[Review] ชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ (Chewathai Interchange) ส่องคอนโดมิเนียมติดรถไฟฟ้าเตาปูน ห้องพร้อมอยู่ ดูลงตัวกับเฟอร์นิเจอร์ Built in บนทำเลแห่งการเชื่อมต่อ
ถนนประชาราษฎร์ สาย 2 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ
Review Info
ชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ (chewathai interchange) อีกหนึ่งคอนโดพร้อมอยู่ใน เครือชีวาทัย ที่ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพแห่งใหม่ ย่านเตาปูน-บางซื่อ ชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ อยู่ติดกับ
สถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง
ทำให้การเดินทางมีความสะดวกรวดเร็ว ง่ายต่อการใช้ชีวิตในวันที่แสนเร่งรีบ หรือหากจะต้องการไปยังแหล่งความสบาย อย่างห้างสรรพสินค้าก็ทำได้ไม่ลำบากนัก ครบทั้ง Facility และเฟอร์นิเจอร์ Built in พร้อมอยู่อาศัยได้ทันที
ชื่อโครงการ ชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ (chewathai interchange)
ที่ตั้งโครงการ ถนนประชาราษฎร์ สาย 2 เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ
ราคาเริ่มต้น 5.29 ล้านบาท
Insight
เจาะลึกภาพรวมโครงการ ชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ (chewathai interchange)
ลักษณะอาคารของ ชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ (chewathai interchange) เป็นอาคารเดี่ยว สูง 26 ชั้น บนเนื้อที่
2,850 ตร.ม. ทำให้ผู้ที่พักอาศัยอยู่บนชั้นสูงๆ ตั้งแต่ประมาณชั้นที่ 6 ขึ้นไป มีสิทธิ์ได้รับวิวเมืองอย่างชัดเจน แต่เนื่องจาก ณ ขณะนี้ศักยภาพที่ดินของย่านเตาปูน กำลังเดินหน้าพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้รอบข้างเริ่มมีการก่อสร้างคอนโดต่างๆ เพิ่มขึ้น ในอนาคตจึงมีโอกาสที่คอนโดจะโดนบดบังทัศนียภาพได้เช่นกัน
ตั้งแต่ชั้น 1-5 เป็นส่วนของลานจอดรถใต้อาคาร ทำเป็นถนน 2 เลนส์วนขึ้นไปข้างบน หน้าทางเข้ามีป้อมยามคอยดูแลความเรียบร้อย มีไม้กระดกกั้น ควบคุมการเข้าออกโครงการด้วยระบบคีย์การ์ด สำหรับพื้นที่ลานจอดรถคิดเป็น 60% (รวมจอดซ้อนคัน) มีประมาณ 130 ช่องจอด ถือว่าอยู่ในระดับเยอะพอสมควร เนื่องจากเป็นโครงการที่อยู่ติดสถานีรถไฟฟ้า ผู้พักอาศัยส่วนหนึ่งย่อมใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะด้วยเช่นกัน
ทางเข้าออกคอนโดอยู่ติดถนนใหญ่ สะดวกต่อคนใช้รถยนต์ส่วนตัว ป้อมยามตั้งคู่ไม้กั้น เพื่อดูแลความปลอดภัยให้กับผู้พักอาศัย พี่รปภ. ใจดี สามารถทักทาย พูดคุยได้
ทางเดินรถแบบ 2 เลนส์ เพื่อให้วนขึ้นไปจอดรถที่ชั้น 1 จริงๆ ด้านล่างก็พอช่องจอดให้บ้าง ข้างทางเข้าโถงล็อบบี้
โถงล็อบบี้ดูเงียบสงบ ไม่มีคนพลุกพล่าน ส่วนหนึ่งมาจากช่วงที่ไปเป็นช่วงเวลาทำงาน มุมด้านในจัดเป็นที่นั่งแบบโซฟาตัวยาว ใช้ประชุมเป็นครั้งคราวได้
ถัดมาด้านในก่อนถึงโถงลิฟต์จะเป็นห้อง Mailbox ตอนลึก ขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ละห้องจะมีช่องเป็นของตัวเอง ล็อกกุญแจเรียบร้อย
เข้าสู่โถงลิฟต์ด้วยระบบคีย์การ์ดเช่นเดียวกับประตูห้อง มีลิฟต์ให้บริการ 2 ตัว แบบล็อกชั้น เพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้อาศัย ฝั่งหนึ่งทำปุ่มกดสำหรับผู้พิการ ซึ่งระดับจะอยู่ต่ำกว่าปุ่มกดปกติ
ขึ้นมาที่ชั้น 6 เป็นชั้นที่มีทั้งส่วนของห้องพักอาศัย และ facilitity ทำให้มีผู้คนพลุกพล่านเล็กน้อย เหมาะสำหรับคนที่ชอบใช้พื้นที่ส่วนกลาง แต่ในส่วนของห้องพักอาศัย ทางคอนโดจะกั้นประตูไว้อีกชั้นหนึ่ง ให้ผู้ที่อยู่ชั้นนี้เข้าไปได้เท่านั้น เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัว จำนวนห้องพัก 9 ยูนิต มีแบบห้องและขนาดต่างกันตามสีของแปลน
ประตูกั้นระหว่างห้องพักและ Facility ต้องใช้คีย์การ์ดในการผ่านประตูเท่านั้น
สระว่ายน้ำขนาดไม่ใหญ่มาก ใช้ว่ายออกกำลังกาย คลายเครียด ถ้าวันไหนคนใช้เยอะ พื้นที่สระอาจไม่พอรองรับ
มีทั้งส่วนในร่มและกลางแจ้ง ถ้าแดดร้อนก็เลือกว่ายในร่มก่อนได้ แต่วิวข้างนอกค่อนข้างจะดีกว่า มองเห็นวิวเมืองรอบโครงการ
ข้างสระจัดเป็นที่นั่ง deck pool แต่เมื่อออกมาด้านนอกจะเป็นเตียงขนาดใหญ่ ไว้นอนอาบแดดได้
ที่ล้างตัวมี 2 จุด แต่ทางคอนโดก็ได้แยกห้องน้ำส่วนกลางชายหญิงไว้ให้ จึงไม่มีปัญหาเรื่องความสะอาด
ห้องน้ำส่วนกลางมีตู้เก็บของ ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ และห้องซาวน่าให้อย่างละ 1 ห้อง ภายในสะอาดเรียบร้อย ไม่ค่อยสกปรกเท่าไร
ห้องซาวน่าแบบญี่ปุ่น กรุไม้รอบด้าน สามารถนั่งได้ 3-4 คน ที่ปรับอุณหภูมิอยู่ข้างนอก ที่เห็นเป็นเตาถ่านไว้ให้ตักน้ำราด ให้ไอร้อนระอุขึ้นมา
กลับออกมาข้างนอก มองไปหลังสระว่ายน้ำ จะเป็นห้องฟิตเนสที่อยู่ข้างกัน
ห้องฟิตเนสขนาดกลาง มีเครื่องเล่น 7 ตัว บวกดัมเบิ้ล 1 ของ Matrix ให้บริการตั้งแต่ 6.00 - 22.00 น.
