9 สไตล์ให้เลือกสรร ตกแต่งห้องได้ในแบบของคุณ
7 September 2562
หากคุณกำลังมองหาไอเดียการแต่งห้อง แต่ยังสับสน เพราะสไตล์การแต่งห้องมีให้เลือกมากมายหลายแบบ แต่ละแบบมีจุดเด่นต่างกันอย่างไร ห้องที่เราอยากได้เป็นสไตล์ไหน บทความนี้ขอเสนอ 7 สไตล์ ให้ลองมาทำความรู้จักกันดูก่อน
Minimal Style
เป็นหนึ่งในสไตล์ที่กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ มินิมอล คือ สไตล์การตกแต่งที่เรียบง่าย ใช้เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น หากแต่มากด้วยประโยชน์ รวมไปถึงการเลือกใช้งานสิ่งต่างๆ ตามความจําเป็นเท่านั้น
หลักง่ายๆ สำหรับการตกแต่งบ้านสไตล์มินิมอล อย่างแรกเลยคือเรื่องของเฟอร์นิเจอร์ ห้องสไตล์มินิมอลจะเน้นการตกแต่งเท่าที่จำเป็น แต่ดูดีมีสไตล์ ตามแนวคิด ‘Less is More’ น้อยแต่มากด้วยประโยชน์ โดยการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น สิ่งของจะถูกจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ สะอาดตา และเน้นใช้สีที่อิงกับธรรมชาติแบบสีเอิร์ธโทนหรือสีโทนอ่อน เช่น สีขาว น้ำตาล สีเขียว หรือสีฟ้า รวมถึงการออกแบบที่มีเส้นสายตาที่ตรง มีความสมดุลและความผ่อนคลาย
ของน้อย แต่ไม่ทิ้งความมีสไตล์ คุณภาพสำคัญกว่าปริมาณ
การตกแต่งห้องสไตล์มินิมอลยังนิยมที่จะจัดพื้นที่ให้มีที่ว่างและดูกว้างโดยไม่นิยมการสะสมสิ่งของเครื่องใช้ที่ไม่จําเป็น การตกแต่งห้องสไตล์มินิมอล ต้องมีระบบการจัดเก็บของที่ดี เพื่อความสะอาดและความเป็นระเบียบ เพราะฉะนั้นการออกแบบห้อง มักจะออกแบบให้ถูกซ่อนอย่างกลมกลืน เช่น การออกแบบมุมต่างๆ ให้สามารถซ่อนตู้ หรือลิ้นชักเก็บของได้ การตกแต่งห้องสไตล์นี้จึงเหมาะมากๆ สำหรับคนรุ่นใหม่ที่รักความสงบและชอบการตกแต่งบ้านที่เน้นความสะอาด ปลอดโปร่ง เป็นอย่างยิ่ง
Vintage Style
วินเทจ (Vintage) คือ ศิลปะหรือของที่มีอายุย้อนไปจากปัจจุบันมากกว่า 20 ปี แต่ไม่เก่าไปถึง 100 ปี ถ้าเก่าเกินกว่านั้นเราจะเรียกว่า แอนทีค (Antique) หรือ วัตถุโบราณ ต้นแบบแฟชั่นของสไตล์วินเทจจะอยู่ในช่วงปี ค.ศ. 1910 – 1930 เป็นยุคทองของผู้ดีนั่นเอง
สไตล์วินเทจ จะเน้นอารมณ์ที่ดูสดใส สบายๆ อ่อนโยนแบบผู้หญิง
สไตล์วินเทจ (Vintage Style) เป็นการตกแต่งห้องสไตล์แบบย้อนยุค มักใช้ลวดลายที่พลิ้วไหว อ่อนช้อย อย่างลายของดอกไม้ ลวดลายของเถาวัลย์ สำหรับสีที่นำมาใช้กับสไตล์วินเทจมักจะเป็นสีอ่อน อย่างสีขาว ครีม เหลืองอ่อน หรือม่วงอ่อน อีกทั้งรูปทรงของเฟอร์นิเจอร์จะดูคล้ายกับเฟอร์นิเจอร์หลุยส์ แต่จะมีการลดทอนรายละเอียดลง
