“บ้านนอกคอกนา” ร้านอาหารสไตล์โฮมมี่ สำหรับคนที่โหยหากลิ่นอายความเป็นธรรมชาติ ใกล้กรุงเทพฯ

17 December 2562

สำหรับใครที่เป็นสายรักสุขภาพ ชื่นชอบในรสชาติอาหารที่ทำจากวัตถุดิบธรรมชาติ 100 % เเละขี้เกียจที่จะต้องเดินทางไกล ต้องนี่เลย “บ้านนอกคอกนา เชาใหญ่” จุดเเเวะพักที่เป็นทั้งที่พักผ่อนเเละร้านอาหาร เเนะนำสำหรับคนรักสุขภาพ เพราะด้วยวัตถุดิบผักสดที่ทางร้านเลือกใช้นำมาประกอบอาหารนั้น ได้ทำการปลูกเองกับมือ นั่นหมายความว่าผักทุกใบปลอดภัยไร้สารเคมีเเละสิ่งตกค้าง ด้วยวิธีการที่ปลูกเเบบเกษตรอินทรีย์ ซึ่งจะช่วยให้เรามั่นใจได้ว่า… อาหารที่ถูกยกมาเสิร์ฟนั้นมีความคุณภาพเเละสดใหม่ทุกจาน

ว่าเเล้วก็มาดูเมนูเด็ดของทางร้านที่เรา “เอสโตพลัส Esto+” อยากจะลองให้ทุกคนไปชิมกัน ถ้าพร้อมเเล้ว ก็ลุยเลย!

เริ่มต้นเมนูเเรกด้วย “ห่อหมกปลากราย (120 บาท)” ห่อหมกที่ใช้เนื้อปลากรายล้วน ๆ ได้เนื้อสัมผัสที่นุ่มเด้งกำลังพอดี ผสานกับความหอมของเครื่องพริกแกงเเละความเข้มข้นจากน้ำกะทิชั้นดี จึงทำให้รสชาติที่ได้ มีความกลมกล่อม ไม่เผ็ดจนเกินไป ส่วนใครที่ไม่ชอบทานอาหารรสเผ็ด เมนูนี้ถือว่าผ่าน! โดยทางร้านจะเสิร์ฟมาในถ้วยตะไล ทานง่าย ไม่เลอะมือ สามารถเเบ่งทานได้คนละถ้วย

จานถัดมาขอนำเสนอเมนูรสชาติเเซ่บ ๆ จัดจ้านอย่าง “ยำต้นอ่อนทานตะวัน กุ้งสด (120 บาท)” ที่เรียกได้ว่าตักเข้าปากไปคำเเรกก็สัมผัสได้ถึงความสดของกุ้งที่มีกรุบผสานกับความกรอบของต้นอ่อนทานตะวันเเละความเเสบซ่านของน้ำยำที่พูดได้คำเดียวว่า “เเซ่บ!”

เเละขอต่อด้วย “ส้มตำไทยไข่เค็ม (95 บาท)” เมนูนี้ก็ถือว่าเเซ่บไม่เเพ้กัน เพราะความเเซ่บที่หวานอมเปรี้ยวเเซมเผ็ดของส้มตำจานนี้ที่ถ้าให้เปรียบกับคนก็คงไม่ต่างจากหญิงสาวอ่อนหวานเรียบร้อย ที่เเต่ก็เเอบซุกซนอยู่หน่อย ๆ มีความความขี้เล่นอยู่นิด ๆ เเละที่สำคัญจะบอกว่า ‘ไข่เค็ม’ ของทีนี่คือดีมาก! ไม่เค็มจัดเเละเนื้อของไข่เเดงที่จัดว่าเด็ด!

ขอเสิร์ฟต่อด้วยเมนู “ส้มตำปูปลาร้า (70 บาท)” ที่รสชาติจัดจ้านในเเบบของหญิงสาวบ้านนา เเละจุดเด่นที่ถือเป็นเอกลักษณ์ของส้มตำชาวอีสานคือ การโรยหน้าด้วยเม็ดกระถินที่เสริมความมันเเละกลิ่นเฉพาะตัว บวกกับน้ำปลาร้าที่ผ่านหมักพร้อมต้มสุกจนหอมกรุ่น เมื่อได้ลิ้มลองเพียงคำเเรกก็รู้สึกเหมือนได้กลับบ้านนาอย่างบอกไม่ถูก

