Catch Up Your Style เพราะนี่คือ 'รัชดา-ลาดพร้าว' ย่านของคนมีสไตล์ ที่ใครก็อยากเป็นเจ้าของ
24 July 2562
: หากถามคนร้อยคนว่า “เคยผ่านมาแถวรัชดา-ลาดพร้าวไหม?”
เชื่อว่าเกิน 80% ต้องบอกว่า 'เคย' แต่บางคนอาจจะยังไม่รู้ตัว เช่นคุณตอนนี้ที่กำลังหลุดเข้ามาอยู่ในย่าน ‘รัชดา-ลาดพร้าว’ พร้อมกับเรา ESTOPOLIS แล้ว
ด้วยความหลากหลายของทำเล ที่ผสมผสานทั้งความคลาสสิกแบบคนมีของ กับความชิคอย่างคนมีสไตล์ไว้อย่างลงตัว จึงทำให้แต่ละตารางเมตรของย่านนี้มีความกลมกล่อม หรือถ้ามองง่าย ๆ ว่า ‘รัชดา-ลาดพร้าว’ เป็นคน ๆ หนึ่ง คน ๆ นั้นจะต้องไม่ได้มีแค่ด้านเดียว แต่คนเหล่านี้จะเปี่ยมไปด้วยพลัง สีสัน และไลฟ์สไตล์ที่ไม่จำเจกันเลย
เริ่มต้นการใช้ชีวิตด้วยมุมอบอุ่นของย่านนี้กันที่ซอยลาดพร้าว 15 ซึ่งนอกจากจะเป็นซอยลัดไป ‘พหลโยธิน 24’ ได้แล้ว ด้านในยังมีร้านอาหารสีขาวสไตล์ Hommie เปิดรอต้อนรับทุกคนอยู่ด้วย
“สวัสดีค่ะ บ้านมาลียินดีต้อนรับ” ประโยคทักทายเล็ก ๆ ที่เราจะได้ยินทันทีที่เปิดประตูเข้าไป ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังกลับมากินข้าวที่บ้าน ซึ่ง MaRee Eatery House นี้จะเป็นร้านอาหารเปิดใหม่ ตั้งอยู่ในซอยลาดพร้าว 15 แยก 1 ห่างจากถนนใหญ่เข้ามาไม่ไกล มีที่จอดรถให้พร้อม เหมาะสำหรับวันชิล ๆ กับเพื่อนฝูงและครอบครัว
ภายในร้านตกแต่งด้วยสีขาวสบายตา รับกับเฟอร์นิเจอร์ไม้ และของตกแต่งสไตล์เอิร์ธโทนที่พอมองรวม ๆ แล้วอบอุ่น โล่งกว้าง ให้ความ Modern Cozy เบาเบา แถมยังมีโต๊ะให้นั่งหลากมุม ทั้งแบบเคาน์เตอร์บาร์, โซฟาตัวใหญ่ หรือถ้าใครอยากนัดเพื่อนมาสังสรรค์ก็เลือกนั่งโต๊ะใหญ่ที่อยู่ด้านในได้
ว่าแล้วก็สั่งอาหารทานกันเลย โดยร้านนี้จะเน้นเป็นร้านอาหารไทยสไตล์ฟิวชัน รสชาติจัดจ้าน ถูกปากคนทุกเพศ ทุกวัย
พลาดไม่ได้กับ ‘ต้มยำปลากระพงน้ำใส’ รสแซ่บ ที่ให้เนื้อปลากระพงชิ้นหนาเต็มคำ มาเต็มหม้อ ยิ่งทานตอนร้อน ๆ ยิ่งอร่อย ซดแล้วคล่องคอ ส่วนอีกจานจะเป็น ‘ไก่กรอบผัดเม็ดมะม่วงหินพานต์’ ซึ่งทางร้านจะนำเนื้อไก่ไปทอดจนเหลืองกรอบ ก่อนเอาไปผัดกับซอส, เม็ดมะม่วงหิมพานต์, ต้นหอม, หัวหอมใหญ่ และพริกหวาน ให้รสชาติเผ็ดนิด ๆ ไม่เลี่ยน
แต่ถ้าใครอยากได้ของทานเล่นอร่อย ๆ ไว้ทานแกล้มแล้วล่ะก็ ต้องนี่เลย ‘ปอเปี๊ยะกุ้ง’ ที่ให้กุ้งมาทั้งตัว จะทานเปล่า ๆ หรือทานคู่กับข้าวสวยก็อร่อย ราดน้ำจิ้มหน่อย กำลังดี
นอกจากนี้ที่ร้านบ้านมาลียังมีส่วนของชั้น 2 ไว้ให้บริการในช่วงเย็น เหมาะกับเวลาของครอบครัว สามารถเลือกนั่งได้ทั้งแบบ Indoor และ Outdoor โดยร้าน MaRee Eatery House จะเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 10:00 - 22:00 น. หากใครสนใจอยากลองร้านอาหารที่ให้บรรยากาศเหมือนกินรสมือแม่ ก็ลองเข้ามาที่ซอยลาดพร้าว 15 แยก 1 ได้
