รวมเรื่องของหลอดไฟ ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
14 July 2562
เชื่อว่าใครหลายๆ คน ที่อยู่บ้านหรือคอนโดต้องเคยเจอปัญหาเกี่ยวหลอดไฟเสีย จำเป็นต้องรอช่างหรือขอให้คนอื่นมาช่วยตลอด
แต่การเปลี่ยนหลอดไฟนั้นไม่ใช่เรื่องยากอย่างที่คิด
เริ่มด้วยการมาทำความรู้จักชนิดของหลอดไฟ กันก่อน ..
เพราะหลอดไฟมีให้เลือกหลายชนิด เราจึงควรรู้จักชนิดของหลอดไฟในแบบต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจว่าหลอดไฟที่เราใช้อยู่มีอะไรบ้างและมีความเหมาะสมในการใช้งานอย่างไร
หลอด Incandescent หรือ หลอดไส้
หลอดไส้ เป็นประเภทหลอดไฟที่เราใช้กันมานานมากที่สุด ภายในหลอดเป็นไส้ที่ทำจากทังสเตน ซึ่งให้กำลังไฟที่ต่ำ แต่ให้ความร้อนสูงมาก โดยเฉลี่ยอยู่ที่ 100-400 องศาเซลเซียส ทำให้กินไฟมาก และมีอายุการใช้งานน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับหลอดชนิดอื่น
หลอดฟลูออเรสเซนต์ (Fluorescent) หรือ หลอดนิออน
หลอดฟลูออเรสเซนต์ เริ่มกันใช้ตั้งแต่ ปี 1940 จนถึงปัจจุบัน อายุเฉลี่ยการใช้งานอยู่ที่ 2 ปี มีหลายขนาด เป็นหลอดที่นิยมนำมาใช้งานในที่พักอาศัย เพราะมีราคาไม่สูง หลอดไม่ร้อน และมีอายุการใช้งานที่นานมากกว่าหลอดไส้
โดยไส้หลอดจะเป็นทังสเตนหรือวุลแฟรม เมื่อเปิดวงจรจะทำให้เกิดความร้อนและการทำงานร่วมกันกับบัลลาสต์และสตาร์ทเตอร์ จึงจะทำให้เกิดแสงสว่างขึ้น
หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์ (Compact Fluorescent)
หลอดคอมแพคฟลูออเรสเซนต์หรือที่เรียกกันว่า หลอดประหยัดไฟนั้น เป็นหลอดไฟที่มีหลักการทำงานเหมือนกับหลอดฟลูออเรสเซนต์ แต่กินไฟน้อยกว่าถึง4เท่า และมีอายุการใช้งานนานกว่าหลอดใส้ประมาณ 8 เท่า
มีทั้งแบบหลอดตะเกียบ หลอดเกลียว นิยมนำมาใช้ในบริเวณที่ต้องการเปิดไฟทิ้งไว้นาน ๆ เช่น เป็นบริเวณหน้าบ้านหรือระเบียงคอนโด
หลอดไฟ Light Emitting Diode หรือหลอด LED
หลอด LED จุดเริ่มต้นมากจากการเป็นชิ้นส่วนอิเลคทรอนิคส์ชนิดหนึ่ง ซึ่งสามารถเปล่งแสงสว่างเมื่อให้กระแสไฟผ่านตัวมัน และเปล่งแสงได้เมื่อจ่ายกระแส ไฟฟ้าเข้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ถือเป็นนวัตกรรมใหม่สำหรับหลอดไฟ
หลอด LED มีจุดเด่นหลายอย่าง คือ ใช้พลังงานต่ำแต่ให้ประสิทธิภาพการส่องสว่างที่สูง ไม่มีแสง UV สามารถเปิด-ปิดได้บ่อยครั้ง ไม่เสื่อมสภาพไปตามจำนวนการกดสวิตช์
แถมยังช่วยประหยัดพลังงานได้ถึง 70% เมื่อเทียบกับหลอดไส้แบบเดิม และมีอายุการใช้งานที่นานถึง 50,000 ชั่วโมง หรือประมาณ 5 ปี ขึ้นไป แต่หลอดไฟ LED มีราคาที่ค่อนข้างสูงกว่าหลอดไฟทั่วไป
นอกจากรู้จักชนิดของหลอดไฟประเภทต่างๆ แล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องทำความเข้าใจก็คือ เรื่องโทนสีของแสงจากหลอดไฟ เพราะแสงนั้นมีผลกับอารมณ์และประสิทธิภาพในการมองเห็น
อุณหภูมิสี ของแสงจากหลอดไฟมีหน่วยเป็นเคลวิน (Kelvin) โดยอุณหภูมิสีจะบอกเราได้ว่าแสงที่ได้มีความขาวบริสุทธิ์มากน้อยแค่ไหน
โดยทั่วไปแสงของหลอดไฟ มีให้เลือก 3 โทนสี ได้แก่
- Warm white เป็นสีโทนร้อน จะให้แสงสีแดงอมส้ม หรือขาวอมเหลือง เหมาะสำหรับการสร้างบรรยากาศให้ดูอบอุ่นและเป็นกันเอง โดยค่าอุณหภูมิสีของแสงอยู่ที่ 2,700 – 3,300 เคลวิน
