รูปหน้าปก Landmark at Kasetsart TSH Station คอนโดใหม่ที่เชื่อมต่อได้กับทุกจังหวะชีวิต

[Review] Landmark at Kasetsart TSH Station คอนโดใหม่ที่เชื่อมต่อได้กับทุกจังหวะชีวิต

ถนนวิภาวดีรังสิต เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร

บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด

HIGHLIGHTS

  • Mixed Use แห่งใหม่ บนถนนวิภาวดี
  • โครงการอยู่ติดรถไฟฟ้าสายสีแดงสถานีทุ่งสองห้อง
  • 5 Interchange เชื่อมรถไฟฟ้า 6 สาย
  • ใกล้สถานศึกษา 1 นาที ถึง ม.เกษตร
  • เดินทางสะดวก เข้าเมืองสบาย 5 นาที ถึงลาดพร้าวอินเตอร์เชนจ์
  • ห้องเพดานสูง 4.15 เมตร หาได้ยากในย่านนี้
  • ห้องอเนกประสงค์ปรับเปลี่ยนได้ตามไลฟ์สไตล์
  • Landmark at Kasetsart TSH Station คอนโดใหม่ที่พร้อมเชื่อมต่อทุกจังหวะชีวิต VIP DAY 2 เม.ย. นี้ ราคาเริ่มต้น 2.99 ล้านบาท หรือ 78,000 บาท/ตร.ม. ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษที่นี่ https://bit.ly/34oLEV7 
  • ความคุ้มสุดในย่านนี้เมื่อเทียบกับคอนโดในระดับเดียวกัน

Project Review

LANDMARK YOUR LIFE , SYNCHRONIZE YOUR LIVING



ภาพและบรรยากาศจำลองเพื่อการโฆษณาเท่านั้น


‘แลนด์มาร์คที่เชื่อมต่อได้กับทุกจังหวะของชีวิต’ ให้สะดวกสบายแบบรอบด้าน ทั้งการเดินทาง การอยู่อาศัย การกิน ไลฟ์สไตล์ที่ครบครันบนทำเลติดถนนวิภาวดี พบได้ที่นี่ Landmark at Kasetsart TSH Station


รายละเอียดโครงการ Landmark at Kasetsart TSH Station


ชื่อโครงการ : Landmark at Kasetsart TSH Station

เจ้าของโครงการ : บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน)

ที่ตั้งโครงการ : ถนนวิภาวดีรังสิต , เขตหลักสี่ , กรุงเทพมหานคร

พื้นที่โครงการ : 3-3-62 ไร่

จำนวนยูนิต : 428 ยูนิต และร้านค้า 9 ยูนิต

รูปแบบห้อง : Flexi ห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่โฉนด 25 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยภายใน 38 ตร.ม. Grand ห้อง 1 Bedroom ขนาดพื้นที่โฉนด 29.5 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอยภายใน 44.5 ตร.ม.

ที่จอดรถ : 166 คัน (ที่จอดอัตโนมัติ 135 คัน,ที่จอดปกติ 31 คัน)

ราคาเริ่มต้น : 2.99 ล้าน หรือ 78,000 บาท/ตร.ม.


Floor Plan และพื้นที่ส่วนกลางโครงการ Landmark at Kasetsart TSH Station


บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

การออกแบบโครงการ Landmark at Kasetsart TSH Station จะถูกเรียงยาวไปตามที่ดินที่เป็นแปลงยาวเข้าไป แบ่งออกเป็น 3 อาคาร ซึ่งมีข้อดีคือแต่ละอาคารจะไม่มีการบังวิวกันเองแน่นอน อีกทั้งรอบด้านยังไม่มีตึกสูงในระยะประชิดด้วย




โดยตัวอาคารจะถูกแบ่งเป็น 3 อาคาร ดังนี้ อาคารในสุดเป็นส่วนของคอนโดมิเนียม อาคารตรงกลางเป็นที่จอดรถที่รองรับการจอดได้ 166 คัน (ที่จอดอัตโนมัติ 135 คัน,ที่จอดปกติ 31 คัน) ส่วนอาคารด้านหน้าสุดเป็น Branded Residence (อยู่ระหว่างพัฒนา)


บริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

อาคารด้านในสุด อาคาร C เป็นส่วนของอาคารคอนโดมิเนียมที่ทางโครงการเปิดขายห้องอยู่ในขณะนี้ เป็นอาคารที่มีความสูง 19 ชั้น มีห้องพักอาศัยทั้งหมด 236 ยูนิต และยังมีพื้นที่ของ Retail Shop ที่อยู่ชั้นล่างเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้อยู่อาศัยโดยตรง


ภาพและบรรยากาศจำลองเพื่อการโฆษณาเท่านั้น


ด้านหน้าโครงการอยู่ติดถนนใหญ่วิภาวดี พร้อมทั้งยังได้มีทางขึ้น-ลง ทางเชื่อมไปยังรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีทุ่งสองห้อง


พร้อมกับการเปิดรับความร่มรื่นของธรรมชาติในพื้นที่สีเขียวรอบโครงการกับมุม Tropical Paradise ให้ชีวิตได้ใกล้ชิดธรรมชาติมากขึ้นเมื่อเข้ามาในโครงการ


ภาพและบรรยากาศจำลองเพื่อการโฆษณาเท่านั้น


เข้ามาด้านในโครงการเริ่มจากล็อบบี้ที่อยู่ชั้นล่างสุด Elite Lobby เป็นล็อบบี้ที่มีความโอ่โถงด้วยเพดานที่สูงโปร่ง เปิดโล่งรับวิวได้รอบด้าน การตกแต่งภายในล็อบบี้ทั้งหมดตกแต่งด้วยโทนสีขาวเทาชวนให้ดูสะอาดสว่างตาและสวยหรูอย่างมีระดับ เป็นพื้นที่เหมาะแก่การนัดพบปะ พบเจอ


ภาพและบรรยากาศจำลองเพื่อการโฆษณาเท่านั้น


ขึ้นมาดูส่วนกลางหลักๆที่ถูกจัดไว้ชั้นบนสุดของโครงการ เพื่อให้ลูกบ้านสามารถขึ้นมารับลมชมวิวสวยได้แบบรอบด้านไปพร้อมๆกับการใช้พื้นที่ส่วนกลาง


ภาพและบรรยากาศจำลองเพื่อการโฆษณาเท่านั้น


Panoramic Gym พื้นที่ออกกำลังกายขยับเส้นสายร่างกาย ที่เปิดรับชมวิวเมืองได้แบบ Panoramic ชวนให้ออกกำลังกายท่ามกลางวิวสวยได้อย่างมีระดับทั้งการออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ และเวทเทรนนิ่ง


ภาพและบรรยากาศจำลองเพื่อการโฆษณาเท่านั้น


Serene Pool & Jacuzzi พื้นที่ของช่วงเวลาผ่อนคลายไปกับสระว่ายน้ำพร้อม Jacuzzi ที่มีระบบ White lon Bath ที่ชวนให้สัมผัสวิวสวยรอบด้านแบบสุดสายตาของชั้นบนสุด




Room Review

Type Flexi ขนาด 25 ตร.ม. (พื้นที่ใช้สอย 38 ตร.ม.)


นับว่าเป็นพื้นที่ของชีวิตที่เพิ่มขึ้นที่ทางโครงการ Landmark at Kasetsart TSH Station ได้ออกแบบห้องพักอาศัยให้เป็นห้องที่มีฝ้าเพดานสูงทั้งหมด ทำให้ไลฟ์สไตล์ของชีวิตคนที่อยู่โครงการนี้จะได้ฟีลเหมือนอยู่บ้านที่มีพื้นที่ใช้สอย 2 ชั้น ที่มีห้องน้ำทั้งชั้นบนและชั้นล่าง รวมไปถึงมี 2 ห้องนอน ที่สามารถปรับห้องอเนกประสงค์ชั้นล่างให้เป็นไปตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย


บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า


บริษัทฯ ขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายละเอียด โดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

จากแปลนของห้องแบบ FLEXI จะเห็นว่าเมื่อเข้าห้องไปจะเจอฟังก์ชั่นห้องนั่งเล่น และห้องน้ำก่อน โดยได้เชื่อมต่อไปยังบันไดขึ้นด้านบนของห้อง และด้านล่างยังมีห้องอเนกประสงค์อีก 1 ห้อง ที่สามารถปรับฟังก์ชั่นใช้สอยเพิ่มเติมได้