เครื่องเล่นมีหลากหลาย สำหรับเวทเทรนนิ้งและคาดิโอ พื้นกันกระแทก กรุผนังกระจกทั้ง 4 ด้าน ทำให้ห้องโปร่ง โล่ง สว่างในตอนกลางวัน สามารถชมวิวสระว่ายน้ำทอดยาวไปถึงวิวเมืองได้ ส่วนทางด้านหลังจะให้อารมณ์ร่มรื่น สบายตากว่าด้วยสวนลอยฟ้าขนาดย่อม
ติดกับเป็นห้องอ่านหนังสือเล็กๆ ไว้นั่งรอเพื่อนหรือแฟนออกกำลังกายได้ มีเก้าอี้นั่งสบาย ฟรี Wifi ด้วย
หรือจะเปิดประตูออกไปรับลมที่สวนลอยฟ้าก็ทำได้เช่นกัน ช่วงเย็นๆ แดดร่มลมตก อากาศกำลังดี แดดไม่ร้อนจัดเพราะได้เงาของอาคารช่วยบดบัง
ชั้นที่ 7 ขึ้นไป จะเป็นพื้นที่ห้องชุดพักอาศัยทั้งชั้น โดยในชั้นที่ 7-22 จะมีห้องพักชั้นละ 14 ยูนิต ด้วยความที่จำนวนยูนิตไม่เยอะมาก ทำให้ผู้พักอาศัยได้รับความเป็นส่วนตัว และลดความพลุกพล่านลงได้เยอะ น่าจะถูกใจคนที่ชอบความเงียบสงบ แบบและขนาดห้องแตกต่างกัน ตรงกลางเป็นแบบ 1 ห้องนอน ส่วนห้องมุมสีเขียว 4 ห้องเป็นแบบ 2 ห้องนอนสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก โถงลิฟต์อยู่กึ่งกลาง ไม่ว่าจะพักอยู่ฝั่งไหน ก็เดินได้ ไม่ไกล
ลักษณะแปลนชั้นจะมีรูปแบบๆ นี้ไปจนถึงชั้นที่ 22 แค่บางชั้นอาจสลับด้านกระจกกันเท่านั้น
พอมาถึงชั้นที่ 23 จำนวนยูนิตเหลือ 12 ห้อง ตัดห้อง B2 และ B2A ออก
ส่วนชั้น 24-26 จะเป็นชั้นบน ฝั่งห้อง B1 และ B3 มีหน้าต่างเข้ามุมมองเห็นคอนโด Rick Park ที่อยู่ข้างกัน ส่วนอีกฝั่งจะมองเห็นวิวสระว่ายน้ำไกลๆ ซึ่งในปัจจุบันสภาพแวดล้อมของย่านเตาปูน-บางซื่อ ยังคงสภาพอาคารพาณิชย์ ตึกแถวสูง 4-5 ชั้นอยู่ จึงไม่มีปัญหาเรื่องการบดบังทัศนียภาพ สามารถมองเห็นวิวเมืองได้ชัดเจน แต่คาดว่าในอนาคต จะมีคอนโดเพิ่มขึ้นจำนวนมาก อย่าง The Stage เตาปูน หรือ ชีวาทัย บางโพ ทำให้มีโอกาสโดนบดบังวิวแม่น้ำเจ้าพระยา
โถงทางเดินไม่สว่างมากนัก แต่ยังพอมีแสงจากธรรมชาติรอดผ่านช่องรับแสงมาได้ ทำให้บริเวณทางเดินไม่มืดอับจนเกินไป
ช่วงกลางอาคารจะมีลิฟต์ขนของและบันไดหนีไฟ ทำเป็นห้องมีประตูมิดชิด
รวมไปถึงอุปกรณ์ดับเพลิง ห้องไฟฟ้า ก็อยู่โซนนี้เช่นกัน
2BR 58 sq.m.
ห้องตัวอย่าง 2 ห้องนอน ขนาด 58 ตารางเมตร
ห้องแรกที่จะพาไปชมกันเป็นห้องขนาด 2 ห้อง 58 ตารางเมตร ขายแบบ Fully Furnished สูง 2.6 เมตร เหมาะสำหรับครอบครัวขนาดเล็ก อาศัยกันอยู่แบบพ่อแม่ลูก เนื่องจากตัวห้องแบ่งพื้นที่กันค่อนข้างชัดเจน ห้อง Master Bedroom จะมีห้องน้ำในตัว ส่วนห้องนอนของตัวเล็ก จะลำบากหน่อยตรงที่ต้องออกมาเข้าห้องน้ำรับรองข้างนอก ในโซนพักพ่อนมีพื้นที่ให้ทำกิจกรรมร่วมกันได้เยอะ จัดห้องนั่งเล่นเกับที่นั่งทานอาหารไว้ร่วมกัน แล้วค่อยแยกพื้นที่ครัวกับห้องน้ำไว้อีกฝั่งห้อง เพื่อป้องกันกลิ่น ควันรบกวน
โซนพักผ่อนเปรียบเสมือนตัวคั่นกลางระหว่างห้องนอนกับส่วนพื้นที่ใช้งานห้องน้ำ-ห้องครัว ทำให้พื้นที่ห้องนอนกลายเป็นพื้นที่ส่วนตัว แม้ยามมีแขกมาหาที่ห้องก็ตาม โดยส่วนของห้องน้ำ-ห้องครัวจะทำเป็นห้องปิด มีแพลทติชั่นกระจกกั้นไว้ ช่วยป้องกลิ่น-ควันรบกวนพื้นที่ส่วนอื่นของห้อง และยิ่งห้องไหนที่มีเฟอร์นิเจอร์หรือโซฟาที่ทำจากผ้าด้วยแล้ว ก็จะกันกลิ่นอาหารไม่ให้ลอยไปติดโซฟา เกิดเป้นปัญหากวนใจตามมา อีกบริเวณหนึ่งของห้องที่น่าสนใจคือ โซนระเบียงที่ลากยาวตั้งแต่ห้องนั่งเล่นมาจนถึงหห้องครัว มีทางเข้าออก 2 ทาง ทั้งจากทางห้องนั่งเล่นและห้องครัว สามารถชมวิวนอกอาคาร มีที่ให้วางชุดโต๊ะกาแฟเล็กๆ ได้
ประตูบานไม้สีเข้มดูหรูหราสมกับเป็นคอนโด High rise ราวจับสแตนเลสแข็ง กลอนหมุนล็อกจากด้านใน ถึงจะไม่มี Digital door lock ให้ แต่การอาศัยก็ยังดูปลอดภัยพอสมควร มีระบบคีย์การ์ดตั้งแต่หน้าล็อบบี้ ลิฟต์แบบล็อกชั้น ตลอดจนทางเข้าโถงทางเดินในอาคาร แถมประตูแบบนี้ยังให้อารมณ์คลาสสิกเบาๆ เข้ากับสไตล์ห้องที่เน้นความ Modern Laxury และเมื่อสังเกตที่พื้นห้องจะเห็น door stoper เพื่อกันไม่ให้ประตูกระแทกผนังเป็นรอย ขอบผนังขึ้นงานบัวผนังเรียบร้อย สวยงาม
เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว จะเจอโซนพักผ่อนทอดยาวถึงระเบียงด้านนอก ซึ่งส่วนนี้จะวางโต๊ะทานข้าวไว้ใกล้ประตู ทางซ้ายมือ ฝั่งตรงข้ามทำเป็นโต๊ะทำงานแบบ Built in ถัดไปเป็นห้องนั่งเล่นโปร่ง โล่ง สว่างตา เพราะได้รับแสงธรรมชาติผ่านทางประตูระเบียงอย่างเต็มที่ พื้นห้องหลักๆ เป็นพื้นไม้ลามิเนตสีเข้มดูมีราคา และให้ความรู้สึกอบอุ่นยามอยู่อาศัย ส่วนผนังติดวอลล์เปเปอร์สีเอิร์ธโทนเรียบง่าย
ชุดทานข้าวอยู่ทางขวามือ นั่งได้สบายไม่อึดอัด มีที่ให้ขยับขยายพื้นที่ได้เล็กน้อย
โต๊ะทานข้าวเข้ากันกับเก้าอี้หุ้มผ้าสีขาว นั่งทานได้ 4 คนกำลังดี หากอยากเพิ่มเป็น 5 ที่ก็ทำได้ แต่อาจเกะกะเล็กน้อย ข้างโต๊ะมีปลั๊กไฟ 1 จุด
หลังโต๊ะทานข้าวเป็นตู้เก็บรองเท้า Built in สามารถใช้เก็บรองเท้าได้ 4-6 คู่ พร้อมลิ้นชักเก็บอีก 3 ชั้น เอาไว้เก็บพวกถุงเท้าหรือยาขัดรองเท้าก็สะดวกดี ไม่ต้องหาของให้วุ่นวาย top ตู้ hi-gloos วางของใช้กระจุกกระจิก หรือของตกแต่งห้องได้ ส่วนหน้าตู้เป็นบานลามิเนต softclose เวลาเปิด-ปิดตู้อาจยากนิดนึงเพราะอยู่ใกล้กับชุดทานข้าว
อีกฝั่ง built in ชุดโต๊ะทำงานครบชุด มีทั้งหน้าโต๊ะ ชั้นวางของ ตู้เก็บของแขวนผนัง และเก้าอี้ บริเวณนั้นให้ปลั๊กมาสำหรับใช้งานโน๊ตบุ๊คได้สะดวก ตัวโต๊ะกับตู้เก็บของยังคงคอนเซปโมเดิร์น ใช้ลามิเนตเป็นตัวหลักในการตกแต่ง ภายในหุ้มเมลามีนสีขาวสุภาพ ให้ความรู้สึกเป็นผู้ใหญ่เหมาะกับวัยทำงาน แต่ตู้ข้างบนค่อนข้างสูง เวลาเปิดต้องเอื้อม ยิ่งบานเปิด-ปิดตู้เป็นแบบดันขึ้นไปข้างบนแบบนี้ ยิ่งทำให้คนตัวเล็กเปิดลำบากพอสมควรเลย