จะทานส้มตำให้อร่อยนั้น สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเมนูของทอด อย่าง “ปีกไก่ทอดบ้านนอก (100 บาท)” เครื่องเคียงที่เสริมความอร่อยให้กับส้มตำได้เป็นอย่างดี เพราะด้วยการหมักเเละผ่านการทอดด้วยไฟอ่อน ๆ ในเวลาที่พอเหมาะ ทำให้ทั้งตัวเเป้งเเละเนื้อไก่นั้น “กรอบ อร่อย!” ถึงเเม้หน้าตาจะดูไม่ต่างจากไก่ทอดทั่วไป เเต่เมื่อได้ลองกัดเเล้ว กลับสัมผัสได้ถึงรสชาติที่ลงตัว จึงทำให้เมนูจานนี้ทานง่าย ยิ่งทานคู่กับข้าวเหนียวร้อน ๆ ยิ่งฟิน

ไหน ๆ เเล้ว ก็ขอต่อเมนูทอดอีกสักหนึ่งจาน กับ “เเหนมเอ็นข้อไก่ทอด (100 บาท)” จานนี้ก็กรอบไม่เเพ้ กัน เเต่จุดเด่นของจานนี้จะอยู่ตรงที่รสชาติเปรี้ยวของเเหนมบวกกับความกรุบกรอบของเอ็นข้อไก่ ที่พอจิ้มกับซอสพริกเเล้ว พูดได้เลยว่าลงตัวสุด ๆ

เมนูถัดมานี้ขอนำเสนอเป็นเมนูน้ำรสชาติเผ็ดจัดจ้านให้คล่องคอด้วย “ต้มเเซ่บกระดูกอ่อน (150 บาท)” ที่ตัวเนื้อกระดูกอ่อนนั้นเเทบพูดได้ว่านุ่มละมุนลิ้นกำลังพอดีบวกกับน้ำซุปที่นับว่ากลมกล่อมครบรส เเละที่น่ารักไปกว่านั้นคือ เมนูนี้ถูกเสิร์ฟมาในหม้อเคลือบหูหิ้ว ทำให้รู้สึกถึงความเป็นชาวบ้านสมัยก่อนเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งระดับ

เเละที่นี่ได้เพิ่มอรรถรสในการรับประทานอาหารด้วย “ข้าวสวยอัญชัญ” ที่ถือว่าหาทานได้ยากในปัจจุบัน ซึ่งตัวดอกอัญชัญที่นำมาทำสีนั้นเป็นผลผลิตที่ทางร้านปลูกเอง ก็มั่นใจได้เลยว่าปลอดภัยไม่มีสารเคมี

เเละขอปิดท้ายด้วย “ผัดหมี่โคราชหมู (125 บาท)” เมนูซิกเนเจอร์ประจำเมืองโคราช ที่ใครมาเเล้วจะต้องสั่ง ไม่งั้นถือว่ามาไม่ถึง!! ซึ่งหากมองจากรูปร่างหน้าตาแล้ว ก็คงไม่ต่างอะไรจากเมนูผัดไทยมากนัก เเต่มีจุดเด่นอยู่ตรงที่ตัวเส้นจะใช้เป็น “เส้นหมี่โคราช” ที่มีความเฉพาะตัว เเละความเเตกต่างถัดมาคือ จะไม่ใส่กุ้งเเห้ง, ถั่วลิสง เเละเต้าหู้ ทำให้ได้เนื้อสัมผัสเเละรสชาติที่ต่างออกไปถึงความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว

หลังจากอิ่มท้องกันเเล้ว “เอสโตพลัส Esto+” ขอพาทุกคนไปอิ่มใจต่อกับบรรยากาศที่แสนจะอบอุ่นของ"ร้านบ้านนอกคอกนา" ซึ่งที่นี่จะเหมาะสำหรับคนที่อยากหนีจากชีวิตในเมืองกรุงอันเเสนจะวุ่นวายมาสัมผัสกลิ่นอายวิถีชีวิตชาวบ้าน

นอกจานี้ยังรายล้อมด้วยเเปลงผักเกษตรอินทรีย์และต้นไม้ใหญ่สีเขียวสบายตา ตัดด้วยสีน้ำตาลอ่อนของตัวอาคารทำให้รู้สึกถึงความเป็นธรรมชาติ สงบ เรียบง่าย เเละเป็นกันเอง

สำหรับใครที่ต้องการมาสัมผัสร้านอาหารไทย สไตล์โฮมมี่ ก็สามารถเดินทางมาได้ง่าย ๆ ใช้เวลาเพียง 2 - 3 ชั่วโมง ก็ถึงจุดหมาย