ความพิเศษของห้องเพดานสูง ที่โครงการ Landmark at Kasetsart TSH Station คือการที่ทางโครงการได้จัดวางห้องน้ำไว้ให้ทั้ง 2 ชั้น โดยชั้นบนจะเป็นห้องน้ำแบบ Power Room ทำให้ตอนกลางคืนไม่ต้องลงมาเข้าห้องน้ำด้านล่าง ถือว่าเป็นการอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตของห้องเพดานสูง ที่แตกต่างแต่ลงตัวมากๆ



ห้องตัวอย่างห้องแรกที่เราจะพาไปชมกัน เป็นห้องแบบ Flexi ขนาด 25 ตร.ม. แต่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยจริงๆถึง 38 ตร.ม. ซึ่งทางโครงการจะมีการตกแต่งห้องพร้อมขายแบบ Fully Fitted ที่ให้เฟอร์นิเจอร์เฉพาะตู้เสื้อผ้า Built-in แอร์ 2 เครื่อง และ Wallpaper พร้อมกั้นห้องชั้นบนตามแบบห้องตัวอย่าง


เมื่อเข้ามาภายในห้องส่วนแรกที่เจอคือพื้นที่ของ Common Area ที่ค่อนข้างสูงโปร่งด้วยเพดานห้องที่สูง 4.15 เมตร โดยในพื้นที่ของชั้นแรกจะมีครบทั้งพื้นที่ห้องนั่งเล่น ห้องน้ำ ห้องอเนกประสงค์ สำหรับพื้นของห้องนั่งเล่นเป็นพื้น Synthetic ที่เป็นกระเบื้องยางคลิกล็อค จะมีข้อดีในเรื่องของการดูแลรักษาที่ทำได้ง่ายกว่า กันน้ำ ทนทานต่อการใช้งาน และมีโทนสีสวยกลมกลืนเป็นธรรมชาติ



พื้นที่นั่งดูทีวีเป็นบริเวณที่ค่อนข้างกว้าง เพราะทางโครงการตัดพื้นที่ส่วนครัวออกไป (Outdoor Kitchen) และได้จัดวางโซฟามาใกล้กับบริเวณระเบียง ที่สามารถมองวิวจากมุมห้องนั่งเล่นได้




ถ้าหากมองตรงไปยังบริเวณระเบียง จะเห็นว่ามีขนาดค่อนข้างกว้าง และทางโครงการยังได้ใส่ประตูบานสไลด์แบบ 3 บาน มีข้อดีคือสามารถเลื่อนเปิดประตูได้กว้างมากขึ้น



ในส่วนของพื้นที่ระเบียงนั้นถือว่ากว้างกว่าคอนโดทั่วไป ซึ่งทางโครงการได้ทำครัวไว้เป็นตัวอย่างที่บริเวณระเบียง ถ้าหากผู้อยู่อาศัยอยากได้พื้นที่ครัวที่เป็นสัดส่วน ซึ่งการทำพื้นที่ครัวบริเวณระเบียงนั้นไม่ได้คับแคบ และยังไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นที่จะเข้ามารบกวนในห้องด้วย



นอกจากนี้ยังมีห้องเก็บของขนาดใหญ่ที่บริเวณใต้บันไดขึ้นชั้นบน สามารถเก็บของได้เยอะ



ห้องอเนกประสงค์ที่สามารถจัดฟังก์ชั่นได้ตามไลฟ์สไตล์ ไม่ว่าจะเป็นห้องนอนที่สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้ หรือแม้แต่จะทำเป็นห้องทำงานอย่างที่ทางโครงการได้ทำไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ก็ถือว่าตอบโจทย์ในช่วงยุค Work From Home ได้เป็นอย่างดี



