Work Hard, Play Hard ! เรียนหนัก เล่นหน่วง ไม่ต้องห่วง...ยังไหว !
29 June 2562
สำหรับคนใช้ชีวิตหนักๆ ไม่ว่าจะ เรียนอย่างเดียวแต่หนัก หรือ เรียนไปด้วยทำงานไปด้วย หรือ เรียนอย่างเดียว เลิกเรียนก็เที่ยวหนักให้หนำใจ ใด ๆ ล้วนใช้ร่างกายเยอะกันทั้งนั้น ด้วยเหตุนี้ หลายต่อหลายคนอาจประสบปัญหา เมื่อวานพัง วันนี้เพลีย ! กันไปถ้วนหน้า
ในบทความนี้ Esto ขอมานำเสนอบทความไม่สั้นไม่ยาวมาก เกี่ยวกับการ Work Hard, Play Hard อย่างไรให้ร่างกายยังมีประสิทธิภาพดี นอนดึกแต่ไม่ตื่นสาย ไม่งัวเงีย ไม่เพลีย ยังสามารถ Hard ต่อไม่ขัดอารมณ์
สาย Hard อย่างนี้ นอนเวลาไหนจะดีที่สุด
มีบทความหลายบทความที่นำเสนอความรู้เรื่อง เวลานอนที่เหมาะสม เอาไว้มาก บ้างก็ว่าควรจะต้องนอนให้ครบ 8 ชั่วโมง แต่จริง ๆ แล้วไม่จำเป็นต้องเป๊ะเช่นนั้นเสมอไป
เราไม่จำเป็นต้องนอนให้ครบ 8 ชั่วโมงก็ได้ แค่นอนอย่างมีประสิทธิภาพ เวลาแค่ 5-6 ชั่วโมง ก็สามารถตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่น
การนอนอย่างมีประสิทธิภาพ คือการนอนหลับให้สนิท ละทิ้งทุกความกังวลออกไป หลับด้วยจิตใจที่สงบ ผ่อนคลาย
เราไม่จำเป็นต้องกะเกณฑ์เวลานอนว่าควรจะเป็นเวลานั้นเวลานี้ จริงอยู่ว่าร่างกายมีนาฬิกาชีวิต ซึ่งสัมพันธ์กับระบบฮอร์โมนและการซ่อมแซมของตัวมันเองด้วย แต่ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถทำได้ ร่างกายมนุษย์เราพิเศษกว่านั้นมาก คือการปรับสมดุล ยืดหยุ่นตามที่เจ้าของใช้มัน
ไม่มีใครสามารถบังคับใครให้เข้านอนเวลาที่ตรงกันได้ เพราะต่างคนต่างมีภาระหน้าที่ มีกิจกรรมที่ใช้เวลาทำไม่เท่ากันอยู่แล้ว แต่สิ่งที่พอจะบอกให้ปฏิบัติในแนวเดียวกันได้คือ เมื่อไหร่ที่มีเวลานอน จงนอนซะ ! และนอนให้หลับสนิท นอนอย่างผ่อนคลาย โยนทุกความกังวลออกไปแล้วหลับตานอน นานเท่าไหร่ก็ได้ ถ้าหากมีเวลาไม่มาก หาให้ได้สัก 4-6 ชั่วโมง แล้วนอนอย่างมีประสิทธิภาพ ร่างกายก็ไม่แย่แน่นอน
ร่างกายจะหลับสนิทในช่วง เที่ยงคืน - ตี 4 อีกทั้งยังเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมตัวเอง สร้างฮอร์โมนเจริญเติบโตอีกด้วย ดังนั้น หากต้องการเข้านอน ที่ทั้งได้ประสิทธิภาพ ถูกไทม์มิ่งร่างกายด้วย การเข้านอนช่วง 4-5 ทุ่ม ตื่นระหว่าง ตี 5 - 6 โมงเช้า เป็นเวลาที่ยอดเยี่ยมมากเลยทีเดียว
การตื่นขึ้นมาอย่างสดใส เริ่มจากการนอนอย่างมีประสิทธิภาพก่อน
การนอนอย่างมีประสิทธิภาพ คือ
- ละทิ้งทุกความกังวลก่อนนอน นอนหลับจิตใจสงบ ผ่อนคลาย
