จริงหรือมั่ว! กับความเชื่อเรื่องวิธีการประหยัดไฟ
18 May 2560
ในปัจจุบันคนส่วนใหญ่นิยมเลือกคอนโดมิเนียมเป็นที่อยู่อาศัยกัน แต่การอยู่คอนโดนั้นใช่ว่าจะประหยัดค่าใช้จ่ายได้ โดยเฉพาะหากคุณเป็นเพียงคนเช่าไม่ใช่คนซื้อ เพราะค่าใช้จ่ายแรกที่ต้องเสียเลยคือค่าเช่าห้องซึ่งเป็นเงินเสียเปล่า ไหนจะเจอกับค่าน้ำ ค่าไฟ และค่าจิปาถะอื่นๆ อีกล่ะ ค่าใช้จ่ายเยอะขนาดนี้ เห็นทีเราควรต้องหาทางประหยัดค่าใช้จ่ายแบบไม่ตายตัวกันเสียหน่อย ซึ่งโดยปกตินั้นค่าน้ำเป็นค่าใช้จ่ายไม่สูงอยู่แล้ว ตรงข้ามกับค่าไฟที่นับวันดูจะสูงเอาๆ ตามสภาพอากาศเป็นหลัก การประหยัดไฟจึงเข้ามามีบทบาทสูงสำหรับชาวคอนโดอย่างเราๆ แน่ล่ะว่าวิธีประหยัดไฟนั้นมีมากมาย หากแต่คุณควรระวังเอาไว้บ้างว่า ไอ้วิธีประหยัดไฟที่คิดว่าใช้ได้นั่นน่ะ บางทีมันอาจเป็นวิธีที่ผิดก็เป็นได้ งั้นเดี๋ยววันนี้เราก็มาเช็คกันดีกว่าว่า ความเชื่อเกี่ยวกับการประหยัดไฟในคอนโดเหล่านี้ถูกต้องจริงหรือไม่

1 อยากประหยัดไฟ ต้องเปิดแอร์ 25 องศา
ไม่จริงไปเสียหมด เพราะโดยปกติแล้ว การเปิดแอร์ให้รู้สึกเย็นสบายนั้น แค่ตั้งอุณภูมิอยู่ที่ 26-28 องศาก็เพียงพอ แต่คนไทยส่วนใหญ่กลับเลือกตั้งอุณภูมิกันอยู่ที่ 18-24 องศาเพื่อความเย็นฉ่ำ ก่อนจะมีการรณรงค์เรื่องการประหยัดไฟโดยให้ตั้งอุณภูมิที่ 25 องศา ซึ่งนั่นสามารถช่วยให้เราประหยัดค่าไฟได้จริง แต่ต้องบอกว่ามันเป็นการช่วยที่แทบไม่มีผลอะไรเลย หากต้องการประหยัดค่าไฟด้วยแอร์จริง วิธีที่เราควรทำที่สุดคือการล้างแอร์เป็นประจำต่างหาก โดยเราอาจเลือกจ้างช่างมาล้างชิ้นส่วนแอร์อย่าละเอียดสักปีละครั้งสองครั้ง ส่วนที่เหลือให้เราจัดการล้างแอร์แบบเบื้องต้นด้วยตัวเองไป เพราะการปล่อยให้แอร์เต็มไปด้วยฝุ่นนั้นจะทำให้เครื่องยนต์แอร์ต้องทำงานหนักขึ้นเพื่อเร่งสร้างความเย็นให้แก่ผู้อยู่อาศัย จนกลายเป็นสาเหตุของการดึงค่าไฟให้พุ่งสูงขึ้นนั่นเอง
นอกจากนี้การเลือกเครื่องปรับอากาศไม่ตรงกับขนาดของห้อง และการติดตั้งเครื่องปรับอากาศผิดจุดก็จะยิ่งทำให้เปลืองค่าไฟมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการติดตั้งเครื่องปรับอากาศไว้บทผนังฝั่งที่โดนความร้อน เพราะจะทำให้เครื่องทำงานตลอดเวลา การติดตั้งเครื่องปรับอากาศแบบซ่อนในฝ้าก็เช่นกัน หากติดตั้งไม่ดี ความเย็นจากเครื่องปรับอากาศไม่สามารพกระจายได้ คุณก็อาจจะต้องเปิดปรับอุณหภูมิให้ต่ำลง ซึ่งนั่นก็หมายถึงค่าไฟที่เพิ่มขึ้นด้วย
2. ตู้เย็นขนาดใหญ่กินไฟกว่าตู้เย็นขนาดเล็ก
ไม่เป็นความจริง เพราะไม่ว่าคุณจะเลือกใช้ตู้เย็นขนาดใหญ่หรือขนาดเล็ก มันก็กินไฟเท่าๆ กัน เผลอๆ ตู้เย็นเล็กจะกินไฟมากกว่าเสียด้วยซ้ำ ทางที่ดีเลือกใช้เป็นตู้เย็นขนาดกลางจะดีที่สุด ทั้งนี้หากต้องการใช้ตู้เย็นให้ประหยัดไฟล่ะก็ เราจะต้องตั้งตู้เย็นให้ห่างจากผนังราว 15 เซ็นติเมตร เพื่อช่วยให้ระบบระบายความร้อนทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และอย่าตั้งตู้เย็นไว้ใกล้แหล่งความร้อน เช่น ใกล้เตาแก๊สหรือหม้อหุงข้าว เพราะจะทำให้ระบบการระบายความร้อนทำงานหนักขึ้น นอกเหนือจากนี้พยายามอย่าเปิดปิดตู้เย็นบ่อยเกินไป หรือเปิดประตูตู้เย็นค้างไว้เป็นเวลานาน รวมถึงไม่ควรยัดของไว้เต็มตู้เย็นอีกด้วย แต่ถ้าหากคุณเป็นคนที่เปิดตู้เย็นบ่อย ๆ เลือกตู้เย็นแบบแยกประตูช่อง Freeze น่าจะดีกว่า หากทำได้คุณจะสามารถประหยัดไฟได้อีกมากโขเลยล่ะ

