รูปบทความ Work Hard Play Hard Vs Work Half Play Half สุดหรือพอดี แบบไหนที่ใช่เรา

Work Hard Play Hard Vs Work Half Play Half สุดหรือพอดี? แบบไหนที่ใช่เรา

คิดว่าหลายๆ คนคงเคยได้ยินคำพูด “Work Hard Play Hard” มีความหมายว่า ทำทุกอย่างให้สุดไปทุกทาง ทั้งทำงานทั้งเล่น ประมาณว่าใช้ชีวิตให้คุ้มสุดโต่งที่สุดไปเลย จนบางครั้งอาจจะสุดโต่งเกินไป ราวกับว่าพรุ่งนี้จะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว ไม่ว่าจะทำงานหรือเล่นหากหนักเกินไป อาจจะทำให้ทั้งร่างกายและจิตใจเกินขีดจำกัดได้ จึงทำให้เกิดแนวคิดใหม่ที่มีความสมดุลในการใช้ชีวิตมากขึ้น คือ ‘Work Half Play Half’


ในบทความนี้ Esto จะเปรียบเทียบข้อดีข้อเสียของสองแนวคิดนี้ ว่าแบบไหนจะเหมาะกับคนในบุคปัจจุบันมากกว่า โดยเฉพาะวัยทำงานที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมือง


Work Hard Play Hard ?



หลายๆ คนเชื่อว่า “Work Hard Pay Hard” ใช้ชีวิตให้เต็มที่ทำงานให้หนักหน่วงแล้วให้รางวัลตัวเองด้วยปาร์ตี้สุดเหวี่ยงนั้นเป็นอะไรที่ถูกต้อง เพราะเราเกิดมาครั้งเดียวและมีแค่ชีวิตเดียวเท่านั้น You Only Live Once มันส่งผลทางใจดีมากๆ โดยเฉพาะกับคนวัยทำงานเพราะสามารถปลุกไฟในตัวได้เป็นอย่างดี


แต่นักวิจัยกลับพบว่าผู้ที่ทำงานหนักเกิน 48 ชม./สัปดาห์จนเกิดความเครียดสะสมมากๆ เข้าจะปลดปล่อยตัวเองไปกับปาร์ตี้และแก้วเหล้า และทำให้คนเหล่านี้อยู่มีอัตราการกินเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สูงกว่าคนปกติทั่วไปมาก แถมยังได้รับการพักผ่อนน้อยส่งผลต่อร่างกายโดยตรงอย่างร้ายแรง ทำให้เกิดภาวะการนอนหลับอย่างยากและอาจร้ายแรงถึงขั้นความจำเสื่อมได้เลย



นอกจากนี้การวิจัยยังพบอีกว่าผู้คนเหล่านี้จะประสบปัญหาขาดสารอาหารอีกด้วยเนื่องจากไม่มีเวลากินอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนในมื้อเช้า ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแรงไปตลอดทั้งวัน จนทำให้รู้สึกว่าความเหนื่อยล้าไม่หายไปสักทีแม้ว่าจะไปปลดปล่อยอย่างเต็มเหนี่ยวมาไม่นาน


คนในเมืองมักจะมีแนวคิดและใช้ชีวิตแบบนี้มากกว่าคนต่างจังหวัด และในคนที่อาศัยอยู่คนเดียวคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่าความเครียดจากการทำงานมันสามารถปลดปล่อยได้ด้วยการออกไปแฮงค์เอาท์กับเพื่อนจริงๆ คนในเมืองจึงเลือกที่จะไม่ปฏิเสธหากมีการนัดแนะเข้าร่วมปาร์ตี้ และค่อยๆ แบกร่างหอบสังขารกลับมายังห้องพักหรือคอนโดฯ ตัวเอง ก่อนจะรู้สึกแฮงค์ปวดหัวอย่างหนักในเช้าวันต่อมา


Work Half Play Half ?