จัดตำแหน่งพื้นที่ได้ค่อนข้างดี ไม่ทำให้บริเวณหน้าประตูอึดอัด เดินผ่านเข้าออกได้สะดวก
หันกลับมายังห้องนั่งเล่นไม่เล็กไม่ใหญ่ ใช้นั่งดูทีวี หรือทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกันได้ โซฟามีขนาด 3 คนนั่งหรือวันไหนดูหนังเพลินก็ยังสามารถใช้นอนได้สบาย ข้างโซฟามีปลั๊กไฟ 1 จุด ส่วนระยะหน้าโซฟากว้างประมาณ 2 เมตร ไว้วางโต๊ะกลางแบบนี้
ฝั่งตรงข้ามกันเป็นชั้นวางโทรทัศน์แบบ Built in ติดผนัง ทั้งชั้นบนและล่าง โดยเว้นพื้นที่ตรงกลางให้ติดโทรทัศน์แบบแขวนผนัง มีปลั๊กไฟ ปลั๊กสัญญาณและปลั๊ก LAN ให้เรียบร้อยพร้อมติดตั้งได้ทันที ลักษณะตู้ Built in 0ดมากับตู้ ด้วยตัวเฟอร์นิเจอร์ที่เป็นของทางโครงการเอง จึงไม่ค่อยเหมือนกับที่อื่น
เนื่องจากห้องนั่งเล่นติดกับระเบียง จึงทำให้แสงจากธรรมชาติส่องมาถึงโซฟาได้เยอะ ทำให้บรรยากาศในห้องสว่างปลอดโปร่ง เป็นเทคนิคแต่งห้องขนาดเล็กให้ดูกว้างขึ้น
ห้องตอนลึก ทำให้ห้องดูมีมิติ หากจัดวางเฟอร์นิเจอร์ดีๆ ก็จะมีพื้นที่เหลือเพียงพอให้ตกแต่งห้องเพิ่มได้
ต่อกันที่ห้องนอนเล็ก สำหรับคนที่อยู่กันเป็นครอบครัวอาจยกห้องนี้ให้ลูกได้ เฟอร์นิเจอร์ built in ให้มาไม่ต่างกับห้อง Master Bedroom มากนัก เพียงแต่ไม่มีห้องน้ำส่วนตัว
ห้องนอนเล็ก เป็นห้องนอนที่ Built in เฟอร์นิเจอร์จำเป็นมาให้ค่อนข้างครบในตัว มีตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง พร้อมชั้นเก็บของติดผนัง พื้นลามิเนตเช่นเดียวกับด้านนอก ผนังติดวอลล์เปเปอร์โทนสว่าง มีช่องรับแสงเล็กๆ อยู่ริมห้อง มองไปเห็นวิวสระว่ายน้ำ
วางเตียงชิดริมใน เวลาจะขึ้นเตียง ให้ขึ้นทางปลายเตียงและฝั่งโต๊ะเครื่องแป้งจะสะดวกกว่า
เตียงอเนกประสงคืซ่อนลิ้นชักไว้ข้างเตียง เก็บของได้เรียบร้อยขึ้น
ช่องรับแสงกว้างแค่ 1 ส่วน 2 ของพื้นที่ห้อง ทำให้แดดเข้ามายังตัวห้องได้เยอะนัก โดยอีกครึ่งเป็นผนังโล่ง ว่างเปล่า อาจเพิ่มประโยชน์ใช้สอยได้ด้วยการ built in ชั้นลอยหรือชั้นวางของแบบแขวนผนัง ถ้าใครชอบการตกแต่ง อาจติดเป็นกรอบรูปสวยๆ หรือของแต่งห้องแบบในห้องตัวอย่างก็ได้
ผนังฝั่งปลายเตียงมีปลั๊กไฟและปลั๊กสัญญาณให้ สำหรับติดตั้งโทรทัศน์แบบแขวนผนัง สามารถเลือกโทรทัศน์ขนาดใหญ่ๆ ได้ แต่เนื่องจากระยะรับชมประมาณ 2-3 เมตร จึงแนะนำให้เลือกทีวีขนาด 42-50 นิ้ว เพื่อให้เหมาะสมต่อการมองเห็น ไม่ทำให้ปวดตา
มุมห้อง drop ผนังเข้าไป แล้วฝังชั้นวางของเพิ่ม ทำให้ได้พื้นที่เก็บของแถมยังไม่กินพื้นที่ห้อง ให้เกะกะขวางทาง
ช่องรับแสงเป็นกรอบอลูมิเนียม ส่วนใหญ่เป็นบาน fix ให้แสงลอดผ่านได้เท่านั้น แต่จะมีบานกระทุ้งให้บานเดียว เพื่อเปิดระบายอากาศ
ช่วงกลางวันแดดส่องเข้ามามากกว่าทางอื่น เนื่องจากช่องนี้หันไปทางทิศตะวันตก แนะนำให้ติดผ้าม่านแบบ 2 ชั้นคือ ม่านโปร่งแสงและม่านทึบแสง ซึ่งทางคอนโดทำรางผ้าม่านให้แล้ว 2 ราง แต่ถ้าังไม่พออาจเลือกใช้เป็นผ้าม่านแบบกันรังสี UV ไปเลย จะกันความร้อนได้ดีกว่า
มองลงไปเห็นส่วนของสระว่ายโผล่มานิดนึง มีพื้นที่สีเียวพอให้ชุ่มชื่นสายตา
กลับกันฝั่งริมประตู จะจัดให้เป็นพื้นที่แต่งตัว มีตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง Built in ไว้เสร็จสรรพ
โต๊ะเครื่องแป้งมาในรูปแบบ built in เป็นลิ้นชักติดกับผนัง มีที่หน้าโต๊ะให้วางของได้เยอะ เป็นการลดทอนรายละเอียด เพื่อให้ได้พื้นที่ใช้สอยที่คุ้มค่า Top โต๊ะทำจาก Hi-gloss เช็ดทำความสะอาดง่าย แม้แต่คราบเครื่องสำอาง เกิดรอยยาก กระจกส่องหน้าทรงสูงเหมาะสำหรับคนชอบแต่งตัว บริเวณนี้กว้างประมาณ 1 เมตร ให้ยืนแต่งตัวได้สะดวก
ตู้เสื้อผ้า built in เข้าเซต เป็นเฟอร์นิเจอร์ที่แต่ละห้องจะได้รับ หน้าตาลักษณะเดียวกันหมด หากจะต่างกันก็ต่างแค่ขนาดเท่านั้น หน้าบานทำจากกระจกสีเข้ม มองเห็นด้านในได้ลางๆ ซึ่งพอมองภาพรวมแล้ว ทำให้ห้องดูโปร่งขึ้น ไม่รู้สึกอึดอัด บานเปิด-ปิดเลื่อนสไลด์ เปิดได้ 2 ทาง มีลิ้นชักใส่ของเล็กๆ อย่างผ้าเช็ดหน้า ชุดชั้นใน
เครื่องปรับอากาศแอบอยู่หลังประตู ลมเป่าลงปลายเตียง
บานประตูด้านในใช้เป็นบานสำเร็จรูปสีขาว กลอนลูกบิด
ห้องนอนทั้ง 2 ห้องอยู่ตรงข้ามกัน หันประตูชนกันแบบนี้ ทำให้พื้นที่ตรงกลางไม่ได้ใช้ประโยชน์ แต่เราสามารถติดชั้นวางของแบบติดผนังไว้เพิ่มได้ แต่ควรติดให้สูงกว่าระดับศรีษะ เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ
ทะลุไปห้อง Master Bedroom ความแตกต่างระหว่างห้องนี้กับห้องนอนเล็กคือ มีห้องน้ำในตัว และช่องรับแสงที่กว้างและเยอะกว่า ส่วนหนึ่งอาจมาจากเป็นห้องมุมอาคารพอดี เลยได้ช่องรับแสงมากกว่าห้องที่อยู่ตรงกลาง ส่งผลให้ห้องดูกว้าง ปลอดโปร่งสายตา แต่เฟอร์นิเจอร์ Built in ก็ยังคงคล้ายกับห้องนอนเล็ก มีเตียง ตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง
ขนาดห้องไม่ต่างกันมากนัก แต่จะได้พื้นที่รอบเตียงที่เหมาะกับการแต่งตัวในห้องมากกว่า
เตียงชิดริมหน้าต่าง แสงธรรมชาติส่องถึง ถ้านอนด้วยกัน 2 คน ก็ไม่ทำให้อึดอัด
ข้างเตียงมีปลั๊กไฟ 1 จุด สำหรับต่อโคมไฟหรือชาร์จแบตมือถือ อาจต่อหัวปลั๊กสามตาเพิ่มเข้าไป เพราะเต้าเดียวอาจไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ฐานเตียงทำเป็นลิ้นชักเหมือนกับห้องนอนเล็ก
หน้าต่างกว้างเต็มผนังตามขนาดห้อง เวลาเปิดม่านออกอย่างนี้ ห้องจะสว่างมาก ดูปลอดโปร่ง มองเห็นวิวด้านนอกอาคารได้ชัดเจน
