รูปบทความ Smart Cities แท้จริงคืออะไร? คุ้นชื่อแต่ทำไมไม่ค่อยได้สัมผัส

Smart Cities แท้จริงคืออะไร? คุ้นชื่อแต่ทำไมไม่ค่อยได้สัมผัส

การที่จะทำให้คนไทยอินและเข้าใจกับคำว่า Smart Cities นั้น อันดับแรกควรจะปูพื้นฐาน เล่าถึงที่มาที่ไปของ Smart Cities เสียก่อน ว่าที่จริงแล้วคืออะไร มีความหมายอย่างไรกันแน่


แนะนำ 'Smart Cities เมืองอัจฉริยะ' ให้คนทั่วไปรู้จัก

สำหรับ "เมืองอัจฉริยะในประเทศไทย" จะหมายถึง เมืองที่รู้จักใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ทันสมัยได้อย่างชาญฉลาด โดยเน้นการออกแบบที่ดี ควบคู่ไปกับการมีส่วนร่วมของภาคธุรกิจและประชาชนในการพัฒนาเมือง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของการบริหารจัดการ, การให้บริการ และการใช้ทรัพยากรภายในเมืองนั้น ๆ ได้อย่างคุ้มค่า ภายใต้แนวคิดการพัฒนา เมืองทันสมัน น่าอยู่ ไปพร้อม ๆ กับในประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี สุขอย่างยั่งยืนนั่นเอง


ที่มา: www.depa.or.th/th/smartcity


: อยากเป็น 'เมืองอัจฉริยะ' ต้องเข้าเกณฑ์ 7 มิติ

การจะถูกยกให้เป็น 'เมืองอัจฉริยะในไทย' ได้นั้น จะต้องมีความพร้อมหลายด้าน โดยลักษณะของการพัฒนา Smart Cities จะมีอยู่ 7 ด้านสำคัญ ได้แก่....


  • ด้านสิ่งแวดล้อม : อันดับแรกเมืองนั้นต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงของภูมิอากาศเป็นสำคัญ โดยจะนำเทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามาช่วยอย่างเป็นระบบ เช่น การจัดการน้ำ, การจัดการของเสีย, การดูแลสภาพอากาศ ไปจนถึงการเฝ้าระวังเกี่ยวกับภัยพิบัติ พร้อมเพิ่มการมีส่วนรวมของคนในเมืองให้ช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
  • ด้านเศรษฐกิจ : เมืองที่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลมาสร้างมูลค่าในระบบเศรษฐกิจ พร้อมทั้งบริหารจัดการทรัพยากรต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นเมืองท่องเที่ยวอัจฉริยะ หรือเมืองเกษตรอัจฉริยะก็ได้ทั้งนั้น 
  • ด้านการเดินทางและขนส่งอัจฉริยะ : เมืองที่รู้จักพัฒนา และเพิ่มศักยภาพการเชื่องโยงโครงข่ายระบบขนส่งให้หลากหลาย เพื่อความสะดวกและความปลอดภัยในการเดินทาง เป็นตัวขับเคลื่อนให้ประเทศเกิดการพัฒนา ขณะเดียวกันก็ต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วย
  • ด้านพลังงาน : เมือง ๆ นั้นต้องสามารถสร้างความสมดุลระหว่าง 'การผลิต' และ 'การใช้พลังงานในพื้นที่' ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อก่อให้เกิดความมั่นคงด้านพลังงาน และลดการใช้พลังงานจากระบบไฟฟ้าหลัก
  • ด้านพลเมือง : การจะเป็นเมืองอัจฉริยะได้ จะต้องเริ่มที่ตัวพลเมืองของพื้นที่นั้น ๆ โดยการพัฒนาองค์ความรู้ ทักษะ และสิ่งแวดล้อมให้เอื้อต่อการเรียนรู้ของประชาชน ตลอดจนลดความเหลื่อมล้ำในสังคม พร้อมเปิดกว้างทางด้านความคิด นวัตกรรม โดยให้ทุกคนมีส่วนรวมในการพัฒนาเมืองร่วมกัน
  • ด้านการดำรงชีวิต : แน่นอนว่า พื้นฐานการดำรงชีวิตเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เมืองพัฒนา โดยให้คำนึงถึงหลัก Universal Design หรืออารยสถาปัตย์เป็นหลัก เพื่อให้ประชนทุกคนมีสุขภาวะที่ดี
  • ด้านการบริหารภาครัฐ : ระบบบริการของภาครัฐเองก็ต้องได้รับการจัดการ โดยนำนวัตกรรมบริการมาประยุกต์ใช้ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน สามารถเข้าถึงข้อมูล ข่าวสารได้อย่างโปร่งใสและมีส่วนรวม


