[Review] ไซมิส สุรวงศ์ (Siamese Surawong) คอนโด High Rise 22 ชั้น ตั้งอยู่บนถนนทรัพย์ ทำเลร่วมสมัยใจกลางกรุงเทพมหานคร
ถนนทรัพย์ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร
Review info
สำหรับในวันนี้ เราจะพาทุกท่านไปเยี่ยมชมคอนโดทำเลดี บนพื้นที่แห่งประวัติศาสตร์ใจกลางกรุงเทพมหานครกับ ไซมิส สุรวงศ์ (Siamese Surawong) เป็นการ รีวิวคอนโดหรู สูง 22 ชั้น ซึ่งตั้งอยู่บนถนนทรัพย์ แถวสีลม-สามย่าน ที่โดดเด่นทั้งทำเล การคมนาคม สิ่งอำนวยความสะดวก และรูปแบบห้อง ที่มีให้เลือกหลากหลาย ขายแบบ Fully Fernished พร้อมเข้าอยู่ได้เลย รายละเอียดอื่นๆ จะเป็นอย่างไร สามารถติดตามชมได้ในรีวิวนี้เลย
More info
ราคาเมื่อวันที่ 20/12/2016
2 ห้องนอน ราคาเริ่มต้นที่ 9-11 ล้านบาท
ทาวน์เฮ้าส์ พื้นที่ใช้สอย 100 - 152 ตร.ม. ราคาเริ่มต้นที่ 19-21 ล้านบาท
Location
ที่ตั้งโครงการ ไซมิส สุรวงศ์ (Siamese Surawong)
คอนโด ไซมิส สุรวงศ์ (Siamese Surawong) ตั้งอยู่บนถนนทรัพย์ แขวงสี่พระยา เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร โดยถนนทรัพย์เป็นถนนที่วิ่งไปยัง ถนนสีลมและถนนพระราม 4 ได้ง่าย และอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า MRT สถานีสามย่าน เพียง 550 เมตร ด้านการเดินทางจะไปยังไง เข้า-ออกทางไหนได้บ้าง ลองติดตามชมต่อได้ในรีวิว
แผนที่จากโครงการ ไซมิส สุรวงศ์ (Siamese Surawong) สามารถเข้า-ออกได้จากทั้งฝั่ง ถนนสุรวงศ์ หรือ ถนนสี่พระยา ก็ได้
ถึงแม้ ‘ถนนทรัพย์’ จะไม่ใช่ถนนเส้นหลัก แต่ก็เป็นถนนที่ใครหลายคนเลือกใช้เลี่ยงเส้นทางรถติดจากถนนสีลม-ถนนพระรามที่ 4 ตัวถนนทรัพย์เป็นถนนสองเลนที่อยู่ระหว่างถนนสี่พระยาและถนนสุรวงศ์ โดยถนนสี่พระยาจะเชื่อมต่อเข้ากับถนนพระรามที่ 4 ตรงบริเวณแยกที่ตั้งอาคารจามจุรีและวัดหัวลำโพง ส่วนถนนสุรวงศ์จะเป็นถนนที่เชื่อมต่อกับถนนพระรามที่ 4 ได้เช่นกัน แต่ถ้าต้องการจะวิ่งไปยังสีลมก็เลือกใช้ถนนสุรวงศ์ ขับต่อไปยังถนนนราธิวาส ตัดเข้าถนนสีลม หรือจะใช้ถนนนราธิวาสวิ่งยาวต่อไปยังถนนสาทรก็ได้เช่นเดียวกัน คอนโด ไซมิส สุรวงศ์ (Siamese Surawong) จึงถือว่าตั้งอยู่ในทำเลที่เดินทางได้สะดวก เหมาะกับผู้อยู่อาศัยที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นประจำ
ที่ตั้งของคอนโดนี้ถือว่าอยู่ในจุดศูนย์กลางของกรุงเทพมหานครอีกจุดหนึ่ง จึงเดินทางไปไหนมาไหนได้สะดวก ไม่ว่าจะเดินทางไปเที่ยวย่านฝั่งธนบุรีก็วิ่งออกถนนสี่พระยา ต่อด้วยถนนพระราม 4 ซึ่งเชื่อมถึงหัวลำโพง เลี้ยวเข้าถนนเจริญกรุงต่อไปได้ หรือใครที่ต้องการเดินทางเข้าพญาไท ก็ใช้เส้นสุรวงศ์วิ่งตรงผ่านแยกอังรีดูนังต์เข้าสู่ถนนอังรีดูนังต์ต่อไปถึงพญาไทได้ หรือใครที่ต้องเดินทางไปทำงานแถวสีลม สาทรก็มีถนนเชื่อมต่อไปถึงได้เหมือนกัน แต่การขับรถในตัวเมืองก็ต้องเสี่ยงกับปัญหารถติด ดังนั้น การใช้รถยนต์ในระยะใกล้จะสะดวกกว่าการขับออกไปในระยะไกล แต่ถ้าเป็นนอกช่วงเวลาเร่งด่วนล่ะก็ การขับรถแถวนี้ถือว่าสบายมากๆ ดังนั้นควรกะเวลาในการใช้รถ ใช้ถนนให้ดีก่อนขับออกจากบ้าน
ถึงแม้จะไม่ใช่คอนโดในแนวรถไฟฟ้า แต่ก็ยังถือว่าเดินทางไปยังสถานีรถไฟฟ้า BTS และ MRT ได้ง่าย โดยการเดินทางไปยังรถไฟฟ้า MRT สถานีสามย่าน ระยะทาง 550 เมตร ถือว่าอยู่ในระยะที่ยังเดินถึงได้ ส่วนใครที่ต้องโดยสารรถไฟฟ้า BTS บ่อยๆ ก็สามารถเดินทางไปยังสถานีช่องนนทรีได้ในระยะทาง 700 เมตร อาจจะไกลกว่าจะระยะที่เดินถึงได้แล้ว แต่เราสามารถเรียกใช้บริการวินมอเตอร์ไซค์ที่อยู่เยื้องกับคอนโดไปยัง BTS ได้ หรือในวันฝนตกก็มีแท็กซี่วิ่งผ่านบ่อยๆ หรือจะเรียกตุ๊กๆ ก็มีให้บริการในย่านนี้เยอะอยู่เหมือนกัน
การเดินทาง
การเดินทางไป ไซมิส สุรวงศ์ (Siamese Surawong) จะไปได้ยังไง? วันนี้เราจะมาเล่าแจ้งแถลงไขให้ฟัง
เส้นทางที่เราเลือกใช้เดินทางในวันนี้จะเป็นเส้นพระราม 4 วิ่งตรงยาวเข้าถนนสี่พระยาแล้วเลี้ยวต่อเข้ายังถนนทรัพย์ ซึ่งเป็นที่ตั้งของคอนโด จากภาพด้านบนจะเป็นสภาพบนถนนพระราม 4 ผ่านแยกพระราม 4 มานิดหน่อย
วิ่งตรงมาตามทางจะเจอกับ คอนโด Amanta Lumpini ตึกถัดไปที่เห็นอย่ไกลๆ จะเป็น ลุมพินี ทาวเวอร์
วิ่งผ่านใต้ทางด่วนไปเลย
ขับมาเรื่อยๆ จะเจอกับป้ายบอกทางไปศาลาแดง สามย่าน ให้วิ่งตรงไปตามป้ายบอกทาง
วิ่งขึ้นสะพานข้ามแยกวิทยุไปเพื่อความรวดเร็ว
แล้วก็วิ่งข้ามผ่านแยกศาลาแดงอีกต่อ
บนสะพานก็มีป้ายบอกทางหัวลำโพง สามย่านเหมือนกัน
เริ่มมองเห็นอาคารสูงของดีแทคอยู่ทางขวามือแสดงว่าเราเข้าสู่พื้นที่สามย่านแล้ว
ขับลงสะพานไปเลย
ลงสะพานมาก็ให้เตรียมเบี่ยงซ้าย เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ถนนสี่พระยา
บริเวณทางแยกจามจุรีจะเจอวัดหัวลำโพง ติดกันเป็นทางขึ้น-ลงของ Mrt สามย่าน ถ้าใครไม่ได้ขับรถยนต์มาเอง จะโดยสาร Mrt มาลงสถานีสามย่าน แล้วเดินขึ้นมาที่ทางออกที่ 1 บริเวณหน้าทางออกจะมีวินมอเตอร์ไซค์อยู่ สามารถโบกพี่วินเข้าไปก็ได้ หรือถ้ามากันหลายคนแท็กซี่ก็มีให้บริการอยู่เยอะแยะ เรียกใช้บริการกันได้
เมื่อขับถึงแยกจามจุรี ให้เลี้ยวซ้ายเพื่อเข้าสู่ถนนสี่พระยาตามทิศทางที่ลูกศรชี้
บรรยากาศบนถนนสี่พระยาค่อนข้างจะเงียบสงบ ไม่ได้พลุกพล่านเท่ากับถนนหลักด้านนอก เป็นถนนที่ยังคงความเป็นชุมชนดั้งเดิมอยู่มาก สิ่งก่อสร้างโดยรอบยังเป็นบ้านเรือนและอาคารพาณิชย์อยู่
เมื่อขับตรงเข้ามาเรื่อยๆ จะเจอทางแยก จะเห็นป้ายบอทางไปถนนสุรวงศ์ได้ ให้เลี้ยวซ้ายตามลูกศรไปเลย
ถนนที่เราเลี้ยวเข้ามาคือ ถนนทรัพย์ ซึ่งเป็นถนนที่เชื่อมต่อถนนสี่พระยาและถนนสุรวงศ์เข้าด้วยกัน เมื่อขับตรงมาประมาณ 300 เมตร ให้สังเกตทางด้านซ้ายมือจะเห็นทางเข้าของโครงการ ส่วนฝั่งตรงข้ามจะเห็นเป็นสถานทูตรัสเซียประจำประเทศไทย
และแล้วเราก็มาถึงคอนโด ไซมิส สุรวงศ์ (Siamese Surawong) นอกจากเส้นทางจากถนนพระราม 4 แล้ว เรายังสามารถมาถึงตัวโครงการได้อีกในหลายเส้นทาง ไม่ว่าจะเป็นทางสาทร สีลม หรือทางพญาไทก็ใช้เส้นอังรีดูนังต์มาก็ได้ ซึ่งเส้นทางทั้งหมดจะตัดเข้าสู่ถนนสุรวงศ์แล้วเลี้ยวขวาก็มาถึงโครงการนี้ได้เช่นเดียวกัน
Environment
สภาพแวดล้อมรอบโครงการ ไซมิส สุรวงศ์ (Siamese Surawong)
สภาพเเวดล้อมรอบนอกของโครงการ ไซมิส สุรวงศ์ (Siamese Surawong) มีความหลากหลายในด้านพื้นที่, สิ่งก่อสร้างและรูปแบบการใช้ชีวิต ซึ่งก็ถือเป็นเสน่ห์ของย่านนี้เลยทีเดียว สิ่งที่เป็นจุดเด่นของย่านนี้ก็คงจะหนีไม่พ้น สถานศึกษาอย่าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งอยู่ทางฝั่งถนนพระราม 4 แม้จะเป็นพื้นที่ของสถานศึกษาแต่ก็มีความอุดมสมบูรณ์ที่ครบครันทั้งรถไฟฟ้า ห้างสรรพสินค้า วัดวาอาราม โรงพยาบาล รวมถึงการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพพย์ทั้งเจ้าเล็กเจ้าใหญ่