เข้ามาดูที่ห้องน้ำชั้นล่าง จะเป็นห้องน้ำขนาดใหญ่กว่าชั้นบน มีแยกโซนอาบน้ำและสุขภัณฑ์อย่างชัดเจน แต่ในห้องน้ำจริงของโครงการจะไม่มีที่กั้นส่วนเปียกและแห้งให้ อาจจะต้องติดตั้งเพิ่มเอง ทั้งนี้ในส่วนของสุขภัณฑ์ทางโครงการใช้แบรนด์ COTTO และอ่างล้างหน้าแบรนด์ American Standard รวมไปถึงมีชั้นวางของไว้ให้ตามแบบห้องตัวอย่างเลยด้วย



ออกมาด้านหน้าห้องน้ำ เจอบันไดขึ้นไปยังชั้น 2 ที่มีราวกั้นไว้และเป็นบันไดแบบโครงเหล็กใช้ไม้ประสาน ความกว้างของบันไดเดินขึ้นลงได้แบบไม่อึดอัด ราวกั้นนี้ยังสามารถเป็นผนังในการติดตั้งทีวีสำหรับห้องนั่งเล่นได้อีกด้วย




ขึ้นมาที่ชั้นบน จะพบกับห้องนอนหลัก ที่สามารถวางเตียงขนาด 5 ฟุต ได้กำลังพอดี ทั้งยังมีประตูบานสไลด์ในการกั้นห้องเพิ่มความเป็นสัดส่วนมากขึ้นด้วย



ทั้งนี้ทางโครงการ ยังได้ให้แอร์ 2 เครื่อง สำหรับห้องพักอาศัย โดยได้ติดตั้งที่ห้องนั่งเล่น 1 ตัว และในห้องนอน 1 ตัว เพื่อจะช่วยให้การประหยัดการเปิดแอร์ได้มากขึ้น หากใช้พื้นที่ห้องนอนในตอนกลางคืนก็สามารถปิดประตูบานสไลด์และเปิดแอร์ในห้องนอนเพียง 1 ตัว ก็เพียงพอแล้ว



จุดเด่นของห้อง Double Volume ที่โครงการคือ มีห้องน้ำชั้นบนให้ด้วย เป็นการตอบโจทย์ลูกค้าได้เป็นอย่างดี




โดยห้องน้ำชั้นบนของห้องเพดานสูง ที๋โครงการ Landmark at Kasetsart TSH Station จะเป็นห้องน้ำแบบ Powder Room ที่ในห้องน้ำมีอ่างล้างหน้า สุขภัณฑ์ กระจกบานใหญ่ และชั้นวางของไว้ให้ ถือว่าอำนวยความสะดวกสบายในยามค่ำคืนแบบไม่ต้องลุกมาเข้าห้องน้ำชั้นล่าง สำหรับวัสดุปูพื้นในห้องน้ำนั้นจะเป็น Synthetic Floor ที่เชื่อมต่อมาจากห้องนอนแล้ว



เพื่อความสะดวกสบายที่มากขึ้นไปอีก ทางโครงการยังได้ใส่ใจในการ Built-in ตู้เสื้อผ้าแบบบานกระจกไว้ให้เรียบร้อย ข้อดีคือพื้นที่เชื่อมต่อระหว่างห้องนอนและห้องน้ำมีความเป็นสัดส่วนลงตัว และเป็นพื้นที่ Walk-in Closet ได้พอดี



Type Grand ขนาด 29.5 ตร.ม. (พื้นที่ใช้สอย 44.5 ตร.ม.)



บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า


บริษัทฯขอสงวนสิทธิ์ในการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดโดยมิต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า

สำหรับห้องอีกแบบของโครงการที่เรียกว่า Grand จะมีแปลนที่ค่อนข้างคล้ายห้องแบบ Flexi แต่จะมีพื้นที่ใช้สอยที่มากกว่า รวมถึงเป็นห้องที่มีเพดานสูง 4.15 เมตร เหมือนกัน



ห้องตัวอย่างต่อไปที่เราจะพาไปชมกัน เป็นห้องแบบ Grand ขนาด 29.5 ตร.ม. แต่มีขนาดพื้นที่ใช้สอยจริงๆถึง 44.5 ตร.ม. ซึ่งทางโครงการจะมีการตกแต่งห้องพร้อมขายแบบ Fully Fitted ที่ให้เฟอร์นิเจอร์เฉพาะตู้เสื้อผ้า Built-in แอร์ 2 เครื่อง และ Wallpaper พร้อมกั้นห้องชั้นบนตามแบบห้องตัวอย่าง


