เวลา VS เงิน ความแตกต่างที่ไม่ต่างกัน
23 August 2562
‘เวลา’ คำเพียงหนึ่งคำที่ทรงอิทธิพลต่อใครหลายคน เวลาเป็นสิ่งที่มั่นคง เสมอต้นเสมอปลาย หากลองถามว่ามีใครบ้างที่สามารถหยุดเวลาเอาไว้ตรงนี้ตลอด คงไม่มีใครสามารถตอบคุณได้ หรือไม่มีใครสามารถหยุดเวลาเอาไว้ได้ เพราะเวลาเป็นสิ่งที่ไม่รอใคร มีเดินหน้า แต่ไม่มีถอยหลัง
‘เงิน’ 1 ใน ปัจจัย 4 ที่มีความสำคัญกับทั้งตัวเราเองและระบบเศรษฐกิจตั้งแต่ระดับเล็กจนถึงระดับใหญ่ ๆ เงินเป็นจุดเริ่มต้นของหลายอย่าง แม้กระทั่งความฝันของทุกคน เชื่อว่าหนึ่งในจุดเริ่มต้นนั้นต้องมีเงินเป็นส่วนประกอบ จนมีคำกล่าวที่ว่า ‘เงินไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต แต่หลายอย่างในชีวิตต้องแลกมาด้วยเงิน’
วันนี้ Esto นำเสนอ ความเหมือนและความต่างของเวลาและเงิน ที่จะมาเปิดมุมมองของคุณทั้งด้านคุณค่า วิธีการบริหาร และแนวคิดในการใช้สองสิ่งนี้ได้โดยไม่เสียใจภายหลังอย่างแน่นอน!
เวลาเป็นสิ่งที่ประเมินค่าไม่ได้ แต่คนเราชอบบอกว่าเวลาเป็นสิ่งมีค่า สิ่งมีค่าในที่นี้ไม่ได้หมายถึงทรัพย์สิน แต่มันคือสิ่งย้ำเตือนทางจิตใจว่า ‘คุณค่าของเวลาอยู่ที่มันไม่คอยใคร รวมถึงตัวเราเอง’ คำกล่าวที่ว่า เราจะเห็นคุณค่าของสิ่งต่าง ๆ เมื่อเราเรียนรู้ที่จะสูญเสียมันไป ในเรื่องของเวลาคงจะเป็นเรื่องจริงอย่างที่ไม่มีสิ่งใดมาลบล้างได้ แต่อย่ารอให้เราสูญเสียเวลาก่อน ถึงจะเห็นคุณค่าของเวลาเลย สิ่งที่เราเอากลับมาไม่ได้แล้ว เราควรจะทำให้ดีที่สุดดีกว่า
ในแง่มุมของระบบเศรษฐกิจ เงินก็มีคุณค่าเช่นกัน ค่าของเงินมีการเปลี่ยนแปลงขึ้นๆ ลงๆ เสมอและในแง่ของการได้มา เราต้องแลกแรงกาย แรงใจ และความรู้ของเราในการทำงานแลกกับเงิน ซึ่งคนที่เคยทำงานทุกคนคงจะรู้ดีว่ากว่าจะได้เงินแต่ละก้อนมานั้น ต้องลำบากขนาดไหน แต่ถึงอย่างไร การสูญเสียเงินก็ยังสามารถนำกลับมาได้ เพราะเงินเป็นสิ่งที่หมุนเวียนอยู่ในะบบเศรษฐกิจตลอด แตกต่างจากเวลาอย่างเห็นได้ชัด
จริงอยู่ที่ว่าเราไม่สามารถหยุดเวลาได้ แต่เราสามารถหาประโยชน์จากเวลาได้แม้กระทั่งตอนที่เรานอนอยู่ การบริหารเวลาและการบริหารเงิน ก็เป็นสิ่งที่เราควรจะทำ สองอย่างนี้มีความเหมือนกันตรงที่เราต้องมีสติในการใช้ชีวิต มีสติในการใช้เงินเสมอ มีการศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจ รวมถึงมีทัศนคติที่ดีเกี่ยวกับการบริหารเวลาและเงินให้สัมฤทธิ์ผล ก็จะสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับเราได้
สิ่งที่อยากเน้นย้ำคือทุกคนควรมีการวางแผนทั้งเวลาและการเงินเป็นของตัวเอง แนวคิดในการใช้เงินที่อยากแนะนำเลยคือ รายได้ที่ได้มาควรมาจากหลายช่องทาง เป็นกระจายความเสี่ยงอีกอย่างนอกเหนือจากการลงทุน และเงินที่ได้มานั้น ควรจะมีการออมไว้ในรูปแบบต่าง ๆ ที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ในสมุดบัญชีธนาคารอย่างเดียว การซื้อทองคำ กองทุนรวม ประกันชีวิต อสังหาริมทรัพย์ เช่น คอนโด ที่ดิน บ้าน ล้วนแล้วแต่เป็นการออมเงินทั้งสิ้น
ยกตัวอย่างง่าย ๆ อย่างการนำเงินไปลงทุน เวลาที่เคลื่อนผ่านไป ทำให้ค่าของหน่วยลงทุนที่เราลงไปเปลี่ยนแปลงได้ เงินที่เรานำมาลงทุนอยู่ตอนนี้ หากมีการบริหารทั้งเวลาและเงินอย่างถูกวิธีแล้ว ก็คงจะทำให้เงินในมือนั้นงอกเงยเป็นดอกผลในอนาคตให้เราได้ไม่ยาก ตามแต่ความเสี่ยงที่เรารับไหว และตามปัจจัยอื่น ๆ เช่น กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) เป็นการลงทุนเพื่อเตรียมความพร้อมก่อนเกษียณและช่วยลดหย่อนภาษี หรือจะเป็น กองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในหุ้นระยะยาว เป็นต้น สิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงเลยคือการ กระจายความเสี่ยง และความพร้อมต่อวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจที่ไม่มีใครทราบได้ว่าจะเกิดขึ้นตอนไหน
เวลาและเงินทอง ทั้งสองสิ่งนี้ล้วนเชื่อมโยงกัน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง คุณจะได้เรียนรู้ว่าเวลามีความสำคัญแค่ไหน และเงินทองมีความสำคัญแค่ไหนก็ต่อเมื่อคุณได้รับประสบการณ์ ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อม ทุกสิ่งอย่างล้วนยากที่จะได้ครอบครองและง่ายที่จะต้องเสียมันไป มนุษย์ได้เรียนรู้แล้วว่าเวลาไม่สามารถนำกลับคืนมาได้ และเงินทองช่างหายากนัก ได้มาแล้ว หากมีสติและรอบคอบอยู่เสมอ เราเชื่อว่าความรู้สึกเสียใจ เสียดาย ผิดหวัง หรือพลาดโอกาส สามารถทุเลาลงได้กว่าแต่ก่อนแน่นอน
บทความที่น่าสนใจ
ก้าวแรกของคนอยากลงทุน : แชร์วิธีลงทุนในกองทุนสำหรับมนุษย์เงินเดือน
ซื้อกองทุนไหนดี ถึงจะเก็บเงินล้านได้ก่อนเกษียณ (สำหรับมือใหม่)
5 ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ กับโจทย์ที่ต้องสร้างได้ทั้งความสุขและเงินตรา
‘ก้าวสู่วัยทำงาน’ ควรบริหารเวลาจัดการชีวิตและการเงินอย่างไรให้ไม่สะดุด
คอร์สเรียนพัฒนา Skills ฟรี เกี่ยวกับการบริหาร การเงิน การจัดการหรือการตลาด