ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย กับการเลือก ‘โซฟา’ ให้เหมาะกับห้องนั่งเล่น
5 May 2563
อีกหนึ่งปัญหาใหญ่สำหรับใครที่กำลังคิดจะตกแต่งห้องนั่งเล่นของตัวเองอยู่ นั่นคือการเลือก ‘โซฟา’ ให้พอดีกับพื้นที่ และแน่นอนว่าโซฟาเองก็มีหลายประเภทเช่นเดียวกัน ถ้าเลือกไม่ดี อาจทำให้ห้องนั่งเล่นไม่น่านั่งเล่นเลยก็ได้...วันนี้ Esto เลยอยากจะพาไปทำความรู้จักกับโซฟาแต่ละประเภท ทั้งโซฟาแบบปกติ และโซฟาแบบไฟฟ้า รวมถึงวัสดุที่ใช้สำหรับหุ้มโซฟา ว่าจะมีความน่าสนใจมากน้อยแค่ไหน เพื่อจะให้เราเลือกโซฟาแบบไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย ให้เราได้ใช้นั่งเล่น ดู Netflix กันไปยาว ๆ
วิธีเลือกโซฟาให้เข้ากับห้องนั่งเล่นของเรา
สิ่งแรกที่ควรทำความเข้าใจก่อนเลย คือต้องเข้าใจขนาดภายในห้องนั่งเล่นของตัวเอง ว่ามีขนาดเท่าไหร่ ถ้าเป็นคอนโดมิเนียม, อพาร์ตเมนต์ หรือหอพัก ควรเลือกโซฟาแบบไหน และถ้าเป็นบ้านพักอาศัยที่มีขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อย ควรเลือกโซฟาแบบไหน
สำหรับพื้นที่ภายใน คอนโดมิเนียม, อพาร์ตเมนต์ หรือหอพัก ควรเลือกโซฟาแบบปกติธรรมดาทั่วไป ขนาด 2-4 ที่นั่ง หรืออาจเลือกโซฟาแบบเข้ามุม ขึ้นอยู่กับขนาดต่อตารางเมตรภายในห้องนั่งเล่นของแต่ละโครงการ ส่วนการเลือกโซฟาสำหรับบ้านพักอาศัยที่มีขนาดใหญ่สามารถเลือกโซฟาได้หลายรูปแบบ จะโซฟาแบบธรรมดาทั่วไป หรือโซฟาเซ็ตก็ได้
ที่มา: midfurn.co.uk
โซฟาไฟฟ้า
หากดูภายนอก ‘โซฟาไฟฟ้า’ ไม่ได้มีความแตกต่างจากโซฟาธรรมดาทั่วไป เพราะรูปร่างหน้าตาภายนอกเหมือนกันทุกอย่าง แต่แตกต่างกันที่ระบบภายใน ที่มีการเดินระบบและควบคุมการสั่งงานด้วยระบบไฟฟ้าทั้งหมด
ซึ่งคุณสมบัติของโซฟาไฟฟ้า มีจุดเด่นอยู่ที่ฟังก์ชันปรับระดับได้ สามารถปรับเอนนอนได้แค่ปลายนิ้วสัมผัส เก้าอี้ มี 2 แบบคือ Recliner (เอนหลัง) กับ Power Recliner (เอนหลังอัตโนมัติ) ที่สามารถตอบโจทย์การใช้งานได้ดี โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และผู้ที่มีอาการเมื่อยล้า เพราะโซฟาประเภทนี้จะช่วยตอบโจทย์ปัญหาเรื่องสุขภาพได้เป็นอย่างดี
โซฟา 2-4 ที่นั่ง
ลักษณะของ ‘โซฟา 2-4 ที่นั่ง’ จัดเป็นโซฟามาตรฐานที่สามารถหาซื้อได้ทั่วไป และเหมาะกับการใช้งานทุกพื้นที่ โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีขนาดจำกัดอย่าง คอนโดมิเนียม, อพาร์ทเม้นท์ หรือหอพัก เพราะสามารถจัดเข้ามุมบริเวณห้องนั่งเล่นได้อย่างเหมาะสม เพราะขนาดของโซฟาเองเฉลี่ยอยู่ความกว้าง 150 เซนติเมตร ลึก 81 เซนติเมตร สูง 78 เซนติเมตร