หน้าต่างกรอบอลูนิเมียน สีธรรมชาติ มีบานผลัก 2 บาน สามารถเปิดรับลมได้ดี เพราะห้องเกือบทั้งหมดของคอนโดหันทางทิศเหนือใต้ จึงไม่ค่อยโดนแดดอยู่แล้ว
ขอบเตียงแทบจะชิดกับหน้าต่างอยู่แล้ว จึงไม่ได้ใช้ประโยชน์จากฝั่งนี้สักเท่าไร จะย้ายโต๊ะข้างเตียงมาฝั่งนี้ก็ลำบาก เพราะจะทำให้เตียงติดกับประตูเกินไป
วิวเมืองที่มองเห็นได้จากห้องนี้
ปกติแล้วห้อง type B ขนาด 2 ห้องนอนจะอยู่ตรงมุมอาคาร ทางคอนโดจึงทำหน้าต่างแบบเข้ามุมให้ ทำให้ผู้พักอาศัยได้รับทัศนีภาพยาวไกลขึ้น
การตกแต่งห้องให้อความอบอุ่นด้วยสีเอิร์ธโทน ไม่แปลกแยก เหมือนทุกอย่างถูกออกแแบบให้มีความกลมกลืน ทั้งสีของวัสดุและเฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ตกแต่ง
ปลายเตียงมีพื้นที่มากกว่าห้องนอนเล็ก จึงสามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งไว้ตรงนี้ได้ แต่ใครที่ไม่ค่อยสันทัดเรื่อง การแต่งหน้า เสริมหล่อแต่งสวยมากนัก อาจเปลี่ยนจุดนี้ให้กลายเป็นโต๊ะไว้นั่งทำงานแทนได้เช่นกัน
ลิ้นชัก built in ลามิเนตใช้ทำเป็นโต๊ะไปในตัว ด้านหลังมีปลั๊กไฟและปลั๊กสัญญาณ เผื่อใครอยากติดตั้งโทรทัศน์ไว้ดูในห้องนอน และด้วยพื้นที่ๆ จำกัด จะต้องเลือกขนาดทีวีให้พอดี ประมาณ 40-42 นิ้ว
ฝั่งประตูห้อง จะวางตู้เสื้อผ้า Built in อยู่ติดกับห้องน้ำแบบนี้ มีชั้นวางของยื่นออกมา ต่างกับห้องนอนเล็กที่ชั้นวางของจะอยู่ข้างตู้เสื้อผ้าเลย
ตู้เสื้อผ้าเหมือนกับอีกห้อง บานสไลด์ซ้าย-ขวา ไม่เปลืองพื้นที่ห้อง
ภายในก็เป็นราวแขวน 2 ฝั่ง ฝั่งซ้ายไว้แขวนเสื้อ ชุดเดรสยาว ส่วนฝั่งขวาไว้แขวนเสื้อหรือกางเกงที่สั้นกว่า มีลิ้นชักเก็บของด้านล่าง บนสุดของทั้งสองด้านเป็นช่องเก็บของ ค่อนข้างสูง ไว้เก้บพวกหมอน ผ้าห่มสำรอง ของใช้ที่ไม่ได้ใช้บ่อยๆ
เพราะอยู่ห้องมุม จึงได้ช่องรับแสงเพิ่มอีก 1 จุด ข้างตู้เสื้อผ้า
ห้องน้ำส่วนตัวจะแบ่งโซนแห้งและเปียก โดยใช้แพลทติชั่นในการกั้นพื้นที่ สุขภัณฑ์ของ Mogen มีครบทั้งอ่างล้างหน้า กระจก โถชักโครกและห้องอาบน้ำ พื้นและผนังปูกระเบื้องสีขาว
ธรณีประตูไม่ค่อยสูงเท่าไร ควรหาพรมเช็ดมาวางไว้ด้วย เพื่อป้องกันพื้นห้องนอนเปียกไปด้วย ยิ่งพื้นเป็นไม้ลามิเนต ทำให้บวมน้ำได้ ถ้าเกิดความชื้น
อ่างล้างหน้าอยู่ตรงประตูห้องน้ำพอดี ถัดไปเป็นโถสุขภัณฑ์และห้องอาบน้ำ ซึ่งพอวางสุขภัณฑ์ห้องน้ำไว้แบบนี้
เวลาเผลอลืมล็อกประตู ก็จะมีที่หลบสายตา ไม่เห็นตอนโป๊ตรงๆ
โซนแห้งวางชักโครกกับอ่างล้างหน้า ไม่ติดกันมาก นั่งได้สบาย
อ่างล้างหน้าแบบวางบนเคาน์เตอร์ เพื่อเสริมความแข็งแรง หน้าอ่างทรงสี่เหลี่ยมมีที่ให้วางขวดสบู่ได้เล็กน้อย ตรงเคาน์เตอร์ใช้เป็นตู้เก็บของได้ ด้านในซ่อนเครื่องทำน้ำอุ่นและระบบท่อน้ำ
ปลั๊กไฟอยู่ข้างๆ เพื่อความสะดวกในการใช้งานไดร์เป่าผม
ชักโครกของ Mogen สายฉีดชำระหัวสแตนเลส แข็งแรง ทนทานกว่าชนิดอื่น
หน้าชักโครกติดราวแขวนผ้าขนหนู
โซนอาบน้ำกั้นแพลทติชั่นสำเร็จรูป สูงเกือบ 2 เมตร บานเลื่อนเปิดแบบ 3 ตอน ทำให้เปิดออกได้กว้าง ขอบบานเลื่อนสูงประมาร 3 นิ้ว กันไม่ให้น้ำไหลเปียกออกไปข้างนอก
ห้องอาบน้ำ 2 ระบบ ทั้งแบบ Rain shower และ Hand shower มีช่องดูดอากาศ เพื่อช่วยในเรื่องการระบายกลิ่นไม่พึงประสงค์ ข้างๆ เป็นที่วางสบู่ ลดโอกาสที่สบู่จะเปียกน้ำ แล้วส่งผลให้พื้นลื่น
ฝักบัวอยู่คู่กัน ซึ่งฝักบัว hand shower จะเป็นทรงกระบอก เวลาอาบน้ำอาจลื่นหลุดมือได้ง่าย และทำการ drop wall เพื่อทำเป็นช่องวางของ ไม่ให้เกะกะพื้นที่
เมื่อออกมาด้านนอก จะเจอทางเข้าห้องครัวและห้องน้ำ อยู่ฝั่งตรงข้ามห้องนอน ด้านบนติดเครื่องปรับอากาศ ให้ความเย็นบริเวณห้องนั่งเล่น
บานประตูทำเป็นแพลทติชั่นกระจกบานเลื่อนเดียว กรอบอลูมิเนียมสีขาว กลอนล็อกแบบเซาะร่อง ซึ่งข้อดีของครัวปิด คือ ช่วยป้องกันกลิ่นรบกวน และควันจากการประกอบอากาศลอยปะปนออกมาข้างนอก
ห้องครัวแบบปิด แยกออกมาจากโซนพักผ่อนอย่างชัดเจน พื้นที่ครัวมีลักษณะเป็นตอนลึก ฝั่งหนึ่งติดห้องน้ำรับรอง ส่วนอีกฝั่งติดกับระบียง มีประตูเปิดออกไปได้ ช่วยระบายอากาศได้อีกทางหนึ่ง
ชุดครัววางเตาไฟฟ้าและซิงค์ล้างจานไว้อยู่ในแนวเดียวกัน สามารถยืนทำอาหารได้ทีเดียว 2-3 คน ช่วยกันทำกับข้าวเเชื่อมความสัมพันธ์ มีชั้นเก็บของให้ทั้งบนและล่าง เก็บอุปกรณ์ได้เยอะ Top ครัวทำจากหินสังเคราะห์ นอกจากจะให้ความสวยงามแล้ว ยังทนทานต่อแรงกระแทกจะหั่น สับ เฉาะแรงๆ ก็ทำได้ หลังเคาน์เตอร์ติดกระจก สามารถเช็ดล้างทำความสะอาดคราบสกปรก หรือคราบน้ำมันได้ง่าย
ซิงค์ล้างจานทรงสี่เหลี่ยม ก้นลึก ฝั่งในเคาน์เตอร์ หัวก็อกหมุนปรับทิศทางได้ สะดวกเวลาล้างจาน แต่ไม่มีที่พักจานมาให้ เวลาใช้งานเสร็จ อย่าลืมเช็ดน้ำให้เรียบร้อย
เตาไฟฟ้าที่ให้เป็นของ Teka ขนาด 4 หัว ใช้ทำอาหารพร้อมๆ กัน เป็นการประหยัดเวลา ส่วนด้านบนเป็นเครื่องดูดควันของ Teka เช่นกัน
ข้างผนังมีปลั๊กไฟแอบอยู่ 1 จุด อยู่หลังชั้นเก็บของ เวลาใช้ควรต่อกับปลั๊กสามตา เพราะปลั๊กอยู่ค่อนข้างสูงนิดนึง
ตู้เก็บของด้านบน built in ติดเพดาน 2.6 เมตร ทำให้ตำแหน่งค่อนข้างสูงพอควร คนตัวเล็กหรือเด็กๆ อาจต้องเอื้อม ต้องเขย่ง อาจเกิดอุบัติเหตได้ จึงไม่ควรเก็บของใช้พวกแก้ว กระเบื่อง ที่แตกหักง่ายไว้ตรงนี้ ตู้เป็น Hi-gloss บานเปิดปิด softclose
ยิ่งตู้ที่อยู่ตรงตู้เย็นยิ่งสูงกว่าจุดอื่น เปิดลำบาก
เคาน์เตอร์ด้านล่างมีช่องวางเตาอบกับเครื่องซักเครื่อง ซึ่งจะปลอดภัยกว่าอยู่ข้างบน เวลายกอาหารออกมาเตาจะได้ไม่พลาดหกราดมือ
