พลัสฯ แนะลงทุนคอนโดรีเซล! ชี้ทำเลเด่นถูกกว่า 26-44% โซนริมน้ำ-พญาไทราคาพุ่ง
24 May 2560
ด้วยการขยายตัวอย่างรวดเร็วของเศรษฐกิจและการพัฒนาขยายการคมนาคมกรุงเทพฯ ทำให้การเดินทางสะดวกทั้งรถไฟฟ้า BTS, MRT ซึ่งส่งผลให้คนเมืองเลือกซื้อและลงทุนคอนโดมิเนียมกันมากขึ้น เนื่องจากผู้พัฒนาโครงการอสังหาฯ ต่างก็จับจองทำเลใกล้รถไฟฟ้ากันเป็นดอกเห็ด ซึ่งตลาดคอนโดมิเนียมสมัยแรกๆ จะเน้นห้องชุดที่มีขนาดค่อนข้างกว้างเพราะเน้นการอยู่อาศัยเอง แต่ปัจจุบันคือผู้พัฒนาโครงการต่างๆ ได้ออกแบบโครงการและปรับขนาดของห้องชุดให้ตรงกับกำลังซื้อของกลุ่มเป้าหมาย อีกทั้งยังเพิ่มนวัตกรรมและเน้นการตอบสนองไลฟ์สไตล์ด้วยดีไซน์ต่างๆ เพื่อเข้าถึงผู้ซื้อคอนโดมากขึ้น
จากการเก็บข้อมูลของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ พบว่าราคาคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ยังคงปรับราคาขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากต้นทุนที่ดินที่สูงขึ้น ส่งผลให้คอนโดรีเซล (คอนโดที่โครงการนำกลับมาขายใหม่) ที่เป็นคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จแล้วอายุราว 1-3 ปี ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยเองและเพื่อลงทุนคอนโดมากที่สุด
นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ทำเลที่ยังครองใจผู้ซื้ออันดับต้นๆ และเป็นทำเลที่มีการเติบโตของราคาอย่างต่อเนื่อง และให้ Capital gain ค่อนข้างสูง ได้แก่ โซนสุขุมวิทตอนต้น พร้อมพงษ์–ทองหล่อ และ เส้นพหลโยธิน ช่วงสนามเป้า–จตุจักร
โซนที่ราคาโครงการใหม่เปิดตัวสูงสุด
1. อันดับ 1 คือโซนริมแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า-สะพานพระราม 3 มีราคาเฉลี่ย 366,000 บาท/ตารางเมตร เติบโต 44% ต่อปี
2. รองลงมาโซน CBD ปัจจุบันราคาโครงการเปิดตัวใหม่สูงกว่า 200,000 บาท/ตารางเมตร ได้แก่ โซนพร้อมพงษ์-ทองหล่อ ราคาเฉลี่ย 325,000 บาท/ตารางเมตร เติบโต 25% ต่อปี
3. โซน เพลินจิต-ชิดลม-อโศก เฉลี่ย 278,000 บาท/ตารางเมตร เติบโต 14% ต่อปี
4. โซนราชเทวี-พญาไท เฉลี่ย 255,000 บาท/ตารางเมตร เติบโต 15% ต่อปี
จากข้อมูลข้างต้น ส่งผลให้ตลาดคอนโดมิเนียมที่นำกลับมาขายใหม่ (รีเซล) ได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากตลาดรีเซลเฉลี่ยราคาต่ำกว่าโครงการเปิดตัวใหม่ในทำเลเดียวกันค่อนข้างมาก ประมาณ 26 - 44% เมื่อเปรียบเทียบโครงการที่เปิดขายในช่วงไม่เกิน 5 ปีที่ผ่านมาภาพรวมราคารีเซลต่ำกว่าโครงการใหม่ 33%
ราคาคอนโดใหม่ กับราคาคอนโดรีเซล
1. โซนริมแม่น้ำ ต่างกันถึง 44%
ย่านศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ได้แก่
2. โซนเพลินจิต-ชิดลม-อโศก แตกต่าง 26%
3. โซนพร้อมพงษ์-ทองหล่อ 28%
4. โซนสีลม-สาธร 26%
5. โซนพระรามเก้า-ศูนย์วัฒนธรรม 32%
6. โซนราชเทวี –พญาไท 38%
7. โซนสนามเป้า-หมอชิต 32%
8. โซนพระโขนง – อ่อนนุช ราคาแตกต่าง 30%
ข้อดีของคอนโดรีเซล
1. จากปัจจัยเรื่องราคาในบางทำเลเดียวกัน คอนโดมือสองราคาถูกกว่าโครงการใหม่ถึง 26-44%