เมื่อเข้ามาในห้องส่วนแรกที่เจอเป็นพื้นที่ Common Area ขนาดใหญ่ ที่เห็นฟังก์ชั่นรวมภายในห้องได้แบบครบๆ และมีทางขึ้นไปยังชั้น 2 อยู่บริเวณกลางห้อง ฟังก์ชั่นรวมแบบนี้มีความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านได้ดีทีเดียว



พื้นที่ห้องนั่งเล่นจะอยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าห้อง มีขนาดกว้างเพียงพอที่จะวางโซฟาแบบ 3 คน ได้กำลังพอดี และยังมีพื้นที่เพียงพอให้วางโต๊ะทานข้าวขนาด 4 ที่นั่งได้ด้วย ไฮไลท์ของห้องนี้อยู่ที่เพดานห้องที่สูงถึง 4.15 เมตร ทำให้บรรยากาศโดยรวมในห้องดูสูงโปร่งเลยทีเดียว



ถัดมาในส่วนของห้องน้ำ ทางเข้านั้นเชื่อมต่อกับพื้นที่ห้องนั่งเล่น ซึ่งในห้องน้ำมีขนาดค่อนข้างกว้างและมีการใช้กระเบื้องตกแต่งโทนสีขาวทำให้ห้องน้ำดูสวยหรู และสว่างตา รวมไปถึงยังได้มีการจัดฟังก์ชั่นวางของในห้องน้ำให้ใช้สอยได้อย่างลงตัว และมีการเลือกใช้สุขภัณฑ์ในห้องน้ำแบรนด์ Cotto และอ่างล้างหน้าแบรนด์ American Standard พร้อมชั้นวางของที่ใช้งานได้จริง



ในส่วนของพื้นที่โซนอาบน้ำ แม้ทางโครงการจะไม่ได้ติดตั้งที่กั้นส่วนเปียกส่วนแห้งไว้ให้ แต่สามารถติดตั้งเพิ่มเองได้ และทางโครงการยังได้ให้ฝักบัวที่มีทั้งแบบ Rain Shower และ Hand Shower เลยด้วย



ถ้าหากมองจากฝั่งระเบียงเข้าไปในห้อง จะเห็นว่าระหว่างห้องน้ำและห้องอเนกประสงค์มีบันไดทางขึ้นชั้นบนกั้นกลาง ดูมีสัดส่วนของแต่ละพื้นที่ใช้งานมากขึ้น



ห้องอเนกประสงค์ชั้นล่าง เป็นห้องที่ผู้อยู่อาศัยสามารถจัดปรับฟังก์ชั่นได้ตามไลฟ์สไตล์ โดยทางโครงการได้ออกแบบห้องนี้ให้เป็นห้องนอนชั้นล่างที่วางเตียง 5 ฟุต แล้วยังมีพื้นที่เหลือๆข้างเตียง รวมไปถึงในห้องนอนนี้ยังมีมุมส่องแสงสว่างจากหน้าต่างกระจก เป็นมุมที่มองวิวได้ทั้งยามค่ำคืนและกลางวัน



อีกด้านของห้องอเนกประสงค์ชั้นล่าง ที่ถ้าหากปรับเป็นห้องนอน ยังสามารถ Built-in ตู้เสื้อผ้าให้เป็นสัดส่วนได้ด้วย



ออกมาที่ด้านหน้าห้องอเนกประสงค์ จะเชื่อมต่อกับระเบียงได้ โดยพื้นที่ระเบียงของโครงการมีขนาดที่ค่อนข้างใหญ่ และเพียงพอที่สามารถทำเป็นพื้นที่ครัวให้เป็นสัดส่วนได้ แต่อาจจะต้องติดตั้งพื้นที่สำหรับทำครัวเพิ่มเติมเอง



นอกจากนี้ทางโครงการยังเลือกใช้ประตูกระจกโฟลต สีชา บานสไลด์แบบ 3 บาน มาติดตั้งที่บริเวณนี้ด้วย ซึ่งจะมีข้อดีคือ ช่วยกรองแสงที่เข้าสู่ตัวห้อง และยังทำให้เปิดประตูสู่ระเบียงได้กว้างมากขึ้น



