ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ ลงพื้นที่สำรวจบริเวณจุดสร้าง "หอชมเมืองกรุงเทพมหานคร" บนที่ดินราชพัสดุ เลขทะเบียนที่ กท.3275 เขตคลองสาน กรุงเทพมหานคร โดยสอบถามความคิดเห็น "ชุมชนมุสลิมสุวรรณภูมิ" 

โดยจากการสอบถามความคิดเห็นเกี่ยวกับการสร้างหอชมเมืองกรุงเทพ พบผลดังนี้

"กลุ่มผู้เห็นด้วย" มีประมาณ 80% โดยส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ให้เหตุผลว่าจะทำให้ชุมชนได้รับการพัฒนา อยากเปิดเป็นเเหล่งท่องเที่ยว เพิ่มรายได้เเละปรับภูมิทัศน์ชุมชน มั่นใจว่าไม่มีการไล่ที่เเน่นอน เนื่องจากชาวบ้านมีโฉนดถูกต้อง

"กลุ่มผู้ไม่เห็นด้วย" ที่ระบุไว้ว่ามีราว 20% พบว่า ส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีบ้านติดกับที่ดินราชพัสดุดังกล่าวในรัศมี ไม่เกิน 50 เมตร เเละเป็น "ชาวพุทธ" ซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อยของชุมชน โดยพวกเขาจ่ายค่าเช่าบ้านให้เเก่บริษัทเอกชนผู้เป็นเจ้าของโฉนดในอัตราเดือนละ 300 บาท เเละเช่าอยู่มาเป็นเวลานานเเล้วกว่า 40 ปี

สำหรับหอชมเมืองกรุงเทพจะดำเนินการก่อสร้างโดย “มูลนิธิหอชมเมืองกรุงเทพมหานคร” ซึ่งเป็นองค์กรเอกชน มีนายพนัส สิมะเสถียร เป็นประธานฯ ได้ประเมินงบลงทุนไว้ที่ 4,422.96 ล้านบาท แบ่งออกเป็น - เงินตั้งต้นของมูลนิธิ 5 แสนบาท - เงินกู้จากสถาบันการเงิน 2,500 ล้านบาท - เงินบริจาคจากบริษัทเอกชนชั้นนำ 2,100 ล้านบาท โดยประมาณการรายได้จากการจำหน่ายบัตรเข้าชม1,054 ล้านบาท/ปี ประมาณการราคาตั๋วที่ 750 บาท/คน คนไทยลด 50% มีค่าใช้จ่ายปีละ 892 ล้านบาท จ่ายดอกเบี้ยปีละ 38 ล้านบาท รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายนำไปบริจาคองค์กรสาธารณกุศล

ซึ่งในอนาคต กูรูอสังหาฯ ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า จะมีการลงทุนในพื้นที่นี้กันอย่างคึกคัก แต่อาจจะไม่ได้มีการพัฒนาโครงการอสังหาฯ โปรเจคใหญ่ๆ มากนัก เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่ในทำเลนี้ โดยเฉพาะบริเวณริมถนนใหญ่ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และตามแนวรถไฟฟ้าสายสีทองได้ถูกพัฒนาไปจนเกือบหมดแล้ว อาจจะขยับขยายเข้าไปตามถนนในซอยมากขึ้น และหากมีการแก้กฎหมายอนุญาตให้สร้างตึกสูงๆ ในซอยได้ ก็มีแนวโน้มว่าจะมีการพัฒนาโครงการอสังหาฯ อย่างมิกซ์ยูส และคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้น

อ่านข่าวเพิ่มเติม : ประชาชาติธุรกิจออนไลน์