โดยการแต่งห้องแบบวินเทจ จะเน้นเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งที่ทำจากวัสดุที่ดูเก่าๆ หรืออาจจะใช้ของมือสองก็นับว่าเป็นวินเทจเช่นเดียวกัน การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่มีลักษณะเก่าและย้อนยุค ส่วนใหญ่มักเน้นโทนสีน้ำตาล ยิ่งเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่มีร่องรอย ยิ่งช่วยเพิ่มบรรยากาศของความเป็นวินเทจได้เป็นอย่างดี
ที่สำคัญการตกแต่งภายในบ้านสไตล์วินเทจไม่จำเป็นต้องใช้การตกแต่งและเฟอร์นิเจอร์เป็นแบบวินเทจทั้งหมดเพราะสามารถนำของตกแต่งสไตล์อื่นมาประยุกต์ได้ เช่น ของโมเดิร์น มาจัดวางให้อยู่ด้วยกันได้ แต่ต้องใช้สีหรือลักษณะผิวที่คล้ายๆกัน เพื่อให้เกิดความกลมกลืนและเป็นไปในทิศทางเดียวกัน อีกทั้งการตกแต่งผนังสไตล์วินเทจ ช่วยสร้างบรรยากาศและกลิ่นอายความเป็นวินเทจได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ กรอปรูป หรือ จานเซรามิก
Retro style
การแต่งห้องแนวเรโทรจะให้อารมณ์คึกคักสนุกสนาน ดูเท่ อาจจะสีสันเน้นฉูดฉาดหรือโทนขรึมๆ โดยเฟอร์นิเจอร์และของแต่งบ้านที่ใช้จะเป็นดีไซน์ที่มาจากแฟชั่นช่วงปี ค.ศ. 1960 – 1980
จุดเด่นในการตกแต่งห้องสไตล์เรโทรนี้ คือ ความสุกสนานและมีชีวิตชีวา มักใช้สีสันทีฉูดฉาดของเฟอร์นิเจอร์ รูปทรงมักค่อนข้างล้ำยุคสักหน่อย มีการเลือกใช้ลวดลาย กราฟฟิค ทั้งของวอลเปเปอร์ เฟอร์นิเจอร์ และผ้าม่าน รวมไปถึงการนำลวดลายของหมู่ดวงดาว และอวกาศมาใช้ ได้รับอิทธิพลนี้เพราะเป็นยุคที่คนขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์เป็นยุคแรก เป็นกระแสฮือฮาในยุคนั้นมาก
การแต่งห้องแนวนี้ จะต้องเน้นที่ความโดดเด่นของตัววัสดุตกแต่งเป็นพิเศษ สีต้องเด่น รูปทรงต้องแปลกตา น่าค้นหา ซึ่งในการตกแต่งสไตล์เรโทร มักนิยมนำมาผสมผสานกับแนวโมเดิร์นเพื่อให้เข้ากับยุคสมัย ลดทอนความล้าสมัยลงไป และให้ฟังก์ชันการใช้งานตอบสนองต่อการใช้ชีวิตประจำวันด้วย
การตกแต่งห้องสไตล์เรโทรก็จะดูทันสมัยกว่าแบบวินเทจเพราะ เกิดในยุคสมัยที่ใหม่กว่าวินเทจ
การออกแบบเฟอนิเจอร์ก็จะเปลี่ยนไปบ้าง ทั้งนี้อาจขึ้นอยู่กับอิทธิพลหรือสภาพทางเศรษฐกิจ สังคม ในแต่ละยุคที่ เพื่อให้สอดคล้องกับชีวิตจริงๆ เน้นการใช้งาน เฟอร์นิเจอร์ก็จะเป็นแบบรูปทรงเรขาคณิต รูปทรงสีเหลี่ยมบ้าง ทรงกระบอกบ้าง เน้นความเป็นตัวตนของวัสดุที่นามาใช้งาน
Scandinavian Style
สไตล์สแกนดิเนเวีย (Scandinavian Style) ได้แรงบันดาลใจ มาจากประเทศนอร์ดิก
