ESTOPOLIS | Low Rise หรือ High Rise เลือกซื้อคอนโดแบบไหนดี สำหรับชาวคอนโดมือใหม่
1 February 2560
ปัญหาโลกแตกอีกอย่างหนึ่งของคนที่กำลังมองหาคอนโดสำหรับอยู่อาศัยเอง เลือกไม่ถูกว่าจะอยู่ในตึกสูง หรือตึกเตี้ย ๆ ดี เพราะคอนโดแบบ low rise และ High rise ต่างก็มีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ดังนั้นในหัวข้อนี้เรามาลองเช็คกันดีกว่าว่าความต้องการของคุณผู้อ่าน จริง ๆ แล้วเหมาะกับคอนโดแบบ Low rise หรือ high rise กันแน่
Low rise มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า
high rise จะเป็นที่ทราบกันดีว่ามียูนิตที่เยอะ จึงได้รับบความเป็นส่วนตัวน้อยกว่าไปโดยปริยาย ในคอนโดแบบ high rise จึงพยายามปรับปรุงเรื่องนี้โดยการทำลิฟต์แบบล็อกชั้น ให้เจ้าของห้องเท่านั้นที่สามารถเข้าถึงชั้นนั้นได้ ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับลูกบ้านในชั้นนั้นแล้ว ยังเพิ่มเรื่องความปลอดภัยให้ลูกบ้านอีกด้วย
ในส่วนของ low rise ส่วนใหญ่จะไม่ค่อยทำลิฟต์มาเป็นแบบล็อคชั้น เพราะมียูนิตน้อยกันอยู่แล้ว แต่ในบางโครงการที่เน้นความเป็นส่วนตัวก็จะทำลิฟต์แบบล็อคชั้นมาให้เหมือนกัน
แม้ว่าโครงการ Low rise จะพยายามชูความเป็นส่วนตัว ความเงียบสงบ แต่จริง ๆ แล้วสิ่งที่จะตอบได้ว่าคอนโดเหล่านั้นสงบจริง ๆ หรือไม่น่าจะเป็นเรื่องของทำเลที่ไม่ได้รับมลภาวะทางเสียง และเทคนิคการก่อสร้างที่เก็บเสียงได้ดีมากกว่า
High rise วิวสวยกว่า
คนที่เลือกซื้อคอนโดแบบ high rise นอกจากเรื่องทำเลแล้ว วิวก็เป็นเรื่องที่ตามมาด้วย ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีกว่าการจะได้วิวสวย ๆ นั้น อาจจะต้องเลือกทิศที่ดี ชั้นที่สูง พร้อมราคาที่สูงขึ้นด้วย สำหรับวิวที่ได้เปรียบของคอนโดแบบ high rise คงหนีไม่พ้นวิวแม่น้ำ และวิวเมือง
สำหรับคอนโดแบบ low rise เองก็ใช่ว่าจะไม่ได้วิวที่ดีนะครับ เพราะมีคอนโด low rise บางแห่งสร้างริมแม่น้ำ ได้วิวแม่น้ำในอารมณ์แบบรีสอร์ท โดยรวมแล้วเรื่องวิวแนะนำว่าให้ลองมองลงด้านล้างของห้องที่เลือกครับ ถ้าเห็นสิ่งปลูกสร้างที่น่าจะอยู่อีกนาน ไม่มีการขาย หรือพัฒนาไปเป็นอย่างอื่นได้ยาก ก็พอจะมั่นใจได้ในระดับหนึ่งครับว่าโอกาสที่จะเป็นห้องวิวบล็อกคงยาก แต่ถ้าไม่มั่นใจจริง ๆ เลือกวิวที่เป็นส่วนกลางเช่น สระว่ายน้ำ หรือสวนสวย ๆ ของทางโครงการ ก็เซฟดีเช่นกัน
Low rise นิติดูแลทั่วถึงกว่า
นอกจากเรื่องของประสิทธิภาพของนิติกรประจำคอนโดแล้ว จำนวนนิติกรกับจำนวนยูนิตก็มีความสำคัญเช่นกัน จริง ๆ แล้ว high rise ที่มีจำนวนยูนิตเยอะบางโครงการก็ไม่ได้มีนิติหลายคนครับ หลาย ๆ โครงการมีแค่ 2 - 3 คน ประจำ พอ ๆ กับ low rise เลย ทำให้ดูแลลูกบ้านได้ไม่ทั่วถึงเมื่อเกิดปัญหาต่าง ๆ
แต่โครงการ high rise จะมีการเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัย ขึ้นมาค่อนข้างแน่นหนาครับ มีการตั้งกฏเกณฑ์ต่าง ๆ ที่เข้มงวดเพื่อให้โครงการเป็นระเบียบ เช่น ห้ามถ่ายภาพบริเวณโถงทางเดิน ห้ามถ่ายภาพในส่วนกลาง ทั้งนี้เพราะกลัวจุดเข้าออก และจุดติดตั้งกล้องวงจรปิดรั่วไหลไปถึงภายนอกครับ
High rise สิ่งอำนวยความสะดวกหลากหลายกว่า แต่…อาจจะไม่ได้ใช้เลย