ส่วนทางฝั่งถนนสีลมนี่ก็ขึ้นชื่อเรื่องความคึกครื้นจนได้รับขนานนามว่าเป็น “วอลล์สตรีทของกรุงเทพฯ” บนนถนนสีลมโดดเด่นในเรื่องร้านอาหาร การก่อตั้งสำนักงาน มีโรงแรมชื่อดัง และมีสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่ดึงดูดทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เข้ามาเที่ยวมากมาย แต่นี่จะเป็นเพียงแผนที่แบบมุมกว้าง เดี๋ยวเราจะไปเจาะลึกกันต่อในบริเวณถนนทรัพย์และถนนสุรวงศ์
ด้านทิศที่ตั้งของอาคารจะตั้งตามทิศดังต่อไปนี้
ทิศเหนือ จะอยู่ติดกับแหล่งที่อยู่อาศัยดั้งเดิมของคนในชุมชนเป็นลักษณะตึกแถว ถัดไปเป็นโรงแรมและเชื่อมออกไปยังถนนสี่พระยา
ทิศใต้ จะอยู่ติดกับบ้านเดี่ยว ถัดไปเป็นอาคารสูงแต่ไม่เกิน 6 ชั้นและเชื่อมต่อออกไปยังถนนสุรวงศ์ได้
ทิศตะวันออก จะเป็นบ้านเรือนและอาคารพาณิชย์
ทิศตะวันตก จะติดกับถนนทรัพย์ เยื้องไปฝั่งตรงข้ามเป็นสถานทูตรัสเซียประจำประเทศไทย
เมื่อเจาะลึกเฉพาะตัวถนนทรัพย์ จะพบว่าเป็นถนนที่มีความเป็นส่วนตัวสูง มีความสงบเหมาะสำหรับการอยู่อาศัย สาเหตุเป็นเพราะถนนทรัพย์เป็นถนนที่เชื่อมระหว่างถนนสี่พระยาและถนนสุรวงศ์ โดยถนนสี่พระยาจะเป็นถนนที่เงียบสงบพอๆ กัน ไม่ได้มีโครงการด้านที่อยู่อาศัยมาเปิดตัวมากมายนัก ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านเรือนดั้งเดิมของคนในชุมชน เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยแบบแนวราบ แต่ถ้าออกมายังถนนสุรวงศ์จะมีความคึกคักมากขึ้น เพราะเป็นถนนที่เชื่อมต่อกับถนนสีลมและลากยาวไปถึงถนนสาทรได้ แต่ก็ยังมีกลิ่นอายของความเก่าให้เห็นจากรูปแบบของอาคารที่ตั้งอยู่โดยรอบ ทั้งหมดนี้จึงเหมือนส่วนผสมแบบเก่าปนใหม่ ทำให้เกิดเป็นย่านร่วมสมัยที่ลงตัว
ลงมาเจาะลึกสภาพพื้นที่จริงกัน ถ้าหากเดินมาทางฝั่งถนนสี่พระยา รูปแบบของสิ่งก่อสร้างจะเป็นแนวราบของคนในชุมชนดั้งเดิมให้เห็นอยู่เยอะเหมือนกัน แต่ก็มีตึกสูงแซมให้เห็นถึงความเจริญของพื้นที่อยู่บ้าง แต่ไม่ได้หนาแน่นจนเสียความเป็นส่วนตัวไป
นอกจาก ไซมิส สุรวงศ์ (Siamese Surawong) แล้วบนถนนทรัพย์ก็ยังมีคอนโดรุ่นพี่อย่าง The Bangkok ถนนทรัพย์ เป็นคอนโด Low rise ตั้งอยู่ด้วย
ถนนบริเวณหน้าทางเข้าโครงการ เป็นถนนสองเลน รถไม่ได้วิ่งเยอะมากมายนัก บรรยากาศโดยรอบเงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อน
ตรงข้ามกับคอนโดจะเป็นสถานทูตรัสเซียประจำประเทศไทย
ร้านค้ายังพอมีให้เห็นบ้าง แต่ไม่ได้เยอะมากทเ่าไร คนส่วนมากจะออกไปหาอะไรทานกันแถวจุฬาฯ ข้ามไปอีกหน่อยก็เป็นถนนเจริญกรุง ที่ตั้งของเยาวราช หรือไม่ก็ขับไปทางถนนสุรวงศ์ ต่อไปสีลมจะเจอกับห้างใหญ่ๆ หลายห้าง ซึ่งก็เลือกได้ตามไลฟ์สไตล์
เดินออกมาจนจะถึงปากทางของถนนทรัพย์ก็จะมองเห็นตึกสูงของไทยสมุทร ซึ่งดูแล้วแตกต่างจากตึกฝั่งตรงข้ามของบ้านสุริยาศัยที่ยังคงความเก่าแก่ไว้เป็นอย่างดี
เดินมาจานถึงหน้าปากซอยแล้วเรียบร้อย ตึกฝั่งตรงข้ามที่เห็นจะเป็นของบ้านสุริยาศัย มีการเปิดเป็นกิจการร้านอาหาร ร้านกาแฟ ว่างๆ ก็แวะมาฝากท้องกันได้
บรรยากาศของถนนสุรวงศ์ ดูคึกคักกว่าถนนทรัพย์อย่างเห็นได้ชัด
เลี้ยวซ้ายมาจะเจอกับธนาคารกรุงไทย สาขาสุรวงศ์
ร้านอาหารของถนนสุรวงศ์จะมีหลากหลายสัญชาติ ทั้งญี่ปุ่น จีน ไทย ฝรั่ง แถมเปิดอยู่ในอาคารที่เก่าแก่ ดูแล้วเข้ากับบรรยากาศของถนนสุรวงศ์เป็นอย่างดี
บรรดาโรงแรมดังในย่านนี้ก็มีห้องอาหารเปิดให้บริการอยู่มากมาย
เดินออกมาถึงแยกอังรีดูนังต์ก็ยังเห็นร้านอาหารอยู่เยอะแยะ ใครที่ไม่อยากออกไปไหนไกลก็ออกมาหาอะไรอร่อยๆ ทานกันได้
ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่ของสภากาชาดไทย มีสถานพยาบาลรองรับอยู่ใกล้ๆ ก็ไม่ต้องห่วงเรื่องเวลาเจ็บป่วย
ฝั่งตรงข้ามก็เป็นที่ตั้งของสถานเสาวภาของสภากาชาดไทย ถ้าขับตรงไปตามถนนอังรีดูนังต์ก็จะถึงพญาไท แต่ถ้าเลี้ยวซ้ายจะมุ่งหน้าไปยังจามจุรี เลือกไปเดินเล่นแถวจามจุรี สแควร์ หรือจะเข้าไปแถวจุฬาฯ ก็เป็นแหล่งของกินอร่อยๆ ราคานักศึกษา เรียกได้ว่าเป็นทำเลที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนเมืองได้หลากหลายรูปแบบอยู่แล้วจะได้ทั้งบรรยากาศเงียบสงบ แต่ในเวลาเบื่อๆ ก็ออกมาหาความบันเทิงได้สะดวก
Insight
เจาะลึกภาพรวมโครงการ ไซมิส สุรวงศ์ (Siamese Surawong)
คอนโด ไซมิส สุรวงศ์ (Siamese Surawong) เป็นคอนโดมิเนียมประเภท High Rise สูง 22 ชั้น 1 อาคาร มีจำนวนยูนิตทั้งหมด 206 ยูนิต โครงการจะตั้งอยู่บนพื้นที่ 1-2-11.9 ไร่ ในแหล่งชุมชนที่เงียบสงบและเป็นส่วนตัว Siamese Surawong เป็นคอนโดจาก บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด ดิเวลลอปเปอร์ผู้ประสบความสำเร็จกับแบรนด์ ไซมิส มาหลายโครงการและในหลายทำเลทองของกรุงเทพมหานคร ตัวอาคารของ Siamese Surawong เป็นทรงสี่เหลี่ยม ทาด้วยสีขาวดูสะอาดตา ไม่ได้ติดกระจกรอบตัวอาคารตามแบบคอนโดสมัยใหม่
ผังอาคาร
เริ่มต้นเจาะลึกกันที่ Master Plan คอนโดหันหน้าอาคารไปทางถนนทรัพย์ เข้า-ออกได้ทางนี้ทางเดียว ถนนโดยรอบอะคารจะเป็นถนนสองเลนให้รถวิ่งสวนกัน ด้านหน้าทางเข้าจะมีจุดแสกนบัตรสำหรับผู้อาศัยในยูนิตที่เป็น Town House ทางด้านล่าง ส่วนถ้าวิ่งวนไปทางซ้ายจะเจอกับจุด Drop off ก่อนเมื่อขับอ้อมตัวตึกไปทางด้านข้างจะเจอทางลาดแล้วเลี้ยวเข้าสู่พื้นที่ลานจอดรถ ซึ่งรักษาความปลอดภัยด้วยระบบแสกนคีย์การ์ดในการเข้า-ออกเช่นเดียวกัน
ด้านในอาคารเมื่อขึ้นมาจากจุด Drop off แล้วเจอกับล็อบบี้ ด้านหลังเป็นเลาจน์ ซึ่งตอนนี้จะจัดเป็นห้องสำนักงานขาย เมื่อเดินตรงไปจะเป็นส่วนของทางเข้าอาคาร ใช้ระบบคีย์การ์ดในการเข้า-ออกเช่นเคย เข้ามาด้านในอาคารจะเจอกับโถงลิฟต์ก่อน และส่วนที่อยู่ลึกเข้าไปอีกจะเป็นส่วนของที่พักอาศัย เป็นยูนิตรูปแบบ Town House ซึ่งลูกบ้านที่เลือกซื้อห้องแบบ Town House จะสะดวกตรงที่อยู่ติดลิฟต์ จะเดินขึ้นไปใช้ Facilities ก็ง่าย หรือจะออกไปไหนมาไหนก็สะดวกกว่าห้องชั้นบน ไม่ต้องรอลิฟต์ให้เสียเวลา และสามารถเข้าออกห้องได้ถึง 2 ทาง จะเลือกเข้าทางโถงลิฟต์ หรือจะเลือกเข้ามาจากทางลานจอดรถหน้าบ้านที่ได้เฉพาะของห้องแบบ Town House ก็ได้
มาชมภาพจากสถานที่จริงกัน เริ่มจากด้านหน้าโครงการ ขับรถเข้ามาก็จะเจอกับระบบรักษาความปลอดภัยทางด้านหน้า มีพี่ยามนั่งรอต้อนรับอยู่ด้านหน้าทางเข้า
ทางเข้าอาคารจะมีระยะถอยร่นจากแนวถนนเข้าไปตามกฎหมาย ถ้าเลี้ยวซ้ายเข้าไปจะเจอกับจุด Drop Off และล็อบบี้ของอาคาร ขับเลยเข้าไปจะเป็นทางลาดมุ่งสู่ลานจอดรถได้
ล็อบบี้ของทางคอนโดจะเป็นแบบ Outdoor นั่งรับลม ส่วนห้องกระจกด้านหลังตอนนี้จะเป็นสำนักงานขาย แต่ใน Master Plan จะเป็นส่วนของ ล็อบบี้แบบ Indoor
ถ้ามองตรงไปจะเจอกับโถงทางเข้าอาคาร ด้านข้างจะเป็น Mail Box และห้องนิติบุคคลของโครงการ
เดินเข้ามาในโถงทางเดินก็เจอกับ Mail Box อีกส่วนหนึ่ง ตั้งอยู่ก่อนประตูทางเข้า
ประตูทางเข้าอาคารจะเป็นประตูกระจกบานผลัก สำหรับยูนิตทางด้านล่างทางคอนโดทำประตูหน้าตาแบบนี้ติดให้อีกชั้น แยกส่วนของห้องพักออกจากโถงลิฟต์ เพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับยูนิตที่อยู่ด้านล่างและป้องกันเสียงรบกวนจากการใช้งานลิฟต์
การเข้า-ออกตัวอาคารจะต้องใช้คีย์การ์ดในการแสกนเข้า-ออกเท่านั้น
ก่อนที่จะขึ้นไปชมด้านบน เรากลับออกมาด้านนอกอีกรอบ เพื่อสำรวจพื้นที่ด้านล่างให้เสร็จ จากมุมนี้ถ้าขับตรงไปจะเป็นทางเข้าของห้องแบบ Town House ส่วนห้องปกติให้เลี้ยวซ้ายลงลานจอดรถชั้นใต้ดินได้เลย
ทางเข้า-ออกของห้องแบบ Town House จะมีไม้กระดกกั้นเอาไว้
ใช้คีย์การ์ดแสกนในการเข้า-ออก เพื่อความปลอดภัย
ผ่านจุดแสกนคีย์การ์ดเข้ามาจะเป็นลานจอดรถของห้องแบบ Town house ซึ่งมีด้วยกันทั้งหมด 8 ยูนิต พื้นที่ลานจอดรถกว้างขวางดี สามารถจอดรถได้ประมาณ 2-3 คัน/ยูนิต
บริเวณลานจอดรถของห้องแบบ Town house จะมีประตูที่เชื่อมต่อเข้าห้องได้ด้วย
ส่วนยูนิตอื่นๆ จะใช้ลานจอดรถร่วมกัน โดยทางเข้า-ออกจะเป็นทางลาดลงเพื่อชะลอความเร็ว
ทางเข้า-ออกจำกัดความสูงของรถอยู่ที่ 2 เมตร
ที่ทางเข้าก็มีจุดให้แสกนคีย์การ์ดด้วยเหมือนกัน
ตรงนี้จะเป็นลานจอดรถชั้น B1 ดูแบบนี้อาจจะคิดว่าเล็ก แต่จริงๆ แล้วยังวนรถลงไปต่อได้อีก 3 ชั้น (รวมเป็น 4 ชั้น) สรุปแล้วมีพื้นที่จอดรถทั้งหมด 140 คัน หรือ 68% ไม่รวมการจอดแบบซ้อนคัน
ที่ลานจอรถจะมีลิฟต์ให้ใช้บริการ วนมาจอดรถแล้วก็ขึ้นลิฟต์ตรงไปที่ห้องได้เลย
ลิฟต์ของโครงการจะเป็นลิฟต์แบบล็อกชั้น ใช้คีย์การ์ดในการแสกนก็ถือว่าเป็นการเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยให้กับผู้อยู่อาศัยอีกระดับ
ขึ้นมาถึงชั้น 2 ก็ยังเป็นชั้นของห้อง Townhouse โดยทุกยูนิตจะมีทางเข้า-ออกให้ในทุกชั้นตามกฎหมาย และในชั้นนี้มีห้องแบบ 2 ห้องนอนเพิ่มมาอีก 1 ยูนิตบริเวณมุมอาคาร ส่วนโถงลิฟต์จะอยู่ค่อนมาทางทิศตะวันตก ใครที่อาศัยอยู่ทางทิศตะวันออกอาจจะต้องเดินมาใช้ลิฟต์ไกลสักหน่อย ตรงข้ามโถงลิฟต์จะเป็นตำแหน่งบันไดหนีไฟหลักและลิฟต์ขนของ
ขึ้นมาถึงชั้น 3 ห้องส่วนหนึ่งจะเป็นห้อง townhouse ที่เชื่อมต่อมาจากชั้นล่างประมาณ 3 ยูนิต นอกนั้นจะเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอนอีก 6 ยูนิตและห้องแบบ 1 ห้องนอนอีก 1 ยูนิต
สำหรับชั้น 4 จะเป็นชั้นของ Facilities หลักอย่างสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และซาวน่า อยู่บริเวณทิศตะวันตกเฉียงใต้ของอาคาร และมีส่วนของห้องพักอยู่อีกประมาณ 11 ยูนิต ห้องพักในชั้นนี้จะได้อย่างเสียอย่างตรงที่สะดวกในการเข้าใช้พื้นที่ส่วนกลาง แต่ก็ต้องเจอกับเสียงรบกวนบ้างในวันพักผ่อน โดยเฉพาะห้องที่อยู่ติดกับประตูทางเข้าใช้ Facilities และโถงลิฟต์นี่คงจอแจน่าดู ส่วนห้องพักอื่นๆ ก็อาจจะไม่ได้รับผลกระทบสักเท่าไร
เข้ามาดูส่วนของ Facilities ในสถานที่จริงกันเลยดีกว่า ส่วนแรกที่จะพาไปชมจะเป็นสระว่ายน้ำของโครงการ
สระว่ายน้ำจะเเบ่งเป็นสระเด็กและสระว่ายน้ำผู้ใหญ่ขนาดรวม 6 x 15 เมตร ลึก 1.4 เมตร เป็นสระแบบในร่มเวลาเล่นก็ไม่ต้องกลัวดำ หรือกลัวผิวจะเสีย ส่วนฝ้าจะทำการตกแต่งด้วยไฟ ใช้เปิดให้ความสว่างในเวลากลางคืน ข้างๆ สระจะมีชุดเก้าอี้และ day bed ตั้งไว้ให้สำหรับนั่งพักผ่อนด้วย
มุมนี้จะเป็นมุมห้องน้ำและห้องซาวน่า โดยห้องซาวน่าจะเป็นแบบห้องรวม แต่ห้องน้ำจะแยกเป็นชาย-หญิง พร้อมตั้งล็อกเกอร์ไว้ให้
บรรยากาศด้านในห้องซาวน่า เป็นห้องเล็กๆ เข้าไปนั่งได้ประมาณ 2-3 คน
จากมุมห้องซาวน่ามองออกไปอีกฝั่งจะเห็นจุดล้างตัว
จุดล้างตัวดูจะตั้งไว้ไกลจากฝั่งห้องน้ำไปสักหน่อย ล้างตัวเสร็จแล้วต้องเดินไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไกลอยู่เหมือนกัน
ส่วนฟิตเนสจะเป็นห้องกระจกที่สามารถมองเห็นวิวสระว่ายน้ำได้
เดี๋ยวเราจะพาเข้าไปชมภายในห้องฟิตเนสกัน
เครื่องเล่นก็มีมาให้ตามมาตรฐานของคอนโดทั่วไป ประกอบไปด้วย ลู่วิ่ง จักรยานรวมๆแล้วมีให้ประมาณ 7 เครื่อง ตั้งอยู่ค่ออนข้างจะชิดกัน เพราะห้องมีขนาดที่เล็ก เวลาออกกำลังกายอาจจะลำบากกันหน่อย
หันมาอีกฝั่งเป็นดัมเบลหลากหลายขนาด
ตรงนี้จะเป็นล็อกเกอร์สำหรับให้ผู้ที่มาใช้งานฟิตเนสวางของได้
ชั้นที่ 5-10 จะเป็นชั้นเริ่มต้นของผังที่มีห้องพักทั้งชั้น ผังโดยรวมจะเหมือนกันทุกชั้นและมีจำนวนยูนิตโดยเฉลี่ยมากที่สุดคือ 15 ยูนิต/ชั้น แบ่งเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน 9 ยูนิตและแบบ 2 ห้องนอนอีก 6 ยูนิต
ส่วนชั้น 11 พื้นที่บางส่วนจะเว้าเข้ามาให้กลายเป็นพื้นที่สีเขียวสำหรับพักผ่อน เปิดให้ผู้ที่พักอาศัยในชั้นนี้เข้าไปใช้งานได้ ส่วนจำนวนยูนิตก็ไม่หนาแน่นมีเพียง 13 ยูนิตเท่านั้น ถือว่าจัดวางห้องพักในแต่ละชั้นออกมาได้เป็นส่วนตัวดี
ชั้นที่12-12A มีจำนวนยูนิต 13 ยูนิต/ชั้น เหมือนกับชั้นที่ 11 แต่จะต่างกันที่ไม่มีพื้นที่สีเขียวทางด้านทิศตะวันออกของอาคาร
ชั้นที่ 14 จะเหลือยูนิตทั้งหมด 11 ยูนิตเพราะทางคอนโดเว้นพื้นที่สำหรับทำพื้นที่สีเขียวทั้งทางฝั่งทิศตะวันออกและตะวันตกของอาคาร
มาต่อกันที่ชั้น 15 จำนวนยูนิตและรูปแบบห้องเหมือนกับชั้นที่ 14 แต่ไม่มีพื้นที่สีเขียวมาให้ และที่แปลกคือการทำระเบียงโค้งให้สำหรับห้องริม
ชั้นที่ 16-17 จะเป็นห้องขนาดใหญ่ขึ้น เหลือจำนวนยูนิตเพียง 9 ยูนิต เพื่อทำให้เป็นชั้นที่มีความเป็นส่วนตัวสูง ตามสไตล์คอนโดทั่วไปที่ยิ่งสูงยิ่งเป็นส่วนตัวและยิ่งได้วิวดีตามไปด้วย
ชั้นที่ 18 ยิ่งทำห้องใหญ่เข้าไปอีก เหลือเพียงแค่ 4 ยูนิตเท่านั้นแบ่งออกเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอนและห้อง 3 ห้องนอน พร้อมกับทำพื้นที่สีเขียวทั้งทางทิศตะวันตกและตะวันออกไว้ให้ด้วย
ชั้นที่ 19 มีจำนวนยูนิตและรูปแบบห้องเหมือนชั้นที่ 18 ต่างกันแค่ไม่มีพื้นที่สีเขียวรอบอาคาร
ชั้นที่ 20 ชั้นนี้จะเป็นห้องแบบ Penthouse และห้องแบบ 3 ห้องนอน และสวนในชั้นนี้สามารถเข้าใช้ได้จากเจ้าของห้องทุกยูนิต เดี๋ยวเราจะพาขึ้นไปดูสวนดาดฟ้าในชั้นนี้กัน
บรรยากาศบนชั้นดาดฟ้าฝั่งหนึ่งจะจัดเป็นสวนเล็กๆ
หันมาอีกฝั่งจะเป็นวิวเมือง
วิวฝั่งทางทิศตะวันออกจะเป็นวัดหัวลำโพงอยู่ด้านล่าง เลยออกไปจะเป็นตึกสูงของจามจุรี สแควร์และสำนักงานของดีแทค จะเห็นว่า วิวทางฝั่งถนนสี่พระยาจะเป็นผังเมืองแบบดั้งเดิม ส่วนอีกฝั่งจะดูทันสมัยและเป็นปัจจุบันมากกว่า
ฝั่งถนนพระราม 4 มุ่งหน้าไปหัวลำโพงจะเป็นที่อยู่อาศัยแนวราบ ส่วนตึกสูงที่มีรูปทรงแปลกตานั้นจะเป็นคอนโด IDEO Q จุฬา-สามย่าน
Townhouse 123.90 sq.m.