สไตล์สแกนดิเนเวีย (Scandinavian Style) สไตล์การตกแต่งห้องที่ได้แรงบันดาลใจมาจากกระประเทศนอร์ดิกหรือยุโรปตอนเหนือ ซึ่งเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้งานเท่านั้น แต่ยังมีดีไซน์ที่สวยงามให้ความรู้สึกเหมือนงานศิลปะที่มีความเรียบง่ายและไม่ซับซ้อน
ชาวสแกนดิเนเวียนมักใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่บ้าน โดยเฉพาะในช่วงหน้าหนาวที่มีอากาศเย็นและมีหิมะตก รวมถึงมีช่วงกลางคืนที่ยาวนานกว่ากลางวัน ด้วยเหตุนี้เองทำให้งานดีไซน์เฟอร์นิเจอร์ส่วนใหญ่จะเน้นใช้โทนสีสว่าง หรือสีของเนื้อไม้ เพื่อเพิ่มความสว่างให้ห้องมากขึ้น
การแตกแต่งห้องแบบสไตล์สแกนดิเนเวียโทนสีที่เลือกใช้ส่วนใหญ่คือ โทนสีเอิร์ธโทน เป็นโทนสีที่เลียนแบบสีของธรรมชาติ โทนสีสว่าง สีขาวเทา โทนสีน้ำเงินอมเขียว เพราะแสดงถึงความเป็นธรรมชาติของสแกนดิเนเวียได้อย่างกลมกลืน เลือกใช้พื้นไม้ในการตกแต่งห้อง จะช่วยทำให้ห้องดูโปร่งโล่ง สบาย และสร้างความรู้สึกอบอุ่น สัมผัสถึงความผ่อนคลาย สงบ และใกล้ชิดธรรมชาติ
อีกไอเดียหนึ่งที่น่าสนใจ คือ การตกแต่งห้องในสไตล์สแกนดิเนเวียสีเรียบๆอาจจะดูน่าเบื่อเกินไป ดังนั้นการเพิ่มลวดลาย เป็นลายเส้นง่ายๆ ให้กับห้อง ก็เป็นลูกเล่นอีกอย่างที่จะทำให้ห้องดูมีอะไรมากขึ้น
อีกจุดเด่นที่น่าสนใจ คือ เติมสีเขียวของต้นไม้แบบสแกนดิเนเวียน ประเทศแถบสแกนดิเนเวียรายล้อมไปด้วยความสวยงามของธรรมชาติ ดังนั้น กระถางต้นไม้ แจกันดอกไม้ เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่จะช่วยเพิ่มความสดชื่น มีชีวิตชีวาในแบบธรรมชาติให้กับห้องได้ โดยสามารถวางไว้ในมุมต่างๆ ของห้องหรือบนโต๊ะทำงาน
เพิ่มเติมที่นี่เลย:
ไอเดียการตกแต่งคอนโดสไตล์สไตล์สแกนดิเนเวีย (scandinavian) เพิ่มความอบอุ่นให้ห้องจนไม่อยากออกไปไหน
ข้อแนะนำการแต่งคอนโดสไตล์สแกนดิเนเวีย ให้ห้องกว้าง สว่าง สบายตา และอบอุ่น
Loft style
สไตล์ลอฟท์ (Loft style) เป็นสไตล์การตกแต่งที่เกิดขึ้นหลังสงครามโลกครั้ง 2 ซึ่งเป็นช่วงที่เศรษฐกิจตกต่ำ และส่งผลให้เกิดโกดังร้างจำนวนมาก ซึ่งต่อมาถูกเปลี่ยนเป็นที่พักอาศัย ก่อนจะถูกหยิบยกมาเป็นแรงบันดาลใจของการออกแบบบ้านในยุคปัจจุบัน และเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน
ลอฟท์ (Loft) แปลตรงตัวว่า ห้องใต้หลังคา
สำหรับคำว่า ลอฟท์ (Loft) แปลตรงตัวก็แปลว่าห้องใต้หลังคา ดังนั้นการแต่งห้องสไตล์นี้ก็หมายถึง การแต่งห้องแบบดิบๆ เท่ๆ สามารถนำทุกสิ่งทุกอย่างมา มิกซ์ แอนด์ แมช กันได้ โดยไม่คำนึงว่า จะต้องหรูหรา หรือ พิถีพิถันกันแต่อย่างใด ไม่ว่าจะเป็นห้องเพดานสูง การเปิดช่องประตูหรือหน้าต่างขนาดใหญ่ โชว์งานระบบต่าง ๆ
