"แนวราบ" VS "แนวดิ่ง" ที่พักแบบไหนที่ใช่สำหรับคุณ
1 March 2562
ซื้อบ้านหรือคอนโดดี ? เป็นคำถามยอดฮิตที่ต้องขบคิดให้ดีเลยทีเดียว เพราะคำตอบของโจทย์ข้อนี้ จะเป็นต้นทางในการกำหนดการวางแผนทุกเรื่องที่ตามมา เช่น เลือกแถวไหนดี ต้องใช้เงินเท่าไร รวมไปถึงว่าจะตอบโจทย์การใช้ชีวิตของสมาชิกในครอบครัวได้อย่างเหมาะสมหรือไม่ เพื่อให้ได้คำตอบที่ทั้ง “ถูกต้อง” และ “ถูกใจ” ตนเองและสมาชิกทุกคนในครอบครัว ดังนี้
ทำเล : ปัจจัยหลักที่ต้องคิดถึงเมื่อจะซื้อที่พักอาศัยสักแห่ง
ที่พักอาศัยแนวราบ
บ้านตอบโจทย์ในเรื่องของความเป็นส่วนตัวได้มากกว่าคอนโด เนื่องจากการออกแบบบ้านโดยทั่วไป จะได้ทำเลพื้นที่ที่เป็นส่วนตัว แต่ในขณะเดียวกัน สิ่งนี้ก็เป็นเหตุให้บ้านต้องมีต้นทุนเป็นค่าพื้นที่ต่อหลังที่ค่อนข้างสูงกว่าคอนโด จนทำให้ผู้ประกอบการโครงการบ้านที่อยากจะลดต้นทุนส่วนนี้ลง ต้องออกไปมองหาทำเลบริเวณชานเมืองที่นับวันมีแต่จะไกลออกไปเรื่อยๆ ตามการขยายตัวของเมือง
คอนโด
เราอาจจะมองเห็นข้อดีของคอนโดในเรื่องนี้ได้ค่อนข้างชัดเจน เนื่องจากการจัดหาที่ดินเพื่อสร้างคอนโดนั้น ผู้ประกอบการมักเลือกสร้างในย่านใจกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน ที่สำคัญคือคอนโดที่ถูกสร้างบนที่ดินผืนหนึ่ง จะสามารถสร้างได้จำนวนยูนิตที่มากกว่า ราคาต่อหน่วยจึงถูกลงมาในระดับที่คนส่วนใหญ่ซื้อได้
หากลองเปรียบเทียบระหว่างบ้านกับคอนโดที่อยู่ในทำเลใกล้เคียงกัน ยกตัวอย่างในย่านกลางเมือง เช่น รัชดา ลาดพร้าว คอนโดขนาดพื้นที่ประมาณ 30 ตารางเมตร จะมีราคาให้เลือกซื้อหาได้เริ่มต้นที่สามล้านขึ้นไป แต่ถ้าเป็นบ้านในย่านเดียวกัน อาจจะต้องพูดถึงราคาเริ่มต้นหลักสิบล้านบาทกันเลยทีเดียว
ความเป็นเจ้าของ : กรรมสิทธิ์แต่เพียงผู้เดียวหรือ...ไม่ใช่?
ที่พักอาศัยแนวราบ
การเลือกซื้อที่อยู่อาศัยเป็นบ้านหรือคอนโด จะทำให้ผู้ซื้อได้ถือกรรมสิทธิ์ครอบครองตามกฎหมายแตกต่างกัน โดยถ้าเป็นบ้านหลัง จะมีโฉนดที่ดินที่ระบุความเป็นเจ้าของพื้นที่รวมทั้งสิ่งก่อสร้างบนที่ผืนนั้น ซึ่งเป็นของผู้ซื้อไปตลอดชีวิต และสามารถจำหน่ายเมื่อไรก็ได้ตามความต้องการ
คอนโด
ในส่วนของคอนโด กรรมสิทธิ์จะถูกแบ่งเป็น 2 ประเภท
ประเภทแรก - กรรมสิทธิ์ในทรัพย์ส่วนบุคคลที่ไม่ต้องแบ่งกับใคร เช่น ตัวห้องชุด รวมสิ่งปลูกสร้างต่างๆที่จัดไว้ให้เจ้าของห้องชุดแต่ละราย(เช่น ที่จอดรถส่วนตัว)
ประเภทที่สอง - กรรมสิทธิ์ร่วมในทรัพย์ส่วนกลาง หมายถึงการได้เป็นเจ้าของร่วมกันกับทุกๆคนที่อาศัยในอาคารนั้น เช่น ดาดฟ้า สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนหย่อม ลิฟท์ บันได เครื่องปั๊มน้ำ ฯลฯ
การเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในห้องอาคารชุดนั้น จะไม่มีกำหนดระยะเวลาในการถือครอง หมายความว่าเจ้าของกรรมสิทธิ์ย่อมเป็นเจ้าของห้องชุดตลอดไป จนกว่าจะมีการจำหน่าย จ่าย โอน หรือยกเลิก นิติบุคคลอาคารชุดนั้น หรือมีการรื้อถอนอาคารชุด หรือมีการครบกำหนดสัญญาเช่าที่ดินที่ใช้สร้างอาคารชุด ซึ่งเจ้าของร่วมที่ได้รับความเสียหายเนื่องจากการรื้อถอน ย่อมมีสิทธิได้รับค่าชดเชยจากนิติบุคคลอาคารชุดนั้น
การเดินทาง : เลือกซื้อเวลาแห่งโอกาสใหม่ๆ หรือซื้อความคุ้มค่าของการพักผ่อน
ที่พักอาศัยแนวราบ
โดยส่วนใหญ่คนมักเลือกที่อยู่อาศัยจากปัจจัยของสถานที่ที่ต้องเดินทางไปเป็นประจำ ดังนั้นบ้านจึงเหมาะสมกับคนที่มีไลฟ์สไตล์ส่วนใหญ่อยู่แถบชานเมืองมากกว่า อาจไม่มีความเป็นต้องอยู่ในเมือง หรือในอนาคตอาจมีการย้ายถิ่นออกไปอยู่ชานเมือง จึงต้องเดินทางเข้าเมืองในระยะเวลาอีกไม่กี่ปีเท่านั้น ดังนั้นหากคิดค่าใช้จ่ายของการเดินทางและช่วงเวลาที่แท้จริงออกมาอาจจะคุ้มค่ากว่าการซื้อคอนโดมิเนียมอยู่ในเมืองที่แม้จะเดินทางได้ง่าย แต่ค่าครองชีพค่อนข้างสูง
คอนโด
คนเลือกคอนโดส่วนใหญ่จึงเป็นคนที่ชื่นชอบไลฟ์สไตล์คนเมืองกับการเดินทางที่รวดเร็ว เพราะใกล้ที่ทำงาน แหล่งช็อปปิ้ง ย่านท่องเที่ยว ประหยัดเวลาส่วนการเดินทางเพื่อโอกาสอื่นๆ ในชีวิต และยังมีตัวเลือกในการเดินทางที่เหมาะสมกับกิจกรรมที่ต้องทำในแต่ละวันได้อย่างง่ายดาย
พื้นที่ใช้สอย : กว้างขวางหรือเท่าที่จำเป็น
ที่พักอาศัยแนวราบ
เมื่อพูดถึงเรื่องพื้นที่ใช้สอย ถ้าเทียบบ้านกับคอนโดในระดับราคาที่ใกล้เคียงกันแล้ว กลุ่มที่อยู่อาศัยแนวราบถูกออกแบบให้ตอบสนองต่อการมีพื้นที่ใช้งานได้มากกว่า อีกทั้งยังได้ประโยชน์จากการมีพื้นที่ใช้สอยหลายชั้นเพิ่มเข้ามา ทำให้วางแผนออกแบบแบ่งการใช้พื้นที่แต่ละส่วนได้ง่ายและเป็นสัดส่วนกว่า สำหรับคนที่มีรถยนต์ก็นับว่าสะดวกกว่าเพราะสามารถสร้างพื้นที่จอดรถได้ง่ายกว่าคอนโด
คอนโด
ตามที่กฎหมายพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 กำหนดให้ขนาดของห้องที่เล็กที่สุดที่จะขออนุญาตก่อสร้างได้ คือ 20 ตร.ม. หากต้องการพื้นที่กว้างขึ้นอาจจะต้องใช้งบประมาณมากขึ้น ซึ่งเทียบกันแล้วก็ยังคงได้พื้นที่ใช้สอยน้อยกว่าเลือกซื้อบ้านในระดับราคาที่ใกล้เคียงกันอยู่ดี แม้ภายในพื้นที่ห้องจะน้อย แต่มีการออกแบจัดสรรให้มีครบทุกพื้นที่จำเป็น โดยเน้นไปที่ความสะดวกต่อการดูแลรักษา
ส่วนในเรื่องพื้นที่จอดรถของคอนโดแล้วนับเป็นพื้นที่ส่วนกลางซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้มีครบตามจำนวนห้องชุด ดังนั้นอาจจะมีการออกกฎต่างๆ เพื่อสร้างข้อตกลงร่วมกันในเรื่องนี้ได้
ความเป็นส่วนตัว : ช่องว่างระหว่างเพื่อนบ้าน
ที่พักอาศัยแนวราบ
การซื้อที่พักอาศัยแนวราบทำให้เราได้เป็นกรรมสิทธิในที่ดินซึ่งหมายความบนพื้นที่ของเรา เราสามารถทำอะไรก็ได้ เพียงแค่ไม่รบกวนเพื่อนบ้านหรือละเมิดกฎหมายเท่านั้น
คอนโด
