#saveเงินในกระเป๋า ด้วยวิธีประหยัดพลังงานง่าย ๆ
21 February 2563
ตอนนี้ไม่ว่าที่ไหนก็รณรงค์ลดการใช้ไฟฟ้ากันอย่างเต็มที่ เพราะนอกจากจะช่วยลดโลกร้อนแล้ว ยังช่วยลดรายจ่าย เพิ่มเงินในกระเป๋าให้เราได้ด้วยนะ วันนี้เอสโตเลยจะมาขอแนะนำ "วิธีประหยัดพลังงาน แล้วเปลี่ยนมาเพิ่มเงินเก็บในกระเป๋าแบบง่าย ๆ" ด้วยหลักการใช้งาน และดูแลรักษาเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและคอนโดกัน....
1. saveเงินในกระเป๋า ด้วยวิธีประหยัดพลังงาน จากเครื่องปรับอากาศ
ขอเริ่มด้วย 'เครื่องปรับอากาศ' กันก่อนเลย เพราะด้วยอากาศแบบบ้านเรา พอกลับเข้าห้องปุ๊บใคร ๆ ก็คงอยากกดเปิดแอร์ แล้วรีบปรับอุณหภูมิให้เย็นฉ่ำแบบทันใจ แต่!! การกระทำแบบนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรทำเด็ดขาด เพราะนอกจากจะใช้พลังงานอย่างฟุ่มเฟื่อยแล้ว ยังเป็นการเพิ่มค่าไฟแบบพุ่งพรวด ดังนั้น วิธีประหยัดพลังงานง่าย ๆ ก็แค่หันมาปรับอุณหภูมิแอร์ไม่ให้ต่ำกว่า 26 องศานั่นเอง
ส่วนใครที่กำลังจะติดตั้งเครื่องปรับอากาศตัวใหม่ ก็ควรเลือกขนาดที่เหมาะสมกับห้องที่จะติดตั้ง เช่น ห้องที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก อย่าง ห้องนอน ห้องอ่านหนังสือ อาจเลือกเครื่องปรับอากาศขนาด 9,000 BTU ก็เพียงพอแล้ว อีกทั้งควรติดตั้งเครื่องในระดับความสูงที่พอเหมาะ เพื่อให้เครื่องสามารถระบายความร้อนออกทางด้านหลังได้สะดวกด้วย
วิธีประหยัดพลังงานอีกทางหนึ่ง ก็คือ การติดตั้งเครื่องปรับอากาศในตำแหน่งที่ลมเย็นจะออกมาในบริเวณที่เราอยู่ เช่น เตียง โซฟา ฯ เพื่อที่เราจะได้รับความเย็นโดยตรง แล้วอย่าลืมหมั่นทำความสะอาด 'แผ่นกรองอากาศ' กับ 'แผงระบายความร้อน' เพื่อไม่ให้แอร์ต้องทำงานหนักจนเกินไป ที่สำคัญ! อย่าเผลอเปิดเครื่องทิ้งไว้เล่น ๆ ระวังเงินเก็บในกระเป๋าจะหายไปไม่รู้ตัว
2. saveเงินในกระเป๋า ด้วยวิธีประหยัดพลังงาน จากตู้เย็น
'ตู้เย็น' ก็เป็นอีกเครื่องใช้ไฟฟ้าที่มีใช้กันทุกบ้าน ฉะนั้น เวลาจะหยิบหรือแช่ของอะไรก็ควรปิดให้สนิท ส่วนวิธีประหยัดพลังงานง่าย ๆ ก็แค่คอยตรวจเช็คยางขอบประตูของตู้เย็น ว่ามีจุดไหนรั่วหรือหลุดลอกบ้างรึป่าว หากพบปัญหาก็ควรรีบเปลี่ยนทันที เพราะความเย็นจะรั่วไหลออกมาภายนอก ทำให้ตู้เย็นจะต้องใช้พลังงานไฟฟ้ามากกว่าปกติ
ส่วนของที่จะนำไปแช่ตู้เย็นก็ไม่ควรเป็นของร้อน และไม่ควรให้ของในตู้เย็นมีจำนวนมากเกินไป ควรเก็บเฉพาะของที่จำเป็น เพื่อช่วยไม่ให้ตู้เย็นทำงานหนักจนเเกินไป วิธีประหยัดพลังงานอีกอย่าง คือ การตั้งตู้เย็นให้ห่างจากผนังประมาณ 15 เซนติเมตร และหมั่นทำความสะอาดแผงความร้อนด้านหลังตู้เย็นเป็นประจำ อย่าให้มีฝุ่นเกาะหนา เพื่อให้ตู้เย็นระบายความร้อนได้ดี เป็นการยืดอายุการใช้งานของตู้เย็นให้อยู่กับเราไปได้นาน ๆ
3. saveเงินในกระเป๋า ด้วยวิธีประหยัดพลังงาน จากหม้อหุงข้าว
ตราบใดที่เราจะทานข้าว... สิ่งที่มีติดบ้านหรือคอนโดก็คงเป็น 'หม้อหุงข้าว' ที่ควรเลือกขนาดให้เหมาะสมกับการใช้งาน และการหุงข้าวแต่ละครั้งก็ควรกะปริมาณให้พอดีกับจำนวนสมาชิก แล้วอย่าลืมปิดฝาหม้อให้สนิทด้วยนะ