ห้องแบบ Townhouse ขนาด 123.90 ตร.ม.
แบบห้องของคอนโด ไซมิส สุรวงศ์ (Siamese Surawong) มีให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่แบบ 1 ห้องนอนไปจนถึงห้องแบบ Townhouse ขนาดใหญ่กว่า 100 ตารางเมตร ซึ่งทางโครงการขายแบบ Fully Furnished ตกแต่งมาให้พร้อมเข้าอยู่ได้เลย
ห้องที่ทางโครงการเปิดให้เราเข้าไปชมในวันนี้มีด้วยกัน 2 แบบ คือ 2 ห้องนอน ขนาด 72.80 ตร.ม. โดยห้องแบบแรกจะเป็นห้องแบบ Town house ขนาด 123.90 ตร.ม. มีอยู่ไม่กี่ยูนิตเท่านั้น ห้องแบบ Town house นี้มีข้อดีหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นขนาดห้องที่กว้างประหนึ่งอยู่บ้านเป็นหลัง ตำแหน่งของห้องก็อยู่ในชั้นล่าง สะดวกสบายในการเข้า-ออกไม่ต้องขึ้นลิฟต์ให้เสียเวลา แถมยังมีพื้นที่จอดรถส่วนตัวแยกให้ต่างหาก และมีประตูเข้า-ออกให้ทั้งจากฝั่งลานจอดรถและโถงทางเข้าแบบปกติ
เมื่อเดินเข้ามาภายในห้องจะเจอกับโถงทางเดินยาว ด้านล่างจะมีห้องนอนแบบมีห้องน้ำในตัว ห้องด้านล่างนี้เหมาะสำหรับญาติผู้ใหญ่ที่เดินขึ้น-ลงบันไดไม่ค่อยจะไหว นอนห้องด้านล่างจะได้รับความสะดวกมากกว่า ใต้บันไดจะมีห้องเก็บของ เดินขึ้นไปชั้น 2 จะเป็นพื้นที่ทำกิจกรรม แบ่งเป็นห้องครัวกับห้องนั่งเล่น พื้นที่ครัวจะเป็นแบบเปิดเชื่อมต่อเนื่องกับห้องนั่งเล่น มีระเบียงยาวกั้นด้วยกระจกบานเลื่อน ถือเป็นช่องแสงขนาดใหญ่ที่ทำให้ห้องด้านในสว่างมากขึ้น ส่วนชั้น 3 จะเป็นพื้นที่ส่วนพักผ่อน แบ่งเป็นห้องนอน 2 ห้องแบบมีห้องน้ำในตัว
มาเริ่มที่ประตูห้องกันเลย ประตูเป็นประตูบานไม้อัดยาง กรุวีเนียร์สีขาวเรียบ มีความแข็งแรงและหนัก เวลาเปิดดึงอาจจะลำบากหน่อย
มีตาแมวติดที่ประตูไว้สำหรับดูเวลามีแขกมาเยี่ยม ตาแมวนี้จะมีที่ปิดไว้ด้วยเพื่อป้องกันคนด้านนอกส่องเข้ามาในห้อง ดูแล้วค่อนข้างจะปลอดภัยและมีความเป็นส่วนตัว
ความปลอดภัยในการเข้า-ออกห้องจะใช้ระบบคีย์การ์ด Smart Lock และมีกลอนประตูเพิ่มให้อีกชั้น เพื่อความปลอดภัยที่แน่นหนาขึ้น กลอนประตูเป็นแบบด้ามจับบิด สะดวกแก่การใช้งาน และยังมีความแข็งแรงคงทน
ใกล้ประตูจะมีที่สำหรับเสียบคีย์การ์ด เมื่อดึงคีย์การ์ดออกระบบไฟในห้องก็จะตัด ซึ่งใช้ระบบเดียวกันกับโรงแรมหลายแห่ง เป็นระบบรักษาความปลอดภัยอย่างหนึ่งที่สามารถช่วยป้องกันไม่ให้เกิดไฟฟ้าฟ้าลัดวงจรได้
พื้นในห้องจะยกธรณีสูงกว่าพื้นโถงทางเดินด้านนอก โดยการทำให้พื้นเป็นเนินสูงขึ้น เวลาที่แม่บ้านมาทำความสะอาดทางเดิน ฝุ่นจะได้ไม่ปลิวเข้ามาในห้อง
ในส่วนชั้นหนึ่งของห้องประเภท Town House เมื่อเปิดประตูเข้ามาทางเดินจะสามารถทะลุไปยังโรงจอดรถบริเวณข้างนอกได้ ซ้ายมือจะเป็นห้องนอน มีห้องน้ำในตัวให้ด้วย
พื้นห้องชั้น 1 จะปูด้วยกระเบื้องหินแกรนิตขนาด 60x60 ซม.
ชั้น 1 จะมีไฟ Down light 2 ดวง มีเครื่องตวรจับควัน และสปริงเกอร์ 1 ตัว
ด้านบนเพดาน มีปลั๊กไฟมาให้ บริเวณชั้นเป็นพื้นที่แคบ อาจจะไม่จำเป็นที่ต้องติดตั้งเครื่องปรับอากาศ เราสามารถนำพัดลมเพดานมาติดตั้งได้
หน้าตาของสวิชต์ไฟสำหรับเปิดบริเวณโรงจอดรถ
ประตูทางออกไปโรงจอดรถ เป็นประตูกระจกมีกลอนล็อกให้แน่นหนา ด้ามจับเป็นก้านโยกสเตนเลสสีเงิน
ถ้าเปิดออกมาด้านนอกจะเป็นโรงจอดรถเล็กๆ ของห้อง จอดได้ประมาณ 2-3 คัน ไม่จำเป็นต้องไปวนรถจอดที่ลานจอดรถใต้ดินให้เสียเวลา แถมยังสามารถเข้าห้องได้จากประตูฝั่งนี้ ไม่ต้องผ่านโถงทางเดินเหมือนห้องอื่นๆ ด้วย
กลับเข้ามาในห้องอีกรอบ และมาต่อกันในส่วนของห้องนอนเล็ก ประตูของห้องนอนเล็กจะใช้ด้ามจับเป็นก้านโยกสเตนเลสสีเงินเหมือนกับประตูทางเข้าห้อง
พื้นที่ภายในห้องด้านล่างภาพรวมคือกว้างพอสมควร มีห้องน้ำให้ในตัว เหมาะสำหรับรับรองแขกหรือญาติผู้ใหญ่ที่มีอายุแล้วเดินขึ้นบันไดไม่ค่อยจะไหว ด้านในห้องประกอบไปด้วยตู้เสื้อผ้า เตียง มีแอร์ให้ 1 ตัว และมีห้องน้ำในตัวด้วย
เข้ามาในห้องจะเจอห้องน้ำและถัดมาจะเป็นมุมของเตียงนอนซึ่งจัดไว้อย่างเป็นสัดส่วน
ซ้ายมือจะเป็นส่วนของตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in ประตูบานเลื่อนสองบานป็นมุมเล็กๆ ไว้สำหรับแต่งตัว ระยะของตู้เสื้อผ้าและประตูค่อนข้างห่างกัน การเปิด-ปิดประตูไม่เป็นปัญหาเท่าไร
ภายในตู้มีราวสำหรับแขวนผ้าทั้งสองช่อง
ด้านบนจะเป็นช่องเก็บของสามารถเก็บของได้ไม่เยอะมาก
ด้านล่างฝั่งซ้ายจะเป็นชั้นสำหรับวางกางเกง แบ่งเป็นสามช่อง สามารถเลือกวางได้ตามความเหมาะสม
ด้านขวาล่างของตู้จะเป็นลิ้นชัก หน้าบานกระจกมาให้ เพื่อทำเป็นช่องให้สามารถใช้มือจับแล้วเลื่อนออกมาได้ ตรงนี้อาจจะระวังในเรื่องของการกระแทก ถ้าหากใช้ด้วยความไม่ระมัดระวังกระจกอาจจะแตกได้
ในส่วนของมุมห้องนอนเตียงนอนขนาด 5 ฟุต มีหน้าต่างเป็นกระจกบาน Fix เต็มความกว้างของผนัง มองออกไปจะเป็นโรงจอดรถ ใครไปใครมาสามารถมองทะลุเข้ามาได้ง่าย แนะนำให้ติดผ้าม่านเพิ่มเพื่อใช้บังสายตาที่มองเข้ามาเห็นภายในห้อง
ตรงข้ามเตียงจะเป็นเครื่องปรับอากาศ โต๊ะเขียนหนังสือ ปลั๊กไฟ และช่องเสียบสายเคเบิ้ลสำหรับเชื่อมต่อกับทีวี อาจจะเลือกซื้อทีวีแบบแขวนผนังมาติดตั้งเพิ่มก็ได้
ปลั๊กไฟตรงข้ามเตียงจะมีสองช่องแบบสามตา และช่องสำหรับเชื่อมต่อกับทีวี
โต๊ะเขียนหนังสือที่เห็นจะเป็นเพียงไอเดียสำหรับตกแต่งห้องเท่านั้นทางโครงการไม่ได้แถมมาให้ จุดนี้ถ้าเจ้าของห้องเป็นสาวๆ อาจจะทำเป็นมุมโต๊ะเครื่องแป้งแบบ Built-in เก้าอี้ก็เลือกเป็นเก้าอี้สตูที่สามารถสอดเก็บเข้าไปได้ก็ช่วยในการประหยัดพื้นที่ได้ดี
แหงนหน้าขึ้นดูด้านบน จะเห็นไฟในห้องนอนจะเป็นแบบ Down light มีเครื่องตรวจจับควัน และสปริงเกอร์มาให้ด้วย
ในส่วนของเตียงนอน เตียงนอนมีขนาด 5 ฟุต วางในมุมห้องนอนได้พอดี ผนังของห้องนอนจะสูง 2.7 เมตร สามารถหากรอบรูปหรือนาฬิกามาตกแต่งเพิ่มได้
ด้านข้างเตียงทั้งสองด้านจะมีชั้นวางสำหรับวางของหรือวางโคมไฟ มีลิ้นชักเอาไว้ให้สำหรับเก็บของมีค่าด้วย
โต๊ะข้างหัวเตียงมีปลั๊กไฟแบบสามตาและช่องเสียบสายโทรศัพท์ไว้รองรับการติดตั้งโทรศัพท์ การมีปลั๊กไว้ข้างหัวเตียงแบบนี้น่าจะเหมาะกับคนที่ชอบใช้โทรศัพท์หรือแทบเล็ต ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่เอาไว้และนอนเล่นไปด้วยได้ (แต่ไม่แนะนำให้ชาร์จไปด้วยเล่นไปด้วยเพราะอาจจะเป็นอันตราย)
