รูปบทความ Copayment ประกันสุขภาพคืออะไร คปภ.ว่ายังไง เริ่มใช้เดือนไหนในปี 2568

Copayment ประกันสุขภาพคืออะไร คปภ.ว่ายังไง เริ่มใช้เดือนไหนในปี 2568

สรุป Copayment ประกันสุขภาพคืออะไร เริ่มใช้เดือนในปี 2568 และ คปภ. มีความเห็นยังไงเกี่ยวกับเรื่องนี้ คนทำประกันสุขภาพปี 2568 ควรรู้!




เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 ที่ผ่านมาทางเฟซบุ๊กของ สมาคมประกันชีวิตไทย (www.tlaa.org) ได้ลงข้อมูลเกี่ยวกับเงื่อนไข Copayment ที่จะเริ่มใช้กับกรมธรรม์ประกันสุขภาพที่เริ่มคุ้มครองตั้งแต่ มีนาคม 2568 เอาไว้ ซึ่งจะทำให้ผู้เอาประกันสุขภาพต้องร่วมจ่ายค่ารักษา 30% หรือ 50% ในปีถัดไปหากเข้าเงื่อนไข Copayment ที่ประกันสุขภาพระบุ ซึ่งวันนี้ทางเราจึงขออาสามาสรุปเงื่อนไข Copayment ของประกันสุขภาพ และสาเหตุว่าทำไมถึงมีมาตรการ Copayment ประกันสุขภาพออกมาในปี 2568 นี้


คปภ. ว่ายังไงเกี่ยวกับ Copayment ประกันสุขภาพ


ทางเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย หรือ คปภ. ได้ลง ข่าวประชาสัมพันธ์เพื่อไขข้อสงสัยเกี่ยวกับการมีค่าใช้จ่ายร่วมหรือ Copayment ของประกันสุขภาพ เอาไว้ โดยท้ายข่าวประชาสัมพันธ์ดังกล่าวระบุเอาไว้ว่า

"สำนักงาน คปภ. เชื่อมั่นว่า การกำหนดให้มี Copayment ในเงื่อนไขการต่ออายุสัญญาเพิ่มเติมกรณีครบรอบปีกรมธรรม์ประกันภัย (Renewal) จะสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยง ที่ช่วยควบคุมต้นทุนที่เกิดจากการรักษาพยาบาล และช่วยลดพฤติกรรมการเรียกร้องค่าสินไหมทดแทนที่เกินความจำเป็นทางการแพทย์ ที่ส่งผลกระทบต่อการปรับเพิ่มเบี้ยประกันภัยของทั้งพอร์ตโพลิโอ"

"โดยจะมีการพิจารณาสถิติการรับประกันภัยของสัญญาประกันภัยสุขภาพที่มีหลักเกณฑ์ Copayment นี้ เพื่อนำมาพิจารณากำหนดอัตราเบี้ยประกันภัยโดยรวมให้สามารถสะท้อนความเสี่ยงภัยที่เกิดขึ้นได้อย่างเหมาะสม และเป็นธรรม ซึ่งจะส่งผลให้ระบบการประกันภัยสุขภาพภาคสมัครใจเกิดความยั่งยืนต่อไป"


หรือสามารถสรุปสั้นๆ ได้ว่าการใช้ Copayment นี้ตั้งอยู่บนวัตถุประสงค์เพื่อไม่ให้ผู้เอาประกันสุขภาพเคลมประกันเกินความจำเป็นนั่นเอง


Copayment-คืออะไร


Copayment ประกันสุขภาพ คือ อะไร


Copayment คือ การร่วมจ่ายระหว่างผู้เอาประกันสุขภาพและบริษัทประกันสุขภาพ โดยจะกำหนดเป็นเปอร์เซนต์ว่าผู้เอาประกันสุขภาพจะต้องจ่ายค่ารักษาเท่าไหร่ เช่น กำหนด Copayment ให้ผู้เอาประกันสุขภาพจ่ายค่ารักษา 30% หากมีค่ารักษามา 100,000 บาท ผู้เอาประกันสุขภาพจะต้องจ่าย 30,000 บาท ส่วนที่เหลืออีก 70,000 บาท ทางบริษัทประกันจะเป็นคนจ่าย


Copayment จะเริ่มใช้กับกรมธรรม์ประกันสุขภาพที่เริ่มคุ้มครองตั้งแต่มีนาคม 2568 เป็นต้นไป โดยจะมีเงื่อนไข Copayment แบ่งออกเป็น 3 กรณีและใช้ผู้ป่วยในหรือ IPD ที่นอนโรงพยาบาลเท่านั้น ไม่ได้ใช้กับผู้ป่วยนอกหรือ OPD ซึ่งเมื่อเข้าเงื่อนไขแล้วจะต้องร่วมจ่ายในปีถัดไป (ไม่ได้ร่วมจ่ายในปีที่เงื่อนไขนั้นเกิด แต่ร่วมจ่ายปีถัดไป)