แต่ถ้าอยากสัมผัสกับตำนานความอร่อยสุดคลาสสิกแบบคนมีของ ก็ต้องแวะมาชิม ก๋วยเตี๋ยวเนื้อหม้อไฟ สมบูรณ์ไทย ที่เปิดขายอยู่ตรงปากซอยลาดพร้าว 12 มานานกว่า 30 ปี จนตอนนี้ก็ได้ติดรีวิวร้านดังย่านลาดพร้าวเป็นที่เรียบร้อย เรียกว่า…ทานกันมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่ามาจนถึงรุ่นหลานเลยทีเดียว
สำหรับเมนูแนะนำของเราวันนี้จะเป็น ‘ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ’ ชามโตที่ของมาครบเครื่อง รับรองว่าถูกใจสายเนื้อแน่นอน เพราะชามนี้จะมีทั้งเนื้อสด, เนื้อเปื่อย และลูกชิ้นในราคาเพียง 60 บาท หรือถ้ามากันหลายคนจะลองเป็นเมนูหม้อไฟก็ได้ไม่ว่ากัน โดยทีเด็ดของร้านจะอยู่ที่น้ำจิ้มสูตรเฉพาะ รสชาติเผ็ดเปรี้ยว เข้ากันดีกับน้ำก๋วยเตี๋ยวที่มีรสออกหวานนิด ๆและหากมองไปยังฝั่งตรงข้ามร้านจะเห็น ‘บิ๊กซี และโฮมโปร ลาดพร้าว’ ห้างสรรพสินค้าเจ้าถิ่นของคนลาดพร้าว ที่ครั้งหนึ่งเคยเปลี่ยนโฉมมาจากห้างคาร์ฟูลเดิม เพื่อให้สอดรับกับความทันสมัยของย่านนี้ที่กำลังปรับตัวไปอย่างรวดเร็ว
ถ้าเลิกงานแล้วยังคิดไม่ออกว่าจะไปเดินเล่นไหนดี ก็แวะมาชอป ชิค ชิลล์ เดินดูเสื้อผ้า ขนม ของกินที่ Community mall แหล่งรวมทุกไลฟ์สไตล์ของคนเมืองอย่างเซ็นทรัล ลาดพร้าว กับ ยูเนียน มอลล์ กันก่อนกลับห้องได้ เพราะแค่ขึ้นจากสถานีพหลโยธิน ซึ่งในอนาคตก็กำลังจะมี 'รถไฟฟ้าสถานีห้าแยกลาดพร้าว' เปิดให้ทดลองใช้งานกันแล้ว
หรือใครจะลองเปลี่ยนเย็นวันศุกร์ให้เป็นวันสุขหรรษามากขึ้น ที่แถว ๆ รัชดา-ลาดพร้าวก็มี Hidden place ให้เราเข้ามาปล่อยของกันอยู่ ซึ่งแต่ละร้านก็ยังคงความฮิป และความเก๋าไว้คู่กันได้อย่างเหนียวแน่น มีทั้งสไตล์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวชัดเจน
เช่น ถ้าคนชอบทานอาหารญี่ปุ่นก็มีร้าน Jirafu Sushi & Beer Bar และ Kabocha Sushi ให้ลอง, ส่วนที่ชอบอาหารเหนือก็มี ร้านเจียงฮาย หรือถ้าอยากลองร้านเก่าแก่ เจ้าเดิมบนถนนลาดพร้าวก็มีให้เลือกหลายร้าน อย่าง ครัวอิ่มอร่อย ก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ หรือ ตี๋เป็ดปักกิ่ง เป็นต้น
ส่วนคนที่อยากหนีความวุ่นวายในเย็นวันศุกร์ บริเวณโซนนี้ก็ยังมีร้านอาหาร, ชาบู, จุดแฮงค์เอาท์ใกล้ที่พักอีกมากมายให้เลือกนัดเพื่อนมาแจมกันได้เกือบทุกเย็น เที่ยวเสร็จแล้วก็กลับไปพักที่ห้องต่อได้สบาย ๆ
My Saturday was going pretty well !!
