เลือก SmartTV ทั้งที ต้องถูกทั้งใจ ถูกทั้งการใช้งาน
21 February 2563
ปัจจุบัน เทคโนโลยีถูกพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้คน ไม่ว่าจะเป็น InternetTV หรือ SmartTV ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ถูกพัฒนาขึ้นมาให้ตอบโจทย์ lifestyle คนยุคใหม่ ด้วยคุณสมบัติพื้นฐานของ TV ทั้งสองประเภท ได้แก่.... 'การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต' ใช้งานผ่านเว็บบราวเซอร์ เชื่อมต่อกับ SmartPhone และ Tablet เพื่ออัพโหลดคอนเทนต์ต่าง ๆ ขึ้นดูบนหน้าจอได้ อีกทั้งยัง 'สามารถโหลดแอพพลิเคชันการใช้งานต่าง ๆ' ได้เช่นเดียวกับ SmartPhone หรือ Tablet ด้วย
แต่สิ่งที่ทำให้ SmartTV ได้รับความนิยมมากกว่า ก็คือ ความสามารถในการรับสัญญาณโทรทัศน์ระบบปกติ นอกจากนี้ SmartTV ยังมีฟังก์ชันอีกมากมายที่ผู้ผลิตแต่ละค่ายเพิ่มเติมเข้ามา ไม่ว่าจะเป็นการจดจำเสียงหรือว่าใบหน้า, การสั่งงานด้วยเสียง หรือด้วยท่าทาง รวมไปถึงการสั่งงานผ่านแอพฯ บน SmartPhone ได้นั่นเอง
และด้วยคุณสมบัติที่หลากหลาย ทำให้เราต้องตัดสินใจเลือก SmartTV ที่ตอบโจทย์เราได้มากที่สุด แต่จะเลือกจากอะไรบ้างนั้น ตามดูพร้อม ๆ กับเอสโตเลย...
1. เลือก SmartTV : เลือกความแตกต่างของประเภทหน้าจอ
- จอภาพแบบ LCD (Liquid Crystal Display) : จะใช้หลอดไฟ CCFL (Cold Cathode Fluorescent Lamp) ในการทำงานร่วมกับฟิลเตอร์ 3 สี ได้แก่ สีแดง, สีน้ำเงิน และสีเขียว เพื่อให้เกิดภาพบนหน้าจอ
- จอภาพแบบ LED (Light Emitting Diode) : ใช้หลอดไฟ LED 3 สี ได้แก่ สีแดง สีน้ำเงิน และสีเขียว เรียงต่อกันให้เกิดแสงบนจอภาพ โดยจอภาพแบบ LED จะมีขนาดบางกว่า และประหยัดไฟกว่าจอแบบ LCD จึงทำให้จอประเภทนี้เป็นที่นิยมมากกว่านั่นเอง
- จอภาพแบบ Plasma TV : จอประเภทนี้จะใช้แรงดันไฟฟ้าเพื่อให้กำเนิดแสง ดังนั้ ภาพที่ได้ออกมาจึงมีสีสันที่เป็นธรรมชาติ แสดงภาพเคลื่อนไหวได้ดี ขณะเดียวกันก็กินไฟมาก และถ้าห้องไหนมีแสงสว่างมาก ๆ กระจกที่หน้าจอก็จะเกิดการสะท้อนกั ทำให้ภาพที่แสดงบนหน้าจอไม่ชัดเจนนัก
- จอภาพแบบ OLED (Organic Light Emitting Diodes) : ก็เป็นแบบที่กำลังได้รับความนิยม เพราะไม่ต้องใช้หลอดไฟในการกำเนิดแสงแบบจอ LCD หรือ LED แต่จะสามารถกำเนิดแสงได้เอง และกินไฟน้อยกว่า Plasma TV
ทั้งยังมีความยืดหยุ่น สามารถพัฒนาหน้าจอให้มีความโค้งนมได้ด้วย โดยที่สีสันของภาพที่แสดงจะมีความเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็จะเห็นผลเหมือนกัน ทำให้มีราคาที่ค่อนข้างสูงตามคุณภาพของหน้าจอ
ซึ่งแน่นอนว่า... รูปแบบหน้าจอของ SmartTV ย่อมมีผลต่อการตัดสินใจซื้อ อีกทั้งราคาก็ยังแปรผันตามคุณภาพอย่างไม่ต้องสงสัย ตลอดจน "ความละเอียดของภาพ" ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ แต่ความละเอียดภาพของ SmartTV จะมีแบบไหนบ้างละ??
