‘จิตวิทยาสี’ กับการทาสีภายในบ้าน
5 October 2563
การทาสีภายใน ต่อให้มีสีที่ชอบในใจ ก็ไม่รู้ว่าจะเหมาะกับห้องของเรามั้ย ทาแล้วจะรบกวนสายตารึเปล่า มีสีไหนที่ทาแล้วสามารถช่วยในเรื่องของอารมณ์ความรู้สึกได้บ้างมั้ย...ในบทความนี้ Esto ขอนำเสนอการใช้หลักจิตวิทยาสีในการเลือกสีทาบ้าน ว่าเมื่อเลือกสีนี้แล้วจะให้ความรู้สึกอย่างไร และใช้ทาในห้องไหนถึงเหมาะสมที่สุด
จิตวิทยาสีกับการทาสีภายในบ้าน สำหรับห้องนั่งเล่น
ห้องนั่งเล่นเปรียบเสมือนหน้าตาของบ้านรวมถึงหน้าตาของเจ้าของบ้านด้วย เพราะเป็นห้องที่แขกผู้มาเยือนจะได้เห็นเป็นส่วนแรก ถ้าแขกเกิดความประทับใจในห้องนั่งเล่น เขาย่อมชื่นชมเจ้าของบ้านที่เลือกใช้สีภายในบ้านตกแต่งห้องได้ดี ดังนั้น สีที่ใช้ในห้องนั่งเล่นจะเป็นสีที่เราต้องการสื่อความเป็นตัวตนของตัวเองออกมา
- หากอยากให้คนที่มาเยี่ยมรู้สึกถึงความหรูหรา คลาสสิก และมีพลัง การเลือกใช้สีโทนขาวและดำเป็นตัวเลือกที่ไม่เลว เพราะสีโทนขาวและดำจะดูเรียบง่าย มองแล้วไม่รู้สึกสับสน คลาสสิกในตัวของมันเอง และโทนสีขาวและดำนั้นสามารถผสมรวมกับโทนสีอื่น ๆ ได้หลายโทนโดยไม่ทำให้รู้สึกขัดตา โดยตามหลักจิตวิทยาสี สีดำเป็นสีมีพลังและความไม่สิ้นสุด ทำให้ห้องดูกว้างมากขึ้น ส่วนสีขาวจะให้พลังของความบริสุทธิ์ สะอาด และสีขาวยังช่วยกระจายแสงจากหลอดไฟได้ดี ช่วยประหยัดไฟมากขึ้นเพราะใช้หลอดไฟน้อยลง
- หรือถ้าใครที่อยากแสดงลักษณะบุคลิกความเป็นกันเอง เข้าถึงง่าย อาจใช้หลักจิตวิทยาสีที่ให้ความรู้สึกร่าเริง สดชื่น ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกไม่ตึงเครียดและกดดันเกินไป เช่น สีส้ม-สีเหลือง โดยทั้งสองสียังเป็นสีที่ให้พลังของตอนกลางวันอย่างดวงอาทิตย์ ตามความเชื่อของหลายประเทศเชื่อว่าดวงอาทิตย์นั้นเป็นศูนย์กลางของจักรวาล การนำสีของดวงอาทิตย์มาใช้ในบ้านจะทำให้เราได้รับพลังที่มากล้นเหล่านั้นไปด้วย
จิตวิทยาสีกับการทาสีภายในบ้าน สำหรับห้องนอน
ห้องนอนคือพื้นที่ให้เราได้พักผ่อนหลังจากเหนื่อยล้ามาทั้งวัน ดังนั้นห้องนอนต้องมีความสงบ ความผ่อนคลายที่สุดในบ้าน โดยสีตามหลักจิตวิทยาสีที่ให้ความรู้สึกเหล่านั้นได้แก่ สีฟ้า สีเขียว สีน้ำเงินเข้ม หรือจะเป็นสีดำก็ได้
- โดยสีฟ้าตามหลักจิตวิทยาสีจะให้ความรู้สึกผ่อนคลายได้มากที่สุด ลดความเครียดและความกดดันที่แบกรับมาทั้งวันได้ ทำให้นอนหลับสบาย ส่วนสีน้ำเงินเข้มนั้นให้ความรู้สึกของท้องฟ้ายามค่ำคืน ทำให้ร่างกายของเรารู้สึกว่านี่คือเวลานอนแล้ว ถึงเวลาต้องพักผ่อน และเนื่องจากเป็นโทนสีเข้มเวลาปิดไฟนอนจะทำให้ห้องมืดลงกว่าโทนสีสว่างด้วย จากผลการวิจัยพบว่าร่างกายคนเราจะนอนหลับลึกขึ้นเมื่อนอนในสภาพแวดล้อมที่มืด แน่นอนว่าสีดำก็ใช้ทฤษฎีเดียวกันนี้ด้วย