เบื่อไหมที่ต้องตื่นมาเจอกับความเฉยชาของเช้าวันเสาร์? งั้นเราขอแนะนำให้รีบสะบัดผ้าห่มลงจากเตียง แล้วลุกขึ้นเตรียมตัวไปใช้ชีวิตที่ Meeting Place ที่มีกลิ่นอายความเท่ ดูเคร่งขรึมแทรกซึมอยู่ชัดเจน เหมาะกับผู้ชายสายคูล หรือสาว working woman เป็นที่สุด
Maven Mesh คือ Co-working Space ที่ถูกออกแบบให้มีส่วนของ Cafe, Meeting Rooms และ Serviced Offices ให้บริการอยู่ร่วมกัน เพื่อเปิดเป็นพื้นที่สำหรับนักคิด นักสร้างสรรค์ พร้อมตกแต่งสวนสไตล์ Industrial Loft ภายใต้บรรยากาศอบอุ่น เป็นกันเอง
เมื่อเดินเข้าไปจะเจอกับการต้อนรับที่เป็นมิตรเสมือนคนในครอบครัว และหากใครยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะใช้บริการแบบไหนดี ก็สามารถสอบถามรายละเอียดต่าง ๆ จากพนักงานที่รอต้อนรับอยู่หน้าเคาน์เตอร์บาร์ได้
โดยชั้นล่างนี้จะเป็นส่วนของคาเฟ่ที่มีโต๊ะให้นั่งทำงาน พูดคุยได้หลายมุม ตอบโจทย์ทั้งคนที่มานั่งคนเดียว และกลุ่มเพื่อนที่ต้องการหาพื้นที่สงบแลกเปลี่ยนไอเดียกัน และหากเลือกโต๊ะได้แล้วก็ถึงเวลาสั่งอาหารกับเครื่องดื่มเสียที
สำหรับเมนูที่เราจะนำเสนอกันในวันนี้ก็เป็นเมนูง่าย ๆ เหมาะกับวันสบาย ๆ อย่าง ‘เค้กลูกพรุน’ รสชาติหวานกำลังดี อมเปรี้ยวนิด ๆ ให้พอสดชื่น พร้อมสั่ง ‘เอสเพรสโซปั่นเข้ม ๆ’ มาทานคู่กัน ซึ่งเป็นอะไรที่ลงตัวมาก ด้วยรสชาติที่ตัดกันพอดี ทำให้เราสามารถตักเค้กทานสลับกับกาแฟแก้วโปรดได้เรื่อย ๆ จนหมดจาน
หากขึ้นไปชั้นบนจะเป็นห้อง Meeting Room สำหรับผู้ที่สนใจอยากเปลี่ยนบรรยากาศการประชุม หรือคุยงานให้ดูสบายตา สบายใจมากขึ้น พร้อมมีปลั๊กไฟ และ Wifi ไว้ให้บริการเรียบร้อย ซึ่งเราสามารถติดต่อจองห้องกับทางร้านได้เลย
นอกจากนี้ Maven Mesh ยังมีโซน Garden ไว้ให้เรามานั่งผ่อนคลาย หรือใครจะยกโน๊ตบุ๊กมานั่งทำงานรับลมเย็นๆ ที่บริเวณนี้ก็เช่นกัน แนะนำว่าให้ลองออกมานั่งเล่นในช่วงเย็น ซึ่งจะให้บรรยากาศเหมือนบ้านพักสไตล์ยุโรป ดูโรแมนติกไปอีกแบบ เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 - 18.00 น.