มีช่องวางช้อนส้อม ช่องเก็บของ และตู้ใต้ซิงค์ บานเปิด-ปิด softclose เช่นกัน แต่หน้าบานเป็นลามิเนตสีน้ำตาล
ถัดจากตู้เย็นเป็นห้องน้ำรับรอง ลักษณะโดยรวมไม่ต่างจากห้องน้ำแรก คือ แยกโซนแห้งและเปียกออกจากกันให้
ห้องน้ำรับรองก็ใช้สุขภัณฑ์ของ Mogen พื้นและผนังปูกระเบื้องโทนขาวเช่นเดียวกับห้องน้ำแรก มีโซนอาบน้ำอยู่ในสุด ประตูอยู่ติดกับห้องครัว
การวางสุขภัณฑ์เป็นอ่างล้างหน้า โถชักโครก และห้องอาบน้ำตามลำดับ
อ่างล้างหน้าวางบนเคาน์เตอร์ มีลักษณะเหมือนกับห้องน้ำแรก ซ่อนเครื่องทำอุ่นกับระบบท่อน้ำไว้ข้างในเคาน์เตอร์ กระจกส่องหน้าสามารถเปิดออกได้ตู้เก็บของ ทำให้เก็บผลิตภัณฑ์สบู่ ยาสระผม โฟมล้างหน้าได้เยอะ
ชักโครกของ Mogen วาล์วปล่อยน้ำสายฉีดชำระกับชักโครกทำแยกกันออกเป็น 2 วาล์ว เวลาอุปกรณ์ชิ้นไหนชำรุดเสียหาย ก็จะสามารถซ่อมแซมได้สะดวก
แพลทติชั่นกระจกกั้นโซนอาบน้ำ เป็นบานเลื่อน 3 ตอน ขอบที่พื้นยกสูงประมาณ 3 นิ้ว ป้องกันน้ำไหลออก
โซนอาบน้ำมีทั้งแบบ Rain shower และ Hand shower ฝักบัวแบบเดียวกับห้องน้ำแรก แต่จะไม่ได้ทำ drop wall สำหรับวางของให้
เปิดประตูห้องน้ำออกมาจะเจอประตูระเบียงอยู่ในแนวเดียวกันแบบนี้
ห้องครัวมีประตูออกไปยังระเบียงได้ ซึ่งตรงบริเวณนี้จะแขวนคอมเพรสเซอร์ 2 ตัว และวางไว้อีก 1 ตัว
มีก็อกน้ำกับปลั๊กไฟซ่อนอยู่
ระเบียงยาวไปถึงห้องนั่งเล่น ราวกันตกสูงประมาณ 1 เมตร และสำหรับคนที่อยากใกล้ชิดธรรมชาติ ชื่นชอบการปลูกต้นไม้ อาจใช้พื้นที่ส่วนหนึ่งจัดทำเป็นสวนแนวตั้ง หรือปลูกต้นไม้ขนาดเล็กไว้ริมระเบียงได้
วิวเมืองนอกระเบียง เห็นสถานีรถไฟฟ้าเตาปูนชัดเจน เพราะคอนโดใกล้กับสถานีมาก เรียกว่าออกจากคอนโดมาไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว
2 Bed 67.40 sq.m.
ห้องตัวอย่าง 2 ห้องนอน ขนาด 67.4 ตารางเมตร
ภายในห้องมีองค์ประกอบไม่แตกต่างจากห้องแรก ยังคงเหมาะสำหรับผู้อาศัย 2 คน หรือครอบครัวขนาดเล็ก มีพื้นที่ห้องนั่งเล่นกับมุมทานข้าวกว้าง สำหรับการพักผ่อนในแต่ละวัน ห้องนอนทั้ง 2 ห้องมีประตูปิดมิดชิดเพื่อความเป็นส่วนตัว ส่วนห้องครัวกับห้องน้ำรับรองจะอยู่ติดกัน แยกไปอยู่อีกฝั่งของตัวห้อง ทำให้เวลามีแขกมาเยี่ยมเยียน จะได้ไม่ต้องมาวุ่นวายแถวๆ ห้องนอนเรา
ห้องขนาด 67.4 ตารางเมตร หากมองภาพรวมจะเห็นว่าแปลนได้แบ่งออกเป็น 3 ส่วน คือส่วนของห้องนอน ซึ่งถือว่าเป็นพื้นที่ๆ ต้องการความเป็นส่วนตัวมากที่สุด ตรงกลางเป็นส่วนของการพักผ่อน ห้องนั่งเล่นกับมุมทานข้าวอยู่ด้วยกัน เอาไว้พักผ่อนและรับรองแขกได้ไปในตัว พอประตูเข้ามาก็จะเจอพอดี มีช่องรับแแสงบานใหญ่ ทำให้ห้องดูกว้างขึ้น ส่วนสุดท้ายเป็นส่วนของการใช้งาน ห้องครัวจะอยู่ติดกับห้องน้ำรับรอง โดยระเบียงจะยาวกว่าห้องแรก ตามขนาดห้อง แต่ลักษณะแปลนต่างๆ ก็ยังคงมีความคล้ายคลึงกันอยู่มาก
ประตูบานไม้ กลอนหมุนล็อกจากด้านใน ด้ามจับแบบก้านโยก
มุมทานข้าวจะเป็นมุมแรกที่เจอ อยู่ติดประตูเหมือนกับห้องแรก แต่จะเปลี่ยนจากโต๊ะทำงานทางขวามือมาเป็นตู้เก็บของแทน เหมาะสำหรับคนที่มีข้าวของเยอะ
ตู้เก็บของ Built in ลามิเนต บานเปิด-ปิดแบบ softclose ซึ่งเนื้อวัสดุและเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ยังคงมาในรูปแบบเดียวกันทั้งหมด เนื่องจากเป็นเฟอร์นิเจอร์ของทางคอนโด ตัวตู้สูงติดเพดาน 2.6 เมตร ทำให้ได้ที่เก็บของเยอะ แต่ชั้นบนค่อนข้างสูง หยิบจับลำบาก ควรใช้เก็บของใช้ไม่จำเป็น หรือวางของตกแต่งไปเลยจะดีกว่า และที่พื้นจะทำ door stoper เปิดประตูห้องมา ไม่ชนตู้แน่นอน
ในส่วนของมุมทานข้าวจะเหมือนกับห้องแรก ทั้งโต๊ะอาหารและเก้าอี้สำหรับ 4 คนนั่ง ถ้าอยากเพิ่มจำนวนที่นั่ง ให้เคลื่อนย้ายโต๊ะออกมา ส่วนด้านหลังชนกันตู้เก็บของเช่นเดิม นั่งได้ไม่อึดอัด
ตู้เก็บรองเท้า Built in ติดผนัง หน้าตู้วางของใช้ ของตกแต่งได้ เปิดตู้ออกมามีชั้นวางให้ 2 ชั้น วางเบียดๆ ได้ 5-6 คู่ ด้านข้างทำลิ้นชักให้เก็บของเพิ่มเติม อย่างถุงเท้า หรือที่ขัดรองเท้า จะได้ไม่ต้องลำบากเดินไปเดินมา
ถัดเข้าไปเป็นพื้นที่พักผ่อน กว้างกว่าห้องแรก สามารถวางโซฟาตัวเดียวเพิ่มได้ ริมสุดติดระเบียง มีประตูกระจกบานใหญ่เต็มผนัง ทำให้แสงธรรมชาติสาดส่องเข้ามายังบริเวณนี้ได้เต็มที่ ข้อดีคือห้องสว่างขึ้น ช่วงกลางไม่จำเป็นต้องเปิดไฟ เป็นการลดค่าใช้จ่าย นอกจากนี้ยังทำให้ห้องที่มีพื้นที่จำกัดดูกว้างขึ้น ระยะหน้าโซฟามีที่ว่างประมาณ 2-3 เมตร วางโต๊ะกลางไว้ทำงานหรือทำกิจกรรมร่วมกันได้ บางคนอาจนำโน๊ตบุ๊คมานั่งทำงานตรงนี้ก็ได้เช่นกัน เพราะข้างโซฟามีปลั๊กไฟให้เรียบร้อย
ชั้นวางโทรทัศน์เหมือนกับห้องแรก แต่จะมีที่วางของมากกว่าเล็กน้อย เนื่องจากห้องมีขนาดใหญ่กว่านั่นเอง ที่ตรงกลางเว้นให้ติดโทรทัศน์แบบแขวนผนัง มีปลั๊กไฟ ปลั๊กสัญญาณ และปลั๊ก LAN สามารถติดทีวีขนาดใหญ่ได้ ส่วนพื้นที่ๆ เหลืออาจนำกรอบรูปมาติดตกแต่ง เพิ่มสไตล์ให้ห้อง
ชุดโซฟาสำหรับการพักผ่อน ไม่ต้องแย่งกันนั่งหรือจะชวนเพื่อนมานั่งด้วยก็ได้ เพราะมีโซฟาเดี่ยวเพิ่มเข้ามาอีก 2 ตัว ส่วนด้านข้างเป็นทางเข้าไปยังห้องนอนทั้ง 2 ห้อง อยู่อับสายตา เหมาะสำหรับคนที่ชอบความเป็นส่วนตัว
ห้องนอนทางซ้ายมือจะเป็น ห้อง Master Bedroom มีห้องน้ำส่วนตัวเหมือนกับห้องแรก เฟอร์นิเจอร์ built in ต่างๆ ให้มาเหมือนกัน
