AP Thailand มุ่งพัฒนาแนวราบ หลังยอดขายโตต่อเนื่อง
27 February 2563
เอพี ไทยแลนด์ มุ่งเปิดโครงการใหม่ปี 2563 ทั้งหมด 37 โครงการ มูลค่า 47,150 ล้านบาท เดินหน้าสร้างพิมพ์เขียวแห่งการอยู่อาศัยให้ครอบคลุมพื้นที่ กทม. และกระจายภาคอื่นทั่วไทย หลังแนวราบโตต่อเนื่อง พร้อมมุ่งสานต่อธุรกิจ "เอ็มพาวเวอร์ ลิฟวิ่ง" และต่อยอดบริษัทในเครือไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมครอบคลุมทุกมิติชีวิต
เอพี ไทยแลนด์ กรุ๊ป พลิกโฉมยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนองค์กร ตั้งเป้าหมาย “EMPOWER LIVING” นำไปสู่การเป็นองค์กรที่พร้อมสนับสนุนให้ทุกคนในสังคมสามารถเติมเต็มทุกเป้าหมายชีวิตได้ตามที่ปรารถนา ด้วยนวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีคุณค่าและมีความหมายต่อชีวิต ชู 4 กลยุทธ์สำคัญที่นำไปสู่ความสำเร็จ พร้อมเดินหน้ายกระดับความเข้มข้นในการทำงานที่เริ่มต้นจากคนภายในองค์กร ก่อนสะท้อนไปยังสินค้าและบริการที่พร้อมเอ็มพาวเวอร์ทุกมิติของชีวิต ตั้งเป้ารายได้รวมปี 2563 เท่ากับ 40,550 ล้านบาท
ด้านธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พร้อมเอ็มพาวเวอร์ชีวิตคุณภาพ ภายใต้กลุยทธ์ “Masterplan for Tomorrow” เดินหน้าขยายขอบเขตในการสร้างพิมพ์เขียวแห่งการอยู่อาศัยให้ครอบคลุมพื้นที่กทม.และกระจายไปยังภูมิภาคอื่นๆ ทั่วไทย หลังสินค้าแนวราบเติบโตอย่างต่อเนื่อง เตรียมเปิด 37 โครงการใหม่ มูลค่า 47,150 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายจากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เท่ากับ 33,500 ล้านบาท พร้อมต่อยอดการสร้างสรรค์นวัตกรรมบริการ ผ่านบริษัทในเครือ เอสอีเอซี (SEAC) ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแห่งภูมิภาคอาเซียน บริษัท เคลย์มอร์ จำกัด (CLAYMORE) และบริษัท วาริ จำกัด (VAARI) ให้ครอบคลุมมิติการพัฒนาความรู้ความสามารถของคนตลอดช่วงชีวิต – การมีสุขภาพที่แข็งแรงยืนยาว – บริการที่รองรับสังคมผู้สูงวัย – การสร้างระบบนิเวศที่พร้อมสนับสนุนการมีคุณภาพชีวิตที่ดีแบบครบวงจร
นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กรและการสร้างสรรค์ เอพี ไทยแลนด์ กรุ๊ป กล่าวว่า “ด้วยความท้าทายที่เกิดขึ้นในโลกธุรกิจ ทั้งบทบาทของเทคโนโลยีที่เข้ามาดิสรัปหลายภาคธุรกิจ คู่แข่งจากนอกธุรกิจ (Unknown Unknown Competitors) ที่พร้อมจะเข้ามาแชร์ตลาด ด้วยความพร้อมทั้งเงินทุนและข้อมูลแบบที่ไม่ทันตั้งตัว ความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นของลูกค้า ตลอดจนปัจจัยต่างๆ ทางเศรษฐกิจภายในประเทศ ดังนั้น ท่ามกลางความท้าทายต่างๆ ที่เกิดขึ้น คำถามคือ เราจะทำอย่างไรให้สินค้าหรือบริการที่พัฒนาขึ้นนั้น สามารถสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน ตลอดจนนำพาองค์กรก้าวเดินไปสู่การเติบโต พร้อมการแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจในเวลาเดียวกัน”
บริษัทฯ จึงได้ยกระดับยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนองค์กรให้เข้มข้นยิ่งขึ้น ภายใต้พันธกิจ EMPOWER LIVING คือ การดำเนินงานที่พร้อมสนับสนุนให้ทุกคนในสังคม สามารถเติมเต็มทุกเป้าหมายชีวิตได้ตามที่ปรารถนา ด้วยนวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีคุณค่าและมีความหมายต่อชีวิต ทั้งยังใช้เป็นเข็มทิศในการก้าวเดินให้กับพนักงานเครือ เอพี ไทยแลนด์ กรุ๊ป มองเห็นเป้าหมายในการทำงานที่ชัดเจนและเป็นภาพเดียวกันมากยิ่งขึ้น โดยขับเคลื่อนผ่าน 4 กลยุทธ์สำคัญที่จะเป็นโรดแมพ ที่จะตอบสนองเป้าประสงค์หรือความปรารถนาในการดำเนินชีวิตของลูกค้าให้เกิดขึ้นจริงในเร็ววัน ดังนี้
- AP THAILAND VALUES มุ่งสร้างค่านิยมที่จะเป็นดีเอ็นเอสำคัญในการหล่อหลอมบุคลากรกว่า 2,000 คนภายใน 6 องค์กรเครือเอพี ให้มีพฤติกรรมที่พร้อมส่งมอบนวัตกรรมสินค้าและบริการที่ตอบสนองเป้าหมายในชีวิตที่แตกต่างกันของลูกค้าได้อย่างลงตัวและสมบูรณ์ที่สุด
- MASTERPLAN FOR TOMORROW การเดินหน้าขยายขอบเขตในการสร้างพิมพ์เขียวแห่งการอยู่อาศัยคุณภาพให้ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น
- DESIGNING YOUR FUTURE การมุ่งแสวงหาความต้องการที่ยังไม่ถูกค้นพบ หรือ Unmet Needs ของลูกค้า เพื่อสร้างสรรค์นวัตกรรมสินค้า และนวัตกรรมบริการ หรือ Creative Solution ใหม่ๆ ที่มีคุณค่าและยกระดับชีวิตในวันนี้ให้ดียิ่งขึ้น
- POWER OF ECOSYSTEM การสร้างระบบนิเวศที่จะช่วยสนับสนุนการมีคุณภาพชีวิตที่ดีแบบครบวงจร
ทั้งนี้ สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะดำเนินงานตามโรดแมพ MASTERPLAN FOR TOMORROW ด้วยการเดินหน้าขยายขอบเขตการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น ควบคู่ไปกับการพัฒนางานก่อสร้างให้มีคุณภาพ ด้วยการเปลี่ยนวิธีการทำงานทั้งระบบไปสู่กระบวนการ BIM ที่ส่งผลให้ลูกค้าได้รับอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพ ลดข้อบกพร่องที่อาจส่งผลกระทบต่อการอยู่อาศัยในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปีนี้จะเป็นครั้งแรกที่บริษัทฯ มีแผนจะกระจายการพัฒนาโครงการแนวราบออกไปยังภูมิภาคต่างๆ ของประเทศ หลังจากที่โครงการแนวราบของบริษัทฯ มีสัดส่วนการเติบโตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากแผนพัฒนาหลักในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ
โดยในปี 2563 บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนทั้งสิ้น 37 โครงการ มูลค่า 47,150 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสินค้าแนวราบจำนวน 33 โครงการ มูลค่ารวม 35,050 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่า 12,100 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ 33,500 ล้านบาท โดยจะเริ่มต้นโครงการในต่างจังหวัดที่แรกคือ จังหวัดนครศรีธรรมราช ซึ่งคาดว่าจะพร้อมเปิดตัวในช่วงครึ่งปีหลัง และอยู่ระหว่างการศึกษาพฤติกรรมลูกค้าในจังหวัดอื่นๆ ให้ครอบคลุมทุกภูมิภาค