ปัจจุบันประเทศไทยก็มีแผนการขับเคลื่อน และพัฒนาเมืองอัจฉริยะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อย่างในปี 2561 - 2562 ที่ผ่านมา ก็มีเมืองเข้าร่วมโครงการ Smart Cities อยู่ 10 เมืองในพื้นที่ 7 จังหวัด ได้แก่ ภูเก็ต, ขอนแก่น, เชียงใหม่, ชลบุรี, ระยอง, ฉะเชิงเทรา และกรุงเทพมหานครนี่เอง



: ตามรอย Phuket Smart City ต้นแบบเมืองอัจฉริยะ


ที่มา: ถอดบทเรียน SMART PHUKET เส้นทางสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ


หลายคนอาจจะยังไม่เห็นภาพชัด ว่าจริง ๆ แล้ว Smart City ควรเป็นอย่างไร มีหน้าตาเปลี่ยนไปขนาดไหน ซึ่ง 'เมืองภูเก็ต' เองก็เป็นตัวอย่างที่ดี ที่นำร่องโครงการเมืองอัจริยะ เพื่อการท่องเที่ยวที่ยั่งยืน (Sustainable Tourism)


ที่มา: ถอดบทเรียน SMART PHUKET เส้นทางสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ


มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านระบบขนส่งมวลชน, ให้บริการ Free WiFi ความเร็วสูงกว่า 1,000 จุด และโครงข่าย LoraWAN กับ NB-loT ประกอบกับการต่อยอดสู่ Intelligent Operation Center มีการเชื่อมโยงข้อมูลนักท่องเที่ยวเพื่อความสะดวกสบาย


ที่มา: www.tkpark.or.th

จนตอนนี้อาจเรียกได้ว่า 'ภูเก็ต' เป็นเมืองใหญ่ที่ทันสมัยเกือบเทียบเท่ากรุงเทพฯ มีการพัฒนาด้านไอที เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการยกระดับความเป็นอยู่ของชุมชน ภายใต้มีเป้าหมายที่ต้องการจะเป็นเมืองที่มีความสุข, ฉลาด และยั่งยืน (Smile Smart และ Sustainable) นั่นเอง



แล้วถ้าอยากเป็น 'เมืองอัจฉริยะ' กับเขาบ้าง?

ซึ่งการจะเป็นเมืองอัจฉริยะนั้น ไม่ใช่อยู่ ๆ จะเป็นได้เลยอย่างที่บางคนเข้าใจ แต่จะต้องยื่นใบสมัครกับเขาเหมือนกัน โดยข้อกำหนดเบื้องต้นในการเข้าชิงเป็นเมืองอัจฉริยะ จะต้องผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ด้านบนอย่างน้อย 2 ด้าน **และต้องมี Smart Environment ด้านสิ่งแวดล้อมเป็นด้านบังคับด้วย**


สำหรับคุณสมบัติผู้ประกวดเป็นเมืองอัจฉริยะนั้น จะมีประเภท 3 ข้อใหญ่ ๆ คือ

  1. หน่วยงานของรัฐ เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ
  2. หรือหน่วยงานของรัฐ ร่วมมือกับภาคเอกชนที่จดทะเบียนในไทย (ในรูปแบบการร่วมลงทุน)
  3. หน่วยงานเอกชนที่จดทะเบียนในไทย และมีเอกสิทธิ์ในพื้นที่ รวมถึงโครงการนั้นต้องผ่านการรับฟังความคิดเห็นในพื้นที่แล้วด้วย


ถึงการเป็น เมืองอัจฉริยะ หรือ Smart Cities จะไม่ได้ง่ายขนาดที่แค่ใส่ชื่อห้อยท้ายแล้วจะเป็นกันได้ แต่ก็นับเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่แสดงให้เห็นว่า หลายเมืองในไทยกำลังให้ความสำคัญกับการพัฒนา และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น  ซึ่งเป็นที่น่าดีใจเพราะช่วงปี 2562 -2563 ก็มีเมืองอัจฉริยะเพิ่มขึ้นเป็น 30+ เมือง 24+ จังหวัด กระจายอยู่ทุกภาคของประเทศ


ลองคิดเล่น ๆ ว่า ถ้าทุกจังหวัดมีการปรับตัวเป็นเมืองอัจฉริยะทั้งหมด ประเทศคงพัฒนาไปได้มาก หากข้อมูลทุกอย่างเชื่อมโยงถึงกัน ทั้งระบบคมนาคมและขนส่งมวลชน, เศรษฐกิจและเทคโนโลยี, สิ่งแวดล้อมกับการท่องเที่ยว ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้คงจะช่วยขับเคลื่อนสังคมไทยให้เกิดความเท่าเทียม สามารถก้าวไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยื่น




ข้อมูลอ้างอิง :

www.tkpark.or.th

http://www.depa.or.th/th/smartcity

ถอดบทเรียน SMART PHUKET เส้นทางสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ



เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร...?

Related Stories

Esto Talks

See All >

Living out loud

Living out loud : VANA RESIDENCE พระราม 9 - ศรีนครินทร์