3. เปิดพัดลมคู่แอร์ ประหยัดไฟกว่าเป็นไหนๆ
เป็นเรื่องจริง โดยให้เปิดคู่กันตั้งแต่แรกและตั้งอุณภูมิแอร์ไว้ที่ 27 องศา เพราะพัดลมสามารถช่วยให้การกระจายความเย็นคลอบคลุมไปทุกพื้นที่ได้เร็วมากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นการช่วยให้ระบบระบายความร้อนในแอร์ทำงานน้อยลงในขณัที่ประสิทธิภาพที่ได้จะดียิ่งขึ้น ทั้งนี้อย่าลืมหมั่นทำความสะอาดพัดลมด้วยล่ะ เพราะยิ่งพัดลมสะอาดเท่าไร พลังความเย็นก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น

4 ปลูกต้นไม้ในคอนโดเป็นอะไรที่กินไฟมาก
ไม่ใช่เรื่องจริง เพราะในความเป็นจริงนั้น การปลูกต้นไม้ไว้บริเวณระเบียงห้องนั้น นอกจากจะสร้างความสวยงามและชวนให้รู้สึกผ่อนคลายแล้ว มันยังสามารถช่วยลดอุณภูมิและทำให้บรรยากาศภายในห้องดูมีความร่มรื่นมากยิ่งขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม ควรเลือกปลูกต้นไม้ให้ถูกชนิดเสียหน่อย โดยหากต้องการคลายความร้อนให้ดีที่สุดล่ะก็ เราขอแนะนำให้เลือกปลูกพืชตระกูลเฟิร์น เพราะไม่ต้องการแสงแดดมาก แถมยังเป็นพืชสายพันธุ์ที่ทำให้บริเวณรอบข้างมีความเย็นเพิ่มขึ้นอีกต่างหาก แต่ทั้งนี้เฟิร์นเป็นพืชที่ต้องการความชุ่มชื้นนะคะ ดังนั้นหากใครคิดว่าปลูกเฟิร์น ต้องไม่ลืมลดน้ำบ่อยๆ และที่สำคัญคอมเฟรสเซอร์แอร์ต้องไม่เป่ามาทางต้นไม้ด้วยนะคะ ไม่อย่างงั้นต้นไม่อาจจะตายได้

5. ห้ามเปิด-ปิดแอร์บ่อยๆ หากไม่อยากเสียค่าไฟแพง
ผิด หากเปิดแอร์ค้างไว้เป็นเวลานานต่างหากที่เป็นตัวทำให้ค่าไฟพุ่งสูงขึ้น จริงอยู่ว่าช่วงที่กดเปิดแอร์นั้น จะมีการใช้พลังงานที่ค่อนข้างสูงในการขับเคลื่อน แต่มันเป็นเพียงระยะสั้่นๆ เท่านั้น ดังนั้นคงต้องบอกว่า ต่อให้คุณเปิด-ปิดแอร์ติดต่อกันสัก 5 รอบภายใน 1 นาที ค่าไฟของคุณก็จะยังคงน้อยกว่าการเปิดแอร์ค้างไว้เปล่าๆ เป็นชั่วโมงอยู่ดี แต่เหตุที่เราไม่ค่อยอยากแนะนำให้ทำเช่นนั้นเป็นเพราะการเปิด-ปิดแอร์ถี่เกินไปนั้นจะเป็นการทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักเกินไปจนอายุการใช้งานของแอร์นั้นสั้นลงได้ค่ะ

6. เครื่องซักผ้าฝาหน้าและฝาบนแบบไหนประหยัดไฟมากกว่ากัน
ก้ำกึ่ง เพราะทั้งสองแบบนั้นกินไฟมากพอๆ กัน อย่างไรก็ตาม เครื่องซักผ้าทั้ง 2 แบบนั้นยังคงมีข้อแตกต่างกันในด้านอื่นๆ อาทิ แบบฝาหน้าจะใช้น้ำน้อยกว่าฝาบน ในขณะที่จะค่อนข้างใช้เวลาในการซักนานกว่าฝาบน และที่สำคัญ เครื่องซักผ้าแบบฝาหน้านั้นจะมีราคาที่สูงกว่าแบบฝาบนมากค่ะ ดังนั้น หากคุณพักอาศัยอยู่คอนโดและต้องการประหยัดไฟล่ะก็ ให้เลือกเครื่องซักผ้าที่มีขนาดพอเหมาะกับการใช้งาน ไม่ใหญ่จนเกินไป จะเป็นการช่วยประหยัดไฟได้ดีที่สุดค่ะ
แหล่งข้อมูล