มาในส่วนของห้องประตูห้องน้ำจะใช้แบบเดียวกันกับประตูห้องนอนเป็นแบบด้ามจับแบบก้านโยก
รูปแบบห้องน้ำจะเป็นเหมือนทั้งหมดสามชั้น โดยผนังจะเป็นกระเบื้องหินอ่อนลาย ด้านซ้ายมือจากประตูจะเป็นอ่างล้างหน้า ชักโครก ด้านในสุดจะเป็นมุมอาบน้ำ
พื้นห้องน้ำจะลดระดับให้ต่ำกว่าพื้นห้อง เพื่อกันน้ำไหลออกมายังข้างนอก
อ่างล้างหน้าเป็นของ American Standard ถูกออกแบบให้อยู่รวมในส่วนของเคาน์เตอร์ ซึ่งเป็นหินสังเคราะห์สีขาว วางตัวยาวขนานไปกับผนัง รอบๆ อ่างสามารถใช้เป็นพื้นที่วางของใช้ได้ ไม่จำเป็นต้องติดชั้นเพิ่ม
กระจกในในห้องน้ำเป็นกระจกเต็มความกว้างของผนัง
สวิตช์ไฟจะอยู่ข้างๆ กระจก
อ่างล้างหน้ามีรูปทรงที่ดูแปลกตา โดยก็อกน้ำจะอยู่ทางด้านขวามือ เวลาใช้อาจจะลำบากหน่อย เพราะต้องรองน้ำจากด้านข้างไม่ใช่ด้านหน้า
ความลึกของอ่างอยู่ในระดับที่พอดีไม่ลึกมาก ก้นอ่างจะแบนเป็นแนวเดียวกับขอบอ่าง ทำให้มีพื้นที่กว้างมากขึ้น
ด้านบนจะเป็นตู้เก็บของสำหรับไว้ใส่ข้าวของเครื่องใช้ภายในห้องน้ำ มีทั้งหมด 3 ชั้น มีปลั๊กไฟแบบสามตาด้วยสองช่อง รองรับสำหรับผู้ที่ต้องการไดร์ผมก็สามารถไดร์ในห้องน้ำได้เลย
ด้านล่างก็จะเป็นตู้เก็บของเหมือนกัน สามารถวางหนังสือไว้สำหรับอ่านเวลาปลดทุกข์ หรืออาจะใช้เก็บผ้าเช็ดตัวก็ได้
ชักโครกของ American Standard จะมีระบบฉีดน้ำแบบอัตโนมัติมาให้ นอกจากมีรูปทรงที่แปลกตา ยังมีความล้ำสมัยอีกด้วย
ปุ่มกดชักโครกเป็นแบบกดสองปุ่มซึ่งอยู่ข้างบนเคาน์เตอร์ สามารถเลือกปริมาณการปล่อยน้ำได้ ตัวนี้ถือว่าช่วยในเรื่องของการประหยัดน้ำได้
มุมห้องอาบน้ำมีประตูกระจกเทมเปอร์ใสกั้น กันละอองน้ำกระเด็นออกมามุมของสุขภัณฑ์ มีราวจับอลูมิเนียม ที่สามารถพาดแขวนผ้าเช็ดตัวได้ ส่วนปะรตูจะเป็นแบบบานผลัก ตรงนี้ใช้งานได้ลำบากนิดหน่อย ถ้าทำเป็นแบบบานเลื่อนเวลาเปิดจะกินพื้นที่น้อยกว่ามาก
ตรงขอบประตูมีซิลิโคนแปะไว้รองรับแรงกระแทกกระจกเวลาเปิด ตัวนี้ช่วยป้องกันในเรื่องของกระจกแตกและอุบัติเหตุได้
มียางไว้สำหรับเบรคประตู เพื่อป้องกันไม่ให้ประตูกระจกชนฝาผนังได้
ไฟในห้องน้ำเป็นแบบ Down light และติดเครื่องระบายอากาศมาให้เรียบร้อย
เรามาขึ้นไปชั้นที่ 2 กันเถอะ ก่อนเราจะขึ้นไปชมชั้นสองกัน ห้องที่ประตูปิดอยู่คือห้องเก็บของ เป็นห้องที่อยู่ใต้บันใดพอดี ในห้องจะเป็นพื้นที่โล่งๆ พื้นห้องไม่ได้ปูกระเบื้องมาให้ จะเป็นปูนเปลือยธรรมดา ใช้เก็บของได้เยอะพอสมควร
หน้าห้องจะเป็นปลั๊กไฟสามรถนำปลั๊กไฟมาตกแต่ง เพื่อเพิ่มแสงสว่างระหว่างทางขึ้นไปยังชั้นสองได้ หรือจะทำเป็นตู้ Built-in สำหรับวางรองเท้าก็ได้เหมือนกัน
บันไดถูกกันไว้ด้วยผนัง จัดเป็นมุมทางขึ้นที่เป็นสัดส่วน
พื้นบันไดเป็นไม้ปูอัดติดกับผนังทั้งสองด้าน กว้างประมาณ 0.85 เมตร
ราวจับเป็นสเตนเลสเชื่อมสำเร็จ จับถนัดมือ และไม่ลื่น
ไฟในส่วนของบันไดจะเป็นไฟแบบ Down Light 1 ดวง ติดไว้ไม่ให้บันไดมืดจนเกินไป
ชั้น 2 จะเป็นพื้นที่ของการทำกิจกรรมอย่างการทำครัวและการพักผ่อนในห้องนั่งเล่น พื้นจะใช้เป็น พื้นไม้ Synthetic เป็นไม้สังเเคราะห์ที่ไม่ยืดไม่หด ปลวกไม่กิน ทนต่อความชื้นได้ดี เพราะทำมาจากพลาสติก แต่ลายก็เหมือนไม้จริง ส่วนด้านความรู้สึกในการใช้งานอาจจะยังไม่เหมือนไม้จริงเท่าไร
มองจากบันไดทางเข้าจะเป็นช่องเข้าไปแบบนี้
เมื่อเดินเข้ามาส่วนแรกที่เจอจะเป็นพื้นที่ครัวแบบเปิด พร้อมกับโต๊ะรับประทานอาหาร ติดกันทางด้านข้างจะเป็นพื้นที่ของห้องนั่งเล่น เชื่อมต่อกับพื้นที่ครัวแบบไม่มีพาร์ทิชันกั้นแต่อย่างใด ครัวใหญ่ก็จริงแต่ว่าดูแล้วไม่เหมาะที่จะทำอาหารแบบจริงจังสักเท่าไร เพราะกลิ่นจะฟุ้งกระจายลอยไปติดกับเฟอร์นิเจอร์ในพื้นที่ห้องนั่งเล่นได้
มุมทางเข้าจะมีสวิชต์ไฟและปลั๊กไฟแบบสามตาอยู่สองช่อง
โต๊ะรับประทานอาหารจะเป็นแบบ 6 ที่นั่งตั้งอยู่กลางห้อง ด้านหลังจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวขนาดใหญ่
ในส่วนของเคาน์เตอร์ครัวที่มีมาให้จะเป็นโทนสีเทา มีขนาดค่อนข้างมีขนาดที่ใหญ่วางตัวเป็นรูปตัว L เพื่อรองรับจำนวนของลูกบ้านที่จะเข้ามาอาศัยอยู่ แต่น่าเสียดายที่เป็นครัวแบบเปิดจะปาร์ตี้ทำอาหารจริงจังก็คงจะลำบาก ผนังด้านหลังก็กรุกระเบื้องสีแดงมาให้อย่างดี เพื่อป้องกันคราบสกปรกที่เกิดจากการทำอาหาร
ในส่วนของครัวจะมีพื้นที่ไว้สำหรับติดตั้งเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าได้ ขนาดของเครื่องซักผ้าก็ประมาณ 8 KG จะใส่เข้าไปในช่องได้พอดี
เตาไฟฟ้ามีมาให้แบบ 4 เตา ของ Franke สามารถทำอาหารได้หลายอย่างพร้อมกันรองรับจำนวนผู้ที่เข้ามาพักอาศัยได้หลายคน
เครื่องดูดควันจาก Franke เมื่อดึงตระแกรงขยายออกมา เครื่องจะทำงานอัตโนมัติ และมีไฟส่องสว่างเวลาทำอาหาร
เมื่อเครื่องดูดควันทำงาน พื้นที่บริเวณเตาจะมีแสงสว่างทำให้สะดวกในการทำอาหาร
ด้านบนจะมีท่อดูดควันส่งออกไปข้างนอกอาคารซ่อนอยู่ในชั้นเก็บของ พื้นที่ด้านข้างสามารถเก็บของเพิ่มเติมได้
ด้านล่างเตาจะเป็นลิ้นชักสำหรับใส่ช้อนกับจาน มีให้ 3 ชั้น
ข้างเตาจะมีที่ว่าง และมีปลั๊กแบบสามตามาให้สองช่อง
ด้านบนจะมีตู้เก็บของและชั้นสำหรับวางเตาไมโครเวฟ ตู้เก็บมีขนาดใหญ่ปานกลางสามารถเก็บของชิ้นไม่ใหญ่มากได้ ตำแหน่งไมโครเวฟอยู่ด้านบนแบบนี้ค่อนข้างจะอันตรายในการใช้งาน เพราะเวลายกของร้อนๆ ออกมาจากเตาอาจจะหกรถตัวเราได้ แนะนำให้ย้ายมาวางไว้บนเคาน์เตอร์จะใช้งานได้สะดวกกว่า
บริเวณชั้นวางเตาไมโครเวฟ จะมีปลั๊กไฟแบบสามตามาให้ 2 ช่อง แต่สังเกตดู ถ้าหากวางเตาไมโครเวฟเข้าไปแล้วจะบังปลั๊กไฟ 1 ช่อง จะเหลือเพียงแค่ 1 ช่องที่สามารถใช้งานได้
เหนือเคาน์เตอร์จะเป็นตู้เก็บของขนาดใหญ่ ในส่วนนี้สามารถเก็บหม้อ หรือเตาไฟฟ้าที่มีขนาดใหญ่ได้ ส่วนเคาน์เตอร์ครัว Top จะเป็นหินเทียมสีขาวมีความคงทน ไม่ซึมน้ำ และสวยงาม
บนเคาน์เตอร์จะมีอ่างล้างจานแบบหลุมเดี่ยวมาให้ แต่ไม่มีที่พักจาน อ่างเป็นทรงสี่เหลี่ยม ก้นอ่างมีความลึกเสมอเสมอกัน
