รูปบทความ วิธีจัดการกับเวลา เมื่อคุณอยู่ในเมืองที่เร่งรีบ

วิธีจัดการกับเวลา เมื่อคุณอยู่ในเมืองที่เร่งรีบ

การใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ เมืองที่มีการเจริญเติบโตอย่างรวดเร็วในหลาย ๆ ด้าน การคมนาคมที่หลายหลาย การศึกษาที่มีคุณภาพ เทคโนโลยีที่มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ปัจจัยต่าง ๆ เปรียบเสมือนแม่เหล็กชั้นดีที่ดึงดูดผู้คนจากทั่วทุกสารทิศด้วยจุดประสงค์ที่ต่างกัน


ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้อัตราการขยายตัวของประชากรในเมืองใหญ่ มีมากกว่าเมืองเล็กตามชนบททั่วไปอย่างเห็นได้ชัด สิ่งที่ตามมาพร้อมกับการแข่งขันที่สูงก็คือความเร่งรีบ โดยมีเวลาเป็นเสมือนสิ่งที่ควบคุมการใช้ชีวิตในทุก ๆ ด้านของเรา


จะดีกว่าไหม ถ้าเรารู้จักวิธีการจัดการเวลาที่ดี หากคุณกำลังตกอยู่ภายใต้ความเร่งรีบ วันนี้ Esto ขอนำเสนอ “วิธีจัดการกับเวลา เมื่อคุณอยู่ในเมืองที่เร่งรีบ” แนะนำการจัดสรรเวลาที่ดีเพื่อเปลี่ยนแปลงขีดจำกัดของตัวคุณเอง


ผู้ช่วยฉบับพกพา



ในสภาวะที่คุณต้องปรับตัวให้ทันกับโลกอยู่ตลอดเวลา การจะทำทุกอย่างในแต่ละวันโดยโฟกัสหลายจุดให้เป็นไปตามที่คาดหมาย คุณควรจะมีตัวช่วยในการจัดลำดับความสำคัญ เพื่อให้บรรลุตามประสงค์ไปได้ โดยอาจจะจดในสมุดหรือใช้เทคโนโลยีเป็นตัวช่วยก็สามารถทำได้ทั้งสองทาง


To do list

ช่วยวางแผนเป้าหมายคร่าว ๆ สามารถทำได้ทั้งระยะสั้น อาจจะเป็น 1 DAY : To do list และระยะยาว สำหรับการเริ่มต้นทำอะไรใหม่ ๆ ได้ในระยะเวลาที่กำหนดไว้ เช่น New Year Resolution ( การกำหนดเป้าหมายที่อยากทำในปีใหม่ที่กำลังจะเข้ามาถึง ) เป็นต้น


Schedule Planner

การจดบันทึกนัดหมาย วางแผนงาน กำหนดวันเวลาเพื่อกิจธุระ รวมถึงจดบันทึกเรื่องสำคัญเกี่ยวกับการงานที่ต้องทำในแต่ละวัน โดยปกติแพลนเนอร์ประเภทนี้จะแบ่งเป็นวันที่มาให้เราอยู่แล้ว ทำให้เราสามารถทราบตารางเวลาล่วงหน้าได้ และวางแผนถึงวันต่อ ๆ ไปได้อีกเช่นกัน


วางแผนเวลาให้ดี



เมื่อมีนัดหมายสำคัญ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงเป็นอันดับต้น ๆ เลยคือ การไปถึงก่อนเวลานัดหมาย เพราะมันส่งผลถึงภาพลักษณ์ของเรา ไม่ว่าจะเป็นนัดหมายใด ๆ ก็ควรคำนวณเวลาให้ดีเสียตั้งแต่ก่อนเริ่มวันใหม่ เพื่อให้เช้าถัดไปเป็นการเริ่มต้นวันที่ดี ตั้งนาฬิกาปลุกให้พร้อม หากเป็นคนที่ใช้เวลานานกว่าจะออกจากบ้านได้ ก็ควรจะเผื่อเวลาทำธุระไว้สักหน่อย และเผื่อเวลาสำหรับเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น ลืมของสำคัญไว้ในบ้าน ลืมให้อาหารสัตว์เลี้ยง ลืมกุญแจบ้าน เป็นต้น


วางแผนการเดินทางให้เหมาะสม

การอยู่ในมหานครที่ทุกคนใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยความเร่งรีบ การวางแผนการเดินทางเป็นสิ่งที่จำเป็น เพราะไม่ว่าเราจะเผื่อเวลาไว้ดีแค่ไหน หากเลือกใช้ยานพาหนะที่ไม่เหมาะสมกับสภาพจราจรอาจจะทำให้เสียเวลาไปมากกว่าที่คาดคิด สิ่งที่ควรทำคือเช็คสภาพอากาศและสภาพการจราจรในเส้นทางที่เราจะผ่าน หากวันใดคาดว่ามีตกก็ไม่ควรที่จะใช้รถจักรยานยนต์ หรือหากเส้นทางใดที่รถติดมาก เราก็ควรคิดให้ดีว่าจะไปอย่างไร การอาศัยระบบขนส่งมวลชนอาจเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์มากกว่า


มีแผนสำรองเสมอ

เรื่องทุกเรื่องไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้เสียทุกอย่าง โดยเฉพาะเมื่อมีเวลาเป็นตัวควบคุมแล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่ชีวิตของเราจะไม่มีอุปสรรคเข้ามา ดังนั้นแล้ว คติ ‘กันไว้ดีกว่าแก้’ เป็นสิ่งที่เราควรจะยึดถือไว้ในใจ บางเรื่องหากปล่อยผ่านมันไปแล้วไม่ประสบปัญหาใด ๆ ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่หากมีปัญหาเข้ามาแล้วเรามีแผนสำรองไว้ก็ย่อมดีกว่าการมาแก้ปัญหาทีหลัง เช่น หากมีนัดหมายกับคนสำคัญแล้วเรามีธุระด่วน ควรจะส่งข้อความไปขอโทษและชี้แจง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาผิดใจกันทีหลัง เป็นต้น


อย่าติดโซเชียลมากเกินไป



อาจมีคนสงสัยว่าการติดโซเชียล ส่งผลต่อการจัดการเวลาอย่างไร คำตอบก็คือเวลาที่เราท่องอยู่ในโซเชียลมีเดียต่าง ๆ อาจทำให้เราเพลินจนไม่สามารถยับยั้งตัวเองให้เลิกเล่นได้ คำพูดต่อมาที่เรามักพูดแก้ต่างให้ตัวเองก็คือ “ขอเล่นอีกนิดแล้วกัน เดี๋ยวจะเริ่มทำแล้ว” หรือ “เวลาก็มีอีกตั้งเยอะ ขอเล่นหน่อยแล้วกัน” หากเรายังไม่ลด ละ เลิกความคิดเหล่านี้ล่ะก็ ความคิดเหล่านี้อาจทำให้เกิดปัญหา ส่งผลถึงแผนที่เราวางไว้รวนและสามารถส่งผลให้เรามีนิสัยชอบผัดวันประกันพรุ่งได้


แบ่งเวลาสำหรับผ่อนคลายตัวเองบ้าง

หากการออกกำลังกายอย่างพอดีทำให้ร่างกายแข็งแรง การบริหารจิตให้พอดีก็ทำให้สุขภาพจิตแข็งแรงเช่นกัน ไม่จะอยู่ที่ไหน สุขภาพจิตของเราก็เป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะเมืองที่มีการแข่งขันสูง และเร่งรีบอยู่ตลอดเวลา จะส่งผลให้สุขภาพจิตเราแย่ลงหากไม่จัดการให้ดี เช่น ฝึกให้เราเป็นคนใจร้อน รีบตัดสินปัญหา จะดีกว่าไหม ถ้าเราฝึกตัวเองให้เป็น คนใจเย็น และให้เวลากับตัวเองในการผ่อนคลายความเครียดที่สะสม หาเวลาอยู่กับสิ่งที่ชอบและมองโลกในแง่บวกเสมอ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในระยะยาว เช่น โรคที่เกิดความเครียดต่าง ๆ เป็นต้น


มีวินัยในตัวเอง

คำแนะนำต่าง ๆ ที่ให้ไปข้างต้นคงจะไม่มีความหมาย หากตัวเราเองที่เป็นจุดเริ่มต้นของทุกอย่างขาดวินัย อย่าให้ความขี้เกียจมาเป็นขออ้างในการผัดวันประกันพรุ่ง และเริ่มต้นทุกสิ่งตามที่วางแผนไว้เลย เพราะ ‘เวลา’ เป็นสิ่งที่ไม่คอยใคร ถ้าเรามัวแต่คอยผัดวัน ให้ความขี้เกียจมาครอบงำเรา ถึงตอนนั้นแล้วเวลาที่เรามีอาจน้อยนักและเป็นอุปสรรคต่อเป้าหมายของเราได้ ดังคำกล่าวที่ว่า


What is not started today is never finished tomorrow. - Johann Wolfgang von Goethe


บทความที่น่าสนใจ

‘ก้าวสู่วัยทำงาน’ ควรบริหารเวลาจัดการชีวิตและการเงินอย่างไรให้ไม่สะดุด

เติมสมองให้อิ่มทุกเวลากับ Podcast ที่ช่วยบริหารกระเป๋าเงินได้ดีขึ้น

เที่ยวกรุงเทพ ใกล้ BTS ทองหล่อ ประสบการณ์พักผ่อนแนวใหม่ที่ห้ามพลาด

พลาดไม่ได้สักวินาที ให้คุณเสพเรื่องดีๆ ด้านการลงทุนกับ 5 Podcasts


เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร...?

Related Stories

Esto Talks

See All >

Living out loud

Living out loud : VANA RESIDENCE พระราม 9 - ศรีนครินทร์