- อาบน้ำ ชำระล้างความเหนื่อยล้าที่สะสมมาทั้งวัน สวมเสื้อผ้าสะอาด ระบายอากาศได้ดี
- ไม่ควรใช้แรงเยอะ หรืออกกำลังกายก่อนนอน ให้ร่างกายได้พร้อมแก่การนอนพักผ่อน เลือดลมไหวเวียนในอัตราปกติ
- งดเล่นเครื่องมือสื่อสารก่อนนอสัก 30 นาที เพื่อปล่อยวางจิตใจไม่ให้มีความพะวงกังวลอื่นใด
จำนวนชั่วโมงการนอน และเวลาที่ต้องตื่น กลายเป็นเหตุผลรอง ๆ เมื่อเทียบกับการนอนหลับพักผ่อนอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะหากเรานอนหลับไปอย่างกังวล ต่อให้เข้านอนแต่หัวค่ำแล้วตื่นเช้าก็ย่อมไม่สดใสอยู่ดี แต่ถ้าหากนอนถูกวิธี ต่อให้มีเวลาเพียง 4-5 ชั่วโมงเท่านั้น ก็สามารถตื่นเช้าอย่างสดใสได้
ค้างงานข้ามวันก็ทำให้นอนหลับไม่สนิทได้ !
นอนหลับอย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ก็ ต้องไม่ลืมที่จะใช้ชีวิตอย่างคนคิดบวกด้วย จะเรียนหนัก (หรืองานหนัก) จนเพลีย ก็ต้องไม่ลืม คิดบวกเข้าไว้ กระตือรือร้นเข้าไว้ จะดีที่สุด ! หลักการง่าย ๆ คือ ทำให้จบ และทิ้งมันไปวันต่อวัน
ไม่ควรเก็บงานให้ค้างข้ามวัน ควรทำให้เสร็จ จบไปเป็นอย่าง ๆ ทำ Check list เอาไว้ว่าต้องทำอะไรบ้าง และรุดหน้าทำตามลำดับ หรือแล้วแต่จะจัดสรรเวลาเองได้ แต่ ห้ามผัดวันประกันพรุ่งเด็ดขาด เราจะรู้สึกภูมิใจในตัวเองเมื่อสามารถทำในสิ่งที่ตั้งใจไว้สำเร็จ และตรงนี้ก็จะกระตุ้นให้เราขยันขันแข็งในคราวต่อ ๆ ไป
บริหารจัดการเวลาให้ดี เป็นการเสริมสร้างความเคยชินที่ดีให้ตัวเองด้วย ผลพลอยได้ก็จะเหลือเวลาไปทำอย่างอื่น ไม่ต้องกังวลพะวงหน้าหลังอีก ครั้นเสร็จงานทุกอย่างก็จะได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ไร้ความเครียด นอนหลับเต็มอิ่ม เก็บแรงเตรียมเผชิญความหนักหนาในวันต่อไปอย่างสดชื่น อย่าเอ็ดไป...การค้างงานข้ามวันก่อให้เกิดการรบกวนในจิตใจ สุดท้ายการใช้เวลาของเราก็จะไม่มีประสิทธิภาพไม่ว่าทางไหนก็ตาม
อย่า Hard จนพัง ควรฟังร่างกายบ้าง
การมีสุขภาพกาย สุขภาพใจที่ดี ไม่ได้จบแค่การนอนหลับพักผ่อน หรือการทำให้จิตใจแจ่มใสเท่านั้น จำเป็นที่จะต้องมีการใช้ชีวิตประจำวันที่ดีด้วย
อาหารการกิน
สายงานหนัก นอนน้อย เวลาพักน้อย ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะให้ความสำคัญในเรื่องอาหารการกินน้อยลงไปด้วย ! เป็นสิ่งที่ละเลยไม่ได้โดยเด็ดขาดถ้าไม่อยากให้ร่างกายพังลงไปอีก สำหรับสายฮาร์ด ควรกินอะไรบ้างเสริมให้ร่างกายยังอยู่ดี กระตุ้นความสดชื่นในแต่ละวัน
- กินอาหารที่มีประโยชน์ ครบถ้วน 5 หมู่ เพื่อได้รับสารอาหารที่เพียงพอต่อการใช้งานร่างกาย
- วิตามินเสริม ก็เป็นตัวเลือกที่ดี สำหรับช่วงไหนที่รู้สึกล้าจากการใช้ร่างกายอย่างหนักในแต่ละวัน ที่เหมาะกับวัยเรียนเช่นพวก วิตามิน A (บำรุงสายตา) วิตามิน B (บำรุงประสาทและสมอง) วิตามิน C (ช่วยเพิ่มภูมิต้านทาน)
- จิบน้ำบ่อย ๆ ระหว่างวัน เพิ่มความชุ่มชื้นให้ร่างกาย น้ำมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูร่างกาย และลำเลียงออกซิเจน สารอาหาร ไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย
- คาเฟอีนในปริมาณที่พอเหมาะ จำพวกชาหรือกาแฟ สักแก้วสองแก้ว ไม่แนะนำให้กินมาก แต่สำหรับบางคนแล้วสารตัวนี้ก็ช่วยได้ดี กระตุ้นความสดชื่น ตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า หลังผ่านวันคืนที่หนักหน่วงมา
ออกกำลังกาย
อาจไม่จำเป็นต้องออกจริงจังก็ได้หากไม่มีเวลามากขนาดนั้น (แต่ถ้าสามารถทำอย่างจริงจังได้ก็จะดีมาก ๆ) แต่ควรให้ร่างกายได้ขยับเขยื้อนบ้าง
- การยืดเส้นยืดสายระหว่างวัน
- การเดินให้ร่างกายได้เคลื่อนไหวบ้าง เช่น เดินระหว่างตึกอาคาร เดินขึ้นลงบันได เดินไปสูดอากาศระหว่างพักเบรก
- คาร์ดิโอ ชุดเล็ก เบา ๆ ที่ห้อง วันละประมาณ 30-45 นาที เสริมสร้างกล้ามเนื้อ รูปร่างกระชับ เลือดลมไหลเวียนดี เผาผลาญร่างกาย
- โยคะ ท่าที่สามารถทำได้เองที่ห้อง ใช้อุปกรณ์และพื้นที่ไม่มาก ช่วยยืดหยุ่นร่างกาย ทุเลาความเหนื่อยล้า ฝึกสมาธิได้ด้วย
หางานอดิเรกทำ ผ่อนคลายในวันว่าง
สายโหดแค่ไหนก็ควรจะมีสักวันในหนึ่งรอบสัปดาห์ที่เป็น Day off ประจำตัว เป็นวันที่อยู่กับตัวเอง อยู่ที่ห้อง เมื่อล็อควันว่างให้ตัวเองได้แล้วก็หากิจกรรมทำ งานอดิเรกเล็ก ๆน้อย ๆ ปลดปล่อยตัวเองจากความเครียด ความเหนื่อยที่สะสมมาทั้งสัปดาห์ ตระหนักเสมอว่าการพักผ่อนไม่ใช่แค่การกลับมานอนเอาแรง
สุดท้ายแล้วก็ต้องกลับไปลูปเดิมที่เครียดหรือเหนื่อยสะสมอีกอยู่ดี การพักผ่อนควรทำทั้งกาย ทั้งจิตใจ อย่างไรเสีย การหางานอดิเรก หรือการหาวันว่างทำอะไรสักอย่างที่ทำให้ลืมความเครียดไปได้ ก็สำคัญไม่แพ้การนอนหลับให้เพียงพอเลย
ขอขอบคุณ ข้อมูลประกอบ จาก : บทความ ‘นอนอย่างไรให้สุขภาพดี’ จาก สสส.
บทความที่เกี่ยวข้อง
Work Hard Play Hard Vs Work Half Play Half สุดหรือพอดี? แบบไหนที่ใช่เรา
Work Life Balance : ผนวกงานให้เข้ากับชีวิต
Work Life Balance in Vibhavadi-Chatuchak : จุดพิกัดของการใช้ชีวิตรูปแบบใหม่ที่ลงตัว