กรุงอัมสเตอร์ดัม ยังถือเป็นที่เลื่องลือในด้านการเป็นเมืองตัวอย่างตามแบบ Smart City โดยให้ความสำคัญในเรื่อง Internet of Things และ Big Data ซึ่งทำให้ทั้งภาครัฐและเอกชนมีโปรเจ็กต์ที่ทำมาใช้พัฒนาเมืองให้ทันสมัยมากกว่า 170 โครงการ ซึ่งมุ่งเน้นแก้ปัญหาเรื่องรถติด ประหยัดพลังงาน และพัฒนาสภาพความปลอดภัยของประชาชนเป็นสำคัญ
ปกติเราจะรู้จักกับ Barcelona ในด้านกีฬาฟุตบอล แต่ในแง่ของการพัฒนาประเทศเอง Barcelona ก็มีเป้าหมายที่จะพัฒนาให้เมืองทั้งเมืองกลายเป็น Digital City ที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามารองรับการสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการใช้ชีวิตของผู้คน โดยปลูกฝังให้ประชาชนคุ้นดเคยกับการใช้เทคโนโลยีออกเป็น 3 ด้าน ดังนี้
หากข้ามมาทางฝั่งเอเชียใกล้ๆ กับบ้านเรา ตัวอย่างของประเทศที่สร้างให้เมืองเป็น Smart City ที่เป็นรูปธรรมแบบเห็นได้ชัดเห็นจะเป็นประเทศสิงคโปร์ ซึ่งมีแผนที่จะพัฒนาประเทศให้เป็นเมืองแห่งนวัตกรรม หรือที่เรียกกันว่า Smart Nation ที่เน้นการรวบรวมข้อมูล Open Government Data ที่ให้ประชาชน และภาคเอกชนเข้าถึงข้อมูลของรัฐ แต่ก็ยังให้ค่าความสำคัญในเรื่องความปลอดภัยด้านข้อมูลที่ต้องสูงสำหรับประชาชน
สำหรับประเทศไทยเองก็มีแผนสำหรับการพัฒนาในแต่ละจังหวัดสู่การเป็น Smart City อย่างในกรุงเทพมหานครเอง ก็ถือเป็นเมืองในกลุ่ม Prime Mover ที่ระบบโครงสร้างทางกายภาพและสังคมส่วนใหญ่มีความพร้อมอยู่แล้ว แต่มักถูกใช้งานเกินขีดความสามารถ ทำให้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิต
ซึ่งถ้าเราสามารถนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้เพื่อจัดการปัญหาให้รองรับต่อผู้คนที่มีอยู่เป็นจำนวนมากได้ รวมถึงทำให้ทุกคนในประเทศสามารถเข้าถึงเทคโนโลยีที่ช่วยแก้ไขในเรื่องนี้ได้ กรุงเทพก็จะกลายเป็น Smart City ที่ทุกคนรอคอยอย่างแน่นอน
ภูเก็ตเมืองต้นแบบของ Smart City ที่ทุกคนควรจับตามอง
แต่สำหรับจังหวัดในประเทศไทยที่เริ่มเข้าสู่ความเป็น Smart City ที่ใกล้เคียงที่สุดเห็นจะเป็นจังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นจังหวัดนำร่องในการสร้างเมืองน่าอยู่ให้เห็นเป็นรูปธรรม