โครงการคอนโดแบบ high rise มักจะอัดแน่นมาด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกหลาย ๆ อย่าง เน้นไปที่ความหลากหลาย แต่เอาเข้าจริง ๆ แล้ว ลูกบ้านอย่างเราก็ไม่ได้ใช้ facility เหล่านั้นมากกมาย หลัก ๆ อาจจะแย่งกันใช้ fitness หรือสระว่ายน้ำในช่วงเวลาหลังเลิกงานบ้าง แต่ก็ต้องมีการต่อคิวเพราะคนก็จะมารุ่มกันใช้ในเวลาเดียวกัน บางโครงการอุปกรณ์ฟิตเนสไม่ได้สัมพันธ์กับจำนวนยูนิตเลย บางโครงการสระว่ายน้ำก็เล็กเหมือนสระแช่ตัว ดังนั้นเรื่องส่วนกลางก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ต้องคิดให้ดีก่อนเลือกคอนโดเช่นกัน อย่าลืมว่าเราเสียค่าส่วนกลางทุกปี ถ้าไม่ได้ใช้เลยก็คงจะเสียดายเงินแย่
High rise เหมาะกับชีวิตกลางคืนมากกว่า
สำหรับโครงการ high rise มักจะมียูนิตที่เยอะมาก ดังนั้นการตั้งร้านสะดวกซื้อ ไปจนถึงคอมมูนิตี้มอลล์เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกบ้านจึงมีความเป็นไปได้ ใครที่ต้องทำงานตอนกลางคืนเช่นฟรีแล้นซ์จึงค่อนข้างเหมาะกับคอนโดแบบ high rise ครับ ในทางกลับกันหากเป็น low rise มักจะไม่ค่อยมีร้านสะดวกซื้อในโครงการ ยกเว้นว่าจะเป็นโครงการที่ใหญ่จริง ๆ การที่จะออกไปซื้อของในตอนกลางคืนอาจจะต้องออกไปข้างนอกซึ่งอาจจะไม่ค่อยปลอดภัย เพราะอย่างที่ทราบว่า low rise มักจะอยู่ในซอยลึก และค่อนข้างเปลี่ยวในตอนกลางคืน
Low rise และ high rise กับระบบการจอดรถที่ต่างกัน
Knightsbridge Sky River Ocean มีระบบ Auto parking
โดยส่วนมากการจอดรถของคอนโดแบบ low rise ไม่ค่อยเข้มงวดครับ เจ้าหน้าที่รปภ. แทบจะจำหน้าลูกบ้านได้ทุกคนอยู่แล้ว บางครั้งเรามีเพื่อนหรือญาติมาเยี่ยม ก็สามารถจอดค้างคืนได้สบาย ๆ จนบางครั้งที่จอดรถอาจจะไม่เพียงพอเพราะการจัดการการจอดรถอาจจะไม่ค่อยดี ปล่อยให้คนนอกมาจอดรถ หรือลูกบ้านบางคนนำรถมาจอดมากกว่า 1 คัน
แต่สำหรับคอนโดแบบ high rise หรือ low rise ใหม่ ๆ จะมีระบบการเข้าจอดรถโดย bluetooth มีการลงทะเบียนรถ พร้อมทั้งเสียค่าจอดเพิ่มเติมเป็นรายเดือนอีกด้วย บางครั้งหากมีญาติ หรือเพื่อนมาอยู่ด้วย อาจจะต้องเสียค่าจอดเพิ่มที่แพงจนเกินเหตุ หรือต้องไปวนรถให้รำคาญใจอีกด้วย ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกติกาของทางนิติว่ามีการดูแลอย่างไรด้วยเช่นกัน
Low rise และ high rise เมื่อต้องอยู่ไปนาน ๆ โครงการจะน่าอยู่ไปนานแค่ไหน
จุดนี้คงต้องขึ้นอยู่กับนิติเองว่าดูแลโครงการได้ดีแค่ไหน แต่สิ่งที่จะมาค้ำจุ้นนิตินั่นก็คือค่าส่วนกลางที่ชาวคอนโดต้องจ่ายทุกปี ในปัจจุบันคอนโดทั้ง high rise และ low rise เก็บค่าส่วนกลางไม่ได้ต่างกันมาก หมายความว่า คอนโดมิเนียมแบบ high rise หรือโครงการ low rise ที่มีพื้นที่และยูนิตเยอะ ๆ จะมีเงินกองทุนค่าส่วนกลางที่มากกว่าและดูแลโครงการไปได้นานกว่า ดังนั้นคุณอาจจะต้องคิดให้หนักเมื่อจะซื้อคอนโดโครงการที่เล็กเกินไป หรือหากคุณจะซื้อคอนโดแบบ low rise ก็ควรมองหาคอนโดที่มีหลาย ๆ อาคารเพื่อความอุ่นใจในจำนวนเงินกองทุน
นอกจากนี้ หากในโครงการมีคอมมูนิตี้มอลล์ หรือมีร้านค้าอยู่ในโครงการจำนวนมาก นั่นก็จะยิ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความมั่นคงของโครงการ เพราะจะสามารถเก็บค่าเช่าร้านมาจ่ายบำรุ่งส่วนกลางได้อีกทางหนึ่ง