านบนจะจัดให้เป็นพื้นที่นั่งอ่านหนังสือ หรือนั่งเล่นก็ได้ค่ะ

Mail Box แยกให้เป็นสัดส่วน อยู่ใกล้กับโถงลิฟต์ค่ะ

ขึ้นลิฟต์มาที่ชั้น 8 จะเป็นพื้นที่ส่วนกลางหลักของอาคาร มีสระว่ายน้ำ พื้นที่สีเขียวและฟิตเนสค่ะ

มีเตียง Day Bed ตั้งอยู่บนสระว่ายน้ำ ซึ่งจัดทำแบบ Out Door รอบๆ มีต้นไม้ให้ความร่มรื่น เพิ่มบรรยากาศได้ดี

จากสระว่ายน้ำมองไปด้านหลังจะเป็นอาคาร Home Office ตรงนี้ทำให้ความเป็นส่วนตัวลดลงไปบ้าง เวลามาใช้งานสระ อาจจะรู้สึกเขินๆ กับการที่ต้องว่ายน้ำท่ามกลางผู้คนที่ทำงานอยู่ใน Home Office

สระว่ายน้ำแบ่งออกเป็นสระเด็กและสระผู้ใหญ่ให้ด้วยค่ะ

ด้านข้างสระว่ายน้ำเป็นพื้นที่สีเขียวเล็กๆ ให้นั่งเล่นชมบรรยากาศโดยรอบค่ะ

ถัดจากส่วนสระว่ายน้ำเข้ามาภายในอาคาร จะจัดเก้าอี้ไว้ให้นั่งพัก ก่อนจะเข้าไปสู่ส่วนฟิตเนสของทางคอนโดค่ะ

การเข้าใช้งานฟิตเนสจะต้องแสกนคีย์การ์ดก่อนนะคะ จึงจะเข้าไปใช้งานได้

เข้ามาด้านในฟิตเนสเรียบร้อยแล้ว ภายในฟิตเนสมีเครื่องปั่นจักรยานและลู่วิ่งให้อย่างละ 2 เครื่อง ตั้งอยู่หน้ากระจกมองเห็นวิวสระว่ายน้ำด้านนอกได้ด้วย

เลี้ยวมาอีกฝั่งจะเป็นที่ตั้งของดัมเบล มีให้เลือกเล่นหลากหลายขนาดเลยค่ะ พื้นที่โดยรวมของฟิตเนสก็ค่อนข้างจะเล็กนะคะ เหมาะกับการออกกำลังกายเบาๆ เรียกเหงื่อน้อยๆ ส่วนห้องน้ำจะอยู่ด้านหลังเครื่องเล่นค่ะ แยกชาย-หญิงมาให้ แถมด้านในมีห้องซาวน่าให้ด้วยค่ะ

บรรยากาศภายในห้องซาวน่า

ที่นี่มีลิฟต์ให้ 3 ตัวแบบล็อกชั้นค่ะ

ในลิฟต์ก็ดูกว้างดี จุคนได้มากที่สุด 12 คน

โถงทางเดินจะเป็นโถงเพดานสูง ดูโปร่งด้วยช่องแสงจากหน้าต่างริมอาคาร มีระบบป้องกันอัคคีภัยติดเป็นจุดๆ ทั้งสปริงเกอร์และสายดับเพลิงค่ะ

ถ้าขึ้นไปในชั้น 28 ซึ่งเป็นดาดาฟ้าของคอนโด จะพบกับสวนสวย จัดไว้สำหรับเป็นพื้นที่พักผ่อนของลูกบ้านที่ชอบธรรมชาติและความร่มรื่นค่ะ

2 BR 60 Sq.m.

ห้องแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 60 ตารางเมตร

ห้องที่ 2 ที่เราได้ทำการรีวิวกันในวันนี้จะเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอนขนาด 60.38 ตารางเมตร ทางโครงการขายแบบ Fully Furnished เหมือนกัน ด้านการวางผังห้องเมื่อเปิดประตูมาจะเจอกับพื้นที่ครัวก่อนเป็นอันดับแรก เป็นครัวระบบเปิดนะคะ เหมาะกับการทำอาหารเบาๆ ที่ไม่มีควันหรือกลิ่นรบกวน ส่วนถัดมาจะเป็นห้องนั่งเล่น ขนาดค่อนข้างกว้าง มีระเบียงเล็กๆให้ใช้งานด้วย ส่วนห้องนอนจะมี 2 ห้อง ห้องน้ำอีก 2 ห้อง เป็นห้องน้ำในตัวทั้งคู่ค่ะ แต่จะมีห้องหนึ่งที่ห้องน้ำจะมี 2 ประตูเปิดเข้า-ออกได้ทั้งจากฝั่งครัวและในห้องนอน

ด้ามจับประตูเป็นแบบก้านโยกสเตนเลส พร้อมตัวล็อก แต่ถ้าใครอยากจะได้ความปลอดภัยที่แน่นหนากว่านี้ แนะนำให้ติดเป็น Digital Door Lock ไปเลยก็ได้ค่ะ

ที่ประตูติดตาแมวไว้ให้ส่องดูเพื่อความปลอดภัยด้วย

พื้นในส่วนของห้องครัวและห้องนั่งเล่นจะปูด้วยกระเบื้อง ก็เหมาะที่จะเป็นพื้นครัวที่ต้องใช้น้ำเป็นประจำ แถมยังเช็ดล้างทำความสะอาดได้ง่ายอีกด้วย

ติดกับประตูทางเข้าจะมีที่ว่างให้วางเครื่องซักผ้า ถัดไปเป็นที่วางตู้เย็น พื้นที่กว้างมากค่ะ สามารถวางตู้เย็นขนาดใหญ่ได้สบายๆ

เหนือตู้เย็นขึ้นไปจะเป็นตู้บานเปิดคู่ ซึ่งอยู่ค่อนข้างสูงนะคะ คนตัวเล็กๆ อาจจะใช้งานได้ลำบากค่ะ