2. เลือก SmartTV : ให้เลือกที่ความละเอียดของภาพด้วย
ซึ่งหลัก ๆ แล้ว ความละเอียดของภาพ SmartTV จะถูกแบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ
- HD (High Definition) : มีความละเอียดภาพ 1366 × 768 pixel ซึ่งถือว่าเป็นรูปแบบทั่วไปในปัจจุบัน เพราะดิจิตอลทีวีหลายช่องก็มีการแพร่ภาพแบบ HD กันแล้ว
- Full HD (Full High Definition) : ความละเอียดภาพ 1920 × 1080 pixel ซึ่งเป็นความคมชัดที่ช่วยให้เรารับชมภาพยนตร์แบบ Blu-ray ได้เต็มประสิทธิภาพ และยังเสริมการชมรายการแบบ HD ให้คมชัดไปอีกระดับด้วย
- UHD (Ultra High Definition) UHD หรือ 4K : ที่ให้ความละเอียดภาพสูงถึง 3840 × 2160 pixel หรือนับเป็น 4 เท่าของระบบ Full HD (8 ล้านพิกเซล) จึงทำให้ภาพที่แสดงออกมานั้นมีความคมชัดเหมือนจริงมาก และในปัจจุบันผู้ผลิตบางค่ายก็ได้มีการเปิดตัว UHD 8K ซึ่งมีความความละเอียด 7680 × 4320 pixel หรือละเอียดถึง 33 ล้านพิกเซลไปเป็นที่เรียบร้อย
หลังจากพูดถึงจอภาพ และความละเอียดของภาพไปแล้ว ระบบปฏิบัติการของ SmartTV แต่ละรุ่นก็คงจะขาดไม่ได้เช่นกัน เพราะความสะดวกในการใช้งาน SmartTV ก็เป็นองค์ประกอบที่สำคัญมาก
3. เลือก SmartTV : ให้เลือกรูปแบบปฏิบัติการที่ตอบโจทย์ตนเอง
- Android TV : จะมีฟังก์ชันการใช้งานและลูกเล่นต่างๆ เสมือนกับการขยาย SmartPhone ให้มาอยู่ในรูปแบบของ TV โดยมีระบบ Google Cast ที่สามารถเชื่อมต่อเพื่อส่งคอนเทนต์จากโทรศัพท์ไปแสดงบนหน้าจอได้ รวมถึงสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันต่าง ๆ จาก Google Play ได้เหมือนกับ SmartPhone ที่เราคุ้นเคยกันเลย
- Web OS : ระบบปฏิบัติการที่อยู่ในเครื่อง Palm ซึ่งทางค่าย LG ได้นำมาปรับปรุงใหม่ เอาไว้ควบคุมอุปกรณ์เขื่อมต่อกัน รวมถึงการใช้ User Interface เพื่อให้ง่ายต่อการใช้งานร่วมกับ SmartTV ของค่าย LG โดยเฉพาะ
- Tizen : ระบบที่ทำให้การเชื่อมต่อ หรือการแชร์คอนเทนต์ระหว่าง SmartPhone และ SmartTV รวดเร็วเพียงแค่คลิกเดียว นอกจากนี้ ยังมีฟีเจอร์ Smart Hub ช่วยในการค้นหาแอพพลิเคชัน และคอนเทนต์ต่าง ๆ ง่ายยิ่งขึ้น
- Firefox : หรือที่รู้จักดีในฐานะเว็บบราวเซอร์ที่มีลูกเล่นให้สามารถปรับแต่งธีมการใช้งานได้ตามความต้องการ ซึ่ง Firefox ได้มีการพัฒนาต่อยอดรูปแบบของระบบปฏิบัติการให้ใช้กับ SmartPhone ได้ และต่อมา Panasonic ก็ได้ให้การสนับสนุน Firefox OS เพื่อนำมาใช้ใน SmartTV บ้างแล้วนั่นเอง
4. เลือก SmartTV : ต้องรู้จักเลือกขนาดจอให้เหมาะสมกับการใช้งาน
นอกจากคุณสมบัติต่าง ๆ ที่ได้อธิบายไปข้างต้น อีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กัน ก็คือ การเลือกขนาดของ SmartTV ให้ลงตัวกับขนาดของห้อง ในระยะที่เหมาะสมกับการรับชม เพื่อที่เราจะได้รับชมภาพที่คมชัดที่สุด ดีต่อใช้งานที่สุด
- จอภาพขนาด 56 นิ้วขึ้นไป ระยะห่างควรอยู่ที่ 3 เมตรขึ้นไป
- จอภาพขนาด 46-55 นิ้ว ระยะห่างควรอยู่ที่ 2.5 ถึง 3 เมตร
- จอภาพขนาด 40-45 นิ้ว ระยะห่างควรอยู่ที่ 2 ถึง 2.5 เมตร
- จอภาพขนาด 32-39 นิ้ว ระยะห่างควรอยู่ที่ 1.5 ถึง 2 เมตร
- จอภาพขนาดต่ำกว่า 32 นิ้ว ลงมา ระยะห่างควรอยู่ที่ 1.5 เมตร หรือน้อยกว่านั้น
รู้อย่างนี้แล้ว เราก็คงตัดสินใจเลือกซื้อ SmartTV ที่ถูกใจกันได้ไม่ยากแล้วใช่มั้ยล่ะ แต่นอกจากจะดูที่คุณภาพของหน้าจอ, ความละเอียดของภาพ, ระบบปฏิบัติการที่ใช้ง่าย รวมถึงฟีเจอร์ใหม่หรือฟังก์ชันถูกใจแล้ว ก็อย่าลืมดูเรื่องค่าใช้จ่ายที่ตอบโจทย์กับตัวเองกันด้วยนะ
ที่มา: