ESTOPOLIS | 3 วิธีหาเงินแต่งคอนโดแบบร้ายกาจ ประหยัดกว่ากู้สินเชื่อเพื่อการตกแต่ง
28 March 2560
เมื่อคุณกำลังจะซื้อคอนโด คุณอาจจะวาดฝันถึงการแต่งห้องในสไตล์ที่คุณอยากได้ ดังนั้นคุณจึงมีการเตรียมเงินเก็บเอาไว้จำนวนหนึ่งเพื่อการตกแต่ง แต่คุณอาจจะลึมนึกไปว่ากว่าที่จะได้คอนโดมาเงินที่คุณเตรียมเอาไว้ตกแต่งนี่แหล่ะ จะกลายเป็นค่าจิปาถะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นค่าโอน ค่าจดจำนอง ค่าส่วนกลาง ค่ากองทุน และอื่น ๆ อีกมากกมาย กลายเป็นว่าเงินที่คุณเตรียมเอาไว้เพื่อแต่งห้องไม่เหลือเสียแล้ว
สิ่งแรกที่หลาย ๆ คนนึกถึงคือการกู้เพื่อตกแต่ง เพราะคิดว่าน่าจะได้ดอกเบี้ยที่ถูก และอนุมัติง่าย แต่สำหรับบทความนี้เราต้องบอกว่าเราไม่แนะนำให้กู้เงินเพื่อการตกแต่งครับ
การกู้สินเชื่อเพื่อการตกแต่งคอนโดแบบต่าง ๆ (ที่เราไม่แนะนำ)
สินเชื่อเพื่อการตกแต่งต่าง ๆ มันคือ “สินเชื่อส่วนบุคคล” ครับ ไม่ว่ามันจะมีการเรียกว่าอะไรก็ตามแต่ หมายความว่าดอกเบี้ยจะไม่ใช่ดอกเบี้ยเดียวกับสินเชื่อบ้าน ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 20% ต่อปี (28% ก็มี) สินเชื่อในที่นี้ได้แก่
1. สินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อการตกแต่งคอนโดที่ยื่นพร้อมสินเชื่อคอนโด
สินเชื่อตัวนี้จะอนุมัติพร้อมกับการปล่อยสินเชื่อบ้านของธนาคาร โดยที่ในบางธนาคารจะรวมเป็นยอดเดียวกับสินเชื่อบ้านแต่แยกอัตราดอกเบี้ย ส่วนบางธนาคารก็แยกส่วนมาให้ กติกาการกู้ต่าง ๆ ก็จะแตกต่างกันไปในแต่ละธนาคาร
2. สินเชื่อส่วนบุคคลโดยมีหลักประกัน
เป็นการยื่นกู้สินเชื่อส่วนบุคคลโดยใช้ทรัพย์สินที่คุณมีเป็นหลักประกัน เช่น ที่ดิน รถยนต์ เป็นต้น
3. สินเชื่อส่วนบุคคลโดยมีผู้ค้ำประกัน
สินเชื่อส่วนบุคคลโดยมีผู้ค้ำประกัน ก็ตามชื่อเลย คือต้องหาคนที่มีเงินเดือนประจำ ประวัติดี และยังไม่มีหนี้มาเป็นผู้ค้ำประกัน
4. สินเชื่อส่วนบุคคลกับธนาคารที่มีบัญชีเงินเดือน
ตรงนี้จะเป็นผลประโยชน์ในกรณีที่บริษัทที่คุณทำงานอยู่มีการผูกกับการจ่ายเงินเดือนผ่านบัญชีธนาคารแบบ Payroll
*** วิธีการกู้แบบที่ 2 - 4 เป็นการกู้แยกโดยที่ไม่เกี่ยวข้องกับการกู้ซื้อคอนโด ดังนั้นคุณมีโอกาสที่จะกู้ได้ตามการประเมิณรายได้จากธนาคาร แต่เราแนะนำว่าหากคุณต้องการจะกู้เงินแต่งคอนโดด้วยวิธีนี้จริง ๆ คุณควรจะดำเนินการทันทีหลังจากทราบผลอนุมัติสินเชื้อคอนโด/บ้าน เพราะมันจะยังไม่มีข้อมูลขึ้นในเครดิตบูโรว่าคุณมีหนี้ที่ต้องชำระค่าบ้านกับทางธนาคาร การอนุมัติก็จะง่าย และได้เต็มวงเงิน
ในบางธนาคารก็จะทำเป็นโปรโมชั่นเรียกให้เราอุ่นใจว่าสินเชื่อเพื่อการตกแต่ง แต่จริง ๆ แล้วอัตราดอกเบี้ย ระยะเวลาผ่อน คือสินเชื่อส่วนบุคคลชัด ๆ เพียงแต่อาจจะกู้ง่ายกว่าเพราะเรากู้บ้าน-คอนโด ผ่านแล้วนั่นเอง
แต่วิธีข้างต้นลืมไปได้เลย เราไม่แนะนำ !!
ทำไมเราจึงไม่แนะนำให้กู้สินเชื่อส่วนบุคคลในการตกแต่งบ้านหรือคอนโด นั่นก็เพราะว่าคุณจะต้องจ่ายดอกที่แพงมาก ๆ ไม่ต่างจากการจ่ายบัตรเครดิต เพราะสินเชื่อเหล่านี้ดอกเบี้ยจะอยู่ที่ประมาณปีละ 20% ทำให้คุณมีภาระในการจ่ายที่เพิ่มขึ้น
ยกตัวอย่าง หากคุณกู้สินเชื่อส่วนบุคคลเพื่อแต่งคอนโด 2 แสนบาท ระยะเวลา 3 ปี คุณต้องผ่อนเดือนละ 7,432 บาท ซึ่งเกือบจะเท่ายอดการผ่อนต่อเดือนของสินเชื่อบ้านราคา 1 ล้านเลย
วิธีการแบบร้ายกาจ ประหยัดกว่าในการหาเงินแต่งคอนโดที่เราแนะนำได้แก่
1. ขอให้พนักงานขายยื่นกู้เกินราคาจริงให้
การที่เราจะให้พนักงานขายยื่นกู้เกินราคาขายจริงให้ ก็เพื่อที่เราจะได้นำเงินส่วนต่างนั้นมาใช้ในการตกแต่งคอนโด ซึ่งจริง ๆ แล้วมันก็สามารถที่จะเป็นไปได้และไม่ได้ เพราะไม่ใช่พนักงานขายทุกคนจะยอมเขียนราคาหลอกให้เราได้ จุดนี้ต้องขึ้นอยู่กับการเจรจา หรือนโยบายการขายของแต่ละโครงการ ซึ่งในบางโครงการสามารถทำให้ได้จริง ๆ
แต่การยื่นกู้เกินราคาซื้อขายจริงไม่ได้หมายความว่าคุณจะได้รับการปล่อยกู้จากธนาคารในราคานั้น เพราะยังมีระคาประเมินอีกตัว ที่ธนาคารต้องพิจารณา ซึ่งถ้าโครงการมีความน่าเชื่อถือ อยู่ในทำเลที่ดี Developer มีชื่อเสียง ราคาประเมินอาจจะเท่าราคาหลอกที่คุณให้พนักงานขายตั้งไว้ก็เป็นได้
หากแผนการการยื่นกู้เกินราคาซื้อขายจริงของคุณประสบความสำเร็จเงินตกแต่งที่คุณกู้ได้ก็จะเป็นเงินกู้ที่ดอกเบี้ยต่ำมาก(เป็นดอกเบี้ยอัตราเดียวกับดอกเบี้ยคอนโด) ซึ่งมันจะไม่ทำให้คุณฝืดเคืองด้านการเงินในแต่ละเดือนมากนัก
* หากส่วนต่างสำหรับการแต่งคอนโดของคุณคือ 2 แสนบาท คุณจะผ่อนในแต่ละเดือนเพียง 1 พันกว่าบาทเท่านั้น โดยมีระยะเวลาผ่อน 30 ปี(ตามระยะเวลาผ่อนคอนโด)
2. ต่อรองขอส่วนลดกับโครงการ แต่ให้เขียนใบสัญญาที่จะซื้อขายสำหรับยื่นธนาคารในราคาปกติ
ถ้าคุณไม่มีเส้นสาย ไม่มีอิทธิพลต่อโครงการมากพอ หรือบูชาสาลิกาลิ้นทอง การขอส่วนลดคงจะเป็นไปได้ยาก ยกเว้นว่าทางโครงการจะมีส่วนลดเป็นโปรโมชั่นลับไว้ให้จริง ๆ แต่อย่าพึ่งท้อใจ! เราแนะนำให้คุณลองรวมกลุ่มกับพวกนักลงทุนคอนโดที่มีความสนใจโครงการนั้นอยู่ หรือคนที่ต้องการจะซื้อจริง ๆ หลาย ๆ คน แล้วเข้าไปต่อรอง การที่คุณจะได้ส่วนลดจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