ทางคอนโด ไซมิส ราชครู (Siamese Ratchakru) ให้เคาน์เตอร์ครัวมาครบเซ็ต ในส่วนของตู้ลอยด้านลนจะแบ่งเป็นตู้เก็บของ และตูู้เครื่องดูดควัน จากยี่ห้อ Franke หรือเทียบเท่า

ด้านล่างจะเป็นพื้นที่ประกอบอาหาร มุมเคาน์เตอร์มีปลั๊กไฟให้ 1 จุด ส่วนท็อปเคาน์เตอร์จะเป็นหินสังเคราะห์ ติดตั้งเตาไฟฟ้าและอ่างล้างจานให้เรียบร้อย

อ่างเป็นอ่างหลุมเดี่ยว ค่อนข้างลึก ไม่มีที่พักจานด้านข้างมาให้

สะดืออ่างสามารถถอดออกมาล้างเศษอาหารได้ ป้องกันเศษอาหารติดค้างในท่อ

ที่นี่ให้เตาไฟฟ้าขนาดใหญ่ถึง 4 หัวด้วยกัน เป็นของ Franke หรือเทียบเท่าค่ะ

ด้านล่างเตาจะเป็นลิ้นชักสำหรับเก็บช้อนส้อม

ตำแหน่งไมโครเวฟจะอยู่ด้านล่างค่ะ หยิบจับและใช้งานได้สะดวก ด้านในช่องจะมีปลั๊กไฟให้ 1 จุด

ใต้เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นระบบอ่างล้างจาน ติดตั้งถังขยะมาให้ด้วยค่ะ ส่วนตู้บานเปิดเดี่ยวข้างๆ จะเป็นชั้นวางของ ใช้วางของชิ้นใหญ่ได้ อย่างเช่นหม้อ กาต้มน้ำ หรือเตาขนมปังปิ้ง

หันไปด้านหลังจะเจอกับประตูทางเข้าห้องน้ำ ซึ่งเป็นห้องน้ำ ห้องเดียวที่ใช้ในห้องนอนเล็ก

ถัดจากห้องครัวเข้ามาจะเป็นห้องนั่งเล่นและพื้นที่รับประทานอาหารค่ะ พื้นของห้องนั่งเล่นปูด้วยกระเบื้อง ผนังเป็นแบบฉาบเรียบ skin coat ทาสีขาว lส่วนห้องนอนจะอยู่ขนาบข้างทั้งซ้ายและขวาของห้องนั่งเล่นเลยค่ะ

โต๊ะรับประทานอาหารจะเป็นโต๊ะแบบ 4 ที่นั่ง สามารถเคลื่อนย้ายได้ค่ะ แต่ถ้าตั้งไว้จุดนี้ก็ดีอย่างตรงที่ทานข้าวไป สามารถชมวิวจากระเบียงทางด้านหลังไปด้วยก็ได้

พื้นที่ระเบียงด้านนอกค่ะ ระเบียงจะกั้นด้วยประตูกระจกแบบบานเลื่อน กระจกเป็นกระจกสีชา ตัดแสงได้ดี

พื้นที่ระเบียงเป็นแนวยาวและค่อนข้างแคบ พื้นปูด้วยกระเบื้องกันลื่น

คอมเพรสเซอร์แอร์จะเป็นแบบแขวนผนังหันหน้าออกไปด้านนอกระเบียง ไม่ต้องกลัวว่าระเบียงจะร้อนเพราะโดนลมจากคอมเพรสเซอร์แอร์เลยค่ะ

พื้นที่ห้องนั่งเล่นจะเป็นแนวยาวค่ะ มีหน้าต่างบานใหญ่เปิดกว้างรับแสงธรรมชาติทำให้ห้องสว่าง แม้จะไม่ได้เปิดไฟ แถมยังใช้เป็นจุดชมวิวของห้องได้ด้วยเหมือนกัน ส่วนโซฟาที่ได้มาเป็นแบบ 2 ที่นั่งแบบไม่มีที่วางแขนค่ะ

ที่มุมหน้าต่างอาจจะจะเป็นมุมทำงาน หรือมุมนั่งเล่น ก็ดูเข้าท่าดีค่ะ

ที่นี่ให้ชั้น Built-in มาในระดับพรีเมียม เป็นชั้นลายหินอ่อนดูแล้วสวยงาม สามารถเปิดลิ้นชักออกมาใส่ของเพิ่มได้ด้วย ส่วนผนังด้านบนก็โล่งๆ อาจจะหารูปภาพสวยๆ หรือจะติดตั้งชั้นเพิ่มเพื่อวางของตกแต่งก็ได้นะคะ

ระยะห่างระหว่างชั้นวางทีวีจนถึงโซฟาอยู่ที่ 1.1 เมตร ขนาดทีวีที่เหมาะสมอยู่ที่ 26 นิ้ว แต่ถ้าอยากซื้อทีวีที่ใหญ่กว่านี้อาจจะลองขยับโซฟาออกไปอีกสักหน่อยจะพอดีกับระยะสายตามากกว่า

ติดกับห้องนั่งเล่นจะเป็นพื้นที่ของห้องนอนค่ะ ห้องนี้จะเป็นห้องนอนที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนสามตอน ข้อดีคือ เป็นการเชื่อมต่อพื้นที่ทำให้ห้องดูกว้าง แต่ก็มีข้อเสียนะคะ เวลาใครไปใครมาก็มองเห็นห้องนอนของเราได้ แนะนำให้ติดม่านเพิ่มหรือซื้อสติกเกอร์ขุ่นมาติดกระจกเพิ่มนะคะ ห้องจะได้ดูเป็นส่วนตัวมากขึ้น

พื้นห้องนนอนจะปูด้วยพื้นไม้ veneer นะคะ ส่วนผนังก็ฉาบเรียบ skin coat ทาสีมาให้เหมือนส่วนอื่นๆ

