Once upon the time กาลครั้งนี้ที่ ‘จรัญฯ’ 2 เรื่องราวริมน้ำ ผ่านไลฟ์สไตล์ไร้ขีดจำกัด...
24 September 2562
: Time and tide wait for no man เวลาและวารีไม่เคยคอยใคร
แล้วทำไมเราจะต้องหยุดนิ่งปล่อยเวลาให้หมุนผ่านไปเฉย ๆ ในเมื่อเราเองก็สามารถเลือก และออกแบบไลฟ์สไตล์ของตัวเองได้ ไม่ต่างกับสายน้ำที่เคลื่อนไหวอยู่ตลอดเวลา เป็นอิสระจากทุกสิ่ง
อย่างฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยา ‘จรัญสนิทวงศ์-บางพลัด-ปิ่นเกล้า’ ที่ทุกวันนี้ก็ได้ลบภาพย่านที่เคยอยู่ไกล ให้มีสีสันชีวิตที่คัลเลอร์ฟูลมากขึ้น สลับซ้อนทับกับความเจริญตั้งแต่อดีตที่ยังคงมีให้เห็นอยู่ตลอดทาง พอให้เราหายคิดถึง
Enjoy your everyday ที่ 'เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า' สวรรค์ของนักกิน นักชอป
ภายในเต็มไปด้วยร้านสินค้าแบรนด์ดังหลากหลายสไตล์ ทั้งเสื้อผ้า, กระเป๋า, ของประดับแฟชัน, เครื่องสำอางค์ ให้เราได้เดินชอปกันแบบจัดเต็มตั้งแต่ชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 6 เลย
หรือขยับไปอีกหน่อยก็จะเจอร้านแฟชันแนว Street สำหรับวัยรุ่น นักศึกษาอยู่ค่อนข้างเยอะ ราคาน่ารัก เหมาะจะมาเดินเล่นในช่วงเย็น หรือช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์นี้
เอาใจสายหวานกันต่อด้วยร้านขนมของหวานสไตล์ POP-UP เก๋ ๆ ที่มีให้ชิมอยู่หลายร้านทั้งไอติม, ชานมไข่มุก, สมูทตี้, ขนมเค้กในราคาที่ไม่แพงนัก เรียกว่าเป็นสวรรค์ของนักชิมเลยก็ว่าได้
ส่วนใครที่อยากหาที่นั่งชิลล์ ๆ ภายในห้างก็มีร้านกาแฟ และคาเฟ่ไว้ให้เรานัดเพื่อนออกมานั่งเล่น พูดคุยแชร์เรื่องราวของกันและกัน หรือจะใช้เป็นที่นั่งคุยงานก็ดูผ่อนคลายไปอีกแบบ
ใกล้กับเซ็นทรัล ปิ่นเกล้าก็จะมีห้างสรรพสินค้าอย่าง “เทสโก้ โลตัส” และ “เมเจอร์ ปิ่นเกล้า” ให้เลือกเดินด้วย เผื่อพ่อบ้านแม่บ้านคนไหนอยากซื้อหาข้าวของเครื่องใช้, อาหารแห้ง, ของสดกลับไปที่ห้องก็สะดวกสบาย
และที่สำคัญภายในเดือนมีนาคม 2563 ก็กำลังจะมีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายน้ำเงิน สถานีบางพลัด เปิดให้บริการ จึงทำให้บางพลัดกลายเป็นหนึ่งทำเลน่าอยู่อาศัย ใกล้ความสงบ แต่ไม่ห่างไกลความเจริญ เพราะเราจะสามารถตรงเข้าสู่สถานีกลางบางซื่อได้ใน 4 สถานี และมีสถานีเตาปูน อินเตอร์เชนจ์ให้ใช้เชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายสีม่วงได้อีกด้วย
เชื่อมต่อความศิวิไลซ์รูปแบบใหม่
สู่ความเรียบง่ายที่ดีต่อใจ
เมื่อข้ามสะพานซังฮี้มาก็จะเริ่มเข้าสู่เขตพระนครที่บริเวณแยกซังฮี้ และให้เราเชื่อมต่อไปยังฝั่งพญาไท-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้ง่าย ๆ แค่วิ่งตรงไปบนถนนราชวิถีเท่านั้น
แวะดูงานศิลป์ เคล้ากลิ่นกาแฟที่คาเฟ่ร่วมสมัย 'บ้านอาจารย์ฝรั่ง'

แต่ก่อนจะออกเดินทางต่อก็ขอแวะจิบกาแฟ ชมงานศิลปะกันที่ “บ้านอาจารย์ฝรั่ง” คาเฟ่บ้านเก่าทรงยุโรปอายุร่วมร้อยปีของ ‘อาจารย์ศิลป์ พีระศรี’ ครูผู้เป็นบิดาแห่งวงการศิลปะร่วมสมัย โดยบ้านหลังนี้ก็ได้บอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านโครงสร้างสถาปัตยกรรมสไตล์ตะวันตก ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในสมัยรัชกาลที่ 5 - 6