Art should comfort the disturbed
and disturb the comfortable.
การจะหาที่เที่ยวในย่านรัชดา-ลาดพร้าวไม่ใช่เรื่องยาก แต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนอาจจะยังไม่ค่อยรู้ ก็คือ “รัชดา - ลาดพร้าวก็มี Art Gallery เหมือนกันนะ”SUMPHAT Gallery เป็น Art - Craft Gallery ลับที่แฝงตัวอยู่กับบ้านหลังขาวในซอยวิภาวดี 20 ซึ่งสามารถลัดเข้ามาทางซอยลาดพร้าว 18 ได้สะดวก ภายในจะจัดแสดงผลงานไว้หลากหลาย ทั้งงานคราฟต์, ภาพศิลปะ และของสะสมอันเกิดจากความรักของตัวเจ้าของเอง
จุดเด่นแกลลอรีแห่งนี้จะอยู่ที่การผสมผสานของผลงานศิลปะ ที่มีทั้งความร่วมสมัย และเอกลักษณ์แบบไทยสไตล์ ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติภายใต้แนวคิดเพื่อการส่งเสริมงานคราฟต์จากฝีมือชาวบ้านไม่ให้สาบสูญไป
ชิ้นงานแรกที่ตั้งโชว์อยู่หน้าทางเข้า ก็เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ นำเอาหนังใหญ่วัดขนอนมาครีเอทจัดเป็นนิทรรศการหย่อม ๆ ล้อไปกับ โต๊ะทองเหลือง Khing Collection ที่ผ่านการออกแบบ และหล่อออกมาเป็นอย่างดี
ขยับเข้าด้านใน จะเป็นสตูดิโอจัดแสดงชิ้นงานที่เกิดจากการจับมือกับกลุ่มชาวบ้านในชุมชนต่าง ๆ เพื่อเป็นการต่อยอด พัฒนาความคิดด้านภูมิปัญญาท้องถิ่น ให้มีคุณค่าและทันสมัย ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่มากขึ้น อย่าง งานลงรักเครื่องเขิน ที่ใครเห็นก็ต้องหลงรัก
นอกจากนี้ก็ยังมีเครื่องทองเหลือง Khing vase, งานเก้าอี้จักรสาน Sitsaad collection ที่ได้รางวัล Furniture design award และงานออกแบบ Packaging กระดาษห่อทุเรียนที่ได้รับรางวัล winner - packaging จาก Demark Award Winner - 2019 ซึ่งได้รับความสนใจจากชาวต่างชาติและคนไทยด้วยกันเอง จนเกิดเป็นสินค้างาน Craft ทำมือ วางจำหน่ายให้ทุกคนได้ซื้อหาไปชื่นชมกันแล้ว
สัมผัสความประทับใจเหล่านี้ได้ที่ Sumphat Gallery (สัมผัส แกลเลอรี่) เปิดให้บริการทุกวันอังคาร - วันเสาร์ ตั้งแต่เวลา 10.00 - 20.00 น.