ก๊อกน้ำใช้ระบบก้านโยก ระบบการไหลของน้ำเป็นแบบสายน้ำเต็มกำลังไหล ระวังเวลาเปิดน้ำแรงสุด น้ำอาจกระเด็นเปียกบริเวณเคาน์เตอร์ได้
ด้านล่างจะเป็นตู้ขนาดใหญ่ มีท่อระบายน้ำจากอ่างล้างจานซ่อนไว้อยู่ ตู้ตรงนี้มีขนาดใหญ่ สามารถเก็บของใช้ชิ้นใหญ่ๆ ได้เหมือนกันกับตู้ด้านบน
มุมตรงนี้เป็นมุมว่าง ผู้ใช้อาจจะทำเป็นมุมทำอาหาร หรือนำไมโครเวฟาตั้งเพิ่มก็ยังเหลือพื้นที่ให้ทำครัวอยู่เยอะพอสมควร
ด้านบนก็มีตู้เก็บของเหมือนกัน เรียกได้ว่า ตู้เก็บของมีรอบทั้งเคาน์เตอร์เลยทีเดียว
ด้านล่างมีตู้เก็บของเล็กๆอีกตู้หนึ่ง แต่ไม่ใหญ่มาก
มีมุมไว้สำหรับวางตู้เย็น มุมนี้มีขนาดกว้างสามารถวางตู้เย็นขนาด 20.1 คิวได้
ยังมีตู้เก็บของมาให้อีก ตู้นี้จะมีขนาดสีเหลี่ยมผืนผ้า สามารถเก็บอาหารสำเร็จรูปได้
ชั้นสองเครื่องปรับอากาศจะเป็นแบบซ่อนฝ้า ทำให้ห้องดูสวยงามเป็นสัดส่วนไปอีกแบบ
มีประตูเข้า-ออกที่ชั้นสองตามกฎหมาย จะเข้า-ออกจากชั้นนี้ก็สามารถทำได้ โดยจะใช้ระบบคีย์การ์ดเหมือนกัน ด้านข้างประตูจะเป็นตู้สำหรับเก็บของ ส่วนขวามือจะเป็นทางเข้าห้องน้ำของชั้น 2
ข้างตู้เก็บของจะเป็นห้องน้ำ ซึ่งรูปแบบห้องน้ำและวัสดุใช้แบบเดียวกันกับชั้น 1 อ้อ ลืมบอกไปว่า ทางคอนโดเตรียมจุดติดตั้งเครื่องทำน้ำร้อนในห้องอาบน้ำให้ทุกห้องด้วย แค่ซื้อเครื่องมาติดเพิ่มก็ใช้ได้เลย
มีปลั๊กไฟด้านบนเพดานฝั่งตรงข้ามห้องน้ำ สามารถติดตั้งพัดลมเพดาน หรือไฟสำรองเวลาฉุกเฉินได้
ไฟ Down light ในห้องมีทั้งหมด 7 ดวง ที่ตรวจจับควัน 1 ตัว และสปริงเกอร์อีก 3 ตัว
อีกมุมหนึ่งของชั้น 2 จะเป็นมุมของห้องนั่งเล่น จัดวางเฟอร์นิเจอร์ไว้เป็นมุมเล็กๆ เพื่อเว้นที่ให้เดินออกไปยังระเบียงที่อยู่ติดกันได้ แต่ถ้าใครอยากจะซื้อทีวีขนาดใหญ่มาติดตั้งก็อาจจะเลื่อนโซฟาออกมาให้ห่างจากชั้นวางทีวีอีกหน่อย เพื่อเผื่อระยะสายตาเวลาดูทีวี แต่ถ้าจะจัดเอาไว้ตามนี้ระยะห่างโซฟากับทีวีจะอยู่ที่ 1.3 เมตร สามารถวางทีวีขนาด 42 นิ้วได้สบายๆ
โซฟาจะเป็นแบบ 3 ที่นั่ง และมีโซฟาแยกเดี่ยวอีก 4 ตัว จัดวางเป็น 4 มุม แต่พื้นที่ขนาดนี้หาโซฟาตัวเต็ม หรือ Day Bed มาวางเลยก็ได้ จะได้ใช้นอนดูทีวีแบบสบายๆ
ฝั่งตรงข้ามมุมนั่งเล่นเป็นตู้เก็บของแบบ Built-in ขนาดใหญ่ความกว้างผนังห้อง สามารถเลื่อนได้สองทาง หน้าบานเป็นสีดำ ใส่ของได้เพียบ
ประตูกระจกด้านระเบียงเป็นประตูกระจกบานเลื่อนสองตอน ด้านข้างเป็นกระจกบาน Fix ทำให้กลายเป็นช่องแสงขนาดใหญ่ ในช่วงเวลาตอนกลางวันก็เปิดผ้าม่านออก แสงแดดจะช่วยทำให้ห้องสว่างแม้จะไม่ได้เปิดไฟ
ด้ามจับประตูเป็นแบบเซาะร่องตามมาตรฐาน
ระเบียงด้านนอกมีความกว้างพอสมควร ความสูงของราวกันตกอยู่ที่ 1.5 เมตร วัสดุทำจากกระจกหนา ดูหรูหราดี
คอมเพรสเซอร์แอร์จะเป็นแบบแขวน หันออกไปด้านนอกอาคาร ทำให้ระเบียงไม่ร้อน ใต้คอมแอร์มีที่ว่างใช้เก็บเครื่องมือทำความสะอาดได้ ด้านนอกมีประตูระเเนงเปิด-ปิดได้ ดูแล้วสวยงามและเรียบร้อยดี
ไฟนอกระเบียงเป็นแบบ Down light ทรงกระบอกอยู่ไม่สูงมาก สามารถถอกเปลี่ยนเองได้เวลาไฟเสีย
ชั้น 3 จะเป็นส่วนของห้องนอน ห้องนอนบนชั้นนี้จะมี 2 ห้องนอน ด้านขวามือจะเป็นห้องนอนใหญ่ และตรงไปจะเป็นห้องนอนเล็ก
ชั้น 3 ก็มีประตูเข้า-ออกในอาคารเหมือนกัน ใช้คีย์การ์ดในการเปิด-ปิดห้องเหมือนกับประตูด้านล่าง มีความปลอดภัยพอสมควร
เลี้ยวเข้ามาในห้องนอนใหญ่ก่อน ชมภาพ 360 องศากันสักนิดเพื่อให้เห็นภาพรวมของห้อง
ห้องนอนใหญ่สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้สบายๆ ด้านข้านยังเหลือพื้นที่ให้เดินผ่านได้ ห้องนี้สว่างได้ด้วยช่องแสงขนาดใหญ่จากประตูบานเลื่อน ซึ่งเปิดออกไปจะเป็นพื้นที่ระเบียง
ด้านตรงข้ามเตียงจะเป็นห้องน้ำ ที่ผนังมีปลั๊กไฟและรูเสียบสายเคเบิ้ลเพื่อรองรับการติดตั้งทีวี
ประตูระเบียงเป็นประตูบานใหญ่เต็มบาน เปิดได้สองทาง ความสูงของระเบียงมีความสูงประมาณ 1.15 เมตร ทำจากกระจกใส
ปลายเตียงมีปลั๊กแบบสามตา และรูเสียบสายเคบิ้ลมาให้ ผนังห้องห่างจากปลายเตียง 0.8 เมตร สามารถติดตั้งทีวีขนาด 42 นิ้วได้ แต่แนะนำให้ติดตั้งกับผนังเพราะถ้าวางชั้นวางทีวีเข้าไป อาจจะไม่มีทางเดิน
ด้านข้างเตียงนอนสองฝั่งจะเป็นชั้นวางของ พร้อมติดตั้งปลั๊กไฟมาให้
ระยะห่างจากเตียงถึงประตูระเบียง 0.5 เมตร เป็นระยะที่กว้างพอให้เดินผ่านได้
ตู้เสื้อผ้าเป็นแบบบานเลื่อน Built-in มาให้ จะอยู่บริเวณหน้าทางเข้าห้องน้ำ เดินออกมาจากห้องน้ำมาปั๊บก็แต่งตัวได้เลย หน้าบานฝั่งหนึ่งของตู้กรุเป็นกระจกมาให้ด้วย ใช้สำรวจความเรียบร้อยได้ไม่ต้องเดินเข้าๆ ออกๆ ไปส่องกระจกในห้องน้ำให้เสียเวลา
เครื่องปรับอากาศในห้องนี้ก็ใช้เเบบซ่อนฟ้าเหมือนเดิม ทำให้ห้องนอนดูสวยงามและเรียบร้อยกว่าการติดตั้งแบบแขวนผนัง
ภายในห้องนอนใหญ่จะมีไฟ Down light มาให้ 2 ดวง ด้านข้างเป็นเครื่องตรวจจับควันไฟ และสปริงเกอร์
ส่วนห้องน้ำในห้องนอนใหญ่สุขภัณฑ์ที่ใช้ จะใช้แบบเดียวกับห้องน้ำชั้น 1 และชั้น 2 เป็นของ American Standard หรือเทียบเท่า
จุดที่แตกต่างก็คือในห้องน้ำห้องนอนใหญ่จะมีอ่างอาบน้ำเสริมมาให้
มาในส่วนของห้องเล็กกันบ้าง ทางเข้าห้องนอนเล็กจะอยู่ด้านในสุดของชั้นสามอยู่ติดกับประตูทางออก โดยประตูก็จะใช้แบบคีย์การ์ดในการเข้าห้องเหมือนกับ 2 ชั้นที่ผ่านมา
บรรยากาศในห้องนอนเล็กแบบ 360 องศา ผนังเป็นแบบฉาบเรียบทาสีขาว ส่วนพื้นก็ปูด้วยไม้ Synthetic เหมือนพื้นส่วนอื่นๆ
ห้องนอนเล็กมีพื้นที่จำกัด สามารถวางเตียงนอนได้แค่ 3.5 ฟุตเท่านั้น ถ้าหากใช้เตียงขนาด 5 ฟุต จะกินพื้นที่ห้องมาก และไม่เหลือพื้นที่ให้ใช้สอยในด้านอื่นๆ
เครื่องปรับอากาศจะได้แบบติดกับผนัง ไม่ได้เป็นแบบซ่อนฝ้าเหมือนจุดอื่นๆ ใต้เครื่องปรับอากาศจะมีมุมเล็กๆ สามารถนำโต๊ะทำงานมาไว้เพื่อทำเป็นมุมทำงานอ่านหนังสือก็ได้ แต่จะต้องใช้โคมไฟในการช่วยให้มีแสงสว่าง เพราะในห้องนอนเล็กเป็นห้องทึบไม่มีหน้าต่าง
ตู้เสื้อผ้าใช้เเบบเดียวกันกับห้องนอนชั้น 1 มีขนาดไม่ใหญ่มาก หน้าบานกรุกระจกมาให้ทั้งสองฝั่ง
ห้องน้ำเป็นแบบเดียวกับทั้งสองชั้นที่ผ่านมา แยกโซนเปียกกับโซนแห้งมาให้เรียบร้อย
2 BR 72.80 sq.m.
ห้องแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 72.80 ตร.ม.