“การขยายไปตลาดต่างจังหวัดครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเปิดตลาดสินค้าแนวราบของเอพีให้กว้างขึ้นแล้ว ยังถือเป็นโอกาสที่ดีในการลงพื้นที่เพื่อศึกษา และเรียนรู้ความต้องการในมิติใหม่ของคนไทยในแต่ละภูมิภาค โดยสินค้าที่จะนำไปพัฒนานั้นเป็นทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม และบ้านแฝด ซึ่งแบบบ้านที่จะนำไปพัฒนานั้น อยู่ระหว่างการออกแบบเพื่อให้สอดรับกับความต้องการและพฤติกรรมของคนในแต่ละพื้นที่ ตามคอนเซ็ปต์ Dynamic Personalized Model การออกแบบและพัฒนาโครงการที่จะปรับเปลี่ยนรูปแบบและคอนเซ็ปต์ดีไซน์ตามลิฟวิ่งแพทเทิร์น (Living Pattern) ที่แตกต่างกันของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละทำเล” นายวิทการ กล่าวเสริม
นอกจากนั้นแล้ว ยังพร้อมต่อยอดเป้าหมาย EMPOWER LIVING ไปสู่การสร้างสรรค์นวัตกรรมบริการ ผ่านบริษัทในเครือ ครอบคลุมทุกมิติชีวิต ได้แก่ LIFELONG LEARNING การพัฒนาความรู้ความสามารถของคนตลอดช่วงชีวิต โดย เอสอีเอซี (SEAC) ศูนย์พัฒนาและส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิตแห่งภูมิภาคอาเซียน ด้วย 3 รูปแบบการดำเนินธุรกิจ (Business Model) ที่พร้อมส่งเสริมและจุดประกายการเรียนรู้และการรีสกิลในทุกสเต็ปของชีวิต ตั้งแต่ผู้บริหารระดับสูง ด้วยโมเดล Executive Learning กลุ่มคนทำงานอายุระหว่าง 20-40 ปีกับหลักสูตร YourNextU การเรียนรู้รูปแบบใหม่ ที่เลือกเรียนเองได้ และเรียนซ้ำอย่างไม่จำกัด และ YourNextU Young หลักสูตรใหม่สำหรับเยาวชนอายุตั้งแต่ 10-17 ปี เพื่อมุ่งเสริมสร้างน้องๆ ให้มีความเข้าใจในตนเอง เข้าใจคนรอบข้าง เข้าใจสภาพแวดล้อมและปรับตัวเข้ากับ สิ่งต่าง ๆ ได้อย่างชาญฉลาดและมีความสุข และ HEALTH & AGEING การส่งเสริมให้คนมีสุขภาพที่แข็งแรงและบริการรูปแบบใหม่เพื่อรองรับสังคมผู้สูงวัย โดย บริษัท เคลย์มอร์ จำกัด (CLAYMORE) Innovation Lab ที่จะนําเสนอนวัตกรรมบริการใหม่ๆ ที่มีอิทธิพลต่อการดํารงอยู่ของคนในสังคมวันนี้และในอนาคต
“วันนี้ลูกค้ามาพร้อมกับความคาดหวังมากมาย ทั้งความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน สภาพแวดล้อมที่ดีและสังคมที่มีคุณภาพ รวมไปถึงการบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ ดังนั้น บทบาทหน้าที่ของบริษัท วาริ จำกัด (VAARI) คือการผสานเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ากับการทำความเข้าใจลูกค้าเชิงลึก จึงได้ร่วมมือกับ ‘อเมซอน เว็บ เซอร์วิสเซส’ ผู้ให้บริการระบบคลาวด์ที่ครอบคลุม