รัชดา-ลาดพร้าว สู่ LUXURY LIVING&AVENUE ลาดพร้าว-วังหิน-รามอินทรา
หรือถ้าใครอยากตระเวนหาของกินอร่อย ๆ ก็ต้องไปที่นี่เลย ‘ลาดพร้าว-วังหิน-โชคชัย 4-นาคนิวาส’ ย่าน Street Food แบบ All Day 24 ชั่วโมง ที่มีร้านอาหารและของกินให้เราชิมได้ไม่รู้เบื่อ ซึ่งในอนาคตอันใกล้นี้ เราก็กำลังจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองให้ใช้บริการกันแล้วด้วยขยับไปฝั่ง ‘เลียบด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์’ ก็ยังมีศูนย์การค้าและไลฟ์สไตล์ ชอปปิง มอลล์ขนาดใหญ่ให้กินชอปกันสนุกทั้ง Central Festival EastVille (เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสต์วิลล์) และ The Crystal Park (เดอะ คริสตัลฯ) เดินทางง่ายอยู่ติดถนนประดิษฐ์มนูธรรม
รัชดา-ลาดพร้าว สู่ย่าน NEW CBD แห่งการพัฒนา : อโศก-พระราม 9
ส่วนวันทำงานก็ไม่มีปัญหา เพราะเราสามารถมุ่งหน้าเข้าสู่ ‘NEW CBD อโศก-พระราม 9’ ได้โดยตรง บนถนนรัชดาภิเษก หรือถ้าใครต้องการความรวดเร็วก็แค่เลือกนั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน ต่อไปอีกแค่ 5 - 6 สถานีก็ถึงแหล่งออฟฟิศ สำนักงานขนาดใหญ่อย่าง Cyber World, SET ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, The Ninth Tower และ G Tower แล้ว
ไม่ใช่แค่สำนักงานออฟฟิศเท่านั้น แต่แถวอโศก-พระราม 9 ยังมีความเป็น Community Mall สำหรับคนชอบเที่ยวทั้ง Central Plaza Grand Rama 9, Fortune tower, The Street รัชดาฯ, Esplanade รัชดา ตลอดจนตลาดนัดรถไฟ รัชดาอีกด้วย
รัชดา-ลาดพร้าว สู่ย่าน LIFESTYLE & COMMUNITY MALL : รัชโยธิน
และถ้ามาถึงย่านรัชดา-ลาดพร้าวแล้ว จะไม่พูดถึง ‘รัชโยธิน’ ทำเลพี่น้องที่อยู่ถัดไปเพียงหนึ่งแยกคงไม่ได้ เพราะทั้งสองทำเลนี้จะค่อนข้างมีความคล้ายคลึงกันมาก ซึ่งฝั่งรัชโยธินั้นจะมีสถานที่สำคัญอย่าง SCB Park สำนักงานใหญ่, ตึกช้าง, โรงเรียนหอวัง, โรงพยาบาลเปา เกษตร และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์อยู่ไม่ไกลกันนัก
ส่วนใครที่อยากหาร้านชิลล์เอาท์ใกล้ ๆ ที่ย่านนี้ก็ยังมี Major Cineplex Ratchayothin, Avenue รัชโยธิน และ Box Space ให้เข้ามานั่งเล่นหลังเลิกงานได้สบาย ๆ สามารถเดินทางจากรัชโยธินกลับไปรัชดา-ลาดพร้าวด้วยระยะทางประมาณ 2.5 กิโลเมตรเท่านั้น
ไม่ใช่แค่ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลาย และครอบคลุมไปถึงพื้นที่ใกล้เคียงเท่านั้น แต่การเดินทางและคมนาคมต่าง ๆ ก็ยังครบครันไม่แพ้กัน เริ่มจากผู้ใช้รถ-ใช้ถนนประจำที่จะมี ‘ถนนรัชดาภิเษกและถนนลาดพร้าว’ เป็นถนนสายหลักในการเดินทาง สามารถเชื่อมต่อเข้าและออกเมืองได้สะดวกสบายไม่ว่าจะไปทางฝั่งรัชวิภา ที่เชื่อมถนนวิภาวดีรังสิต, กำแพงเพชร และรัชดาภิเษกไว้ด้วยกัน หรือจะวิ่งเข้าสู่เขตเศรษฐกิจ NEW CBD ไปย่านอโศก-พระราม 9 ก็สะดวก ส่วนคนที่ต้องการไปหมอชิต-ห้าแยกลาดพร้าวก็แค่วิ่งขึ้นไปตามถนนลาดพร้าวเรื่อย ๆ ขณะเดียวกันหากย้อนไปอีกยังฝั่งก็จะเจอย่านโชคชัย 4 และลาดพร้าว-วังหิน
นอกจากนี้ก็ยังมีตัวช่วยอีกมากมายที่จะทำให้การเดินทางของเราสะดวกมากยิ่งขึ้น เช่น ทางพิเศษศรีรัช, ทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอก, ทางพิเศษฉลองรัช และทางยกระดับอุตราภิมุข (ดอนเมือง โทลเวย์) ในระยะไม่เกิน 5 กิโลเมตร