ซึ่งจุดเด่นของการตกแต่งสไตล์นี้คือ การ เน้นของตกแต่งที่ทำจากอิฐ เหล็ก ปูน และไม้ การเปลือยผิววัสดุแบบไม่มีการตกแต่ง การเลือกสี ถือเป็นอีกปัจจัยพื้นฐานของการตกแต่งสไตล์ “ลอฟท์” ทั้งโทนสีโดยรวมภายในห้อง รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ที่เลือกใช้ และแสงภายในห้องด้วย พยายามเน้นการใช้สีโทนธรรมชาติอย่าง “สีน้ำตาล” และ “สีเบจ”
ผนังก็เป็นจุดบ่งบอก ห้องสไตล์ลอฟท์ส่วนมากมักจะเป็นผนังปูนแบบเปลือย ไม่ว่าจะฉาบเรียบไม่ทาสี หรือ แม้กระทั่งเป็นผนังอิฐเปลือยเลย เฟอร์นิเจอร์ห้องสไตล์ลอฟท์ส่วนมาก นิยมใช้ เฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้ม ขาเป็นเหล็กสีดำ ของที่ดูเรียบง่าย ที่ใช้งานได้ครบครัน โคมไฟ หรือ ไฟเพดาน สไตล์วินเทจ เป็นทองเหลือง เงิน หรือ ดำ ก็เป็นอีกสิ่งที่ช่วยเพิ่มความเป็น ลอฟท์ มากขึ้น
เพิ่มเติมที่นี่เลย:
เปลี่ยนห้องเปล่า ให้คูลด้วยพร็อพสไตล์ New York Loft
เนรมิตคอนโด 24 ตร.ม. สไตล์ loft ด้วยงบไม่ถึงแสน
Tropical Style
สไตล์ทรอปิคอล (Tropical Style) คำว่า Tropical มีความหมายว่า เขตร้อนชื้นการตกแต่ห้องสไตล์นี้จึงดูสดใสมีชีวิตชีวา นิยมใช้สีและลวดลายเลียนแบบธรรมชาติในเขตเมืองร้อน เช่น ใบไม้ ใบปาล์ม ผลไม้ ผ้าพิมพ์ลายใบไม้ใหญ่ ๆ สีที่นิยมใช้ก็จะเป็นที่ที่สดใส เช่น สีฟ้า สีเขียว สีเหลือง ให้ความรู้สึกเหมือนได้พักร้อน เหมาะกับการพักผ่อน สบาย และผ่อนคลาย
การตกแต่งห้องในสไตล์ทรอปิคอล ซึ่งมี Mood&Tone ที่เกี่ยวกับป่าเมืองร้อน จะช่วยให้ห้องของเราน่าอยู่มากยิ่งขึ้น ให้ความรู้สึกเหมือนได้พักร้อน
จุดเด่นของสไตล์ทรอปิคอล นั่นก็คือการทำให้ห้อง หรือสถานที่นั้นๆ มีความกลืนไปกับธรรมชาติ เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่เน้นการโชว์พื้นผิวของไม้ เช่น เก้าอี้หวาย ตะกร้าสาน เฟอนิเจอร์จากไม้ไผ่ และอื่นๆ มาช่วยเพิ่มกลิ่นอายความเป็นธรรมชาติและเพิ่มความมีชีวิตชีวาให้กับห้อง ด้วยการเลือกของตกแต่งบ้านที่มีสีสันสดใสอย่าง สีเหลือง หรือสีเขียวตองอ่อน เพิ่มเข้ามา
จุดสำคัญของอีกอย่างคือ การสร้างพื้นที่ โปร่งโล่งขนาดใหญ่เชื่อมต่อภายในและภายนอกให้ประสานกัน สร้างช่องทางให้ลมไหลผ่านระบายความร้อน เปิดรับแสงสว่างแต่ก็บดบังความร้อนจากแสงแดด ด้วยแผงบังแดดระแนงไม้ไผ่ หรือการสร้างบรรยากาศที่ปลอดโปร่ง ใกล้ชิดธรรมชาติ "กระจก" ก็เป็นวัสดุองค์ประกอบหลักที่จะขาดไม่ได้ ตกแต่งพื้นที่สีเขียวเพิ่มภายในห้อง ด้วยกระถางต้นไม้ ขนาดต่างๆตามความเหมาะสม
เพิ่มเติมที่นี่เลย:
Modern Tropical: การแต่งบ้านสไตล์โมเดิร์นในภูมิประเทศเขตร้อนชื้น
ตกแต่งห้องในสไตล์ Tropical เพิ่มความสดชื่นให้คอนโดรับสงกรานต์
Modern Style
ความเรียบง่าย ลดทอนสิ่งเกินจำเป็น เน้นฟังก์ชันการใช้งาน คือ คำจำกัดความของห้องสไตล์โมเดิร์น
สไตล์โมเดิร์น (Modern Style) คำว่า Modern ในภาษาอังกฤษ แปลว่า ใหม่หรือทันสมัย เป็นการตกแต่งห้องสำหรับคนที่ชอบความเรียบง่าย ไม่หรูหราอลังการ แต่ดูดีด้วยโทนสีและรูปทรงธรรมดา
สไตล์โมเดิร์น เป็นรูปแบบของสิ่งก่อสร้างที่ได้รับอิทธิพลมาจากยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงศตวรรษที่ 18 ซึ่งเป็นช่วงที่คนหันมาให้ความคำนึงถึง การใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดการใช้วัสดุที่ไม่จำเป็น เน้นที่ประโยชน์ใช้งาน หันมาใช้รูปทรงเรขาคณิตพื้นฐานที่มีความเรียบง่าย ไม่มีการตกแต่งหรือปกปิดพื้นผิวมากนัก
โทนสีที่นำมาใช้ในสไตล์โมเดิร์น คือ สีขาว ดำ และเทา บางครั้งก็ใช้แม่สีมาเติมความสดใส เพื่อให้สอดคล้องกับพื้นที่และการใช้งาน มักใช้รูปทรงเรขาคณิต โดยเฉพาะรูปทรงเหลี่ยม การเจาะผนังเป็นกระจกหรือหน้าต่างบานใหญ่ดูโปร่งโล่งสบายตา ให้มองเห็นทัศนียภาพภายนอกและรับแสงธรรมชาติ เผยให้เห็นโครงสร้างและโชว์ผิวเนื้อแท้ของวัสดุ หรือส่วนโครงสร้างของอาคารอย่างไม่มีปิดบัง โดยถือเป็นเป็นการเคารพความงามตามธรรมชาติ
ลักษณะเด่นของสไตล์โมเดิร์น จะเน้นความโปร่งโล่ง ออกแบบเป็นพื้นที่โล่ง ไม่นิยมการก่อผนังกั้นมาก รวมถึงการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ที่เรียบง่ายและไม่เยอะจนมากเกินไป สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทำให้ภาพโดยรวมของห้องสไตล์โมเดิร์น เรียบเท่ ดูดีมีสไตล์ แฝงไปด้วยรายละเอียดที่น่าสนใจ เน้นความเรียบง่าย แสดงออกอย่างตรงไปตรงมา
Industrial Style
อีกหนึ่งสไตล์ที่กำลังเป็นที่นิยม คือ การแต่งห้องแบบ Industrial กระแสการตกแต่งสไตล์อินดัสเทรียลเพิ่งเป็นที่นิยมในช่วง 2 ปีมานี้ ซึ่งก่อนหน้านี้อาจรู้จัก สไตล์ลอฟต์ มากกว่า ทั้งลอฟต์และอินดัสเทรียลมีส่วนคล้ายกันในเรื่องการใช้งานสถาปัตยกรรม แต่มีความต่างในรายละเอียดบางอย่าง
ความเป็นอินดัสเทรียลนั้นจะให้ความรู้สึก เข้มแข็ง ทนทาน
สไตล์อินดัสเทรียลต้องมีโครงสร้างของสถาปัตยกรรมที่เก็บไว้ในรูปแบบเดิม เช่น โกดังเก่า หรืออาคารที่มีโครงสร้างขนาดใหญ่ มีการตกแต่งเลียนแบบโรงงานเก่า ใช้วัสดุขึ้นสนิมที่ดูผ่านกาลเวลามานาน และเฟอร์นิเจอร์ที่ย้อนยุคไปช่วงปี 1950 ส่วนสไตล์ลอฟต์ต้องมีฝ้าเพดานสูง ดูเท่ นิ่ง และเรียบง่าย มีรายละเอียดการตกแต่งของสไตล์โมเดิร์นมาประกอบมากกว่า