2. ราคาเทียบกับของใหม่แล้วยังถูกกว่า ซึ่งสำหรับโครงการใหม่อาจหาไม่ได้ในทำเลเดียวกัน หรืออาจจะไม่มีโครงการใหม่ๆ ในทำเลที่เราต้องการแล้วก็เป็นได้
ด้วยคอนโดเป็นที่อยู่อาศัยซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสี่ที่สำคัญของมนุษย์ การลงทุนคอนโดจึงเป็นอีกตัวเลือกต้นๆ ที่นักลงทุนล้วนให้ความสนใจ เพราะนับวันมีแต่จะเพิ่มมูลค่ามากขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนคอนโดสำหรับระยะยาว การลงทุนคอนโดยังมีความเสี่ยง หากเราหากเลือกลงทุนคอนโดในทำเลที่ไม่ดี ไม่มีคนต้องการอาศัยอยู่จริงๆ ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวก ก็ขายไม่ออก ปล่อยเช่าไม่ได้ การศึกษาอย่างจริงจังและรอบด้าน เป็นตัวช่วยในการลงทุนคอนโดได้อย่างแม่นยำและได้กำไร หากมีที่ปรึกษาที่เชี่ยวชาญทางด้านการลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ไว้ใจได้ ก็จะเป็นการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนคอนโดที่ดีอีกทางหนึ่ง
การจะลงทุนคอนโดในทำเล หรือโครงการไหนต้องศึกษาให้ละเอียด
การเลือกซื้อและการลงทุนคอนโดรีเซล
สำหรับผู้ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง ควรพิจารณาในด้านทำเลที่ตั้งที่ตอบสนองการอยู่อาศัยไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเดินทางที่สะดวก สิ่งอำนวยความสะดวกของโครงการ และราคาเหมาะสมกับงบประมาณที่ตั้งไว้ สำหรับผู้ที่ต้องการลงทุนคอนโดรีเซล ควรเป็นคอนโดใกล้รถไฟฟ้า เพราะราคาพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว หรือถ้าเล็งคอนโดใกล้รถไฟฟ้าที่ไม่แพงมากนักไว้ ลองมองโครงการรถไฟฟ้าสายที่ยังสร้างไม่เสร็จเพื่อเก็งกำไร หลังจากโครงการรถไฟฟ้าสร้างเสร็จราคาคอนโดจะเพิ่มขึ้นไวมากเลยทีเดียว
การซื้อคอนโดแบรนด์ดัง หรือน่าเชื่อถือจะทำให้คนซื้อง่าย ขายคล่อง ราคาดี
โดยขนาดที่เป็นที่นิยมคือขนาด 1 ห้องนอน (25-30 ตร.ม.) ยกตัวอย่างทำเลที่ให้ผลตอบแทนจากการขายต่อที่คุ้มค่า 4 โซน ประกอบไปด้วย
1. พร้อมพงษ์ – ทองหล่อ (ผลตอบแทนเฉลี่ย 10 – 15% ต่อปี)
2. เพลินจิต-ชิดลม-อโศก (7 – 15% ต่อปี)
3. พระโขนง – อ่อนนุช (8 – 18% ต่อปี)
4. พหลโยธิน (7 – 10% ต่อปี)
นอกจากนี้ยังได้กำไรเพิ่มเติมจากการปล่อยเช่า ซึ่งปัจจุบันในทำเลเด่นๆ อย่าง พร้อมพงษ์ – ทองหล่อ ก็ได้ผลตอบแทนการปล่อยเช่า 5 – 6% ต่อปี หรือทำเลอย่างพระโขนง – อ่อนนุช ได้ผลตอบแทน 7% ต่อปี
ในช่วงที่ภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในภาวะค่อยๆ ฟื้นตัว และภาวะดอกเบี้ยปัจจุบันที่อยู่ในระดับต่ำมาสักระยะ จึงส่งผลดีต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ ไม่ว่าจะซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองหรือเพื่อลงทุน ฉะนั้นผู้ที่มีเงินออมและมองหาผลตอบแทนการลงทุนที่ดีและคุ้มค่าในระยะยาวนั้น การลงทุนในอสังหาริมทรัพย์สามารถให้ Capital Gain ที่ดีและยังได้ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า เป็นโบนัสอีกด้วย
ขอบคุณข้อมูลจาก