บันไดทางขึ้นชั้น 2 เป็นแบบโครงเหล็กเสริมความแข็งแรง คงทน







ห้องนอนชั้น 2 มีความเป็นสัดส่วนมากขึ้นด้วยประตูบานสไลด์ที่ปิดกั้นห้อง รวมไปถึงผนังมุมห้องที่เป็นแบบผนังกระจก ทำให้ห้องนอนนี้ค่อนข้างสว่าง โปร่ง เปิดรับแสงได้แบบรอบด้าน หรือถ้าหากอยากเพิ่มความเป็นส่วนตัว สามารถติดตั้งม่านเพิ่มได้



ฟังก์ชั่นที่เชื่อมต่อออกมาจากห้องนอนชั้นบน คือมุมของห้องน้ำแบบ Poerder Room และมีพื้นที่ที่สามารถเป็น Walk-in Closet ได้ เพราะพื้นที่ด้านหน้าห้องน้ำทางโครงการได้ Built-in ตู้เสื้อผ้าและตู้เก็บของไว้ให้อย่างเป็นสัดส่วน และของจริงห้องจริงจะได้ตู้เสื้อผ้าบานกระจกแบบนี้เลยด้วย



ส่วนด้านในห้องน้ำชั้นบน เป็นห้องน้ำแบบ Powder Room ที่มีเพียงสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้า และชั้นวางของ เป็นการอำนวยความสะดวกในยามค่ำคืน หรือเมื่ออยู่ชั้นบน ก็ไม่ต้องขึ้น-ลง บันไดเพื่อเข้าห้องน้ำ



อย่างไรก็ตามโครงการ Landmark at Kasetsart TSH Station ได้มีการตกแต่งห้องพร้อมขายแบบ Fully Fitted โดยจะให้ตู้เสื้อผ้าแบบ Built-in เครื่องปรับอากาศ 2 เครื่อง วอลเปเปอร์และกั้นห้องชั้นบนตามแบบห้องตัวอย่าง






Location



โลเคชั่นที่แสนสะดวกสบาย ด้วยที่ตั้งอยู่ติดถนนวิภาวดีรังสิต ใกล้ทางด่วน และอยู่ติดรถไฟฟ้าสายสีแดงสถานีทุ่งสองห้อง 0 เมตร ทั้งยังเชื่อมต่อสถานี Interchange ได้ถึง 5 จุด ใกล้ทั้งสถานศึกษาขนาดใหญ่ มหาวิทยาเกษตรศาสตร์ ใกล้โรงพยาบาลวิภาวดี ใกล้แหล่งงาน อาคารสำนักงานใหญ่ๆ SCB ปตท.สำนักงานใหญ่




ด้านหน้าโครงการอยู่ติดทางขึ้น-ลง เชื่อมสู่รถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีทุ่งสองห้อง และยังเป็นรถไฟฟ้าที่เปิดให้บริการเรียบร้อยแล้ว



ถัดเข้ามาที่ถนนพหลโยธิน คู่ขนานถนนวิภาวดีรังสิต ยังเป็นเส้นทางที่มีรถไฟฟ้าสายสีเขียว โดยตัวสถานีที่ถือว่าสะดวกสบายในการเชื่อมต่อเข้าเมือง คือ สถานีมหาวิทยาเกษตรศาสตร์ ห่างกันเพียง 1 สถานี จากสถานีทุ่งสองห้อง



รถไฟฟ้าสายสีเขียวเชื่อมต่อเข้าเมือง ทั้งยังผ่านเมเจอร์รัชโยธิน แหล่งอำนวยความสะดวกสบายทั้งดูหนัง กินข้าว ช้อปปิ้ง



หรือแม้แต่ห้างใหญ่อย่าง เซ็นทรัลลาดพร้าว ที่เดินทางมาได้อย่างสะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS หรือถ้าหากขับรถมาจากเส้นวิภาวดีรังสิต ยังใช้เวลาเพียงแค่ 5 นาที ก็ถึงแล้ว ทั้งหมดล้วนเติมเต็มไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น


ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษก่อนใคร https://bit.ly/34oLEV7 







แบ่งปันบทความให้เพื่อนๆของคุณ