ห้องที่ 2 จะเป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 72.80 ตร.ม. ห้องเป็นทรงสี่เหลี่ยม จากประตูทางเข้าห้องจะเจอกับพื้นที่ครัวก่อนเป็นอันดับแรก ครัวที่ได้เป็นแบบครัวเปิด เชื่อมต่อกับพื้นที่ห้องนั่งเล่นที่มีการทำกระจกเข้ามุมทำให้ห้องดูกว้างขึ้นมาอีกเล็กน้อย ต่อไปเป็นพื้นที่ระเบียงที่ยาวเลยจากห้องนั่งเล่นไปจนถึงห้องนอนเล็กที่อยู่ใกล้กับห้องนั่งเล่น ส่วนห้องน้ำจะมีให้ 2 ห้องอยู่ด้านนอก 1 ห้อง จะตั้งอยู่ตรงข้ามกับห้องนอนเล็ก ไม่ว่าจะเดินมาจากห้องครัว ห้องนั่งเล่นหรือห้องนอนเล็กก็สามารถเข้าใช้งานห้องน้ำนี้ได้สะดวก และมีด้านในห้องนอนใหญ่แยกให้อีกจุด เพื่อความสะดวกและกระจายการใช้งานให้ทั่วถึง
เริ่มจากประตูทางเข้า คอนโดติดตั้ง Digital Door Lock แบบที่สามารถแตะคีย์การ์ดได้จากภายนอก และบิดล็อกได้จากด้านใน ด้ามจับเป็นก้านโยกสเตนเลสสีเงินดูแข็งแรงดี
ประตูห้องจะเป็นประตูบานไม้อัดยาง กรุวีเนียร์
ที่ประตูติดตาแมวมาให้เรียบร้อย
ระบบไฟภายในห้องใช้การเปิด-ปิดด้วยการเสียบคีย์การ์ด เเต่ถ้าจะเปิด-ปิดเฉพาะจุดก็มีสวิตซ์ไฟเเยกไว้ให้
ด้านบนมีปลั๊กไฟติดตั้งไว้ให้สำหรับเสียบไฟฉุกเฉินด้วย
เครื่องปรับอากาศเป็นแบบซ่อนฝ้าดูแล้วสวยงาม และมีการติดตั้งระบบป้องกันอัคคีภัยให้ทุกจุดภายในห้อง
เมื่อเข้ามาภายในห้องส่วนแรกที่เจอจะเป็นส่วนของครัว ทางโครงการจะให้เคาน์เตอร์ครัวมาหน้าตาตามนี้ ให้มาทั้งตู้ชิ้นบนและชิ้นล่าง ส่วนด้านข้างของเคาน์เตอร์จะมีพื้นที่ให้วางตู้เย็น เว้นไว้ให้ค่อนข้างใหญ่สามารถซื้อตู้เย็นขนาดใหญ่มาตั้งได้เลย
เหนือตู้เย็นจะมีตู้ลอยแบบบานเปิดคู่ ด้านในแบ่งเป็นช่องสำหรับใส่ของ แต่อยู่ค่อนข้างสูง สาวๆ ตัวเล็กอาจจะใช้งานได้ไม่สะดวกนัก
เหนือเคาน์เตอร์ก็มีตู้แยกให้อีกจุดสำหรับใส่วัตถุดิบหรืออุปกรณ์สำหรับประกอบอาหาร หน้าบานจะปิดผิวด้วยลายไม้ดูสวยงามดี
บนเคาน์เตอร์ครัวในส่วนพื้นที่ประกอบอาหารจะมีอ่างล้างจานแบบหลุมเดี่ยวของ Franke แบบไม่มีที่พักจานมาให้
อ่างลึกใช้ได้ เทียบกับขนาดมือก็กว้างพอสมควร ใช้งานได้สะดวก สะดืออ่างเป็นแบบถอดล้างทำความสะอาดพวกเศษอาหารที่ติดตามตะแกรงออกได้
ทางคอนโดให้เครื่องดูดควันของ Franke แบบปล่อยออกนอกอาคาร ส่วนด้านข้างจะเป็นตู้เก็บของ
บนเคาน์เตอร์มีปลั๊กไฟให้สำหรับเสียบเครื่องใช้ไฟฟ้า ด้านข้างมีการทำเป็นชั้นวางจานและชาม
เตาเป็นเตาไฟฟ้า 4 หัวของ Franke ผนังด้านหลังกรุกระเบื้องลายหินอ่อนมาให้เพื่อป้องกันคราบสกปรกที่เกิดจากการทำอาหาร เช่น คราบน้ำมัน คราบควัน เป็นต้น
ใต้เคาน์เตอร์ครัวมีช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้า ขนาดของเครื่องซะผ้าที่ตั้งได้จะเป็นแบบฝาหน้า จุผ้าได้ 8 kg
หันหลังกับมาจะเจอโต๊ะรับประทานอาหารเป็นแบบ 4 ที่นั่ง สามารถเคลื่อนย้ายไปมาได้
พื้นห้องปูด้วยพื้นไม้ Synthetic ทนต่อความชื้นได้ดี ไม่มีปัญหาการบวมน้ำ ใช้ปูเป็นพื้นห้องครัวได้ ส่วนผนังภายในห้องทั่วไปจะเป็นผิวฉาบเรียบบุด้วย wallpaper มาให้
ส่วนที่อยู่ติดกับครัวจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น การทำครัวแบบเปิดติดกับห้องนั่งเล่นแบบนี้จะมีข้อเสียตรงที่ทำอาหารแบบจริงจัง มีกลิ่น มีควันมากไม่ได้ ไม่อย่างนั้นกลิ่นอาหารจะลอยมาติดกับเฟอร์นิเจอร์ได้
พื้นที่นั่งเล่นมีความกว้างพอสมควร สามารถรองรับแขกได้ 3-4 คน มีประตูที่สามารถเปิดออกไปชมระเบียงได้ และมีมุมหน้าต่างเฉียงอีกหนึ่งจุด ทำให้พื้นที่นั่งเล่นดูกว้างและหรูหราขึ้น
ชั้นวางทีวีมีขนาดยาว พื้นที่ที่เหลือสามารถตกแต่งหรือทำเป็นชั้นวางของได้
ด้านหลังเป็นจะมีปลั๊กไฟแบบสามตามาให้ 4 ช่อง พร้อมกับช่องเสียบสายเคเบิ้ลและสายโทรศัพท์
พื้นที่ระหว่างโซฟากับทีวีมีความห่างประมาฯ 1.5 เมตร สามารถวางทางวีขนาด 42 นิ้วขึ้นไปได้สบาย
ข้างโซฟาจะปลั๊กไฟแบบสามตามาให้ 2 ปลั๊ก สามารถนำโคมไฟมาประดับตกแต่งเพิ่มเติมได้
ประตูทางออกเป็นเเบบบานเปิดเดี่ยว ด้านข้างเป็นหน้าต่างทำเป็นมุมเฉียง ช่วยให้แสงสว่างเข้าถึงห้องนั่งเล่นได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องเปิดไฟในเวลากลางวัน
มุมตรงนี้เป็นมุมเฉียงของหน้าต่างออกไปข้างนอก ทำให้ห้องมีพื้นที่มากขึ้น เราสามารถนำเก้าอี้มาตั้งไว้ทำเป็นมุมนั่งเล่นเล็กๆ ก็ดูน่ารักดี
หลังพื้นที่นั่งเล่นตรงนี้จะเป็นพื้นที่ในส่วนของห้องนอนเล็กห้องนอนใหญ่ และห้องน้ำ ไปชมกันต่อไปเลยดีกว่า
ภาพ 360 องศา ในจุดของทางเดินจะเชื่อมระหว่างพื้นที่นั่งเล่น ห้องครัว ห้องนอน และห้องน้ำไว้ด้วยกัน
ตรงข้ามห้องนอนจะเป็นห้องน้่ำข้างนอก ซึ่งการใช้สุขภัณฑ์ทั้งหมดจะใช้แบบเดียวกันกับ Town House ที่ริวิวไปแล้วข้างต้น
กลอนประตูห้องนอนใช้แบบก้านโยก ใช้งานได้สะดวก
ภาพ 360 องศา บรรกาศห้องนอนเล็กโดยรอบๆ ห้อง เปิดประตูเข้าห้องมาจะเจอกับเตียงก่อนเป็นอันดับแรก ซ้ายมือจะเป็นตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in ส่วนด้านขวาจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อน เปิดออกไปจะเป็นพื้นที่ระเบียงเชื่อมต่อยาวมาจากห้องนั่งเล่น
ตู้เสื้อผ้าจะมีชั้นสำหรับใส่ของทั้งข้างบนและล่าง ชั้นล่างเป็นช่องว่างสามารถใส่กระเป๋าสัมภาระได้
อีกด้านหนึ่งชั้นล่างจะเป็นลิ้นชักเก็บของขนาด 2 ช่องสามารถเก็บเสื้อผ้าหรือกางเกงได้
เตียงนอนขนาด 5 ฟุต วางเต็มพื้นที่ห้อง ด้านซ้ายมือจากเตียงจะเป็นระเบียงกระจก
พื้นที่ด้านข้างเตียงฝั่งตู้เสื้อผ้ามีระยะห่างจากเตียงประมาณ 0.8 เมตร ด้านข้างเตียงสามารถนำชั้นหรือตู้เก็บของเล็กๆมาประดับตกแต่งได้ หรือจะตกแต่งด้วยโคมไฟเพิ่มก็ดี
ประตูระเบียงระเบียงเป็นแบบบานเลื่อน กรอบอลูมิเนียมสีชา ด้ามจับเป็นแบบเซาะร่อง มีตัวล็อกให้เรียบร้อย
ระเบียงห้องไม่กว้างมากนัก ส่วนความสูงของระเบียงมีความสูงอยู่ที่ 1.15 เมตร พื้นระเบียงปูด้วยกระเบื้อง พร้อมกับทำรางน้ำกันน้ำท่วมระเบียงเวลาซักล้างมาให้เเล้ว
มากันที่ห้องนอนใหญ่ นี่คือรูปภาพ 360 องศาแสดงบรรยากาศโดยรวมของห้องนอนใหญ่โดยรอบ พื้นห้องนอนปูด้วยพื้นไม้ Synthetic เหมือนกับพื้นส่วนอื่นๆ มีห้องน้ำให้ในตัว และมีระเบียงเล็กๆ เปิดประตูระเบียงออกไปเจอคอมเพรสเซอร์แอร์อยูู่ด้านนอก
กลอนประตูห้องใช้แบบก้านโยกเหมือนห้องนอนเล็ก
