ESTOPOLIS | ความแตกต่างระหว่าง “ไม้ลามิเนต” กับ “ไม้เอ็นจิเนียร์”
18 January 2560
เคยสงสัยกันไหมครับ ? เวลาไปเดินดูคอนโดแต่ละโครงการทางเซลล์จะเเนะนำส่วนต่างๆในแต่ละห้องว่ามีอะไรบ้าง หลายคนคงอาจจะได้ยินชื่อพื้นไม้ที่คอนโดปูมาให้ ไม่ว่าจะเป็นพื้นปูด้วย “ไม้ลามิเนต” บางโครงการก็บอกว่า ปูด้วยพื้น “ไม้เอ็นจิเนียร์” ดูภายนอกมันก็ไม่เห็นต่างกันตรงไหนทำไมต้องใช้คนละอย่างกัน วันนี้ทาง Estopolis จะมาไขข้อสงสัยว่าระหว่างเจ้า “ไม้ลามิเนต” และ “ไม้เอ็นจิเนียร์” กันครับว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร ไปชมกันเลยครับ …
ไม้ลามิเนต
ภาพจาก : www.doublefloor.co.th
ไม้ลามิเนต คือ ไม้สังเคราะห์ที่มีความนิยมเเพราะมีความทนทาน สวยงามและติดตั้งง่าย เหมาะกับทุกลวดลายและพื้นผิว สามารถปรับใช้เตามความต้องการได้อย่างหลากหลายมากกว่าการปูพื้น อาทิ สามารถปูพื้นเคาน์เตอร์ในครัว ซึ่งถือว่าเป็นการตกแต่งห้องครัวให้สวยงามไปในตัวได้ด้วย โดยพื้นไม้ลามิเนตจะแยกออกเป็น 4 ชั้นดังนี้
ภาพจาก : www.doublefloor.co.th
ชั้นที่ 1 จะเป็นชั้นผิวเคลือบด้วย อลูมินั่มออกไซด์ ซึ่งมีความทนทานสามารถต้านแรงกระแทกได้ ทำให้พื้นไม้ลามิเนตไม่เกิดรอยขีดข่วน
ชั้นที่ 2 จะเป็นชั้นของพื้นผิวไม้ โดยพื้นผิวนี้จะเป็นพื้นผิวที่มาจากกราฟิคลายไม้ที่เลียนแบบไม้ธรรมชาติมา ทำให้เกิดลวดลายเสมือนจริง เคลือบด้วยเมลามีน ลามิเนต เพื่อช่วยป้องการอ่อนตัวของไม้เมื่อโดนความร้อนสูง แถมยังสามารถต้านรังสี UV ทำให้สีไม่ซีดเมื่อผ่านการใช้งานเป็นเวลาหลายปี
ชั้นที่ 3 เป็นชั้นที่หนาที่สุดเรียกได้ว่าเป็นแกนกลางของไม้ลามิเนตเลยก็ได้ ชั้นนี้จะเป็นการนำไม้ที่ย่อยเป็นผงมาอัดแน่นเป็นแผ่นด้วยความดันสูง หรือกระบวนการ HDF (High DEnsity Fiber)
ชั้นที่ 4 เป็นชั้นสุดท้ายเป็นแผ่นเมลามีนปิดทับ เพื่อรักษาความสมดุลและเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับไม้ลามิเนต และยังสามารถป้องกันความชื้นได้ดีอีกด้วย
ภาพจากโครงการ The Excel Hybrid
ข้อดีของไม้ลามิเนต
1.ป้องกันรอยขีดข่วน
2.ทนต่อแรงกระแทก
3.ทนความร้อนของก้นบุหรี่
4. เช็ดทำความสะอาดง่ายไม่เป็นคราบ
5.สีและลวดลายไม่ซีดจาง
6.มีหลายลวดลาย
7.ติดตั้งง่ายและรวดเร็ว
ข้อเสียของไม้ลามิเนต
1.ไม่สามารถโดนน้ำได้เป็นเวลานานเมื่อมีน้ำอยู่บนพื้นไม้ให้รีบเช็ดออกทันที
2.ถ้าติดตั้งบนบริเวณพื้นที่เป็นคลื่นหรือหลังเต่าจะทำให้เกิดเสียงดังเวลาเดิน แนะนำให้ติดตั้งบนพื้นที่เรียบ
3.ไม้ลามิเนตไม่สามารถขัดสีที่เคลือบด้านบนออกเพื่อทำสีใหม่ได้
ไม้เอ็นจิเนียร์
ภาพจาก : www.doublefloor.co.th
ฟังดูอาจจะซับซ้อนหน่อย ไม้เอ็นจิเนียร์เป็นการน้ำเอาไม้จริงในป่าปลูก มาแปรรูปด้วยเทคโนโลยีด้านวิศวกรรมขั้นสูง โดยได้ผิวไม้มีความหนา 3-4 มม. มาอัดกับไม้เสี้ยนประสานสลับชั้นกันกับน้ำกาวคุณภาพสูงจนได้ขนาด 14 มม. แล้วนำไปอบควบคุมความชื้นไม่เกิน 12 % เคลือบผิวด้วย UV Acrylic Lacquer เพื่อให้ได้ลายไม้ที่ชัดเจนและมีความแข็งแรง การผลิตไม้เอ็นจิเนียร์ผลิตขึ้นมาเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการบิดงอหรือขยายตัวง่ายของไม้จริง โดยไม้เอ็นจิเนียร์นั้นจะมีความคงตัวสูง ไม่ยืด หด ห่อขยายตัวง่าย ซึ่งการติดตั้งก็สามารถทำได้ง่ายโดยไม่ต้องไปขัดสีหน้างาน ซึ่งไม้เอ็นจิเนียร์ที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลายได้แก่ ไม้โอ๊ค ไม้สัก ไม้ค่า ซึ่งราคาจะสูงตามประเภทของไม้
ภาพจากโครงการ Siamese Surawong
ข้อดีของไม้เอ็นจิเนียร์
1.มีความแข็งแรงทนทานกว่าไม้ลามิเนต
2.สามารถขัดพื้นสีทำใหม่ได้ 3.ทนความชื้นสูง 4.ทนต่อการบิดงอสูง 5.มีลวดลายไม้ที่แท้จริง 1.ควรระวังในเรื่องของปลวกกิน 2.ไม่ทนความร้อน 3.ราคาสูง จริงๆแล้วไม้ลามิเนตและไม้เอ็นจิเนียร์ ข้อแตกต่างของไม้ทั้ง 2 ชนิดอาจไม่มากเท่าไร ในส่วนนี้ก็แล้วแต่ผู้ใช้แล้วว่าจะเลือกใช้ไม้ชนิดไหนก็แล้วแต่ความชอบหรือความเหมาะสมกับพื้นที่ที่ต้องใช้และงบประมาณครับข้อเสียของไม้เอ็นจิเนียร์