รูปบทความ ไขคำตอบ เด็กจบใหม่เพิ่งทำงาน ลงทุนอะไรดี

ไขคำตอบ! เด็กจบใหม่เพิ่งทำงาน ลงทุนอะไรดี!?


‘การลงทุน’ กับ ‘เด็กจบใหม่’ ฟังยังไงก็ดูเป็นคำที่ดูไกลกันเกินไปสักหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ว่าเด็กจบใหม่อย่างเรา ๆ จะเข้าถึงวิธีการหาเงินในแนวนี้ไม่ได้ เพราะการจะให้เป็น “มนุษย์เงินเดือน” เพียงอย่างเดียว ก็อาจจะไม่พอใช้จ่ายสำหรับคนทุกคน ดังนั้น การหารายได้เล็ก ๆ น้อย ๆ เสริมจากงานประจำ หรือการเริ่มต้นลงทุน จึงเป็นตัวเลือกที่เรียกได้ว่าน่าสนใจไม่น้อย


การลงทุน คือ การลงทุนในรูปแบบของเงิน เพื่อผ่านกระบวนการทางเศรษฐกิจให้ได้ผลกำไร กล่าวคือ เราต้องลงเงินก้อนของเราในช่องทางการลงทุน เช่น หุ้น, กองทุนรวม, การเปิดร้านค้านับเป็นการลงทุนได้เช่นกันเพราะลูกค้าซื้อของในราคาที่สูงกว่าทุนส่วนต่างของทุนกับราคาขายคือกำไรของผู้ประกอบการ หากจะพูดให้เข้าใจง่ายขึ้น 


การลงทุน คือ การเสียเงิน
เพื่อให้ได้เงินกลับมาเยอะกว่าเดิมนั่นเอง


เช่นนี้แล้วหากการลงทุนคือการเสียเงินเพื่อให้ได้เงินกลับมาเยอะกว่าเดิม สำหรับนักศึกษาพึ่งจบใหม่ ผู้ยังไม่ทันหลุดพ้นจากกองเงินของผู้ปกครอง และยังไม่มีเงินทุนเป็นของตัวเอง จะสามารถลงทุนได้หรือไม่ และอย่างไรบ้าง ในบทความนี้ Esto จะนำเสนอเรื่องการลงทุนสำหรับเด็กจบใหม่ ผู้ยังไม่มีเงินลงทุนก้อนใหญ่ แต่มีช่องทางบางช่องที่เปิดให้ผู้มีเงินลงทุนน้อย ได้ร่วมลงทุนกัน แม้ผลตอบแทนจะน้อยลงตามไปด้วย แต่นับเป็นก้าวเดินก้าวแรก ๆ สำหรับนักลงทุนมือใหม่เลยทีเดียว




มือใหม่ ไม่อยากเสี่ยง แนะนำ 'กองทุนรวม'


กองทุนรวม คือ การระดมเงินลงทุนจากคนจำนวนมาก และนำเงินจำนวนมากนี้ไปจดทะเบียนให้มีฐานะเป็นนิติบุคคล เพื่อตั้งเป็น “กองทุน” ขึ้นมา โดยเงินที่ได้รับมานั้น จะมี “ผู้จัดการกองทุน” มืออาชีพ ผู้มีความรู้ความชำนาญ นำเงินเหล่านี้ไปลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ ตามนโยบายของแต่ละกองทุน ให้ได้รับผลตอบแทนที่งอกเงย แล้วนำมาเฉลี่ยคืนให้กับผู้ลงทุนแต่ละรายตามสัดส่วนที่ลงทุนกับกองทุนเอาไว้


กองทุนรวมนี้ ถือเป็นช่องทางการลงทุนยอดฮิตของผู้ลงทุนมือใหม่ เพราะสามารถลงทุนได้ แม้ไม่มีเงินลงทุนมาก และมีความเสี่ยงน้อย แต่ผลประกอบการน้อยลงด้วยเช่นกัน ถึงแม้ผลประกอบการจะน้อย แต่การลงทุนกับกองทุนรวมอย่างสม่ำเสมอเปรียบได้กับการออมเงิน สำหรับวัยทำงานเป็นเรื่องที่ควรปฏิบัติอยู่แล้ว เพราะการออมเงินนั้นช่วยสร้างรากฐานความมั่นคงในชีวิต และลดความเสี่ยง ความลำบากที่จะเกิดขึ้นในยามเจ็บป่วยหรือกรณีฉุกเฉิน และยังได้รับการลดหย่อนภาษีอีกด้วย




ฝึกการออม พร้อมงอกเงยเป็นดอกเบี้ย แนะนำ 'เงินฝากประจำ'


สำหรับคนที่เพิ่งเริ่มออมเงิน หรือเพิ่งเริ่มต้นทำงานได้ไม่นาน และยังไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องการลงทุนเท่าไร แนะนำให้ฝากประจำกับบัญชีฝากประจำของธนาคาร เพราะเป็นช่องทางการลงทุนที่ไม่มีความเสี่ยงเลย โดยผลกำไรของการลงทุนช่องทางนี้จะอยู่ในรูปของดอกเบี้ย โดยแต่ละธนาคารจะมีอัตราดอกเบี้ยที่แตกต่างกันไป