ขนาดเตียงที่เหาะสมกับพื้นที่ห้องจะอยู่ที่ 3.5 ฟุตค่ะ ถ้าซื้อเตียงที่ขนาด 5-6 ฟุต อาจจะทำให้ห้องดูแคบลง และใช้สอยพื้นที่ได้ไม่เต็มที่ ห้องนี้จึงเหมาะกับการทำเป็นห้องของลูกๆ หรือถ้ายังโสดก็อาจจะเปลี่ยนห้องนี้ให้กลายเป็นห้องทำงานไปเลยก็ได้ค่ะ

การเลือกเฟอร์นิเจอร์แบบมีขาตั้ง จะช่วยทำให้ห้องดูกว้างขึ้นได้ด้วยนะคะ

บริเวณปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built-in ออกแบบมาให้ดูแนบเนียนคล้ายกับผนังห้อง ส่วนมุมห้องทำเป็นกระจกเข้ามุม เหลือพื้นที่เล็กๆ ให้วางชั้นขนาดเล็กได้

เป็นตู้เสื้อผ้าบานเปิดคู่ขนาดกะทัดรัด เปิดประตูออกมาแล้วบานประตูเว้ยระยะจากขอบเตียงเล็กน้อย

บริเวณหัวเตียงจะเป็นทางเข้าห้องน้ำ กั้นด้วยประตูกระจก Tempered Glass แบบบานผลักเข้าด้านใน หลายคนอาจจะไม่ชอบห้องน้ำแบบเปิดโล่งแบบนี้ ก็แนะนำให้หาสติกเกอร์ขุ่นมาติดเพิ่มนะคะ และก็อย่าลืมสำรวจการ Seal รอบๆ กระจกด้วยว่า ปิดสนิทหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นจะมีปัญหาเรื่องกลิ่นได้ค่ะ

ห้องน้ำแบ่งโซนเปียกและโซนแห้งออกจากกันชัดเจน

พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องกระเบื้องกันลื่น ส่วนพื้นที่ด้านในโซนเปียกก็ค่อนข้างจะเล็กนะคะ แต่ถ้ามอง่วา เป็นหองนอนสำหรับเด็กก็ถือว่าเป็นขนาดที่กำลังดี

ถัดจากโซนเปีียกจะเป็นโซนแห้ง สุขภัณฑ์เป็นของ American Standard หรือเทียบเท่า ได้อ่างล้างหน้า ตู้เก็บของกรุหน้าบานด้วยกระจกเงา โถสุขภัณฑ์ สายฉีดชำระและที่ใส่กระดาษทิชชู่ ห้องน้ำนี้จะเข้า-ออกได้จากทั้งฝั่งครัวและห้องนอนเล็ก ทำให้รู้สึกไม่เป็นส่วนตัวสักเท่าไรค่ะ

การติดตั้งอุปกรณ์ที่โถสุขภัณฑ์อยู่ในระยะที่ใช้งานได้สะดวกดีค่ะ

พื้นส่วนเปียกจะลดระดับลจากพื้นส่วนแห้งเล็กน้อย

ฝักบัวจะเป็นแบบ Hand Shower ด้านข้างติดที่วางสบู่มาให้เรียบร้อย

มุมมองจากฝั่งห้องครัวค่ะ

ต่อไปเราจะพาไปสำรวจห้องนอนใหญ่กันต่อ ห้องจะอยู่ใกล้กับมุมรับประทานอาหารเลยค่ะ

ห้องนอนใหญ่มีขนาดที่ใหญ่กว่าอีกห้องเล็กน้อย แต่จะมีการแยกพื้นที่พักผ่อนและพื้นที่ใช้สอยอื่นๆ ออกจากกันเป็นสัดส่วนมากขึ้น พื้นห้องปูด้วยไม้ veneer ผนังฉาบเรียบ skin coat ทาสีขาวมาให้ ส่วนแอร์ในห้องนี้ก็เป็นแอร์แบบซ่อนฝ้าทำให้ห้องดูเรียบร้อยและสวยงามมากขึ้น

ขนาดเตียง 3.5 ฟุตค่ะ แต่สามารถปรับเปลี่ยนเตียงเป็นขนาดที่กว้างกว่านี้ได้ ด้านข้างยังเหลือพื้นที่ว่างอยู่ หรือถ้าใครนอนคนเดียว เตียงขนาดนี้ก็เหมาะสมอยู่แล้ว ก็อาจจะซื้อโต๊ะมาตั้งด้านข้างหัวเตียง ใช้วางของ วางโคมไฟแทน

มุมหน้าต่างทำเป็นช่องเข้าไปสามารถ Built-in เป็นโต๊ะทำงานได้ ชมวิวไป ทำงานไปก็ดูสุนทรีย์ดีนะคะ

หน้าต่างห้องนอนเป็นหน้าต่างบานกระทุ้งผสมกับบานฟิกซ์สามารถเปิดออกไปรับลมได้ ในวันที่อากาศดีๆ

พื้นที่รอบๆ เตียงเหลือให้เดินได้สบายๆ ค่ะ ปลายเตียงมีปลั๊กไฟและช่องรับสัญญาณทีวีติดตั้งไว้ให้ เผื่อใครอยากจะซื้อทีวีแบบติดผนังมาใช้งานในห้องนอน

จากมุมเตียง มองเข้าไปจะเป็นมุมแต่งตัวและสุดทางเดินจะเป็นห้องน้ำค่ะ ทำแบบนี้ก็สะดวกในการทำกิจกรรมภายในห้องดี

การจัดวางเฟอร์นิเจอร์ห้องนี้ทำได้ดีนะคะ จัดให้โต๊ะเครื่องแป้งอยู่ใกล้กับตู้เสื้อผ้า และห้องน้ำ เวลาอาบน้ำเสร็จก็เดินมาแต่งตัว และหันมาส่องกระจกได้เลย ไม่ต้องเดินไปเดินมาข้ามห้องให้เสียเวลา