ส่วนใครที่ใช้บริการระบบขนส่งสาธารณะอย่าง รถไฟฟ้า BTS หรือรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ก็จะมีสถานี MRT ลาดพร้าวอยู่ใกล้ ๆ ให้ใช้งานได้สะดวก ไม่ว่าจะไปเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่ ‘สถานีหมอชิต’ หรือจะไปยังแอร์พอร์ต ลิงก์มักกะสัน ที่สถานีเพชบุรี ก็ล้วนอยู่ถัดไปเพียงไม่กี่สถานีเท่านั้น
นอกจากนี้ ภายในสถานีลาดพร้าว ยังมี ‘Gourmet Market’ ที่กลุ่มเดอะมอลล์ได้ดำเนินการเช่าพื้นที่ทั้งชั้นเพื่อเพิ่มอีก 1 สาขาของกูร์เมต์ มาร์เก็ต โดยทำเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตขนาดกลาง (2,000 ตารางเมตร) เปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 7.00 - 22.00 น. ซึ่งจะเน้นสินค้าบริโภคประเภท Grab and Go จากร้านอาหารระดับห้าดาวที่รังสรรค์โดยเชฟฝีมือคุณภาพ และร้านอาหารประเภท Take Home
ภายในแบ่งออกเป็น 2 โซนใหญ่ ๆ ได้แก่... โซนร้านอาหาร ทั้งคาเฟ่, ร้านข้าว, ร้านก๋วยเตี๋ยวที่มีทั้งแบบสั่งแล้วนั่งทานได้เลย หรือจะซื้อกลับห้องก็ได้เช่นกัน ส่วนอีกโซนจะเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งจะมีอาหารกล่องพร้อมบริการไมโครเวฟ ให้เราสามารถอุ่นพร้อมทานได้ทันที กับโซนสินค้า ข้าวของเครื่องใช้หลากหลาย ทั้งสินค้าของไทยและนำเข้า เพื่อรองรับชาวต่างชาติเช่นเดียวกับ Gourmet สาขาอื่นในเมือง
สำหรับ Gourmet Market จะอยู่บริเวณทางออกที่ 4 ของสถานีลาดพร้าวเชื่อมกับอาคารจอดแล้วจร ซึ่งเป็นอาคารจอดรถ 9 ชั้น มีความจุ 2,500 คัน สถานีลาดพร้าวถูกเตรียมให้พร้อมสำหรับอนาคตที่กำลังจะมีโครงข่ายรถไฟฟ้าที่เชื่อมต่อถึงกันหมด ซึ่งสถานีนี้จะอยู่ในโซนรัชดา-ลาดพร้าวฯ โดยมีรถไฟฟ้าสายเหลืองเข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพพื้นที่ และการเดินทางให้สมบูรณ์แบบกว่าที่เคย โดยจะมีกำหนดการคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2021 พร้อมด้วยสถานีอินเตอร์เชนจ์กับรถไฟฟ้าสายต่าง ๆ อย่าง...
- สถานีรัชดา : เชื่อมต่อกับ รถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน
- สถานีลำสาลี : เชื่อมต่อกับ รถไฟฟ้าสีส้ม
- สถานีพัฒนาการ : เชื่อมต่อกับ รถไฟฟ้าสีแดงและแอร์พอร์ต ลิงก์หัวหมาก
รวมไปถึง ‘ศูนย์คมนาคมพหลโยธิน’ HUB สำคัญด้านการเดินทางของกรุงเทพมหานคร ก็ตั้งอยู่ไม่ไกล ซึ่งในอนาคตจะกลายเป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าถึง 7 สาย (2 สายปัจจุบัน 5 สายอนาคต) ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีเขียว (สถานีหมอชิต) กับ รถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน (สถานีสวนจตุจักร)
และกำลังจะมีรถไฟฟ้าสายสีม่วง บางซื่อ-บางใหญ่, รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย, รถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่, รถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-ตลิ่งชัน และรถไฟฟ้าสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต เกิดขึ้นอีกด้วยนอกจากนี้...หากขยับไปทางอโศก-รัชดาภิเษก-ศูนย์วัฒนธรรม ก็จะมีอีกหนึ่งจุดอินเตอร์เชนจ์ที่ใช้เชื่อมต่อเขตธุรกิจ NEW CBD กับกรุงเทพตะวันออกเข้าไว้ด้วยกัน นั่นก็คือ ‘สถานี MRT ศูนย์วัฒนธรรม’ ที่ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรีเข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพทำเลของย่านนี้ ตลอดจนพื้นที่ใกล้เคียง!!