และมีการใช้งานมากที่สุดในโลก เปิดตัว ‘SMART WORLD’ ไลฟ์ แมเนจเม้นท์ แพลตฟอร์ม ที่จะเข้ามาช่วยเอ็มพาวเวอร์การใช้ชีวิตของลูกบ้าน ด้วยแผนมุ่งสร้างระบบนิเวศที่พร้อมสนับสนุนการมีคุณภาพชีวิตที่ดีในแบบที่ปรารถนา ทั้งการติดต่อหรือใช้บริการต่างๆ จากทางนิติบุคคล สิทธิพิเศษต่างๆ จากพาร์ทเนอร์ ตลอดจนช่วยสนับสนุนการทำงานของบริษัท Property Management ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น พร้อมนำบริษัท สมาร์ท เซอร์วิส แอนด์ แมเนจเม้นท์ จํากัด ในเครือเอพีก้าวไปสู่การเป็น Digital Property Management อย่างเต็มรูปแบบ” นายวิทการ กล่าว
สรุปแผนการดำเนินงานธุรกิจอสังหาฯ ในปี 2563 บริษัทฯ เตรียมเปิดตัวโครงการใหม่จำนวนทั้งสิ้น 37 โครงการ มูลค่ารวม 47,150 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นสินค้าแนวราบจำนวน 33 โครงการ มูลค่ารวม 35,050 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ มูลค่า 12,100 ล้านบาท โดยมีแผนเปิดตัวในครึ่งปีแรกจำนวน 19 โครงการ มูลค่าประมาณ 23,290 ล้านบาท เป็นแนวราบ 17 โครงการ มูลค่า 17,790ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ 33,500 ล้านบาท
โดยในปีนี้บริษัทฯ มีโครงการคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จเตรียมส่งมอบจำนวน 4 โครงการ โดยเป็น 2 โครงการร่วมทุน คือ LIFE ลาดพร้าว มูลค่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มทยอยโอนกรรมสิทธิ์ในช่วงเดือนเมษายนเป็นต้นไป LIFE อโศก-พระราม 9 มูลค่า 9,800 ล้านบาท พร้อมโอนฯ ช่วงไตรมาส 3 ของปี โดยทั้ง 2 โครงการมียอดขายไปแล้วทั้งสิ้น 93% และคอนโดเอพีอีกจำนวน 2 โครงการ คือ ASPIRE สุขุมวิท-อ่อนนุช มูลค่า 1,600 ล้านบาท เริ่มโอนเดือนกุมภาพันธ์นี้ และ ASPIRE อโศก-รัชดา มูลค่า 2,900 ล้านบาท เริ่มโอนประมาณไตรมาส 3 ของปี และตั้งเป้ารายได้รวม 100% โครงการร่วมทุนที่ 40,550 ล้านบาท
ณ วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2563 บริษัทฯ มีสินค้ารอรับรู้รายได้รวมโครงการร่วมทุน (Backlog) มูลค่ามากถึง 51,987 ล้านบาท เป็นโครงการแนวราบมูลค่าราว 8,387 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้ทั้งหมดภายในปีนี้ และคอนโดมิเนียม มูลค่า 43,601 ล้านบาท (แบ่งเป็นคอนโดเอพี มูลค่า 4,328 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ ในปีนี้ประมาณ 2,792 ล้านบาท และเป็นโครงการร่วมทุน มูลค่า 39,273 ล้านบาท จะทยอยรับรู้ในปีนี้ ประมาณ 13,768 ล้านบาท และที่เหลือจะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566
ด้านผลการดำเนินงานปี 2562 ที่ผ่านมา เปิดโครงการใหม่ทั้งสิ้นรวมมูลค่า 47,860 ล้านบาท จำนวน 27 โครงการ สร้างยอดขายรวมได้ 32,857 ล้านบาท รายได้รวมเท่ากับ 32,452 ล้านบาท (รวม 100% โครงการร่วมทุน) กำไรสุทธิ 3,064 ล้านบาท