โต๊ะเครื่องแป้งเป็นแบบ Built-in ขนาดค่อนข้างกะทัดรัด มีลิ้นชักมาให้ ไว้ใช้เก็บอุปกรณ์การแต่งหน้าได้ค่ะ

ขนาดตู้เสื้อผ้าดูจะเล็กไปหน่อยสำหรับใครที่ชอบการแต่งตัว อาจจะต้องพับเก็บหรือ หาซื้อตู้มาใส่เสื้อผ้ากันเพิ่มเติมค่ะ

ส่วนสุดท้ายแล้วค่ะ เป็นส่วนของห้องน้ำ ห้องนี้มีพื้นที่ห้องน้้ำกว้างกว่าห้องด้านนอก แถมยังมีอ่างอาบน้ำเพิ่มมาให้ด้วย พื้นและผนังห้องน้ำปูด้วยกระเบื้องสีเทา มีตัวระบายอากาศติดตั้งมาให้เรียบร้อย ส่วนประตูทางเข้าก็เป็นกระจก Tempered Glass เช่นเคยค่ะ

ห้องน้ำแยกส่วนเปียกและแห้งออกจากกันชัดเจน มีการกั้นส่วนเปียกเป็น shower Box เพื่อป้องกันน้ำกระเด็นออกมาภายนอก ในส่วนพื้นที่แห้งจะมีสุขภัณฑ์ให้ครบชุดประกอบด้วย อ่างล้างหน้า ตู้กระจกเงา โถสุขภัณฑ์ สายฉีดชำระ และที่ใส่กระดาษทิชชู่

ทางคอนโด ไซมิส ราชครู จัดทำตู้ Built-in มาให้ ด้านบนของตู้กรุเป็นกระจกเงา เพื่อประหยัดพื้นที่ในการติดตั้ง เปิดประตูตู้ออกมาด้านในจะเป็นชั้นวางของและมีปลั๊กไฟมาให้ 1 จุด

อ่างล้างหน้าเป็นหินสังเคราะห์แบบเคาน์เตอร์ Built-in ติดกับผนัง มีที่วางของให้ด้านข้างอ่าง

ก๊อกน้ำทำออกมาสวยงาม ฝังติดกับผนังวาล์วเเป็นแบบหมุน ใช้งานได้สะดวก

โถสุขภัณฑ์จะตั้งอยู่ด้านข้างอ่างล้างหน้าค่ะ ด้านข้างติดสายฉีดชำระและที่ใส่กระดาษทิชชู่มาให้

โถสุขภัณฑ์เป็นของ American Standard มีปุ่มกดแยกระดับการปล่อยน้ำ ช่วยในการประหยัดการใช้น้ำโดยไม่จำเป็นค่ะ

สายฉีดชำระเป็นโครเมียม

ห้องน้ำจะไม่มีฝักบัวมาให้นะคะ เเต่จะเปลี่ยนเป็นอ่างอาบน้ำมาให้แทน ซึ่งตัวอ่างค่อนข้างเล็ก คนตัวสูงๆ อาจจะนอนแช่น้ำไม่ได้ ควรติดตั้งฝักบัวเพิ่มนะคะ จะได้อาบน้ำได้สะดวก

Penthouse 160 Sq.m.

ห้องแบบ Penthouse ขนาด 160 ตารางเมตร

แบบห้องของทางคอนโด ไซมิส ราชครู (Siamese Ratchakru) มีตั้งแต่แบบ 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน ไปจนถึงห้องแบบ Penthouse ในช่วงที่เราเข้าไปทำการรีวิวนี้ ก็ได้ข้อมูลจากทางพนักงานว่า เหลือห้องแบบ 2 ห้องนอน และ Penthouse เท่านั้น ส่วน 1 ห้องนอนขายหมดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แบบนี้เราจึงไม่พลาดที่จะเข้าไปสำรวจห้องทั้ง 2 แบบที่เหลือมาให้ชมกันค่ะ

ห้องแบบแรกที่จะทำรีวิวกันในวันนี้จะเป็นห้องแบบ Penthouse ขนาด 161.14 ตารางเมตร ทางคอนโด ไซมิส ราชครู ขายแบบ Fully Furnished จัดเต็มด้วยเฟอร์นิเจอร์ครบครัน ซึ่งห้องที่เราจะพาเข้าไปชมจะเป็น Penthouse ห้องสุดท้ายของทางโครงการแล้วค่ะ

ในด้านผังห้องจะแยกเป็น 2 ชั้น แต่ในชั้น 2 จะเป็นพื้นที่ครัวปิดแยกให้ต่างหาก ส่วนห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำจะอยู่ในชั้น 1 ห้องนี้ไม่มีพื้นที่ระเบียงให้นะคะ แต่จะทดแทนด้วยวิวสวยๆ ของห้องครัวด้านบนที่เป็นห้องกระจก เห็นวิวได้ 180 องศาแทน

เมื่อเข้ามาภายในห้องส่วนแรกที่เจอจะเป็นโซนรับประทานอาหาร และห้องนั่งเล่นค่ะ ชมภาพ 360 องศาเพื่อให้เห็นภาพรวมภายในห้องกันสักหน่อย ส่วนของห้องนั่งเล่นนี้จะปูพื้นด้วยไม้ Veneer กว้าง 6 นิ้ว หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักไม้ชนิดนี้สักเท่าไรนะคะ ไม้ Veneer เป็นการปิดพื้นผิววัสดุด้วยการฝานลำต้นไม้จริงออกมาเป็นแผ่นบางๆ พื้นชนิดนี้จึงให้ผิวสัมผัสเหมือนกับไม้มากๆ ค่ะ