คอนโดมิเนียมได้กรรมสิทธิ์ในรูปแบบเจ้าของร่วม นั่นแปลว่าบนอาคารชุดแห่งนี้ยังมีเจ้าของอื่นๆ อยู่ด้วย ผนังหรือโครงสร้างของอาคารจึงไม่ใช่ของเราแต่เพียงผู้เดียว เพียงแค่คุณก้าวออกจากห้อง โถงทางเดินก็ไม่ใช่ของคุณคนเดียวแล้ว ดังนั้นการอยู่ร่วมกันภายในคอนโดมิเนียมแต่ละแห่งจึงต้องมีข้อตกลงร่วมกันมากมาย โดยมีนิติบุคคลเป็นตัวกลางผู้ดำเนินการต่างๆ
ลงทุน : เงินที่ลงไป กับผลกำไรที่กลับมา
ที่พักอาศัยแนวราบ
เมื่อถือครองที่ดินเป็นเวลานานก็มีโอกาสที่จะได้รับผลกำไรจากมูลค่าเพิ่ม นี่เป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการลงทุนกับที่อยู่อาศัย ยกตัวอย่างย่านบางนาซึ่งเดิมเคยถูกจัดเป็นแถบชานเมืองและที่ดินมีราคาไม่แพง ต่อมาหลังจากมีการพัฒนาโครงการห้างสรรพสินค้าและศูนย์จัดแสดงสินค้าต่างๆ ก็ทำให้ราคาที่ดินริมถนนบางแปลงขยับขึ้นไปถึง 10 ล้านบาทต่อไร่ จนเกิดเป็นโครงการบ้านราคาแพงระดับ 5 - 20 ล้านบาทขึ้นไป ส่งผลให้ระดับราคาของบ้านในย่านดังกล่าวพลอยคึกคักตามไปด้วย (อ้างอิง : ข้อมูลจากโพสต์ทูเดย์ - ข่าวโครงการเกิดใหม่แสนสิริ)
คอนโด
ถ้ามองภาพรวมของเม็ดเงินที่ใช้กับคอนโด จะพบว่าคอนโดเป็นการลงทุนที่จ่ายน้อยกว่าตั้งแต่ตอนซื้อ เช่น คอนโดบนถนนเพลินจิต ที่ขายกันในราคาแค่ 2-3 แสนบาทต่อตารางเมตร ทั้งๆ ที่ราคาที่ดินต่อตารางเมตรในย่านดังกล่าว สูงถึง 5 แสนบาทเลยทีเดียว เหตุที่ราคาห้องถูกกว่าราคาที่ดิน ก็เพราะคอนโด มีเพื่อนบ้านทั้งโครงการมาช่วยหารต้นทุนค่าที่ดินและค่าก่อสร้างนั่นเอง ยิ่งมีจำนวนชั้น จำนวนยูนิตมากเท่าไร ก็ยิ่งมีตัวหารต้นทุนในส่วนนี้มากขึ้นเท่านั้น หรือแม้แต่เวลาเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ก็จ่ายน้อยชิ้นกว่า ดีไม่ดีบางโครงการจัดการให้เสร็จทั้งออกแบบจัดหา เป็นโปรโมชั่นแถมตั้งแต่แรก หากยิ่งซื้อถูกที่ถูกทำเล มีความต้องการเยอะ เมื่อไม่อยู่แล้วก็สามารถปล่อยเช่าหรือขายได้ง่ายกว่า
สักนิดก่อนคิดตัดสินใจ
กล่าวโดยสรุปแล้ว บ้านและคอนโดต่างก็มีข้อน่าสนใจและข้อควรระวังทั้งสองทางเลือก แต่สิ่งที่ผู้ประสงค์จะซื้อหาบ้านหรือคอนโดควรคิดให้ถี่ถ้วนก็คือ การมองให้เห็นความต้องการของตนเองที่แท้จริง ว่าตนเองวางแผนการในอนาคตและเลือกที่จะใช้ชีวิตในไลฟ์สไตล์แบบใดเป็นหลัก ยังโสดหรือมีครอบครัวที่มีสมาชิกหลายคน มีงบประมาณที่มากพอจะเลือกได้ตามใจชอบ หรือจำกัดจนต้องยอมเลือกระหว่างคอนโดห้องเล็กลงแต่ใกล้รถไฟฟ้า กับบ้านที่อยู่ไกลออกไปแต่มีสนามหญ้าหน้าบ้าน ฯลฯ
อย่าลืมว่าสิ่งที่เราเลือกนั้นจะต้องอยู่กับเราไปอีกนาน สิ่งที่คนอื่นบอกว่าดี อาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเราก็ได้ เพราะโจทย์ของแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน ที่แน่ๆ การตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโดครั้งนี้ ควรนำมาซึ่งความสุข และเป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าในชีวิตที่มั่นคงยิ่งขึ้นในอนาคตข้างหน้า