Copayment กรณีที่ 1 การเจ็บป่วยเล็กน้อย - 1


Copayment กรณีที่ 1 การเจ็บป่วยเล็กน้อย


กรณีที่ 1 การเคลมสำหรับโรคที่ไม่รุนแรง หรือ Simple Diseases เช่น ไข้หวัดใหญ่, ท้องเสีย, ปวดหัว, กล้ามเนื้ออักเสบ, ภูมิแพ้, โรคกระเพาะอักเสบ, กรดไหลย้อน, โควิด-19 ที่เป็นกลุ่มสีเขียว หรืออาการที่ไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล 


Copayment กรณีที่ 1 การเจ็บป่วยเล็กน้อย


ซึ่งเงื่อนไขกรณีที่ 1 คือผู้เอาประกันได้นอนโรงพยาบาล (เป็นผู้ป่วย IPD) และเคลมประกันสำหรับโรคที่ไม่รุนแรงโดยมีจำนวนการเคลม 3 ครั้งต่อปีกรมธรรม์และมียอดเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 200% (2 เท่า) ของเบี้ยประกันสุขภาพ หากเข้าเงื่อนไขนี้ ปีถัดไปจะต้องร่วมจ่าย 30% ทุกค่ารักษาไม่ว่าจะเป็นโรคแรงร้ายหรือผ่าตัดใหญ่ในปีถัดไป


Copayment-กรณีที่-1-การเจ็บป่วยเล็กน้อย---2


เช่น ค่าเบี้ยประกันสุขภาพอยู่ที่ 20,000 บาทต่อปี และเบิกค่าใช้จ่ายผู้ป่วยใน (IPD) สำหรับการเจ็บป่วยเล็กน้อย 3 ครั้ง

ครั้งที่ 1 = 10,000 บาท

ครั้งที่ 2 = 15,000 บาท

ครั้งที่ 3 = 20,000 บาท


ตามตัวอย่างนี้จะรวมกัน 3 ครั้ง 45,000 บาท คิดเป็น 225% (มากกว่า 2 เท่า) ของค่าเบี้ยประกันสุขภาพซึ่งอยู่ที่ 20,000 บาท ทำให้เข้าเงื่อนไขและปีถัดไปจะต้องร่วมจ่าย Copayment 30% ของค่ารักษา (แต่ในปีนี้ที่เป็นยอด 45,000 บาท ทางประกันจะจ่ายให้อยู่)


สรุป Copayment กรณีที่ 1 การเจ็บป่วยเล็กน้อย

  • เป็นผู้ป่วย IPD เคลมสำหรับโรคไม่รุนแรง
  • มีการเคลม 3 ครั้ง
  • อัตราการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 200% หรือ 2 เท่าของเบี้ยประกันสุขภาพ
  • หากเข้าเงื่อนไขต้องร่วมจ่ายค่ารักษา 30% ในปีถัดไป
  • หากเคลมเกิน 3 ครั้ง แต่ไม่ถึง 200% ยังไม่เข้าเงื่อนไข
  • หากเคลมเกิน 200% แต่ไม่ถึง 3 ครั้งก็ไม่เข้าเงื่อนไขเช่นกัน


Copayment กรณีที่ 2 การเจ็บป่วยโรคทั่วไป - 1


Copayment กรณีที่ 2 การเจ็บป่วยโรคทั่วไป


กรณีที่ 2 นี้คือการเป็นผู้ป่วย IPD นอนโรงพยาบาลเคลมสำหรับโรคทั่วไป แต่ไม่รวมการผ่าตัดใหญ่และโรคร้ายแรง โดยมีการเคลมตั้งแต่ 3 ครั้งต่อปีกรมธรรม์ และมีอัตราการเคลม 400% (4 เท่า) ของเบี้ยประกันสุขภาพ หากเข้าเงื่อนไขนี้ ปีถัดไปจะต้องร่วมจ่าย 30% ทุกค่ารักษาไม่ว่าจะเป็นโรคแรงร้ายหรือผ่าตัดใหญ่


Copayment-กรณีที่-2-การเจ็บป่วยโรคทั่วไป---2


ตัวอย่าง ค่าเบี้ยประกัน 20,000 บาทต่อปี มีการเคลมแบบเป็นผู้ป่วย IPD สำหรับการเจ็บป่วยทั่วไป 3 ครั้ง