ภายในห้องนั่งเล่นสามารถวางโซฟาขนาดใหญ่ได้ตามภาพ ระยะห่างระหว่างโซฟาไปจนถึงชั้น Built-in ด้านหน้ากว้างพอจะติดตั้งทีวีขนาดใหญ่ได้สบายๆ จากมุมนี้จะมองเห็นโต๊ะรับประทานอาหารที่อยู่ใกล้กับประตูทางเข้า และบันไดขึ้นไปสู่ครัวในชั้น 2 ด้วย

แอร์ของห้องจะเป็นแบบซ่อนในฝ้ามาให้ ดูแล้วเรียบร้อยและสวยงามดีค่ะ และภายในห้องยังติดสปริงเกอร์สำหรับดับไฟมาให้ด้วย

กำแพงในห้องจริงๆ ทางคอนโด ไซมิส ราชครู จะฉาบเรียบ Skin coat ทาสีมาให้เรียบร้อย แต่สำหรับห้องนี้ใครที่สนใจจะซื้อจะได้การตกแต่งแบบจัดเต็มตามนี้เลยค่ะ ไม่จำเป็นต้องตกแต่งเพิ่มเติมอะไรเเล้ว

บริเวณห้องนั่งเล่นสว่างด้วยช่องรับแสงขนาดใหญ่ เป็นกระจกบานฟิกซ์ที่มองออกไปเป็นทัศนียภาพของเมืองในย่านนี้

สำหรับบริเวณโต๊ะรับประทานอาหารจะปูพื้นด้วยกระเบื้องสีดำเงา พร้อมโต๊ะรับประทานอาหารหน้าตาแบบนี้เลยค่ะ

จากโต๊ะรับประทานอาหารให้เดินเลี้ยวขวาเข้ามาจะเป็นพื้นที่ครัวเปิด เป็นครัวเล็กๆ มีพื้นที่วางตู้เย็นและเคาน์เตอร์ครัวมาให้ ครัวส่วนนี้อาจะไม่เหมาะกับการทำอาหารนะคะ เพราะเป็นครัวเปิดแถมอยู่ใกล้กับห้องนอนมากๆ ด้วย ถ้าจะทำครัวก็แนะนำให้ขึ้นไปทำบนชั้น 2 จะสะดวกกว่า

ท็อปเคาน์เตอร์ครัวเป็นหินสังเคราะห์ ติดตั้งอ่างล้างจานแบบฝังเคาน์เตอร์ ตรงนี้ไม่มีเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันนะคะ อาจจะใช้เป็นการล้างผัก หรือล้างผลไม้ไว้ทานเล่น หรือจัดเตรียมอาหารแบบง่ายๆ แทนการทำอาหารแบบจริงจัง ส่วนพื้นที่วางตู้เย็นมีให้แบบฟิกซ์พื้นที่มาให้ แนะนำให้วัดขนาดพื้นที่ไปก่อนจะเลือกซื้อ แต่ดูแล้วน่าจะพอวางตู้ขนาดใหญ่ได้พอดีค่ะ

ตู้ด้านบนจะใช้งานค่อนข้างยากหน่อยนะคะ ต้องให้คนสูงๆ เปิด ถึงจะเปิดขึ้นได้ ตู้วางของจะเป็นในลักษณะบานเปิดขึ้นไปด้านบน ส่วนด้านข้างจะเป็นแผงควบคุมไฟฟ้าภายในห้องค่ะ

ทางเดินไปยังห้องนอนค่ะ Penthouse ของ ไซมิส ราชครู จะมีห้องนอนให้ทั้งหมด 3 ห้อง วางตัวอยู่ทางฝั่งขวามือ 2 ห้อง และสุดทางเดินอีก 1 ห้อง ส่วนฝั่งซ้ายมือจะเป็นห้องแม่บ้านและห้องซักล้างค่ะ

ห้องซักล้างจะเป็นห้องเล็กๆ เดินระบบท่อมาให้แล้ว ห้องกว้างพอให้ตั้งเครื่องซักผ้าได้ค่ะ ส่วนประตูจะเป็นประตูบานเฟี้ยม ที่นี่ไม่มีระเบียงห้องให้สำหรับตากผ้า ก็คงต้องอบผ้า หรือส่งซักเอาน่าจะสะดวกกว่าค่ะ

มาเริ่มสำรวจห้องนอนห้องแรกกันก่อนนะคะ ห้องนี้แปลกหน่อยตรงที่เปิดประตูห้องเข้าไปแล้วเจอกับห้องน้ำก่อนเลย และเป็นห้องน้ำที่ต้องใช้รวมกับแขกที่มาเยี่ยมเยียนด้วยค่ะ

เข้ามาด้านในจะเห็นว่าห้องมีประตูอยู่ 2 ประตู คือ ประตูทางเข้าสู่ห้องน้ำ และประตูเชื่อมต่อไปถึงห้องนอน เวลามีใครมาเที่ยวก็ควรจะล็อกประตูห้องจากทางด้านในให้เรียบร้อยนะคะ เพื่อความปลอดภัย เพราะมันเปิดถึงกันได้ง่าย

ส่วนด้านวัสดุก็ทำออกมาได้หรูหรา พื้นห้องน้ำปูด้วยกระเบื้อง Thai sung หรือเทียบเท่า ผนังจะปูด้วยกระเบื้องเนื้อเดียว และกระเบื้องโมเสกตกแต่งห้องให้ดูมีสีสันมากยิ่งขึ้น มีการติดตัวระบายอากาศมาให้เรียบร้อยแล้วด้วยค่ะ

ส่วนสุขภัณฑ์ก็ได้ตามาตรฐานค่ะ มีการแยกโซนเปียกและโซนแห้งออกจากกันชัดเจน ในส่วนของโซนแห้งจะมีโถสุขภัณฑ์ พร้อมสายฉีดชำระโครเมียมและที่ใส่กระดาษทิชชู่ อ่างล้างหน้าเป็นแบบฝังลงบนเคาน์เตอร์ และได้กระจกเงาเต็มความกว้างของผนัง สุขภัณฑ์ทั้งหมดเป็นของ American Standard ค่ะ