รูปแบบการฝากประจำที่แนะนำ คือ เงินฝากประจำปลอดภาษี เป็นเงินฝากประเภทหนึ่งที่กำหนดให้ต้องฝากประจำทุกเดือน เป็นจำนวนที่เท่ากัน ระยะเวลาโดยทั่วไปขั้นต่ำอยู่ที่ 24 เดือน เช่น ฝากเดือนละ 1,000 บาท ติดต่อกันเป็นเวลา 24 เดือน โดยได้สิทธิพิเศษคือ “ยกเว้นภาษีเงินได้” และไม่ถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย เหมือนเงินฝากประจำทั่วไป


ข้อดีของการออมเงินแบบนี้คือ เป็นการฝึกวางแผนการใช้เงินที่ง่ายที่สุด เมื่อฝากจนครบกำหนดก็จะได้รับเงินคืนเป็นก้อน และยังได้ดอกเบี้ยที่สูงกว่าเงินฝากทั่วไป และหากในอนาคตมีแผนทำเรื่องกู้เงิน ขอสินเชื่อกับธนาคาร การฝากประจำเป็นการสร้างเครดิตที่ดี ช่วยให้ได้รับการอนุมัติง่ายขึ้น




'การออมหุ้น' ที่ไม่ต้องมีประสบการณ์เล่นหุ้น


การออมหุ้น นับว่าเป็นวิธีที่น่าสนใจอีกวิธีหนึ่ง ที่ทำให้เงินเติบโตได้ในระยะยาวแถมยังได้ลงทุนในตลาดหุ้น การออมหุ้นนั้นต่างกับการเล่นหุ้น เริ่มแรกต้องเปิดบัญชีออมหุ้น เพื่อลงทุนทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอ โดยโบรกเกอร์จะหักเงินจากบัญชีของเราทุกเดือนตามที่ได้ระบุไว้ว่าจะลงทุนเดือนละเท่าไร เพื่อนำไปซื้อหุ้นตัวที่เลือกไว้ ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นของบริษัทใหญ่ที่เชื่อถือได้ในผลประกอบการ 


การลงทุนเฉลี่ยทุกเดือน เรียกว่า DCA หรือ Dollar Cost Averaging เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ใช้การเฉลี่ยต้นทุน ลงทุนเยอะในช่วงที่ราคาหุ้นลง และลงทุนน้อยในช่วงที่ราคาหุ้นขึ้น แต่ยังลงทุนอย่างสม่ำเสมอ การ DCA ช่วยลดความผันผวนของพอร์ตการลงทุนได้ เพราะไม่ต้องคำนึงถึงภาวะตลาดและจังหวะในการเข้าซื้อ


ข้อดีของการออมหุ้นคือ เราไม่ต้องจับจังหวะในการเข้าซื้อเหมือนกับการเล่นหุ้นทั่วไป เพราะต้องซื้อทุกเดือน หรือ DCA ในวันที่กำหนดไว้ของแต่ละเดือนอยู่แล้ว ช่วยลดความเสี่ยงของการลงทุนในระยะยาว ไม่ต้องเสียเวลาติดตามหุ้นอย่างใกล้ชิด และไม่ต้องมีประสบการณ์ในการลงทุนก็เล่นหุ้นได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น วิธีการออมเงินแบบนี้ก็มีข้อจำกัดคือ ไม่สามารถเลือกหุ้นได้ทุกตัวที่มีอยู่ในตลาดหุ้น เลือกได้เฉพาะที่บริษัทมีให้เลือกเท่านั้น และหากไม่มีเงินให้หักบัญชีในวันที่โบรกเกอร์ตัดเงินจากบัญชีจะถูกเรียกเก็บดอกเบี้ยด้วย

  • หลักการในการออมหุ้นสำหรับมือใหม่คือต้องคัดเลือกหุ้นพื้นฐานดีในระยะยาว ระยะยาวคือ เวลาขั้นต่ำ 5 ปี แล้วกระจายความเสี่ยงการลงทุนให้เหมาะสมและซื้อสะสมไปเรื่อย ๆ โดยควรกระจายการลงทุนขั้นต่ำในหุ้นประมาณ 3-5 ตัว




ทั้ง 3 ช่องทางการลงทุนเหล่านี้ เป็นช่องทางที่ใช้เงินลงทุนน้อย และมีความเสี่ยงต่ำมาก หรือเรียกได้ว่าไม่มีความเสี่ยงเลย สำหรับผู้ที่ยังไม่มีเงินก้อนสำหรับการลงทุนใหญ่ ๆ เพื่อเป็นการฝึกและเตรียมความพร้อมสำหรับการลงทุนในอนาคตที่จะมีระดับใหญ่และกว้างขึ้น เช่น หุ้น หรือบางคนอาจจะเปิดร้านทำธุรกิจของตัวเอง การเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ เหล่านี้ ก็จะทำให้เราเรียนรู้ และสามารถนำแนวทางไปปรับใช้กับตัวของเราในแพลนที่ใหญ่ขึ้นในอนาคตข้างหน้าได้นั่นเอง


เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร...?

Related Stories

Esto Talks

See All >

Living out loud

Living out loud : VANA RESIDENCE พระราม 9 - ศรีนครินทร์