ห้อง Master bedroom อยู่ติดมุมอาคาร จึงได้รับวิวที่กว้างกว่าห้องปกติ เตียงขนาดควีนไซส์ตั้งอยู่ชิดหน้าต่าง ที่ทำเป็นช่องรับแสงขนาดใหญ่ เต็มผนัง สามารถมองเห็นทัศนียภาพรอบโครงการได้ชัดเจน ทางคอนโด built in เฟอร์นิเจอร์มาให้เรียบร้อย ทั้งโต๊ะข้างเตียง ชั้นวางโทรทัศน์ และตู้เสื้อผ้าเช่นเดียวกับห้องขนาด 58 ตารางเมตร
เตียงควีนไซส์เป็นขนาดที่เหมาะสมกับห้อง หากจะเพิ่มเป็นคิงไซส์ อาจจะติดกับประตูมากเกินไป ต้องเอาโต๊ะข้างเตียงออก ซึ่งจุดนี้จะมีปลั๊กไฟ 1 จุด
ฝั่งขวามือชิดหน้าต่าง ไม่ได้ใช้ประโยชน์ แต่เห็นวิวเมืองได้ชัดเจน
มีช่องรับแสงเต็มผนังห้อง สามารถเปิดรับลม ระบายอากาศได้
ข้อดีของห้องมุม คือ มีกระจกแบบเข้ามุม ทำให้ทัศนียภาพในการมองเห็นยาวไกลขึ้น
วิวเมืองจากชั้นสูงๆ มองได้ไกลสุดลูกตา เนื่องจากรอบอาคารเป็นบ้านเรือนซะส่วนมาก
เตียงปลายมีพื้นที่ว่างประมาณ 1 เมตร ใช้นั่งทำงานได้ ซึ่งทางคอนโด built in โต๊ะทำงานให้ มีหน้าตาเหมือนห้อง type แรก หากจะติดโทรทัศน์แบบแขวนผนังต้องกะขนาดให้ดี ประมาณ 40-42 นิ้ว
ฝั่งซ้ายมือยังคงวางตู้เสื้อผ้า built in ให้เช่นเดิม อยู่ติดห้องน้ำเดินออกมาแต่งตัวได้เลย
ตู้เสื้อผ้า built in ของ ชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ (chewathai interchange) จะสูงติดเพดาน บานเปิด-ปิดแบบเลื่อนสไลด์ เพื่อช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอย
ข้างตู้ทำเป็นชั้นวางของ ชั้นบนสุดไม่สูงมากพอเอื้อมถึง
ห้องน้ำส่วนตัวเน้นสีขาวสะอาดตา ทั้งพื้นและผนังปูกระเบื้อง และทำการแบ่งโซนแห้งและเปียกด้วยแพลทติชั่นบานเลื่อน ติดตั้งสุขภัณฑ์ให้ครบ
โซนแห้งวางชักโครกกับอ่างล้างหน้าของ Mogen ในระยะที่ไม่ชิดกันเกินไป ทำให้นั่งทำธุระส่วนตัวได้สะดวก
อ่างล้างหน้าเหมือนกับห้อง type แรกทุกประการ ตรงเคาน์เตอร์ด้านล่างใช้เก็บของได้เล็กน้อย ซ่อนเครื่องทำน้ำอุ่นและระบบท่อน้ำดูสวยงาม ไม่ขัดสายตา ข้างๆ ติดปลั๊กไฟให้สะดวกต่อการใช้งานไดร์เป่าผม
ชักโครก Mogen ครบเซต สายฉีดชำระหัวสแตนเลสจะทนทานกว่าหัวฉีดประเภทอื่น วาล์วปล่อยน้้ำแยกออกเป็น 2 ทางชัดเจน ง่ายต่อการซ่อมเเซม
ห้องอาบน้ำกั้นด้วยแพลทติชั่นบานเลื่อน 3 ตอน ยกขอบสูงประมาณ 3 นิ้ว ป้องกันน้ำไหลเปียกไปข้างนอก
ห้องอาบน้ำ 2 ระบบ ทั้ง Rain และ Hand shower มีช่อง dropwall ให้วางขวดยาสระผม โฟมล้างหน้า ส่วนที่วางสบู่จะอยู่ข้างฝักบัว
อีกหนึ่งห้องนอนที่เหมาะสำหรับคนง่ายๆ อยากได้แค่ห้องพักผ่อนเล็กๆ แต่มีของใช้ครบครัน หรือถ้าอยู่กันเป็นครอบครัวอาจยกห้องนี้ให้กับลูกตัวน้อยก็ได้
ห้องนอนเล็กไม่ได้ต่างจากห้อง Master bedroom มาก แค่มีของอำนวยความสะดวกน้อยกว่า ฝั่งมุมห้องมีช่องรับแสงเหมือนกับห้องอื่นๆ แต่จะมีที่เดินรอบเตียงได้สะดวกกว่า ไว้วางโต๊ะข้างเตียงหรือจะเปลี่ยนมาวางชั้นวางของทรงสูงก็เข้าที ช่วยจัดระเบียบห้อง หากห้องนอนของเรามีระเบียบก็ย่อมส่งผลต่อการอยู่อาศัย และทำให้ห้องขนาดเล็กดูกว้างขึ้นด้วย
ทางคอนโด ชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ (chewathai interchange) ใช้เป็นไฟดาวน์ไลท์กับทุกห้องของโครงการ แสงสว่างโทนส้มสลัว ไม่แสบตา ถ้าเวลาไหนต้องการความสว่างมากๆ อย่างตอนทำงานหรืออ่านหนังสือ แนะนำให้ซื้อโคมไฟมาใช้เพิ่ม
เตียงนอนได้ 1-2 คนไม่เบียด ขนาบข้างด้วยโต๊ะเล็กและโต๊ะเครื่องแป้ง ฐานเตียงทำลิ้นชักเก็บของอเนกประสงค์
แสงจากธรรมชาติส่องเข้ามาในห้องได้เต็มที่ในช่วงกลางวัน อย่าลืมติดผ้าม่านกันแดดไว้ด้วย รางผ้าม่านเป็นแบบ 2 ราง สามารถแขวนได้ทั้งม่านและม่านทึบ
หน้าต่างห้องนี้จะหันไปทางคอนโด Rich Park ซึ่งเป็นคอนโดสูงเช่นกัน แต่ก็ยังมีแสงอาทิตย์รอดผ่านมาได้
ทางคอนโด ชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ (chewathai interchange) built in ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้งให้อยู่ฝั่งริมประตู
ตู้เสื้อผ้ามีหน้าตาเหมือนกับห้องอื่นๆ
โต๊ะเครื่องแป้ง built in ชิดเตียง ทำให้ไม่สามารถเคลื่อนย้าย ขยับเตียงได้
เครื่องปรับอากาศอยู่ฝั่งปลายเตียง ลมเย็นส่งไปทางโต๊ะเครื่องแป้ง ไม่โดนผู้พักอาศัยโดยตรง ทำให้ไม่หนาวจนเกินไป พื้นที่ผนังสำหรับติดโทรทัศน์แบบแขวน สามารถเพิ่มชั้นลอยเพื่อใช้เก็บของได้
กลับมาที่ห้องนั่งเล่น ฝั่งตรงข้ามจะเป็นประตูห้องน้ำรับรอง
ห้องน้ำนี้ก็เหมือนกับห้องอื่น สุขภัณฑ์ของ Mogen ทั้งเซต แยกโซนแห้งและเปียก พื้นและผนังปูกระเบื้องขาวมาเป็นแพทเทินเดิมเลย แต่ลักษณะห้องจะทำเป็นรูปตัวแอล (L) จึงมีพื้นที่กว้างกว่าห้องน้ำของ Master bedroom
อ่างล้างหน้าวางบนเคาน์เตอร์ ตู้กระจกสำหรับเก็บของ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด
ชักโครกอยู่ด้านในตรงข้ามกับอ่างล้างหน้า จึงมีที่ให้นั่งยืดขาได้
วาล์วปล่อยน้ำแยกออกเป็น 2 คือ วาล์วสายฉีดชำระ กับ วาล์วโถสุขภัณฑ์ หากอุปกรณ์ชื้นใดชำรุดเสียหาย อุปกรณ์อีกชิ้นก็จะยังใช้งานได้อยู่
ห้องอาบน้ำอยู่มุมในสุด เป็นมุมหักศอกพอดี หากลืมเปิดประตูทิ้งไว้ก็จะมองไม่เห็น
ระบบอาบน้ำ Rain และ Hand shower
ห้องครัวที่อยู่ติดกัน เป็นครัวแบบเปิดตอนลึก ยาวไปจนถึงระเบียง มีประตูให้เดินออกไปได้เหมือนกับห้อง type แรก วึ่งหากใครที่ทำอาหารกินเองบ่อยๆ แนะนำว่าให้ทำเป็นห้องแบบปิดจะดีกว่า จะได้ลดปัญหาเรื่องกลิ่นและควันรบกวน อาจทำเป็นแพลทติชั่นกระจก บานเลื่อนเดี่ยวก็ได้ ถ้าติดตั้งแบบรางแขวนจะประหยัดพื้นที่ติดตั้งและค่าใช้จ่ายมากกว่า แต่ก็จะชำรุดง่ายกว่ารางปกติ