- Cool white เป็นสีโทนเย็น แสงออกมาทางสีขาว ดูแล้วสบายตา นิยมใช้กันในร้านค้าต่างๆ เพื่อช่วยให้สีสันของสินค้าดูสดใส โดยค่าอุณหภูมิสีของแสงอยู่ที่ 4,000 – 4,500 เคลวิน
- Daylight ให้แสงสีขาวอมฟ้านิดๆ แต่ใกล้เคียงกับแสงธรรมชาติในช่วงกลางวัน โดยค่าอุณหภูมิสีของแสงอยู่ที่ 6,500 เคลวิน ขึ้นไป
ตรวจสอบและสังเกตุอาการ เมื่อพบหลอดไฟมีปัญหา
หลอดไฟเสียอาจเกิดจากหลายสาเหตุดังนั้นเราจะต้องสังเกตุอาการ เพื่อจะได้แก้ให้ตรงจุด เพราะปกติส่วนประกอบภายในหลอดไฟมีหลัก ๆ อยู่ 3 ส่วน คือ ตัวหลอดไฟ สตาร์ตเตอร์ บัลลาสต์ ซึ่งมีวิธีการสังเกตหรือตรวจสอบ เช่น
อาการหลอดสั่น หรือ กะพริบตลอดเวลา
อาจเกิดจากสตาร์ทเตอร์เสีย หรือถ้าเป็นหลอดใหม่ บางทีซื้อมาใหม่ๆ จะกะพริบถี่มาก ให้ปล่อยทิ้งไว้ใช้งานสักพักแล้วอาการจะหายไปเองหรือเมื่อไฟตกมาก ทำให้แรงดันไฟฟ้าต่ำ หลอดก็จะกะพริบ ดังนั้นจะแก้ไขได้โดย ซื้อหม้อแปลงไฟฟ้าที่เรียกว่าหม้อแปลงออโต้เมติก โดยเลือกให้มีขนาดเหมาะสมกับปริมาณไฟฟ้าที่ใช้
ใช้เวลานานกว่าหลอดจะติด
อาจเกิดจากสตาร์ทเตอร์เสื่อมหรือหลอดเสื่อม ถ้าสังเกตว่าขั้วหลอดเริ่มดำ ต้องเปลี่ยนหลอดใหม่
มีเสียงดังเวลาเปิด
อาจเกิดจากหลอดไฟที่ไม่ได้ใช้นานๆ แล้วเปิดใช้จะเกิดเสียง แต่ปกติ 2-3 ชั่วโมงก็จะหาย แต่บางหลอดเปิดไปนานๆ ก็ยังไม่หาย ต้องเปลี่ยนบัลราตเพราะเสียงน่าจะเกิดจากแกนเหล็กของบัลราตหลวม
ขั้วหลอดดำ
อาจเกิดจากหลอดที่ใกล้หมดอายุ แต่ถ้าเพิ่งเปิดใช้แล้วเป็นอาจเกิดจากการลัดวงจรในบัลราต ต้องเปลี่ยนบัลราตใหม่
การเปลี่ยนหลอดไฟด้วยตัวเอง
การเปลี่ยนหลอดไฟ
เพื่อความปลอดภัยควรปิดไฟก่อนทำทุกครั้งหรือสับคัทเอาท์ลงก่อนเพื่อไม่ให้มีกระแสไฟขณะเปลี่ยนและถ้าหลอดไฟอยู่สูงก็อาจจะต้องหาบันไดหรือเก้าอี้ที่มั่นคงมาใช้
- การเปลี่ยนหลอดแบบขาทั่วไปหมุนหลอดไปมาให้ขาหลุดออกจากล็อคแล้วค่อยดึงลงมาเพื่อเปลี่นอันใหม่เข้าไป โดยหมุนให้เข้าที่
- การเปลี่ยนหลอดแบบขาสปริง ตรงขั่วหลอดจะเหมือนกับหลอดแบบขาทั่วไป โดยให้ดันไปข้างใดข้างหนึ่งก่อนแล้วจึงดึงลงมา เปลี่ยนหลอดใหม่เข้าไป
การเปลี่ยนบัลราต
การเปลี่ยนบัลราตควรปิดสวิตซ์ไฟก่อนถอดฝาครอบออกจะเห็นบัลราตรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ให้ถอดขั้วต่อสายบัลราตด้วยการใช้ไขควงปากแบนแล้วดึงสายออก จากนั้นก็ไขเอาบัลราตออกมา นำตัวใหม่มาเปลี่ยน
การเปลี่ยนสตาร์ทเตอร์
ให้ถอดสตาร์ตเตอร์ของเดิมออกมาก่อน หมุนเอาสตารท์เตอร์ ออกจากล็อค แล้วใส่อันใหม่กลับเข้าไป โดยหันด้านที่มีขั้วเสียบเข้าไปในช่องเดิมแล้วหมุนให้แน่น
อ่านถึงตรงนี้น่าจะช่วยให้การเปลี่ยนหลอดไฟของใครหลายคนไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เราสามารถที่จะเปลี่ยนหลอดไฟด้วยตัวเอง และเลือกประเภทของหลอดไฟให้ตรงกับความต้องการในการใช้งานและความเหมาะสมได้
แต่ถ้าหลอดเสียหรือมีอาการที่อันตรายเกินกว่าเราจะเปลี่ยนเองได้ ก็ควรติดต่อช่าง หรือแจ้งทางคอนโด ให้มาแก้ไขให้ ก็เพื่อความปลอดภัยของเราเอง ...
บทความที่เกี่ยวข้อง
5 ทริค เลือกโคมไฟให้เข้ากับพื้นที่ภายในคอนโดฯ
10 วิธีเอาตัวรอดจากเหตุอัคคีภัยในคอนโด ให้ 'ไฟไหม้' เป็นเรื่องใหญ่ 'ที่รับมือได้'
แนะนำการเลือกเครื่องใช้ไฟฟ้าคลายร้อน ประหยัดพลังงานทำได้ง่าย
อนุรักษ์สิ่งแวดล้อมด้วยการปิดไฟ 1 ชั่วโมง ...ช่วยโลกได้อย่างไรบ้าง ?