ถึงด้านนอกจะถูกทาสีใหม่ แต่ภายในก็ยังอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของความทรงจำที่หลงเหลือมาจากบ้านหลังเดิม ก่อนจะเพิ่มเติมด้วยเฟอร์นิเจอร์ร่วมสมัย ที่ทางร้านได้เลือกใช้ไม้เป็นวัสดุหลัก เพื่อให้ความกลมกลืน ดูผ่อนคลาย ยิ่งบวกกับสถานที่โล่งกว้าง มีแสงธรรมชาติส่องถึงทุกมุม ก็ยิ่งทำให้คาเฟ่แห่งนี้อบอุ่น และน่านั่งมากขึ้น
เปิดตัวอย่างสวยงามด้วย ‘Black Coffee Mojito (135 บาท)’ ที่เกิดจากการผสมกันของน้ำมะขามกับเอสเพรสโซ่ ที่ให้รสชาติขมอมเปรี้ยว ออกหวานนิด ๆ ดื่มแล้วสดชื่น โดยกาแฟแก้วนี้จะค่อนข้างเบา แม้แต่คนที่เริ่มดื่มกาแฟก็ยังทานได้สบาย ส่วนเหตุผลที่ใช้น้ำมะขามมาเป็นตัวชูโรง ก็อาจมาจากความชื่นชอบในการดื่มน้ำมะขามของอาจารย์ศิลป์นั่นเอง
ซึ่งไม่ใช่แค่กาแฟเท่านั้นที่น่าสนใจ แต่เมนูอื่น ๆ ก็มีความครีเอทไม่แพ้กัน โดยเฉพาะ ‘Scone (150 บาท)’ ที่เสิร์ฟคู่กับแยมซอสมะขาม และครีมสดเนื้อเนียน
ตัวสโคนหอมกลิ่นเนย ยิ่งทานตอนร้อน ๆ เอาออกจากเตาใหม่ ๆ ยิ่งละมุน ด้วยเนื้อแป้งที่ค่อนข้างนิ่มจนใช้ช้อนตักลงไปได้ง่าย พอรวมกับแยมซอสมะขามที่ให้รสเปรี้ยวนำ แล้วปาดครีมลงไปอีกหน่อย บอกเลยว่า… ทุกอย่างดูลงตัวกันมากเมื่ออยู่ในปาก
นอกจากนี้ที่ร้านยังมีขนมเค้ก, อาหาร, ของว่างสไตล์โฮมเมดอีกหลายเมนู ให้เราเลือกชิมอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์ หากใครชอบชิ้นไหนก็สามารถเดินไปสั่งมาลองกันได้เลย และไม่อยากจะบอกว่า ครัวซองค์ชิ้นนั้นหอมมาก ถ้าได้ทานคู่กับลาเต้ร้อน หรือชาร้อนอีกสักแก้ว คงอร่อยน่าดู
อิ่มท้องแล้วไปอิ่มใจกันต่อบนชั้น 2 ของคาเฟ่ ที่จัดแสดงผลงานศิลปะทั้งภาพพิมพ์, ภาพวาด และภาพถ่ายของอาจารย์ศิลป์ พีระศรีเอาไว้มากมาย
โดยชั้นนี้จะให้อารมณ์เหมือนเป็นแกลอรี่ขนาดย่อม ที่รอให้ทุกคนขึ้นมาซึมซับ และนึกถึงครูศิลปะท่านนี้อยู่ตลอดเวลา พร้อมทั้งให้ความรู้สึกอบอุ่นและใกล้ชิด เมื่อเราลองคิดเล่น ๆ ว่ากำลังเดินอยู่ในบ้านที่ศิลปินผู้เป็นแบบอย่างของนักศิลปะรุ่นใหม่ ก็เคยเดินผ่านบริเวณนี้เช่นกัน
Facebook : Craftsman x บ้านอาจารย์ฝรั่ง
เบอร์โทร : 065 234 0044
ใกล้ชิดความเจริญ 2 ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ทั้งอบอุ่น และน่าสัมผัส
ใกล้กันจะมี “โรงเรียนราชินีบน” ตั้งอยู่ด้วย และหากเราวิ่งต่อไปบนถนนสามเสน ผ่านสี่แยกบางกระบือไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอแยกเกียกกายที่เชื่อมต่อกับถนนประชาราษฎร์สาย 1 ช่วยพาเราเข้าสู่ตัวเมืองนนทบุรีได้สะดวก ส่วนที่มาที่ไปว่าทำไมถึงต้องเป็น “บางกระบือ” นั่นก็เพราะสมัยรัชกาลที่ 5 บริเวณนี้เคยถูกใช้เป็นจุดซื้อขายวัวควายกันนั่นเอง
และหากถามว่า ‘เทเวศร์’ มีเรื่องราวอะไรน่าสนใจอีกบ้าง ก็ต้องบอกเลยว่า… บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของวังเทเวศร์ ที่ประทับแห่งต้นราชสกุลกิติยากร ซึ่งปัจจุบันได้มีการอนุรักษ์ส่วนของพระตำหนักใหญ่เอาไว้ ในชื่อของบ้านบรรทมสินธุ์ พร้อมปรับปรุงพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นสำนักงานของอธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์นั่นไงละ นอกจากนี้เรายังสามารถข้ามสะพานพระราม 8 เพื่อกลับไปยังฝั่งธนบุรีได้อีกด้วย
“สนใจมาเติมพลังก่อนกลับห้องด้วยกันไหม” โดยมื้อเย็นของเราจะเป็นร้านอาหารริมน้ำ บรรยากาศสบาย ๆ ที่หาได้มากมายในย่านจรัญสนิทวงศ์-บางพลัด อย่าง The Water Front ร้านอาหารริมแม่น้ำเจ้าพระยา ติดเชิงสะพานซังฮี้ ที่ภายในแบ่งออกเป็น 2 ส่วน มีทั้งส่วน Indoor และ outdoor ให้เลือกนั่ง แต่เพราะวันนี้อากาศกำลังดี เลยขอออกไปนั่งรับลมที่ด้านนอกดีกว่า
นอกจากวิวจะดีแล้ว หน้าตาอาหารยังน่าทานจนต้องขอสั่งมาชิมทีเดียว 3 เมนู เป็นเมนูไทย ๆ รสชาติจัดจ้าน อย่าง ห่อหมกทะเล, ปูนิ่มผัดฉ่า และยำทะเลพิโรธ
สำหรับจานสุดท้ายจะมาพร้อมกลิ่นหอมของเครื่องเทศพริกไทยอ่อน, ใบกะเพรา และกระชาย ซึ่งเป็นเอกลักษณ์เมนูผัดฉ่า พอนำมาผัดกับปูนิ่นกรอบ ๆ ก็จะยิ่งทำให้สัมผัสของ 'ผัดฉ่าปูนิ่ม' จานนี้แตกต่างไปจากเดิม ตัวปูไม่อมน้ำมัน ได้รสเผ็ดร้อนถึงเครื่อง
ส่วนใครที่ยังไม่อยากกลับห้อง ก็แวะมาเดินย่อย และเฝ้าคอยพระอาทิตย์ลับขอบน้ำบนสะพานซังฮี้ก่อนได้ แถมยังไม่ต้องกลัวเหงา เพราะเราจะมีเพื่อนเดินด้วยตลอดทาง บ้างก็เดินสวนกับคุณพ่อคุณแม่ไปรับลูกหลานที่เรียนอยู่อีกฝั่งแม่น้ำ บ้างก็เจอคนกำลังยืนอยู่ดูท้องฟ้าเปลี่ยนสี บ้างก็เจอกลุ่มเพื่อนที่ชวนกันขึ้นมาถ่ายรูปเล่น เหมือนเป็นวิถีชีวิตเล็ก ๆ ที่แสนเรียบง่ายของคนย่านนี้
พร้อมโลเคชันสุดแสนสะดวกสบาย สามารถเข้า-ออกเมืองได้หลากหลายเส้นทางทั้ง ใกล้รถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน (อนาคต) สถานีบางพลัด 295 เมตร, ท่าเรือพายัพ 550 เมตร และทางด่วนศรีรัช 2.5 กิโลเมตร
นอกจากนี้ยังสามารถช่วยให้ทุกคนเข้าถึงสถานที่ทำงาน, สถานที่สำคัญ ตลอดจนไลฟ์สไตล์ที่ชอบได้ทั้ง 2 ฝั่งเมือง ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหาร, ศูนย์การค้า, คาเฟ่ และแหล่งชอปปิง....
- Tesco Lotus บางพลัด : 140 เมตร
- Yanhee Hospital : 1.4 กิโลเมตร
- Supreme Complex : 1.8 กิโลเมตร
- Faculty of Medicine Vajira Hospital : 1.9 กิโลเมตร
- Saint Gabriel's College : 2.5 กิโลเมตร
- Suan Sunandha Rajabhat University : 2.5 กิโลเมตร
- St. Francis Xavier Convent School : 2.6 กิโลเมตร
- Major Pinklao : 3.3 กิโลเมตร
- Tesco Lotus Pinklao : 3.5 กิโลเมตร
- Central Pinklao : 3.7 กิโลเมตร
จากข้อมูลเท่าที่ทราบมา โครงการ Ideo Charan 70-Riverview จะมี layout ห้องที่หลากหลายตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าได้อย่างดีเลย โดยเริ่มต้นที่ ห้อง Studio / 1 Bed / 1 Bed Plus / 2 Beds / Hybrid ซึ่งวันนี้เราก็ได้นำบรรยากาศห้อง Hybrid มาให้ชมกัน ซึ่งเป็นรูปที่โครงการหลุดออกมา โดยตำแหน่งนี้อยู่ในชั้น 33 ขึ้นไป เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสประสบการณ์ใหม่กับ Living เพดานสูง 4.55 เมตร พร้อมด้วยวิวแม่น้ำตัดเส้นขอบฟ้าในเวลาเดียวกัน