จุดเด่นของสไตล์นี้ คือ ไม้ เหล็ก กระจก ปูน และอิฐ 5 วัสดุนี้นิยมนำมาใช้ตกแต่งให้มีกลิ่นอายของสไตล์นี้ และทั้งหมดต้องดูไม่สมบูรณ์แบบ มีร่องร่อยตาไม้หรือ ไม่เคลือบผิวใดๆ เหล็กที่เกิดสนิม ท่อเหล็กทั้งแบบสีเทาและท่อทองแดง ปูนเปลือย ผนังอิฐ โทนสีที่นิยมสไตล์นี้เป็นสีจากธรรมชาติ เช่น สีน้ำตาลอ่อนจนถึงน้ำตาลเข้มไปจนถึงดำ เทา ส้มอิฐ และทองแดง ซึ่งให้ความรู้สึกอบอุ่น เรียบง่าย แต่ก็ดูเท่
Cozy style
ความหมายของ Cozy คือ ความความอบอุ่น ความเป็นกันเอง
cozy style เป็นอีกหนึ่งสไตล์ที่กำลังได้รับความนิยม เป็นสไตล์ที่เกิดจากการความเข้าใจทั้งธรรมชาติ และอารมณ์ความรู้สึกของผู้อยู่อาศัยมาหลอมรวมกัน ความโดดเด่นของ Cozy คือ โทนสี ซึ่งสีที่นิยมนำมาใช้ในการตกแต่งสไตล์ดังกล่าวนั้นคือ สีเอิร์ธโทน สีโทนนี้ ให้อารมณ์และความรู้สึกที่อบอุ่นเมื่อได้สัมผัสและพักผ่อน มองแล้วสบายตา
โดยสะท้อนผ่านของใช้ เฟอร์นิเจอร์ต่างๆ รวมทั้งวัสดุโครงสร้างและตกแต่ง อย่าง วอลล์เปเปอร์ กระเบื้องเซรามิก เช่น ผนังสีครีม ชุดเฟอร์นิเจอร์โทนสีขาวสะอาดตา พรมพื้นสีเทา ตลอดจนของตกแต่งอย่างกล่องไม้ แจกันดอกไม้โทนสีเขียวเข้ม
อีกหนึ่งจุดเด่นในสไตล์นี้ คือ การเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่ทำมาจากธรรมชาติ มาตกแต่ง หลักๆ มีงานไม้ งานหินอ่อน งานอิฐ โดยงานไม้ในปัจจุบัน นิยมให้ใช้ไม้เทียมได้ ซึ่งจุดเด่นของวัสดุดังกล่าวไม่ได้มีแค่ความสวยงามและการสร้างความรู้สึกที่ดี วัสดุจากธรรมชาติยังมีความแข็งแรง ทนทาน และบริเวณเพดานเปิดโล่งหรือยกสูง มีแค่โคมไฟระย้าประดับพอสวยงานและเหมาะสม ขณะที่ผนังต้องไม่รก หรือตกแต่งด้วยภาพงานศิลปะและต้องไม่บดบังทางที่สายตาพักผ่อน
ทั้งหมดนี้ก็เป็นแนวทางง่ายๆ ในการแต่งห้อง จะเห็นได้ว่าการแต่งห้องมีหลากหลายสไตล์ การออกแบบตกแต่งห้อง หรือมุมต่างๆนั้น เจ้าของห้องก็มักจะเลือกตกแต่งในสไตล์ที่ตัวเองชอบ และแน่นอนว่าแต่ละคนก็มีสไตล์ที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นมาลองสำรวจตัวเองว่าห้องสไตล์เป็นเรามากที่สุด จะได้นำไอเดียสไตล์นั้นๆ ไปปรับใช้กับห้องของคุณ..
บทความที่น่าสนใจ
บอกเล่า 5 เคล็ด (ไม่) ลับ แต่งห้องนั่งเล่นเก่าให้เหมือนใหม่จากนักออกแบบภายในมืออาชีพ!
Touch ทุกคอนเซปต์ เก็บทุกไลฟ์สไตล์ ด้วยเทคนิคแต่งคอนโด 20/80
แต่งห้องเช่าสไตล์โมเดิร์น Southwestern Look อบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน [Room Tour]
7 Application ตัวช่วยที่จะทำให้การแต่งห้องของคุณกลายเป็นเรื่องสนุก!