ชุดครัวที่คอนโด ชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ (chewathai interchange) built in ให้ ก็เหมือนกับห้อง type แรก มีที่ประกอบอาหารอยู่ตรงกลางระหว่างซิงค์ล้างจานและเตาไฟฟ้า top ครัวเป็นหินสังเคราะห์สวยงาม ทำความสะอาดง่าย ชั้นบนและล่างเก็บอุปกร์ได้เยอะพอสมควร เหมาะสำหรับคนที่ชอบทำอาหาร แล้วต้องใช้อุปกรณ์เยอะๆ
ซิงค์ล้างจานสแตนเลสฝั่งในเคาน์เตอร์ ก้นลึก หัวก๊อกหมุนได้ ทำให้ล้างหรือแช่ผักผลไม้ได้สะดวก
เตาไฟฟ้า 4 หัวมาพร้อมเครื่องดูดควันของ Teka
ชั้นเก็บของด้านบนเป็น hi-gloss มันเงา บานเปิด-ปิดแบบ Softclose มีปลั๊กไฟ 1 จุดซ่อนอยู่
แต่ที่พิเศษกว่าห้อง type แรก คือมีมุมทานข้าวเสริมเข้ามาอีก 2 ที่นั่ง ทำให้นั่งทานข้าวในห้องครัวได้ สำหรับชั่วโมงเร่งรีบ อย่างมื้อเช้าที่เป็นมื้ออาหารง่ายๆ ไม่ยุ่งยาก มีเพียงขนมปังกับกาแฟ
นอกจากนี้ยัง built in ตู้เก็บของให้ทั้งด้านบนและล่าง ทำ Low wall สำหรับวางของเพิิ่ม
มีประตูออกไปนอกระเบียงได้เช่นกัน หรือจะเอาไว้เปิดเวลาเครื่องดูดควันทำงานไม่ทัน ก็จะช่วยถ่ายเทอากาศได้อีกทางหนึ่ง
มุมระเบียงแขวนคอมเพรสเซอร์ 2 ตัว วางพื้น 1 ตัว บริเวณเดียวกันมีก๊อกสนามกับปลั๊กไฟสำรองให้
ระเบียงไม่ต่างจาก type แรกมากนัก มีความกว้างเท่ากัน แต่ด้านยาวจะยาวกว่าตามขนาดห้อง ราวกันตกสูงประมาณ 1 ตามมาตรฐานคอนโดทั่วไป และเนื่องจากระเบียงมีเนื้อที่ค่อนข้างยาว สามารถปลูกต้นไม้เล็กๆ อย่างต้นแคคตัสได้เยอะ อาจหาเวลาว่างมาจัดพื้นที่ระเบียงกัน เป็นการสร้างบรรยากาศให้คอนโดมีความร่มรื่น เพิ่มพื้นที่ความสุขให้กับตนเอง
บรรยากาศตรงระเบียงห้อง
Location
ที่ตั้งโครงการ
คอนโด ชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ (Chewathai Interchange) ตั้งอยู่บนถนนประชาราษฎร์ สาย 2 เตาปูน บางซื่อ โครงการอยู่ทางขวามือระหว่างสี่แยกเตาปูน ติดกับสถานีรถไฟฟ้าสถานีเตาปูน ซึ่งเป็นสถานีเปลี่ยนระหว่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน-สายสีม่วง เป็นที่มาของชื่อ Interchange นั่นเอง
การเดินทาง
รถยนต์ส่วนตัว
ถ้าเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว สามารถมาได้หลายเส้นทาง ทั้งจากแยกประชานุกูล บนถนนประชาชื่น , บิ๊กซี สาขาวงศ์สว่าง บนถนนเตาปูน และจากสถานีรถไฟใต้ดินบางซื่อ มุ่งหน้าไปทางบางโพ โดยคอนโด ชีวาทัย อินเตอรเชนจ์ จะอยู่ทางขวามือ ติดกับสถานีรถไฟฟ้าเตาปูนเลย
รถไฟฟ้า
สามารถเดินทางมาลงยังสถานีเตาปูนได้ในปัจจุบัน และสถานีบางโพในอนาคต โดยปัจจุบันมีรถขสมก.ฟรีรับ-ส่ง จาก สถานีเตาปูน-บางซื่อ ชั่วคราวจนกว่าจะแก้ปัญหาสถานีไม่ต่อเนื่องเสร็จเรียบร้อย
รายละเอียดเวลาการรับ-ส่ง
จุดขึ้นรถขสมก. รับ-ส่ง จากสถานีเตาปูนไปสถานีบางซื่อฟรี
รถโดยสารประจำทาง
การนั่งรถโดยสารประจำทาง สาย 16 30 66 505 ไปก็ได้เช่นกัน
วินมอเตอร์ไซค์
ตามตรอก หรือบริเวณหน้าซอยจะมีท่าวินรถมอเตอร์ไซค์ให้บริการ
เรือ
ท่าเรือบางโพ แต่ปัจจุบันท่าเรือบางโพปิดชั่วคราวเนื่องจากอำนวยความสะดวกในการก่อสร้างรถไฟฟ้า MRT สถานีบางโพ
ท่าเรือเกียกกาย
Environment
LifeStyle สะดวกสบายติดสถานีรถไฟฟ้าเพียงไม่กี่ก้าวผสมผสานกับชีวิตอบอุ่นเรียบง่ายสไตล์บางโพ-เตาปูน
ย่านบางโพเป็นชุมชนเก่าแก่ อาคารบ้านเรือนเป็นอาคารพาณิชย์และตึกแถวเป็นส่วนใหญ่ คนที่อยูู่อาศัยมักจะประกอบอาชีพต่างๆส่วนตัวและใช้ตึกแถวเป็นสถานที่ประกอบการค้า ในปัจจุบันตึกแถวถูกติดต่อกว้านซื้อจากนายทุนเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ตึกแถวย่านบางโพก็ที่คงความเก่าแก่ตามสมัยนิยมก็ยังมีหลงเหลือให้เห็นอยู่
โรงพยาบาลบางโพตั้งอยู่บนเส้นถนนหลักห่างจากชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ไม่กี่ร้อยเมตร
มีร้านอาหารเรียงรายอยู่เต็มทาง
ร้านอาหารเจ้าเก่ารสอร่อยก็มีเยอะเช่นกัน เช่น ร้านเย็นตาโฟ ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านข้าวมันไก่ วิเศษไก่ย่างฯลฯ
แต่คาเฟ่ หรือร้านอาหารสมัยใหม่ก็เริ่มมีบ้างแล้ว
ในย่านบางโพ ถนนสายไม้มีนับว่ามีชื่อเสียงโด่งดังมาก เนื่องจากภายในถนนสายนี้จะเรียงรายไปด้วยอาคารพาณิชย์ที่เปิดให้บริการและขายงานไม้ โดยถนนสายไม้ที่เรียกกันนั้นคือ ซอยประชานฤมิตร(ถนนประชาราษฎร์ 1 ซอย 24) เป็นสถานที่รวบรวมงานไม้ตั้งแต่งานตกแง งานเฟอร์นิเจอร์ งานฝีมือ อุปกรณ์เกี่ยวกับงานไม้ทั้งหมด หากใครชื่นชอบงานไม้รับรองว่าถูกใจแน่นอน
ย่านใกล้เคียง : บางซื่อ-บางซ่อน
นอกจากนี้ ย่านใกล้เคียงโครงการคอนโดชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ คือบางซื่อ-บางซ่อน ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครัน ไม่ว่าจะเป็น สถานที่ทำงาน โรงพยาบาล แหล่งช็อปปิ้งและของกิน สวนสาธารณะ สวนสุขภาพ ศูนย์กลางคมนาคม-สถานีกลางบางซื่อ
เมื่อลงมาจากสถานีบางซ่อน สามารถเดินทางเท้าได้ บรรยากาศรอบๆ มีผู้คนสัญจรไปมาตลอดเวลา และค่อนข้างคึกคักในช่วงเย็นๆ เป็นเวลาเลิกงานของหนุ่มสาวชาวออฟฟิศที่ออกมาช็อปปิ้งและ Hangout กันหลังเลิกงาน
ตลาดบางซ่อน อยู่ใต้สถานีบางซ่อน รวบรวมของกินใหม่ๆสดๆรสเด็ดจากฝีมือแม่ค้าพ่อค้า
Sweet Maple Coffee& Dessert เป็นคาเฟ่ที่อยู่ติดสถานีบางซ่อน บรรยากาศอบอุ่นน่ารัก เหมาะสำหรับการนั่งพักผ่อน สังสรรค์กับเพื่อน หรือเปลี่ยนบรรยากาศทำงาน
โกโก้ เครื่องดื่มขายดีของร้าน เข้มข้นและหอมถึงใจ
ชาเขียวรสนุ่มนวล ไม่หวานจัดเกินไป
ฮันนี่โทสต์ เมนูเด็ดของร้าน กรอบนอกนุ่มใน หอมน้ำผึงและเนย วิปครีมไม่เลี่ยนเข้ากับไอศครีมรสวนิลาได้อย่างลงตัว
- เวลาเปิด-ปิด
- อังคาร-อาทิตย์ 17.00 น.– 0.00 น.