จิตวิทยาสีกับการทาสีภายในบ้าน สำหรับห้องน้ำ
ห้องน้ำ เป็นห้องที่หลายคนลืมนึกถึงไป แต่จริง ๆ ห้องน้ำนั้นบ่งบอกตัวตนของเจ้าของบ้านได้ไม่แพ้กับห้องนั่งเล่นเลย เคยมีคำกล่าวว่า “เขาดูแลห้องน้ำของเขาอย่างไร เขาดูแลตัวของเขาอย่างนั้น” เพราะถ้าห้องน้ำไม่สะอาด มีกลิ่น ไม่น่าใช้งาน มันบ่งบอกถึงความดูแลเอาใจใส่ และความรักสะอาดของตัวเจ้าของบ้านว่าอยู่ในระดับไหน เราจึงควรดูแลห้องน้ำให้สะอาด รวมถึงใช้สีตกแต่งให้สวยงามไม่ให้แพ้สีภายในส่วนอื่น ๆ ของบ้าน
- การเลือกใช้โทนสีของห้องน้ำอาจจะไม่หลากหลายเท่าโทนสีภายในส่วนอื่น ๆ ของบ้าน แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความครีเอทของแต่ละคน สำหรับคนที่ไม่แน่ใจว่าควรเลือกใช้โทนสีอะไร แนะนำให้ลองใช้สีดำ เพราะนอกจากจะให้ความรู้สึกหรูหราแล้ว ยังเป็นสีที่ทำให้มองเห็นคราบสกปรกได้ยาก ทำให้ห้องน้ำของเราดูสะอาดอยู่ตลอดเวลา แต่ถึงอย่างนั้นก็ควรหมั่นทำความสะอาดอยู่บ่อย ๆ ด้วย
จิตวิทยาสีกับการทาสีภายในบ้าน สำหรับห้องทำงาน
ห้องทำงานเป็นห้องที่จำเป็นต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่ทำให้เกิดสมาธิและความคิดสร้างสรรค์ ถ้าเปรียบกับการเล่นเกมห้องนี้ต้องเป็นห้องที่ให้ Buff กับเราเยอะที่สุดนั่นเอง โดยตามหลักจิตวิทยาสี แนะนำให้เลือกใช้โทนสีม่วง สีแดง สีดำ และสีน้ำเงิน
- เพราะสีม่วงในหลักจิตวิทยาสีเป็นสีที่เกิดจากการรวมตัวของสีน้ำเงินและสีแดง เป็นการผสมผสานระหว่างความผ่อนคลายและพลัง ทำให้เราไม่รู้สึกตึงเครียดเกินไปที่ต้องทำงานขณะเดียวกันก็เพิ่มพลังให้เราได้ไม่รู้จบจากสีแดง ที่ให้ความรู้สึกคึกคัก กระปรี้กระเปร่า ในขณะที่สีดำเป็นสีที่มีพลังในตนเองอยู่แล้ว การใช้โทนสีดำผสมกับสีแดงช่วยส่งพลังเหล่านั้นเข้ามาสู่ตัวเราได้มากขึ้น ให้เราสามารถต่อสู้กับงานได้ราวกับสู้บอสใหญ่ของเกมอยู่เลยทีเดียว
จิตวิทยาสีกับการทาสีภายในบ้านที่ทาง Esto ได้รวบรวมสีที่น่าสนใจในแต่ละห้องมานั้น เป็นเพียงสีที่มีอิทธิพลต่อความรู้สึกในทางทฤษฎีเท่านั้น หากใครที่อยากตกแต่งห้องด้วยสีแนวจิตวิทยาก็สามารถทำได้ แต่ถ้าใครที่มีโทนสีที่ชื่นชอบอยู่แล้ว ก็สามารถเลือกทาได้ตามความเหมาะสม เพราะสีที่ชอบ ก็เป็นสีที่สามารถบ่งบอกเอกลักษณ์ของเราได้เช่นเดียวกัน