ต้องบอกว่า... ทุก ๆ รายละเอียด ทุกไลฟ์สไตล์ และความเจริญ ล้วนเป็นสีสันที่มาแต่งแต้มให้ทำเล ‘รัชดา-ลาดพร้าว’ ครบเครื่อง ซึ่งคุณเองก็สามารถสัมผัสกับความครบเครื่องอันแสนคุ้มค่าแบบนี้ได้ เพราะวันนี้ ESTPOLIS จะพาไปรู้จักกับ 2 โครงการไฮไลท์บนทำเลรัชดาฯและลาดพร้าว ไม่ว่าจะเลือกอยู่ที่ไหน ก็ให้ความอิสระ และสีสันชีวิตได้ไม่ต่างกัน…
THE ORIGIN LADPRAO 15
สไตล์ ICONIC Black & White เรียบหรูแฝงความเท่
ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนทันสมัยด้วย Facilities ที่ให้คุณเลือกใช้งานได้ตามใจ โดยเฉพาะ CO-WORKING SPACE พร้อมมุม Office Supply ที่ให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
ข้อมูลเบื้องต้นของโครงการ ดิ ออริจิ้น ลาดพร้าว 15 The Origin Ladprao 15
- เจ้าของโครงการ : บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)
- สถานที่ตั้ง : ซอยลาดพร้าว15 จตุจักร กรุงเทพฯ
- ลักษณะอาคาร : คอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น 1 อาคาร
- รูปแบบห้อง :
1 Bedroom Smart Closet (24.5-25 Sqm)
1 Bedroom (26.5 Sqm)
1 Bedroom (28-29 Sqm)
1 Bedroom PLUS (35-36 Sqm)
2 Bedroom (45.5 Sqm)
- จำนวนยูนิต : 163 ยนูิต
- ขนาดที่ดิน : 1-1-6 ไร่
- จำนวนที่จอดรถ : 40 %
- เฟอร์นิเจอร์ : Fully Fitted
- ราคาเริ่มต้น : 1.79 ล้านบาท
มีกระจกสูงเปิดรับช่องแสงและการระบายอากาศ อีกทั้งยังเสริมความสง่างาม โอ่โถ่ง ซึ่งการออกแบบแต่ละพื้นที่ใช้สอยจะให้ประสบการณ์ มุมมองในแต่ละพื้นที่แตกต่างกัน ดูไม่น่าเบื่อ เหมาะกับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ชอบใช้ชีวิตในเมืองแบบ Connect & Share
6 จุดเด่นสำคัญที่เป็นเอกลักษณ์ของโครงการ ดิ ออริจิ้น ลาดพร้าว 15
ทำเล และแผนที่ตั้งโครงการ ดิ ออริจิ้น ลาดพร้าว 15
THE ORIGIN RATCHADA - LADPRAO
สไตล์ Classic Heritage คอนเซ็ปต์ ชานชาลารถไฟ
ภายในตกแต่งหรูหรา มีระดับ ตั้งแต่บริเวณ LOBBY HALL และ LOUNGE ที่มีที่นั่งให้เราใช้พักผ่อน หรือจะใช้เป็นพื้นที่สำหรับการนัดพูดคุยก็ดูดีไม่น้อย
อีกทั้งโครงการ THE ORIGIN RATCHADA - LADPRAO ยังรองรับการจอดรถระบบ AUTO PARKING ได้ถึง 61% ซึ่งนับว่าหาได้ยากในโครงการ LOW RISE ทั่วไป
ให้ทุกพื้นที่ตอบโจทย์การพักผ่อนด้วย Facility ที่ถูกออกแบบมาเป็นอย่างดี เช่น LOUNGE, FITNESS และ SWIMMING POOL บนชั้น 2 ของโครงการ THE ORIGIN RATCHADA - LADPRAO ที่เปิดโล่งให้เราสามารถมองเห็นวิวรอบ ๆ โครงการได้อย่างชัดเจน