เลี้ยวมาดูโซนเปียกบ้างนะคะ ห้องน้ำกั้นด้วยกระจก Tempered Glass ปูผนังด้วยกระเบื้องโมเสกสวยงามดี ที่จับของประตูกระจกสามารถประยุกต์เป็นราวแขวนผ้าเช็ดตัวได้ หยิบจับแล้วสะดวกมือดีค่ะ

ฝักบัวได้ทั้งแบบ Hand Shower และ Rain Shower

ห้องนอน 1

เปิดประตูเข้ามาในห้องต่อเลยนะคะ แม้จะเป็นห้องนอนเล็ก แต่ก็เป็นห้องนอนเล็กที่ดูกว้างพอสมควรเลยค่ะ พื้นห้องปูด้วยไม้ Veneer ผนังติดวอลเปเปอร์มาให้เรียบร้อย ไฟเป็นไฟดาวน์ไลท์และไฟซ่อนฝ้า ดูแล้วหรูหรามากๆ ค่ะ ส่วนแอร์ก็เป็นแบบซ่อนผ้าด้วยเช่นเดียวกัน

ส่วนแรกที่เราเข้ามาเจอจะเป็นโต๊ะทำงาน ถัดไปเป็นเตียง และเป็นหน้าต่างบานใหญ่ค่ะ

มุมมองจากปลายเตียงค่ะ หัวเตียงจะมีช่องปลั๊กไฟมาให้ 1 จุด สำหรับเสียบสายชาร์จแบตเตอรี ห้องนี้มีการใช้กระจกเพื่อตกแต่งผนัง ทำให้ห้องดูกว้างมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ

โต๊ะทำงานเป็นแบบ Built-in ด้านบนติดตั้งปลั๊กไฟและช่องเสียบสาย Lan มาให้ มุมนี้อาจจะเปลี่ยนจากโต๊ะทำงานมาเป็นโต๊ะเครื่องแป้งสำหรับสาวๆ แทนก็ได้นะคะ เพราะโต๊ะอยู่ใกล้กับตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำ จะได้สะดวกเวลาแต่งตัวและแต่งหน้า ไม่ต้องเดินไปเดินมาให้เสียเวลา

ตู้เสื้อผ้าที่ได้เป็นตู้สูงจรดเพดาน แบบบานเปิดคู่ ด้านในก็แบ่งพื้นที่เป็นชั้นวางของ ราวแขวนผ้าและลิ้นชักสำหรับใส่ของกระจุกกระจิกได้

บริเวณปลายเตียงไม่ได้เป็นกำแพงกั้นห้องแต่อย่างใดนะคะ เราสามารถเปิดประตูบานเลื่อนออกไปเจอกับห้องนั่งเล่นได้ สรุปว่าห้องนี้เข้าออกได้ถึง 2 ทางเลยค่ะ

บริเวณหัวเตียงอีกฝั่ง ซึ่งเป็นช่องว่างระหว่างเสา สามารถวางโต๊ะหัวเตียงได้ 1 ตัว แต่การจัดวางเตียงจำเป็นต้องจัดชิดกับเสาแบบนี้นะคะ ไม่อย่างนั้นเตียงจะไปล้ำพื้นที่ของโต๊ะทำงานแทน

ห้องนอน 2

เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาจะเป็นโถงทางเดินเล็กๆ ซ้ายมือจะเป็นพื้นที่ห้องน้ำ ขวามือจะเป็นตู้เสื้อผ้าบานเลื่อน มองตรงไปจะเป็นเตียงนอนค่ะ

ภายในห้องน้ำไม่ต่างจากห้องนอนห้องแรกเลยค่ะ ต่างแค่ขนาดและการจัดวางพื้นที่ภายในเล็กน้อยเท่านั้น

มีการแยกส่วนเปียกและส่วนแห้งออกจากกัน ส่วนแห้งมีชุดโถสุขภัณฑ์ กระจกเงา และอ่างล้างหน้าพร้อมตู้เคาน์เตอร์ด้านล่าง

โซนเปียกกั้นเป็น Box Shower ด้านในมีชั้นวางสบู่และฝักบัวติดตั้งมาให้เรียบร้อย

ชมภาพ 360 องศาของห้องกันค่ะ ห้องนี้ก็เป็นห้องนอนเล็กอีกห้อง พื้นปูด้วยไม้ Veneer ผนังฉาบเรียบ Skin Coat ทาสี รอบเตียงเหลือพื้นที่ให้เดินผ่านสบายๆ ปลายเตียงติดตั้งปลั๊กไฟและช่องรับสัญญาณทีวีเอาไว้ให้ เผื่อใครอยากจะซื้อทีวีแบบแวนผนังมาติด เอาไว้ดูหนังแก้เบื่อได้

ห้องนี้ตกแต่งด้วยวอลเปเปอร์ลายไม้ ดูแล้วอบอุ่นแต่กก็แฝงไปด้วยความแข็งแรง เหมาะที่จะเป็นห้องนอนของคุณหนุ่มๆ ข้างหัวเตียงเองก็มีโต๊ะเล็กๆ ปิดหน้าบานด้วยลายไม้ ใช้วางโคมไฟได้

พอปิดผ้าม่านแล้วห้องดูสลัวเหมาะกับการพักผ่อน ขนาดเตียงที่เหมาะสมจะเป็นเตียงขนาด 5 ฟุตแบบในภาพ

มุมมองจากทางหน้าต่างห้อง มองย้อนกลับไปที่ประตู

ห้องนี้ได้แอร์แบบซ่อนฝ้า ไฟแบบดาวน์ไลท์ และติดสปริงเกอร์มาให้เหมือนกันค่ะ

ห้อง 3 (ห้องนอนใหญ่)

มาถึงห้องนอนห้องสุดท้ายแล้วค่ะ ห้องนี้เป็นห้องใหญ่ที่สุด จะพิเศษตรงที่ได้อ่างจากุซซี่ในห้องน้ำและได้ walk-in closet มาด้วย

เข้าไปดูในห้องน้ำก่อนนะคะ โซนแห้งเหมือนห้องอื่นๆ ไม่มีอะไรพิเศษ

ทีเด็ดอยู่ที่โซนเปียกนี่แหละค่ะ นอกจากจะได้อ่างจากุซซี่เพิ่มเข้ามาแล้ว ห้องอาบน้ำยังเป็นกระจกใส เปิดโล่งให้เห็นได้จากภายนอกด้วยค่ะ

ส่วน walk-in closet ก็แอบอยู่บริเวณประตูทางเข้า กั้นด้วยกระจกบานเลื่อนสามตอน เมื่อเปิดออกมาจะเผยให้เห็นพื้นที่สำหรับแต่งหน้าและแต่งตัว

ราวแขวนผ้าจะได้มาแบบเปิดโล่ง มีชั้นวางของด้านบนและลิ้นชักเก็บของอยู่ทางด้านล่าง ขวามือจัดเป็นโต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆ ให้สาวๆ ได้ใช้ประทินผิวกัน ขนาดของ walk-in closet ไม่ได้กว้างมากนักค่ะ ก็พอให้เข้าไปนั่งหรือยืนเลือกเสื้อผ้าได้

พื้นที่ด้านข้างเตียงฝั่งที่ติดกับหน้าต่าง เหลือพื้นที่อยู่ค่อนข้างมาก อาจจะหาโต๊ะทำงานมาตั้งเพิ่มอีกสักตัวก็ได้ ด้านวัสดุและการตกแต่งก็เหมือนกับห้องที่ 2 ที่เน้นการใช้สีของไม้ทำให้ห้องดูอบอุ่น แต่ก็มีความหรูหราอยู่ในตัว

เตรียมตัวขึ้นชั้น 2 กันต่อนะคะ ใกล้ๆ กับบันไดทางขึ้นไปยังชั้น 2 จะเป็นโต๊ะทานอาหารแบบ 4 ที่นั่ง วัสดุโต๊ะก็เป็นกระจก Tempered Glass สวยงามดีค่ะ

ขึ้นมาบนชั้น 2 จะเป็นส่วนพิเศษอีกจุดของห้องแบบ Penthouse ทางคอนโด ไซมิส ราชครู จัดทำห้องครัวแยกมาให้อีกจุด เป็นครัวแบบปิด พร้อมกับชมภาพวิวทิวทัศน์จากมุมสูงได้แบบ 180 องศา เหมาะกับการจัดปาร์ตี้ หรือจัดมื้อดินเนอร์สำหรับครอบครัว

พื้นที่ครัวมีขนาดใหญ่ อาจจะหาโต๊ะทานข้าวแบบยาวมาตั้งแบบนี้จะได้นั่งทานข้าวร่วมกันทั้งครอบครัว

หันมาที่มุมเคาน์เตอร์ครัวจะมีบาร์แยกออกมา เหมาะสำหรับหนุ่มสาวช่างปาร์ตี้ จัดเป็นโซนค็อกเทลเก๋ๆ ในวันสำคัญก็ได้ค่ะ ส่วนด้านหลังจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวสามารถทำอาหารได้จริง

ด้านหลังบาร์จะเป็นลิ้นชักเอนกประสงค์สำหรับใส่ของ

ส่วนเคาน์เตอร์ครัวก็ให้มาตามที่เห็น ไมโครเวฟจะวางอยู่ทางด้านล่าง มีอ่างล้างจาน แต่ไม่ได้แถมเตาไฟฟ้าและเครื่องดูควันมาให้ ก็แนะนำให้ติดตั้งเพิ่มนะคะ

วิวจากชั้น 27 มองลงไปจะเป็นวิวเมือง กินข้าวไปชมวิวไป ให้อารมณ์เหมือนกับนั่งอยู่บนภัตรคารหรูเลยค่ะ

Analysis

วิเคราะห์โครงการ ไซมิส ราชครู (Siamese Ratchakru)

ทำเล : ไซมิส ราชครู (Siamese Ratchakru) อีกหนึ่งโครการที่น่าสนใจสำหรับใครที่กำลังมองหาคอนโดที่อยู่ติดกับรถไฟฟ้าในระยะเดินถึง ด้านศักยภาพของทำเลก็แทบจะไม่มีอะไรให้สงสัยว่มันจะเจริญหรือเปล่า เพราะย่านสนามเป้า-อารีย์นี่ก็ถือว่า เป็นอีกทำเลที่ดีมากค่ะ เดินทางไปไหนมาไหนก็สะดวกและมีความอุดมสมบูรณ์ที่เพียบพร้อม แถมยังอยู่ในย่านของคนทำงาน เหมาะกับคนที่มองหาคอนโดดีๆ ที่อยู่ใกล้ทำงานในย่านนี้ค่ะ

ด้านการใช้รถใช้ถนนก็ต้องบอกว่า สะดวกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว เพราะมีทางด่วนอยู่ใกล้ๆ จะเข้าหรือออกเมืองก็ทำได้ง่ายๆ ค่ะ แถมซอยพหลโยธินยังสามารถเชื่อมต่อและลัดเลาะถึงกัน เลี่ยงรถติดได้ดีเชียวค่ะ ส่วนใครที่ใช้ถนนพหลโยธินในการเดินทางเป็นประจำก็สามารถขับเชื่อมต่อไปถึงถนนเส้นต่างๆ ได้ อาทิ ถนนวิภาวดีรังสิต ถนนกำแพงเพชร หรือจะวิ่งตามแนวรางรถไฟฟ้าเข้าสู่อนุสาวรีย์, อโศก, พระราม 4, สุขุมวิท วิ่งยาวไปจนถึงจังหวัดสมุทรปราการเลยก็ยังได้ค่ะ