สำหรับหม้อหุงข้าวไฟฟ้าบางรุ่นมักจะมีระบบอุ่นร้อนอยู่ตลอดเวลา นั่นก็เท่ากับว่าเราต้องใช้พลังงานไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน ฉะนั้นเมื่อข้าวสุกแล้วควรถอดปลั๊กออก เพื่อเป็นวิธีประหยัดพลังงานที่ทำได้ทุกวัน
4. saveเงินในกระเป๋า ด้วยวิธีประหยัดพลังงาน จากเครื่องซักผ้า
'เครื่องซักผ้า' สิ่งที่ช่วยอำนวยความสะดวกให้กับทุกบ้าน ซึ่งมีวิธีประหยัดพลังงานง่าย ๆ แค่เลือกใส่ผ้าลงไปในเครื่องให้พอดีกับที่ตัวระบุไว้ หรือถ้าใครมีเสื้อผ้าที่ต้องการจะซักเพียงไม่กี่ชิ้น ก็ควรเปลี่ยนไปซักมือแทนจะดีกว่า
และสำหรับเครื่องซักผ้าเครื่องไหนที่มีระบบปรับอุณหภูมิเป็นน้ำร้อนได้ ก็แนะนำให้ปรับเป็นน้ำร้อนเฉพาะตอนซักเสื้อผ้าที่มีรอยเปื้อนจากไขมันก็พอ จะได้ช่วยประหยัดพลังงานลงไปได้อีกเยอะเลย
5. saveเงินในกระเป๋า ด้วยวิธีประหยัดพลังงาน จากเตารีด
หลังจากซักผ้า ตากผ้าเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลารีดผ้ากันแล้วล่ะ โดย 'เตารีด' สมัยนี้จะมีให้เลือกทั้งแบบธรรมดาที่ให้ความร้อนเพียงอย่างเดียว กับเตารีดแบบไอน้ำที่ไม่ต้องคอยพรมน้ำก่อนรีดให้วุ่นวาย
แต่ไม่ว่าจะเเลือกแบบไหน วิธีประหยัดพลังงานที่ดีที่สุด ก็คือ การหมั่นตรวจเช็คสภาพการใช้งาน ตลอดจนสายไฟต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้ ไม่มีร่องรอยความเสียหาย เนื่องจากจะเป็นการไปเพิ่มการใช้พลังงานไฟฟ้า ทั้งยังอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ด้วย
นอกจากนี้ การรีดผ้าแต่ละครั้งก็กินไฟมากนัก ฉะนั้นแนะนำให้รีดครั้งละมาก ๆ ไม่ควรรีดทีละแค่ 2-3 ตัว และวิธีประหยัดพลังงานในการรีดผ้าทุกครั้งก็ควรปรับความร้อนให้เหมาะสมกับเนื้อผ้าแต่ละชนิด โดยเริ่มรีดจากชนิดผ้าที่ใช้ความร้อนต่ำไปก่อน และเมื่อรีดใกล้จะเสร็จแล้ว ก็สามารถถอดปลั๊กออกก่อนได้เลย เนื่องจากเตารีดจะยังคงความร้อนอยู่ได้นาน เท่านี้เราก็ประหยัดไฟไปเยอะเลย
6. saveเงินในกระเป๋า ด้วยวิธีประหยัดพลังงาน จากไฟฟ้า
สุดท้ายแล้ว 'เจ้าหลอดไฟ' ที่ให้แสงสว่างกับเรานี่แหละที่ถูกใช้งานเยอะที่สุด แทบจะตลอดทั้งวัน เพราะต่อให้จะเป็นช่วงกลางวัน แต่บางครั้งเราก็มีความจำเป็นให้ต้องใช้ไฟอยู่ดี ดังนั้น สิ่งแรกที่ควรทำก็คือ เลือกปิดไฟในตำแหน่งที่ไม่ใช้ หรือไม่มีคนอยู่
และหากใครต้องทำงานในที่ที่ต้องใช้แสงสว่างมาก ๆ ก็ควรเลือกมุมที่แสงจากภายนอกส่องเข้ามาได้อย่างเต็มที่ เพื่อเป็นวิธีประหยัดพลังงานฟุ่มเฟื่อย เช่น การจัดมุมทำงานให้อยู่ใกล้กับหน้าต่าง หรือโต๊ะอ่านหนังสือริมระเบียง เป็นต้น ส่วนตอนกลางคืนก็ควรเลือกเปิดไฟเฉพาะจุดที่จำเป็น อย่าง ทางขึ้นบันได หรือโคมไฟหัวเตียงก็เพียงพอแล้ว
แม้แต่การเลือกหลอดไฟก็สำคัญ เราจึงควรเลือกหลอดไฟให้ตอบโจทย์การใช้งาน และมีกำลังวัตต์ที่เหมาะสม อย่างการเลือกใช้หลอดไฟ LED ก็เป็นวิธีประหยัดพลังงานไฟฟ้าอีกทางหนึ่ง เนื่องจากตัวหลอดจะให้แสงสว่างเท่า ๆ กับหลอดฟลูออลเรสเซนท์ (หลอดไส้) แต่กินไฟน้อยกว่านั่นเอง
ต้องบอกว่า... หากเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านให้เหมาะสม และรู้จักใช้งานอย่างถูกต้อง ก็จะสามารถช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้า พร้อมเพิ่มเงินเก็บในกระเป๋าของคุณได้ง่าย ๆ เลย
อ้างอิง : ความรู้เกี่ยวกับไฟฟ้า 'วิธีประหยัดพลังงาน' จาก PEA