นอกจากนั้นแล้วโซฟา 2-4 ที่นั่ง ยังมีดีไซน์ให้เลือกหลายรูปแบบด้วยกัน ซึ่งดีไซน์แต่ละรูปแบบจะมีโครงสร้างของฐาน และวัสดุที่ใช้หุ้มโซฟาที่แตกต่างกันออกไปด้วย และส่วนมากจะนิยมใช้โครงฐานประเภทไม้จริงผสมกับไม้สังเคราะห์ ส่วนวัสดุจะนิยมใช้หนังและผ้า
โซฟาเข้ามุม
‘โซฟาเข้ามุม’ เป็นโซฟาที่มีขนาดความยาวด้านใดด้านหนึ่งไม่เท่ากัน ซึ่งโซฟาประเภทนี้จะมีขนาดเฉลี่ยอยู่ที่ กว้าง 188 เซนติเมตร ลึก 155 เซนติเมตร ยาว 95 เซนติเมตร ทำให้ไม่ค่อยเหมาะกับพื้นที่ภายในห้องนั่งเล่นที่มีขนาดเล็ก แต่จะเหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดกลางขึ้นไป เพราะเมื่อนำไปจัดวางแล้วจะทำให้รู้สึกไม่อึดอัดจนเกินไป
ด้วยรูปแบบขนาดของโซฟาเอง จึงทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานภายใน คอนโดมิเนียมประเภท 2 Bedroom ขนาด 30+ ตารางเมตรขึ้นไป หรือเหมาะสำหรับใช้ภายในบ้านพักอาศัยที่มีพื้นที่ใช้สอยที่มากขึ้น ซึ่งโครงสร้างและวัสดุสำหรับการดีไซน์จะเน้นโครงไม้-เหล็ก ส่วนวัสดุจะเป็นหนังและผ้า เหมือนกับโซฟา 2-4 ที่นั่ง
โซฟาเซ็ต
ประเภทของ ‘โซฟาเซ็ต’ จะเป็นโซฟาที่ถูกจับคู่เข้าเซ็ตมาเป็นแพ็กเกจ หรือสไตล์นั้น ๆ เช่น หากต้องการนำชุดโซฟาเซ็ตไปแต่งภายในห้องนั่งเล่นสไตล์ Luxury รูปแบบของโซฟาเซ็ตจะมีการเลือกใช้วัสดุที่ให้สอดคล้องกับสไตล์ Luxury เช่น โครงสร้างสแตนเลส วัสดุผ้าเนื้อดีเป็นต้น
จุดเด่นของโซฟาประเภทนี้ คือมีให้เลือกแบบเข้าเซ็ตกันโดยที่เราไม่จำเป็นต้องไปเลือกโซฟา 1 ชื้น มาผสมกับ โซฟาอีกหนึ่งชิ้น เพราะภายในหนึ่งเซ็ต จะประกอบไปด้วย โซฟาใหญ่ (2-4 ที่นั่ง หรือเข้ามุม) บวกกับ โซฟาแบบอาร์มแชร์ 2 ตัว และโต๊ะกลาง และแน่นอนว่าเหมาะสำหรับบ้านพักอาศัยที่มีขนาดใหญ่
โซฟาอาร์มแชร์
‘โซฟาอาร์มแชร์’ ไม่ได้จำกัดการใช้งานภายในห้องนั่งเล่นเพียงอย่างเดียว ยังสามารถนำไปใช้ภายในห้องนอน และพื้นที่อื่น ๆ ได้อีกด้วย เพราะด้วยรูปแบบของเก้าอี้ประเภทนี้ ถูกออกแบบมาให้เป็นเก้าอี้แบบเดียว โดยมีขนาดเฉลี่ยอยู่ที่ กว้าง 80 เซนติเมตร ลึก 89 เซนติเมตร สูง 89 เซนติเมตร ทำให้สามารถเคลื่อนย้ายการใช้งานได้สะดวก