เข้ามาในห้องทางด้านซ้ายมือจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built-in แบบบานเปิด 3 บาน เวลาเปิดประตูเข้าห้องมา ถ้าหากใช้งานตู้เสื้อผ้าอยู่ก็อาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไร ตู้เป็นตู้บานใหญ่มีช่องเก็บของกระจุกกระจิกได้เยอะพอสมควร
เครื่องปรับอากาศเป็นแบบซ่อนฝ้า ในส่วนตรงนี้ทำให้ห้องดูสวยงามเรียบหรูและเป็นระเบียบ เหมือนกับห้องใน Town House
ถัดมาจากตู้เสื้อผ้าจะเป็นห้องน้ำในตัว รูปแบบในห้องน้ำเหมือนกับห้องน้ำด้านนอก และประตูกระจกด้านข้างห้องน้ำ เป็นประตูระเบียงเล็กสำหรับแขวนแอร์คอมเพรสเซอร์ พื้นที่ระเบียงตรงนี้อาจะใช้งานไม่ได้มากนักเพราะพื้นที่ไม่ใหญ่มาก แต่สามารถใช้เป็นมุมเก็บของ หรือตากผ้าได้นิดหน่อย
เตียงนอนขนาด 5 ฟุตถูกวางไว้บริเวณกลางห้อง ล้อมรอบด้วยหน้าต่าง และมีมุมฝั่งข้างเตียง ซึ่งมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง สามารถทำเป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนหรือ วางโต๊ะทำงานได้
ด้านข้างเตียงจะมีปลั๊กไฟแบบสามตามาให้สองช่อง และช่องเสียบสายโทรศัพท์อยู่ สามารถนำโต๊ะหรือชั้นเก็บของเล็กมาวางโคมไฟ หรือโทรศัพท์ได้
ระยะห่างระหว่างเตียงกับชั้นวางทีวีประมาณ 0.5 เมตร มีพื้นที่ค่อนข้างกว้างและเหลือเฟือพอที่จะวางชั้นวางทีวีได้ ระยะห่างประมาณ 0.5 เมตร วางทีวีขนาด 42 นิ้วได้พอดี หรือถ้าอยากให้ทางเดินกว้างก็เลือกซื้อเป็นทีวีติดผนังแทนก็ได้
เหนือชั้นวางทีวีมีปลั๊กไฟ ช่องรับสัญญาณทีวีและช่องสาย Lan ติดตั้งไว้ให้
หน้าต่างรอบห้องทำเป็นช่องเล็กๆ เว้นสลับกับผนังทำให้แสงเข้าได้พอดี แสงไม่จ้ามากเกินไป เหมาะแก่การพักผ่อน
มุมด้านข้างเตียงสามารถนำโต๊ะทำงานมาไตั้งว้เพื่อทำเป็นมุมทำงานได้ หรืออาจจะทำเป็นมุมพักผ่อนเล็กๆ ติดกระจกไว้ชมวิวชิลล์ๆ ก็สามารถทำได้
มุมโต๊ะทำงานจะเป็นหน้าต่างห้อง เป็นหน้าต่างแบบบานกระทุ้งผสมบาน Fix สามารถเปิดออกไปรับลมด้านนอกได้
Analysis
วิเคราะห์โครงการ ไซมิส สุรวงศ์ (Siamese Surawong)
ทำเล : คอนโด ไซมิส สุรวงศ์ (Siamese Surawong) ตั้งอยู่บนถนนทรัพย์ในเขตบางรัก บริเวณจุดตัดของถนนสุรวงศ์ (เป็นถนนที่เชื่อมไปถึงถนนสีลม หรือจะวิ่งผ่านถนนนราธิวาสไปถนนสาทรก็ได้ ส่วนใครที่ทำงานอยู่แถวศาลาแดงก็ใช้ถนนสุรวงศ์นี้ลัดเลาะเข้าสู่ถนนศาลาแดงก็ทำได้เหมือนกัน) และถนนสี่พระยา (เชื่อมกับถนนพระรามที่ 4) เรียกว่าเชื่อมต่อถึงถนนสายหลักได้หลายสาย จึงสะดวกสำหรับผู้อยู่อาศัยที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นประจำ
ที่ตั้งของคอนโดนี้ถือว่าอยู่ในจุดศูนย์กลางของกรุงเทพมหานครอีกจุดหนึ่ง การเดินทางโดยการใช้รถยนต์ในระยะใกล้จะสะดวกกว่าการขับออกไปในระยะไกล เพราะต้องฝ่ามรสุมรถติดในช่วงเวลาเร่งด่วน แต่ถ้าเป็นนอกช่วงเวลาเร่งด่วนล่ะก็ การขับรถแถวนี้ถือว่าสบายมากๆ ดังนั้นควรกะเวลาในการใช้รถ ใช้ถนนให้ดีก่อนขับออกจากบ้าน
สำหรับการเดินทางโดยไม่ใช้รถยนต์ส่วนตัว มีความสะดวกกว่าในแง่ของความรวดเร็ว ไม่ต้องไปเผชิญหน้ากับรถติดบนถนน ผู้อยู่อาศัยที่ทำงานในละแวกสามย่าน-สีลมนี่ยิ่งสะดวก สามารถนั่งมอเตอร์ไซค์วินไปแค่ไม่กี่นาทีก็ถึง
ส่วนใครที่จะต้องเดินทางไปทำงานที่อื่น ระบบขนส่งมวลชนที่ใกล้ที่สุดจะเป็น MRT สถานีสามย่าน อยู่ในระยะเดินถึงเพียง 550 เมตร ตื่นเช้าหน่อยแล้วออกกำลังกายด้วยการออกเดินเท้าไปก็ดีต่อสุขภาพเหมือนกัน หรือถ้าใครต้องใช้บริการ BTS เป็นประจำก็เดินทางไปขึ้น BTS ที่สถานีศาลาแดง ระยะทางห่างจากคอนโดประมาณ 1.1 กิโลเมตร
สภาพแวดล้อม : ถนนทรัพย์ เป็นถนนที่มี่ความสงบเหมาะแก่การอยู่อาศัย ไม่มีคนพลุกพล่านมากนัก เป็นทำเลที่มีความร่วมสมัยกันระหว่างความเก่าและความใหม่แบบที่ลงตัว ตึกบางส่วนของพื้นที่แถบนี้ยังคงความเก๋าแบบเก่าอยู่ แต่พื้นที่ส่วนมากก็เปลี่ยนไปตามเวลากลายเป็นคอนโด บริษัท หรือแหล่งชอปปิง รอบตัวโครงการอาจจะไม่ได้มีความอุดมสมบูรณ์มากนัก แต่ถ้าเดินออกมาแถบถนนใหญ่อย่างสีลมหรือถนนพระรามที่ 4 นี่เรียกว่าแหล่งของอร่อยและเป็นย่านแห่งความบันเทิง โดยเฉพาะถนนสีลมจะเป็นที่ตั้งของโรงแรมดัง เช่น โรงแรมตะวันนา รามาดา, โรงแรมมณเฑียร และโรงแรมเลอ เมอริเดียน เป็นต้น และสถานบันเทิงยามค่ำคืนที่ทั้งชาวไทยแะชาวต่างชาติเดินทางมาท่องเที่ยวกัน
ส่วนแหล่งชอปปิงที่ใกล้ที่สุดจะเป็น จามจุรี สแควร์ เดินทางจากโครงการมาทางฝั่งถนนสี่พระยา ออกสู่ถนนพระรามที่ 4 ระยะทางประมาณ 700 เมตร ไม่ได้เป็นห้างใหญ่มากแต่ก็เป็นศูนย์การค้าหลักที่สามารถฝากท้องได้ในเวลาหิว
แบบห้อง : ไซมิส สุรวงศ์ (Siamese Surawong) มีแบบห้องให้เลือกหลากหลายตามไลฟ์สไตล์ทั้งแบบ 1 ห้องนอน เริ่มต้นที่ 34 ตารางเมตร ถือเป็นขนาดตามมาตรฐานของคอนโดมิเนียมทั่วไป มีแบบ 2 ห้องนอน และแบบทาวน์เฮ้าส์ ซึ่งมีขนาดใหญ่ เหมาะกับการอยู่อาศัยแบบครอบครัว ทางโครงการขายแบบ Fully Furnished ให้เฟอร์นิเจอร์มาแบบครบครันพร้อมเข้าอยู่ ด้านวัสดุถือว่าเลือกมาให้อย่างดี เน้นความหรูหราเป็นพิเศษ
สิ่งอำนวยความสะดวก : หากเทียบกับคอนโดในระดับเดียวกันก็ถือว่าให้สิ่งอำนวยความสะดวกมาน้อยไปหน่อย เหมาะสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้ลงมาใช้พื้นที่ส่วนกลางมากมายนัก สิ่งที่ทางโครงการจัดเตรียมไว้ให้จะมี ล็อบบี้, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, ซาวน่า, พื้นที่สีเขียว และสวนดาดฟ้า ด้านความปลอดภัยก็มีการติดตั้งระบบ Key Card ในการเข้า-ออก ตั้งแต่ลานจอดรถจนถึงระบบล็อกห้องที่เลือกใช้ Digital Door Lock เพื่อความปลอดภัย พร้อมทั้งระบบรักษาความปลอดภัย มีกล้อง CCTV ตรวจสอบให้ตลอด 24 ชั่วโมง
ราคา : ถ้าเทียบกับราคาของคอนโดมิเนียมในย่านนี้ที่อยู่ติดกับแนวรถไฟฟ้าก็ยังถือว่า ราคายังอยู่ในเรทที่จับต้องได้มากกว่า (เริ่มต้นที่ห้องแบบ 2 ห้องนอน ราคา 9 ล้านบาท) ยิ่งเมื่อเทียบกับศักยภาพของทำเลที่ไม่ได้ไลจากรถไฟฟ้าทั้ง MRT และ BTS มากนัก อยู่ในจุดที่เชื่อมต่อกับถนนได้หลายสาย แต่มีความเงียบสงบและมีความเป็นส่วนตัวสูง ก็ถือว่าคุ้มค่ากับราคาที่เสียไป
โครงการ ไซมิส สุรวงศ์ (Siamese Surawong) เหมาะสำหรับผู้ที่ทำงานอยู่ในแถบสามย่าน-สีลม ใช้ถนนสี่พระยา สุรวงศ์ เพื่อเดินทางไปทำงานเป็นประจำ ไม่ได้ต้องการคอนโดที่อยู่ติดกับรถไฟฟ้ามาก แต่ยังพอจะเดินทางไปถึงได้โดยง่าย เน้นการซื้อคอนโดเพื่อการอยู่อาศัยแบบสงบและเป็นส่วนตัว มีงบประมาณในกระเป๋าสูงสักนิดพอที่จะซื้อหรือผ่อนในทำเลใจกลางเมือง