- เวลาเปิด-ปิด
- อังคาร-อาทิตย์ 17.00 น.– 0.00 น.
- เวลาเปิด-ปิด
- อังคาร-อาทิตย์ 17.00 น.– 0.00 น.
- เวลาเปิด-ปิด
- อังคาร-อาทิตย์ 17.00 น.– 0.00 น.
- �ด-ปิด
- อังคาร-อาทิตย์ 17.00 น.– 0.00 น.
เดินเข้าไปเรื่อยๆ โดยโซนร้านค้าขายของเก่าคลาสสิคจะอยู่ข้างใน ลึกนืดหน่อย
ตรงข้ามกับชุมทางสยามยิปซีจะเป็นจุดรอขึ้นรถไฟฟรีไปยังรถไฟฟ้า MRT สถานีบางซื่อ เพื่อแก้ปัญหาสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วงกับสีน้ำเงินไม่เชื่อมต่อกันนั่นเอง
Analysis
วิเคราะห์โครงการ ชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ (chewathai interchange)
ทำเล : ปัจจุบันย่านเตาปูน-บางซื่อกลายเป็นจุดเชื่อมต่อระบบขนส่งสาธารณะ ถึง ณ ขณะนี้จะยังไม่มีการเชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง กับ สถานีรถไฟใต้ดินบางซื่อ ให้เรียบร้อยสมบูรณ์ แต่ทางกทม. ก็มีวิธีการแก้ไขและเร่งดำเนินการเชื่อมต่อ 2 สถานีนี้อยู่ ทำให้ในอนาคตบริเวณนี้มีโอกาสที่จะผันตัวมาเป็น “ทำเลแห่งศักยภาพ” แห่งใหม่ เพราะนอกจากความสะดวกด้านการคมนาคมแล้ว ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทั้งโรงพยาบาล ตลาด ห้างสรรพสินค้า และคาดว่าในไม่ช้าทำเลตรงนี้จะมีราคาสูงขึ้น ตามความเจริญที่กำลังเพิ่มมาเช่นกัน
สภาพล้อมแวดล้อม : เดิมทีย่านเตาปูน-บางซื่อจะเป็นย่านชุมชนเก่า อยู่อาศัยกันมาตั้งแต่สมัยปู่ย่า สภาพแวดล้อมส่วนใหญ่จึงเน้นเพื่อการอยู่อาศัยโดยเฉพาะ บ้านเรือนเป็นอาคารพาณิชย์สูงไม่เกิน 6 ชั้น บางครอบครัวอาจเปิดร้านขายของชำ ร้านอาหารร่วมด้วย วิถีชีวิตของคนในพื้นที่มีความเรียบง่าย ไม่อึกทึก ยังไม่ค่อยมีศูนย์การค้าใหญ่ๆ แต่พอมีสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง ทำให้มีโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงไปได้เยอะ มีความเจริญเข้ามา สังเกตได้จากคอนโดมิเนียมที่เริ่มเปิดตัวและก่อสร้างมากขึ้น
แบบห้อง : คอนโด ชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ (chewathai interchange) ขายห้องแบบ Fully Furnished มีเฟอร์นิเจอร์ built in ให้เหมือนในห้องตัวอย่าง ตัววัสดุและการตกแต่งโดยรวมค่อนข้างเหมือนกันทั้งโครงการ ต่างกันที่ขนาดห้อง ซึ่งมีทั้งแบบ 1 ห้องนอน , 2 ห้องนอน และ Penhouse ตามความต้องการของผู้พักอาศัย หากใครอยู่กัน 2 คนหรืออาศัยเป็นครอบครัวเล็ก ห้องแบบ 2 ห้องนอนน่าจะตอบโจทย์มากกว่า
สิ่งอำนวยความสะดวก : พื้นที่ส่วนกลางที่จำเป็นที่ให้ครบ อย่าง ห้องประชุม ห้องจดหมาย สระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส ห้องอ่านหนังสือพร้อม wifi ฟรี ห้องน้ำส่วนกลางแยกชายหญิง ห้องซาวน่า ตลอดจนพื้นที่สีเขียวและสวนลอยฟ้าตามชั้นต่างๆ โดยส่วนใหญ่ Facility จะในบริเวณเดียวกัน บางทีอาจไม่เพียงพอต่อผู้ใช้งานจำนวน 279 ยูนิต
ราคา : ราคาห้อง ชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ (chewathai interchange) เฉลี่ย
92,160 บาทต่อตารางเมตร เกือบเท่าราคาห้องในเขตเศรษฐกิจ CBD ของกรุงเทพฯ อย่างสีลม เอกมัย ทองหล่อ แต่ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของย่านนี้ยังไม่เจริญถึงขั้นสุด อาจทำให้หลายคนมองว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับคอนโดมิเนียมที่อยู่ในย่านเดียวกัน แต่เมื่อการเชื่อมต่อเส้นทางคมนาคมเสร็จสมบูรณ์เมื่อไร ราคาที่ดินของเตาปูน-บางซื่อ ก็มีสิทธ์ที่จะดีดตัวได้เช่นกัน หากมองที่ตัวห้องราคานี้เป็นราคาที่ได้พร้อมเฟอร์นิเจอร์ built in ซึ่งไม่ต้องเวลานั่งตกแต่งห้องเองและลดค่าใช้จ่ายส่วนเกินได้ หากใครชอบความสบายอาจจะยอมแลกเงินส่วนนี้ไป
โครงการ ชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ (chewathai interchange) เหมาะสำหรับคนที่ชอบความสะดวกสบาย เดินทางบ่อยๆ เพราะที่ตั้งคอนโดอยู่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง สถานีเตาปูน จึงทำให้การเดินทางไปทำงานในแต่ละวันง่ายยิ่งขึ้น การพักอาศัยค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัว แต่ละชั้นมีจำนวนยูนิตน้อย 9-14 ยูนิต ทำให้ได้รับความสงบ สำหรับ Facility อาจไม่โดดเด่นเท่าไร มีให้ตามมาตรฐานคอนโดมิเนียมเท่าไป อาจต้องแบ่งกันใช้งาน และเหมาะสำหรับทั้งผู้ที่มีรถยนต์ส่วนตัวและใช้บริการรถสาธารณะ โดยส่วนใหญ่ผู้ที่อาศัยคอนโด ชีวาทัย อินเตอร์เชนจ์ (chewathai interchange) จะเป็นคนที่อยู่ในวัยทำงาน นักศึกษาบ้างประปราย