บวกกับรูปแบบของโครงสร้างที่เลือกใช้วัสดุประเภทเหล็กและไม้ รวมถึงวัสดุบุอย่างหนังและผ้า และยังมีการเพิ่มฟังก์ชันอย่างการใส่ล้อเลื่อนเข้าไป จึงทำให้โซฟาประเภทนี้เคลื่อนย้ายรวมถึงปรับเปลี่ยนการใช้งานได้หลายมิติ ทั้งภายในพื้นที่จำกัดรวมถึงพื้นที่พักอาศัยขนาดใหญ่
วัสดุหุ้มโซฟาแบ่งออกเป็น 3 ประเภท
อีกหนึ่งองค์ประกอบที่ทำให้โซฟาประเภทต่างมีความแข็งแรง-ทนทาน และสวยงามนั้น ‘วัสดุหุ้มโซฟา’ เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน เพราะในแต่ละวัสดุต่างมีคุณสมบัติข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้งานและรสนิยมความชอบส่วนตัวของผู้ใช้งานเองด้วย
วัสดุหนังแท้
สำหรับ ‘วัสดุหนังแท้’ เป็นวัสดุที่นิยมมากในช่วงยุคก่อนหน้าเมื่อ 50-100 ปีก่อน เพราะบ่งบอกถึงรสนิยม และความหรูหรา นั่นหมายถึงว่าใครที่มีโซฟาหนังแท้ตั้งอยู่ในห้องนั่งเล่น จะสามารถบ่งบอกถึงฐานะ แต่ในปัจจุบันโซฟาบุหนังแท้ไม่ค่อยได้รับความนิยม เนื่องจากมีขั้นตอนการผลิตที่จำกัดเพราะทำจากหนังสัตว์จริง รวมถึงการดูแลรักษาที่ยุ่งยาก
ข้อดีและคุณสมบัติ
- หนังแท้จะไม่แข็งกระด่างและไม่กรอบ
- มีสัมผัสที่นุ่มสบาย ทนต่อความชื้นได้ดี
- หากดูแลรักษาอย่างถูกวิธีสามารถใช้งานได้ยาวนาน
วัสดุหนังเทียม
อีกหนึ่งวัสดุที่ถูกนำมาใช้บุโซฟามากที่สุดอย่าง ‘วัสดุหนังเทียม’ ซึ่งเป็นวัสดุที่พัฒนาการใช้งานมาจากหนังเทียมที่มีขั้นตอนการผลิตและการรักษาที่ยุ่งยาก ดังนั้นหนังเทียมจึงตอบโจทย์การใช้งานได้เป็นอย่างดี เพราะมีคุณสมบัติที่แข็งแรง ลวดลายสวยงาม และบำรุงรักษาง่าย แต่นั่นก็ขึ้นอยู่กับเกรดของวัสดุเทียมที่เลือกใช้ด้วยเช่นกัน
ข้อดีและคุณสมบัติ
- มีความแข็งแรง และมีลวดลายสวยงาม
- ทำความสะอาด และบำรุงรักษาง่าย
- มีราคาถูก และมีวัสดุหนังเทียมหลายเกรด
วัสดุผ้า
และวัสดุชนิดสุดท้ายกับ 'วัสดุผ้า' เป็นอีกหนึ่งวัสดุที่ถูกเลือกใช้งานในการหุ้มโซฟาได้หลากหลายประเภท ซึ่งวัสดุผ้าเองมีหลายประเภทให้เลือกใช้งาน โดยวัสดุผ้าที่นิยมนำมาใช้งานมากที่สุดได้แก่ ลินินและผ้าฝ้าย ที่เป็นผ้าจากเส้นใยธรรมชาติ ทำให้ได้สัมผัสที่นุ่มสบาย ป้องกันการเกาะติดของฝุ่นและขนสัวต์
ข้อดีและคุณสมบัติ
- มีความแข็งแรงตามมาตรฐาน ดูแลรักษาง่าย
- มีความสวยงาม และให้สัมผัสที่นุ่มสบาย
- มีวัสดุผ้าเลือกใช้งานทั้ง เส้นใยธรรมชาติและเส้นใยสังเคราะห์
ทีนี้จะได้ไม่ต้องปวดหัวกับการเลือก ‘โซฟา’ ให้เหมาะกับการใช้งานภายในห้องนั่งเล่นของเพื่อน ๆ ทั้งภายในพื้นที่จำกัดอย่างคอนโดมิเนียม, อพาร์ตเมนต์, หอพัก และบ้านพักอาศัยขนาดต่าง ๆ