โคโรนา vs อสังหาฯไทย เมื่อผลกระทบอาจมีทั้งแง่ดีและแง่ร้าย!?
3 February 2563
ประเมินสถานการณ์ไวรัสโคโรนาต่อผลกระทบอสังหาฯไทย เมื่อปัญหาเก่ายังไม่คลี่คลาย ปัญหาใหม่ก็แพร่ระบาดเข้ามา แต่อย่างไรก็ตามผลกระทบตลาดคอนโดจากไวรัสนี้อาจมีทั้งแง่ดีและแง่ร้ายหากมองในมุมกลับกัน!?
กลุ่มนักลงทุนชาวจีนถือว่าเป็นกลุ่มลูกค้ากลุ่มหนึ่งที่สำคัญในตลาดอสังหาฯไทยช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมานี้ ตามการรายงานของ นายวิชัย วิรัตกพันธ์ ผู้ตรวจการธนาคารอาคารสงเคราะห์และรักษาการผู้อำนวยการศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ หรือ REIC ระบุว่า
- ในปี 2561 ชาวจีนถือกรรมสิทธิ์ห้องชุด 7,548 หน่วย คิดเป็น 57.6% ของผู้ซื้อชาวต่างชาติ
- 9 เดือนในปี 2562 ชาวจีนถือกรรมสิทธิ์ห้องชุด 5,430 หน่วย คิดเป็นสัดส่วน 57.6% ของผู้ซื้อต่างชาติ
อย่างไรก็ตามสถานการณ์จากนักลงทุนชาวจีนก่อนการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาก็ไม่ค่อยจะสู้ดีอยู่แล้ว เนื่องจากโดนปัจจัยลบที่ลากยาวมาตั้งแต่ต้นปี 2562 และถึงต้นปี 2563 ไม่ว่าจะเป็น
- มาตรการ LTV ที่สะกัดนักลงทุน
- สงครามการค้าระหว่างจีน - สหรัฐ
- ค่าเงินบาทแข็งค่าเกือบ 30%
- มาตรการห้ามคนจีนเอาเงินออกนอกประเทศ 1.5 ล้านบาท/ปี
- การเฝ้าระวังสงครามระหว่างสหรัฐ - อิหร่าน
แน่นอนว่าปัจจัยลบที่กล่าวไปข้างต้นนั้นส่งผลกระทบกับนักลงทุนชาวจีนอย่างเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งก็มีรายงานมาว่านักลงทุนจีนบางรายยอมทิ้งเงินดาวน์ 20% เลยทีเดียว เนื่องจากมองว่าอสังหาฯไทยไม่คุ้มค่าในการลงทุนอีกต่อไป
ปัญหาเก่ายังไม่คลี่คลาย ปัญหาใหม่ก็แพร่ระบาดเข้ามา
“ต้องจับตาการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาจะยืดเยื้อยาวนานแค่ไหน หากสถานการณ์สามารถควบคุมได้อย่างรวดเร็วในช่วงไม่เกิน 1 ไตรมาส ผลกระทบที่จะเห็นได้อย่างชัดเจนคือภาคการท่องเที่ยวและธุรกิจที่พัก”
ก่อนที่ นายภัทรชัย ทวีวงศ์ รองผู้อำนวยการแผนกวิจัยและการสื่อสาร บริษัท คอลลิเออร์ส อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย จำกัด จะกล่าวต่อ “แต่ถ้าสถานการณ์ยืดเยื้อมากกว่า 2 ไตรมาสขึ้นไป แน่นอนว่าภาคอสังหาริมทรัพย์จะค่อนข้างได้รับกระทบอย่างแน่นอน”
การประเมินของนายภัทรชัยนี้สอดคล้องกับของ นายสุรเชษฐ กองชีพ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟินิกซ์พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลอปเม้นท์ แอนด์ คอนซัลแทนซ์ จำกัด “หวังว่ารัฐบาลจีนจะสามารถหยุดวิกฤตไวรัสโคโรนาลงในเวลารวดเร็วไม่เกินช่วงไตรมาส 1 เพราะยังทำให้ผู้ประกอบการมีเวลาในการกระตุ้นตลาดอีก 3 ไตรมาสที่เหลือของปี”
นายสุรเชษฐ ยังให้ความเห็นอีกว่า “แต่หากปัญหาดังกล่าวยังลุกลามไปจนถึงไตรมาส 2 เชื่อว่าไทยจะได้รับผลกระทบอย่างมากเพราะจีนถือเป็นกำลังซื้อหลัก ซึ่งไทยพึ่งตลาดจีนในหลายเรื่อง”
ผลกระทบต่อตลาดอสังหาฯ มี 2 ด้าน ทั้งดีและร้าย
เว็บไซต์ REIC รายงานถึงการประเมินไวรัสโคโรนาต่อตลาดอสังหาฯไทยไว้ 2 ด้าน ด้านแรกคือ คนจีนจะไม่สามารถซื้อคอนโดไทยได้ ซึ่งสถานการณ์นี้คงไม่ต่างจากเหตุการณ์ก่อนไวรัสโคโรนาระบาดที่นักลงทุนจีนทิ้งเงินดาวน์ 20% แต่คงถึงคราวอวสานนักลงทุนจีนในตลาดคอนโดไทยอย่างเป็นทางการ
อย่างไรก็ตามผู้พัฒนาอสังหาฯ บางโครงการก็ไม่ได้เน้นทำการตลาดกับนักลงทุนจีนแล้วในปีนี้ เช่น LPN ที่มีเพียงโครงการย่านมักกะสัน จำนวน 200 กว่ายูนิต ที่นำไปขายที่ประเทศจีนและปัจจุบันโอนไปหมดแล้ว
ผลกระทบอีกด้านหนึ่งคือผลกระทบด้านบวกในตลาดอสังหาฯไทย หากมองกลับกันจะพบว่า ก่อนหน้าไวรัสโคโรนาระบาด ในประเทศจีนก็มีการระบาดของโรคซาร์ส นี่อาจเป็นเหตุการณ์ที่กระตุ้นให้ชาวจีนซื้ออสังหาฯไทยเพื่อเป็นบ้านหลังที่สองและมาอยู่ไทยกันมากขึ้น เนื่องจากประเทศจีนมีการระบาดของโรคร้ายอยู่บ่อยครั้ง
ทั้งนี้นี่เป็นเพียงแค่การประเมินเบื้องต้นเท่านั้น เพราะอย่างไรก็ตามนักลงทุนจีนชาวจีนก็ยังไม่สามารถหนีปัจจัยลบบางปัจจัยที่ยังมีอยู่ในปัจจุบันได้ นอกจากนั้นเหล่าผู้พัฒนาอสังหาฯก็มีแนวโน้มจะเน้นไปที่กลุ่มลูกค้า Real Demand ที่เป็นคนไทยมากขึ้น
อย่างไรก็ตามทางเอสโตก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทั้งจีนและไทยจะสามารถหยุดยั้งไวรัสโคโรนาได้เร็วที่สุด ก่อนที่ไวรัสนี้จะกระทบกับทุกภาคส่วน โดยเฉพาะสุขภาพของประชาชน