ทีนี้การใช้ชีวิตแบบ Work Half Play Half จึงดีกว่างั้นหรือ ? คงไม่สามารถตัดสินแทนผู้อ่านได้ว่าแนวคิดใดดีกว่ากันแน่ๆ แนวคิดนี้จะคล้ายกับแนวคิดด้านบนเพียงแต่ ‘ลดระดับเพดานความสุดลงมา’ ลดระดับความสุดของการ Work ลงมาจากการทำงานหนักหน่วง โอทีต่อตอนเย็นทุกวันเพื่อจะได้มีเงินมากขึ้น อาจจะลดลง เพื่อให้ร่างกายได้รับการพักผ่อนมากขึ้น แน่นอนว่าพักผ่อนในที่นี้หมายถึงการกลับไปนอนหรือทำกิจกรรมเบาๆ เพื่อฟื้นฟูร่างกายจากงานหรือกิจกรรมหนักๆ มาทั้งวัน


เมื่อลดระดับการ Work แล้วต้องลดระกับของการ Play ด้วยเพื่อให้เกิดความสมดุลกัน ไม่ได้หมายความว่าต้องงดการออกไปเที่ยวแฮงค์เอาท์กับเพื่อนอีกต่อไป แต่หมายถึงการรู้ตัวและมีสติตลอดว่าลิมิตของเราอยู่ที่เท่าใด ข้อนี้จะช่วยในเรื่องความปลอดภัยของทั้งทรัพย์สินและชีวิตอีกเวย หากเราเมาจนขาดสติจะป้องกันตัวเองจากอันตรายรอบตัวอย่างไร หวังพึ่งเพื่อนไปตลอดคงไม่สามารถทำได้ และอาจจะทำให้ก้าวกายไปยังส่วนของ Work เช่น ตื่นไปทำงานไม่ไหวอีกด้วย ยิ่งกับคนที่อยู่ห้องคอนโดฯ คนเดียว ใครล่ะจะคอยบอกหรือกระตุ้นเราไปทำงาน เจ้านาย?



เพราะฉะนั้น Work Half Play Half ? จึงหมายถึงการใช้ชีวิตให้ช้าลงอีกหน่อยแต่ไม่ใช่หยุดนิ่ง เพื่อให้ตัวเองไม่พลาดหรือขาดสติในการใช้ชีวิต เหมือนกับการเดินหรือการวิ่ง แม้ว่าการวิ่งอาจจะทำให้ถึงเป้าหมายเร็วกว่า แต่หากวิ่งเร็วไปอาจหมดแรงกลางทางจนไปไม่ถึงเป้าหรือซ้ำร้ายหกล้มบาดเจ็บจนไม่สามารถเข้าใกล้เป้าหมายได้อีกเลย


ทีนี้สำหรับใครที่กำลังวิ่งอยู่ตลอดเวลาแม้จะหอบเหนื่อยแค่ไหน เพื่อให้ตัวเองเคลื่นไปข้างได้เร็วๆ ลองหยุดพักหายใจแล้วเปลี่ยนมาวิ่งช้าลง หรือเดินดูบ้าง อาจจะทำให้ชีวิตเราง่ายขึ้นกว่าตอนวิ่ง อาจจะได้เห็นสิ่งสวยงามต่างๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตได้ชัดเจนขึ้นอีก


You Only Live Once But You Have to Live Tomorrow too.


บทความที่เกี่ยวข้อง

Work Life Balance : ผนวกงานให้เข้ากับชีวิต

เลือกผังโครงการคอนโดอย่างไร? ให้เหมาะกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเราเอง

Touch ทุกคอนเซปต์ เก็บทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยเทคนิคแต่งคอนโด 20/80

3 ย่านคาเฟ่ดีต่อใจ ใกล้คอนโด บนทำเลตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนทำงาน


เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร...?

Related Stories

Esto Talks

See All >

Living out loud

Living out loud : VANA RESIDENCE พระราม 9 - ศรีนครินทร์