ส่วนใครที่โดยสารระบบขนส่งสาธารณะ ทำเลของโครงการ ไซมิส ราชครู (Siamese Ratchakru) อยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า BTS ถึง 2 สถานีคือ สถานีสนามเป้า และสถานีอารีย์ แต่จะค่อนมาทางสถานีสนามเป้าเล็กน้อยค่ะ ส่วนระยะทางก็อยู่ในระยะที่เดินถึงได้สะดวก แต่ถ้าไม่อยากเดิน รอบโครงการก็มีรถรับ-ส่งสาธารณะอื่นๆ คอยให้บริการ ไม่ว่าจะเป็น แท็กซี่ รถเมล์ รถตู้ ก็มีให้เลือกใช้บริการอยู่ตลอดทั้งวัน

สภาพแวดล้อม : รอบโครงการเต็มไปด้วยสถานที่ราชการ ออฟฟิศและที่อยู่อาศัยค่ะ ความพลุกพล่านของย่านนี้จะไม่ใช่คน แต่จะเป็นรถยนต์ที่วิ่งไปมาบนถนน (โครงการอยู่ติดกับถนนใหญ่) ช่วงเวลากลางคืนจึงไม่เปลี่ยวค่ะ มีรถขับผ่านตลอดทั้งวัน ส่วนด้านอาหารการกินก็มีให้เห็นบ้างประปราย ส่วนมากจะเป็นร้านอาหารที่เปิดใต้อาคารของคนในชุมชนเสียมากกว่า คนในย่านนี้มักจะไปหาซื้อของกินหรือเดินชอปปิงกันแถวอารีย์ Community Mall ที่ใกล้ที่สุดจะเป็น La Villa อารีย์ จะนั่งรถ ขับรถ หรือเดินเท้าไปก็ได้ ระยะทางอยู่ใกล้ๆ แค่ 500 ม.เท่านั้น ฝั่งตรงข้าม La Villa อารีย์ จะเป็นร้านอาหารแผงลอยริมฟุตบาท หลังจากกลับจากที่ทำงานก็ลองแวะเลือกซื้ออาหารก่อนกลับเข้าคอนโดก็สะดวกดีนะคะ

แบบห้อง : แบบห้องของคอนโดจะมีให้เลือกอยู่ 3 แบบด้วยกันคือ 1 ห้องนอน ขนาด 30 ตารางเมตร, 2 ห้องนอน ขนาด 60 ตารางเมตร และ penthouse ขนาด 160 ตารางเมตร แต่ทางโครงการแจ้งให้ทราบว่าเหลือแต่ห้อง 2 ห้องนอน และ penthouse ค่ะ ทางโครงการขายแบบ Fully Furnished ได้เฟอร์นิเจอร์ครบครันตามความต้องการมาตรฐาน และทางคอนโด Siamese ราชครู เลือกใช้วัสดุภายในห้องอย่างดีสมกับราคา ส่วนการวางผังห้องก็มีจุดเด่นอยู่ที่ห้องบาง Type ได้ระเบียงแบบเฉียง ทรงสามเเหลี่ยม ทำให้มีพื้นที่ระเบียงที่กว้างมากขึ้น โดยรวมก็ถือว่าทำออกมาได้ค่อนข้างดี

สิ่งอำนวยความสะดวก : คอนโด ไซมิส ราชครู (Siamese Ratchakru) เหมาะกับคนที่ชื่นชอบการใช้พื้นที่ส่วนกลางมากๆ ค่ะ เพราทางโครงการให้สาธารณูปโภคในส่วนนี้มาเยอะพอสมควร ออกแบบมาได้สวยงามเหมาะกับการพักผ่อนดีค่ะ แต่ก็จะมีบางส่วนที่อาจจะทำให้ลูกบ้านทั้งหลายรู้สึกขัดใจอยู่บ้าก็คือ การใช้สระว่ายน้ำร่วมกันทั้งฝั่งคอนโด และ Home Office แค่จำนวนยูนิตทางฝั่งคอนโดก็มากพอตัวอยู่แล้ว ถ้าเกิดวันดีคืนดี เกิดการใช้สระร่วมกันขึ้นมา ความเป็นส่วนตัวอาจจะไม่มี ตรงนี้ต้องลองสอบถามกับทางคอนโดอีกทีนะคะว่า มีมาตรการเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไรบ้าง

ราคา : ราคาแบบ 2 ห้องนอนเริ่มต้นที่ 8.8 ล้านบาท ตกตารางเมตรละ 147,000 บาท ก็ถือว่าเป็นราคาที่สูงระดับ High Class เลยนะคะ แต่ถ้ามองในแง่ของความสะดวกสบายของทำเลในย่านนี้ที่มีศักยภาพการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ด้านการคมนาคมก็สะดวกสบายทั้การขับรถยนต์ส่วนตัว หรือการใช้ BTS ก็อยู่ใกล้ๆ ได้ห้องที่ตกแต่งพร้อมอยู่ และเป็นห้องขนาดใหญ่ ถ้าใครเริ่มจะสร้างครอบครัว อยากได้คอนโดห้องกว้าง ซื้อไว้ก็ถือว่าคุ้มค่านะคะ

ไซมิส ราชครู (Siamese Ratchakru) คอนโดมิเนียม High Rise ผสม Home Office เหมาะสำหรับคนที่อาจจะอยากทำธุรกิจด้วยและหาพื้นที่อยู่อาศัยในระยะใกล้ๆ ด้วย หรืออยากจะซื้อคอนโด เพื่ออยู่อย่างเดียวก็ได้ ตามหาความสะดวกสบายในการเดินทาง เพราะอยู่ติดกับถนนใหญ่และ BTS ถึง 2 สถานี และต้องการห้องแบบ 2 ห้องนอนขึ้นไป ชื่นชอบการใช้พื้นที่ส่วนกลางเป็นประจำ