นอกจากนี้ที่บริเวณชั้น 3 ของอาคารยังประกอบไปด้วยพื้นที่ส่วนกลางอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น LIBRARY SPACE, CO-PASSION SPACE, OFFICE SUPPLY, MULTI FUCTION STUDIO และ MEETING ROOM ที่จะทำให้เราเพลิดเพลินไปกับช่วงเวลาพักผ่อนกันอย่างเต็มที่
ความสวยงามทั้งหมดของ The Origin รัชดา-ลาดพร้าว เกิดจากรูปลักษณ์ของงานสถาปัตยกรรม แบบ Classic Heritage ภายใต้คอนเซ็ปต์ 'ชานชาลารถไฟ' โดยดึงเอาเอกลักษณ์ต่าง ๆ ออกมาใช้ในการออกแบบอาคาร เช่น Arch ทรงโค้งของหน้าต่างรถไฟ, เฟรมของช่องแสงอาคาร และซุ้มโค้งตกแต่ง พร้อมนำสัดส่วนของสถาปัตยกรรมคลาสิคมาใช้ในการเล่นจังหวะของช่องแสง และหน้าตาอาคาร
โดยโครงการ THE ORIGIN RATCHADA - LADPRAO จะมีจำนวนยูนิตพักอาศัยทั้งหมดเพียง 208 ยูนิตเท่านั้น บวกกับ HOME AUTOMATION 'ORIGIN CONNECT' ที่ช่วยให้ชีวิตของคุณสงบ เป็นส่วนตัว และง่ายต่อการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก ซึ่งเราจะสามารถตั้งอายุการใช้งานพาสเวิร์ดได้ด้วยตัวเอง
รวมทุกจุดเด่นสำคัญของโครงการ ดิ ออริจิ้น รัชดา-ลาดพร้าว
6 จุดเด่นสำคัญที่เป็นเอกลักษณ์ของโครงการ ดิ ออริจิ้น รัชดา-ลาดพร้าว 5
ทำเล และที่ตั้งโครงการ ดิ ออริจิ้น รัชดา-ลาดพร้าว
5 SERVICE EXCELLENCE บริการสุดว้าวที่เกิดจาก "ความเข้าใจ"
นอกจากนี้ยังเพิ่มความว้าวให้ 2 โครงการในย่านรัชดา-ลาดพร้าว ภายใต้แบรนด์ The Origin ด้วยบริการสุดแสนวิเศษที่เกิดจากความเข้าใจในตัว GEN Z ที่ออริจิ้นต้องการตอบสนองให้ได้มากที่สุด เพื่อให้ชีวิตมนุษย์คอนโด 'ง่ายขึ้น' ไม่ว่าจะเป็น...
- Hotel Service On demand
- Facility Booking บริการจองพื้นที่ส่วนกลาง ผ่าน Mobile Application
- Super Maintenance Service
- Dine in Service
- Smart Bill Pay
สำหรับใครที่สนใจ อยากทำความรู้จักทั้ง 2 โครงการของ THE ORIGIN มากขึ้น
#เปิดจองครั้งแรก 31 ส.ค. พร้อมชมห้องตัวอย่างได้แล้ววันนี้ที่ "THE ORIGIN’’ 2 โครงการใหม่ทำเล "รัชดา- ลาดพร้าว" ย่านไลฟ์สไตล์สุดฮิป ใกล้จุดตัด New Interchange #สายสีน้ำเงิน #สายสีเหลือง 2 โครงการ 2 ทำเล จากแบรนด์สุดฮอต
ดิ ออริจิ้น ลาดพร้าว 15 l 600 ม. จากสถานี MRT ลาดพร้าว เริ่ม 1.79 ลบ.*
ดิ ออริจิ้น รัชดา-ลาดพร้าว l 25 ม. จากสถานี MRT รัชดา (สายสีเหลือง) จุดตัด New Interchange รถไฟฟ้า 2 สาย เริ่ม 2.29 ลบ.*
ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษก่อนใคร
คลิก https://bit.ly/2XT9wMg
#TheOrigin #จัดจ้านย่านรัชดา #จัดจ้านย่านลาดพร้าว #จัดจ้านย่านอินเตอร์เชนจ์ #สู้ๆนะ #ใช้ชีวิตอย่างที่เชื่อ #LiveYourValue