ก้าวเข้าสู่การขยายตัวของเมืองได้อย่างเต็มรูปแบบด้วย UrbanTech
23 August 2560
2.4 พันล้านคน นี่คือจำนวนของประชากรที่อาศัยอยู่ในเมืองทั้งหมดในอีก 35 ปีข้างหน้า คิดเป็นร้อยละ 66 ของประชากรโลก หรือจะมองแค่ในกรุงเทพฯ เมืองหลวงซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกกิจของประเทศไทยเองก็ยังมีคนกระจุกตัวอยู่เฉลี่ยราว 5,800 คน ในพื้นที่เพียง 1 ตารางกิโลเมตร...คุณเห็นอะไรจากตัวเลขเหล่านี้บ้าง ?
ความแออัด ปัญหาการจราจร ปัญหาการว่างงาน
แน่นอนว่า มีปัญหามากมายสำหรับการกลายเป็นสังคมเมืองอย่างเต็มรูปแบบ แต่ก็ถือเป็นหนึ่งในความท้าทายสำคัญในประวัติศาสตร์แห่งมวลมนุษยชาติที่จะต้องก้าวผ่านไปให้ได้
Urbanization หรือการขยายตัวของเมือง แก้ปัญหาเหล่านี้ได้
Urbanization หรือ การขยายตัวของสังคมเมือง เป็นหนึ่งใน “เมกะเทรนด์” สำคัญของโลก ที่เกิดจากการรวมตัวของผู้คนจำนวนมากจนกลายเป็นชุมชนเมืองขนาดใหญ่หรือเกิดจากการกระจายความเจริญของเมือง จากเมืองศูนย์กลางออกไปยังเมืองอื่นๆ ซึ่งได้เข้ามาเปลี่ยนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คน ตลอดจนรูปแบบและการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างสิ้นเชิง
สำหรับกรุงเทพมหานครเองในช่วง 5-10 ปีที่ผ่านมาก็กำลังเข้าสู่ยุคการขยายตัวของเมือง (Urbanization) หลังจากมีการเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายใหม่ รวมทั้งการเชื่อมถนน ทำทางด่วน เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านการเข้าตัวเมืองมากขึ้น ตามแถบชานเมืองและปริมณฑลเริ่มมีการเปลี่ยนแปลง เทรนด์การอยู่อาศัยบนคอนโดมิเนีียมไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในเมืองอีกต่อไป แต่ขยายออกไปสู่จังหวัดหรือโซนทำเลใหม่ๆ ทำให้รูปแบบการอยู่อาศัยและการใช้ชีวิตเปลี่ยนไปจากเดิม
UrbanTech สำคัญสำหรับการขยายตัวของเมืองอย่างไร ?
นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการเดินทาง การกินอยู่แล้ว ในปัจจุบันเทคโนโลยีเองก็เข้ามามีบบาทสำคัญอย่างยิ่งในการขยายตัวของเมือง เพราะเทคโนโลยีเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยแก้ปัญหาของสังคมเมือง( Urbanization) เพื่อให้ก้าวเข้าสู่คำว่า Smart City ได้อย่างเ็มรูปแบบมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบันเกิดการแพลตฟอร์มที่ให้เราแบ่งปันสิ่งต่างๆ ร่วมกัน เช่น Airbnb , Homejoin, Uber หรือแม้กระทั่งผู้พัฒนาด้านสังหาฯ ชื่อดังอย่าง อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ยังให้ความสำคัญกับการเป็น UrbanTech Solutions Company แทนที่การเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบเดิมๆ
เมื่อการถือกำเนิดขึ้นของ Urbanization มาบรรจบกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี (UrbanTech) ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน “โอกาส” ที่ทำให้เรามีเครื่องมือในการจัดการกับปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น ซึ่งการแก้ปัญหาของคนเมืองด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งนวัตกรรมนี้ไม่ใช่เพียงนวัตกรรมทางการก่อสร้าง นวัตกรรมทางการเงิน นวัตกรรมการตลาด แต่คือนวัตกรรมที่สนองตอบไลฟ์สไตล์ของชีวิต
UrbanTech เปลี่ยนโมเดลธุรกิจ
การขยายตัวของสังคมเมือง+เทคโนโลยี = โอกาส
เช่นเดียวกับโมเดลทางธุรกิจที่ต้องเปลี่ยนแปลง ต่อไปผู้บริโภคไม่จำเป็นต้องจ่ายในราคาที่แพงขึ้นเพื่อความสะดวกสบายในชีวิต ไม่ต้องซื้อคอนโดติดรถไฟฟ้าเพื่อหลีกเลี่ยงรถติดระหว่างเดินทาง แต่สามารถซื้อบ้านแถบชานเมือง แล้วเรียกรถไร้คนขับให้มารับ ซึ่งทำให้ต้นทุนในการดำรงชีวิตถูกลง
ในสหรัฐฯ มีการคำนวณต้นทุนในการเดินทางต่อไมล์ พบว่า แท็กซี่มีต้นทุนแพงที่สุดที่ 2.5$ ต่อไมล์ ตามด้วย อูเบอร์ 1.8$ และ 0.3$ สำหรับรถไร้คนขับ นั่นหมายความว่า แทนที่คนเมืองจะต้องซื้อคอนโดในเมืองที่มีราคาแพง ก็เปลี่ยนเป็นซื้อบ้านชานเมืองที่มีขนาดใหญ่กว่า แล้วใช้บริการรถไร้คนขับซึ่งมีต้นทุนในการเดินทางที่ถูกกว่ามาก ซึ่งทำให้ผู้พัฒนาอสังหาฯ ในปัจจุบันตื่นตัวและพยายามสร้างที่อยู่อาศัยที่ตอบสนองต่อไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของมนุษย์ให้มากขึ้น
สรุปแล้วกรุงเทพฯ ของเรากำลังจะกลายเป็นสังคม (Urbanization) มากขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายและโอกาสใหม่ๆ ทางธุรกิจและอาชีพที่มาพร้อมกับการขยายตัวของความเป็นเมือง รวมถึงโอกาสของความสะดวกสบายจากการนำ UrbanTech เข้ามาช่วยในการขับเคลื่อนและพัฒนาระบบเศรษฐกิจและการใช้ชีวิตที่จะเริ่มเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตขอคนเมืองได้เป็นอย่างดี