ครั้งที่ 1 = 30,000 บาท

ครั้งที่ 2 = 25,000 บาท

ครั้งที่ 3 = 30,000 บาท


รวมกัน 3 ครั้งมีการเคลมสำหรับการเจ็บป่วยทั่วไปทั้งหมด 85,000 บาท คิดเป็น 425% (มากกว่า 4 เท่า) ของค่าเบี้ยประกันสุขภาพที่อยู่ที่ 20,000 บาท ซึ่งเข้าเงื่อนไขทำให้ปีถัดไปต้องร่วมจ่ายค่ารักษาทุกการรักษา 30% (แต่ยอด 85,000 บาทในปีนี้ ทางประกันก็จะจ่ายให้)


สรุป Copayment กรณีที่ 2 การเจ็บป่วยโรคทั่วไป

  • เป็นผู้ป่วย IPD เคลมสำหรับโรคทั่วไป 
  • แต่ไม่รวมการผ่าตัดใหญ่และโรคร้ายแรง
  • มีการเคลม 3 ครั้ง
  • อัตราการเคลมมากกว่าหรือเท่ากับ 400% หรือ 4 เท่าของเบี้ยประกันสุขภาพ
  • หากเข้าเงื่อนไขต้องร่วมจ่ายทุกค่ารักษา 30% ในปีถัดไป (รวมการผ่าตัดและโรคร้ายแรง)
  • หากเคลมเกิน 3 ครั้ง แต่ไม่ถึง 400% ยังไม่เข้าเงื่อนไข
  • หากเคลมเกิน 400% แต่ไม่ถึง 3 ครั้งก็ไม่เข้าเงื่อนไขเช่นกัน


Copayment กรณีที่ 3 การเจ็บป่วยโรคทั่วไป - 1


Copayment กรณีที่ 3 เข้าเงื่อนไขกรณีที่ 1 และ 2 


กรณีที่ 3 นี้คือในปีกรมธรรม์นั้นเข้าเงื่อนไขกรณีที่ 1 และ 2 พร้อมกัน ซึ่งจะทำให้ต้องร่วมจ่ายทุกค่ารักษา 50% ในปีถัดไปที่ครอบคลุมถึงโรคร้ายแรงและการผ่าตัดใหญ่ ตัวอย่างเช่น เบี้ยประกันสุขภาพต่อปีอยู่ที่ 20,000 บาท และมีการเคลม IPD สำหรับโรคที่ไม่รุนแรงและโรคทั่วไปที่ไม่รวมโรคร้ายแรงและการผ่าตัดใหญ่ ดังนี้


Copayment-กรณีที่-3-การเจ็บป่วยโรคทั่วไป---2


การเคลม IPD สำหรับโรคที่ไม่รุนแรง 3 ครั้ง

ครั้งที่ 1 = 10,000 บาท

ครั้งที่ 2 = 15,000 บาท

ครั้งที่ 3 = 20,000 บาท

รวม 45,000 บาท คิดเป็น 225% (มากกว่า 2 เท่า) ของเบี้ยประกันสุขภาพ เข้าเงื่อนไขที่ 1


การเคลม IPD สำหรับโรคทั่วไป 3 ครั้ง

ครั้งที่ 1 = 30,000 บาท

ครั้งที่ 2 = 25,000 บาท

ครั้งที่ 3 = 30,000 บาท

รวม 85,000 บาท คิดเป็น 425% (มากกว่า 4 เท่า) ของเบี้ยประกันสุขภาพ เข้าเงื่อนไขที่ 2


ทำให้ปีถัดไปผู้เอาประกันภัยจะต้องร่วมจ่าย 50% ทุกการรักษา แต่ยอด 130,000 บาทของปีนี้ ทางประกันยังจ่ายให้อยู่


สรุป Copayment กรณีที่ 3 เข้าเงื่อนไขกรณีที่ 1 และ 2

  • ต้องเข้าเงื่อนไขที่ 1 และ 2 ในปีนั้น
  • เข้าเงื่อนไขที่ 1 อย่างเดียวไม่นับ
  • เข้าเงื่อนไขที่ 2 อย่างเดียวไม่นับ
  • หากเข้าเงื่อนไขดังกล่าวต้องร่วมจ่าย 50% ทุกการรักษา


Copayment-กรณีที่-3-การเจ็บป่วยโรคทั่วไป---3

ทั้งนี้คุณสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Copayment ประกันสุขภาพที่จะใช้กับกรมธรรม์ที่เริ่มคุ้มครองตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2568 จาก สมาคมประกันชีวิตไทย ได้ที่ลิงก์นี้ https://online.pubhtml5.com/ikfiw/omhq/



เรื่องราวต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร...?

Related Stories

Esto Talks

See All >

Living out loud

Living out loud : VANA RESIDENCE พระราม 9 - ศรีนครินทร์