นี่คือวิธีการที่นักลงทุนคอนโดส่วนใหญ่ใช้กัน พวกเขาจะรวมกลุ่มกันไปเลือกห้อง และต่อรองราคากับพนักงานขายจนเป็นที่น่าพอใจ เมื่อพอใจแล้วก็จะทำเรื่องกู้ซื้อ ซึ่งในการทำเรื่องกู้ซื้อ ในใบสัญญาว่าจะซื้อพนักงานขายจะเขียนราคาเต็มไว้ให้ เพราะนักลงทุนเหล่านี้อาจจะมีการตกแต่งห้องเอาไว้ปล่อยเช่าด้วย ถือว่าเป็นเรื่องที่ วิน-วิน กันไป
เงินที่คุณจะได้สำหรับแต่งคอนโดมันคือเงินส่วนลด ซึ่งอัตราดอกเบี้ยจะเป็นอัตราเดียวกับอัตรากู้ซื้อคอนโดนั่นเอง และวิธีนี้จะเนียน รวมถึงมีความเป็นไปได้มากกว่าที่จะสำเร็จ เพราะข้อมูลส่วนลดนั้นหน่วยงานประเมินราคาของธนาคารอาจจะยังไม่มี
ข้อพึงระวังสำหรับวิธีที่ 1 และ 2
หากทางโครงการมีส่วนลด หรือยอมเขียนสัญญาว่าจะซื้อขายเกินราคาจริงให้คุณ คุณอาจจะต้องเลือกธนาคารของรัฐบาลเป็นหลัก เพราะอย่าลืมว่าจะกู้ได้เท่าไรขึ้นอยู่กับราคาประเมินด้วยส่วนหนึ่ง และฝ่ายประเมินของฝังธนาคารเอกชนก็มีข้อมูลที่แน่นมาก โอกาสที่จะประสบความสำเร็จจึงน้อย
3. เปิดบัตรเครดิตที่ร่วมรายการกับร้านค้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน
ลองมองหาบัตรเครดิตสักใบที่มีโปรโมชั่นผ่อน 0% ยาว ๆ กับร้านเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ดู ซึ่งตอนนี้ดูเหมือนว่ามีค่อนข้างมาก บางบัตรสามารถผ่อนได้ยาวถึง 2 ปีเลยทีเดียว มันจะทำให้คุณไม่ต้องเสียดอกเบี้ยในการกู้เงินแต่งคอนโด แต่แน่นอนว่าอัตราการผ่อนในแต่ละเดือนอาจจะสูงสักหน่อย
ส่วนการเปิดบัตรเครดิตนั้น หากคุณอนุมัติการกู้สินเชื้อบ้านหรือคอนโดแล้ว คุณควรรีบยื่นสมัครบัตรทันที เพราะในระหว่าง 45 - 60 วันทำการ เครดิตบูโรที่เกี่ยวกับการชำระสินเชื่อบ้านของคุณ จะยังไม่ขึ้น ธนาคารเจ้าของบัตรและสินเชื่อบ้านจะยังตรวจหากันไม่เจอ คุณจะได้วงเงินบัตรแบบเต็ม ๆ
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การใช้วงเงินบัตรเครดิตในการแต่งคอนโด คุณควรวางแผนเกี่ยวกับความสามารถในการจ่ายในแต่ละเดือนเอาไว้อย่างรอบคอบ เพราะเงินที่จะต้องจ่ายในแต่ละเดือนค่อนข้างมากกว่าเท็คนิคอื่น ๆ คุณอาจจะค่อย ๆ ซื้อของเข้ามาตกแต่งในทีละส่วน อย่างที่เรียกว่าอยู่ไปแต่งไปก็ได้
ไม่ว่าจะเป็นวิธีการไหน ๆ สิ่งที่เราอยากให้คุณพึงระลึกเอาไว้นั่นคือการวางแผนที่ดี มีแผน A B และ C ตามลำดับ เพราะเอาเข้าจริง ๆ โดยเฉพาะกับมือใหม่ในการซื้อคอนโด คุณอาจจะเจอเคสที่คาดไม่ถึง จนตั้งหลักไม่อยู่ก็เป็นได้ การกู้ซื้อคอนโดเป็นการผูกมัดระยะยาว หากคุณสะดุดในเรื่องของค่าใช้จ่าย นั่นหมายความว่าคุณจะสะดุดแบบนั้นไปพักใหญ่เลยทีเดียว คุณควรจะมีชีวิตอยู่กับคอนโดในฝันอย่างมีความสุข ไม่ใช่อยู่แบบวิตกกังวลกับมัน