เที่ยวปีใหม่ ในกรุงเทพฯ เสพวัฒนธรรมรอบเกาะรัตนโกสินทร์
27 December 2562
เทศกาลเฉลิมฉลองปีใหม่กำลังจะมาถึงในอีกไม่ช้านี้เเล้ว หลายคนคงมีเเพลนไปเที่ยวต่างจังหวัด กันใช่มั้ยล่ะคะ เเต่หากใครที่ยังไม่มี เเละขี้เกียจที่จะเดินทางไกล อยากเที่ยวอยู่เเค่ในกรุงเทพฯ
วันนี้เรา “เอสโตพลัส Esto+” ก็ไม่พลาดที่จะเเนะนำสถานที่เที่ยวเเละเเหล่งของกินที่น่าสนใจ ฉลองเปิดศักราชใหม่ สามารถเที่ยวได้เช้าจรดเย็นรอบเกาะรัตนโกสินทร์มาฝากทุกคนกันค่ะ ^^
ที่เเรกที่เราอยากจะเเนะนำ คงไม่พ้นเรื่องของกิน! ก็จะเที่ยวทั้งที ท้องต้องอิ่มก่อน เหมือนที่เราชอบพูดเล่น ๆ กับเพื่อนว่า “กองทัพต้องเดินด้วยท้อง” อย่ามัวรอช้า พร้อมเเล้วก็ลุยเลย!!
เริ่มต้นมื้อเช้าด้วยอาหารเเสนเรียบง่าย ดั้งเดิม ที่เปิดมายาวนานกว่า 60 ปี อย่าง “ร้านโกปี๊ เฮี้ยะ ไถ่ กี่” ที่เสาชิงช้า เป็นร้านกาเเฟโบราณที่เสิร์ฟพร้อมอาหารเช้า ซึ่งก็มีเมนูน่าทานหลากหลายให้เลือก ไม่ว่าจะเป็น โรตีเเกงเขียวหวาน, ไข่กระทะกับขนมปังยัดไส้ หรือจะเป็นเมนูข้าวไข่ฟูคัั่วกลิ้ง เเละตบท้ายด้วยกาเเฟโบราณ อย่าง "ชาเฟ" ถึงเเม้จะเป็นช่วงปีใหม่ ร้านนี้ก็ไม่หยุด เเถมยังเปิดให้บริการตั้งเเต่ 07.00 - 20.00 น. กันเลยทีเดียว
มาต่อกันที่ “ร้านอุดมโภชนา” ร้านอาหารจานเดียวรสชาติเด็ด อย่าง ข้าวหมูเเกง, หมูกรอบ, สตูว์เนื้อเเละปอเปี๊ยะสดปู สูตรโบราณกว่า 80 ปี ที่มาเเล้วต้องสั่ง! โดยเคล็ดลับความอร่อยของที่นี่คือ การทำเองทุกอย่างตามตำรับที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ไม่ว่าจะเป็นตัวหมูกรอบที่ไม่ได้ทอดเเต่ใช้การอบแทน ซึ่งสาว ๆ ที่กำลังควบคุมน้ำหนักนั้น สามารถทานได้เเบบไม่ต้องรู้สึกผิด รวมไปถึงการทำสตูว์เนื้อที่ตุ๋นกันข้ามวันข้ามคืน เรียกได้ว่าใส่ใจทุกขั้นตอนการทำ เเละร้านก็เปิดให้บริการเสิร์ฟความอร่อยทุกวันจันทร์ - วันเสาร์ ตั้งเเต่ 07.00 - 15.30 น. ไม่มาเเวะทานไม่ได้เเล้ว
หรือจะเป็นร้านอาหารริมทางชื่อดังอย่าง “ร้านเจ๊ไฝ” ที่ใครหลายคนรู้จักจากความโด่งดังอย่าง “ไข่เจียวปู” , ปูผัดผงกระหรี่ เเละ โจ๊กเเห้ง ซึ่งถือเป็นเมนูเด็ดที่ห้ามพลาดของร้าน โดยร้านเจ๊ไฝก็เปิดให้ทุกคนได้สัมผัสรสชาติอาหารที่ปรุงด้วยวัตถุดิบชั้นดี ตั้งเเต่ 13.00 - 00.00 น. หากใครที่ยังไม่เคยลิ้มลองฝีมือเจ๊ไฝ ปีใหม่นี้ก็ถือโอกาสไปลองสักครั้ง (วันสิ้นปี ที่ 31 ธ.ค. 62 เวลาทำการอาจมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย)
ถัดมาเป็นเมนูของหวานสู้อากาศเมืองไทย อย่าง “เซ็งซิมอี๊” ร้านน้ำเเข็งใสในตำนานกว่า 60 ปี กับฉายา “ลือลั่นสะท้านโลกันต์” เพราะมีเครื่องให้เลือกหลากหลายกว่า 50 ชนิด ที่เราสามารถมิกซ์เเอนด์เเมทช์ได้ตามใจ กันเลยทีเดียว ซึ่งร้านก็เปิดให้บริการทุกวันตั้งเเต่ 11.00 - 23.00 น. อากาศร้อนๆแบบนี้ น้ำแข็งไสถือว่าตอบโจทย์มาก ๆ ค่ะ
มาต่อของหวานอีกหนึ่งร้านกับ “นัฐพรไอศครีม” ร้านไอศรีมกะทิสดที่มีตำนานความอร่อยกว่า 70 ปี เเละมีเมนูให้เลือกถึง 11 รสชาติ เเละอีกหนึ่งรสชาติเป็นรสผลไม้ตามฤดูกาล ซึ่งที่นี่เนื้อสัมผัสของตัวไอศครีมจะมีความเป็นเเบบซอร์เบท์ ทำให้เวลาที่ทานไเเล้วรู้สึกถึงความเบาเเละสดชื่นทุกครั้งที่ตักเข้าปาก ที่สำคัญไม่ผสมครีมเเละวัตถุกันเสีย ซึ่งร้านนี้ เปิดให้บริการตั้งเเต่ 09.00 - 17.00 น. หยุดทุกวันอาทิตย์ เเละช่วงปีใหม่นี้เวลาอาจจะปรับเปลี่ยนเล็กน้อย ใครที่เป็นสายหวาน ชื่นชอบการทดลองไอศกรีมรสชาติแปลกใหม่ ยังไงก็ลองไปเเวะชิมกันดูนะ
หลักจากที่เราทานอาหารกันจนพุงกางเเล้ว ก็ถึงเวลาไปเดินย่อยเที่ยวชมสถานที่สำคัญ ๆ เเลนมาร์คของกรุงเทพฯ กันบ้าง พร้อมเเล้วก็เตรียมลุกจากโต๊ะ เเล้วออกเดินทางไปดูสิ่งสวยงามรอบเกาะรัตนโกสินทร์กัน!
เริ่มต้นปีใหม่แบบนี้ อยากจะขอเอาฤกษ์เอาชัย ด้วยการแวะเข้าวัดทำบุญกันก่อนค่ะ ซึ่งเริ่มวัดแรกกันที่ “วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร” หรือที่เราคุ้นหูคือ "วัดโพธิ์" เป็นหนึ่งในวัดที่เก่าเเก่ที่สุดในกรุงเทพฯ มี “พระไสยาส” พระพุทธรูปขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ ที่มีลักษณะพิเศษ คือ ประดับมุกภาพมงคล 108 ประการที่พระบาท เเละมี “พระเจดีย์” มากที่สุดในประเทศถึง 99 องค์ ยิ่งไปกว่านั้นวัดเเห่งนี่ยังเป็น “ต้นตำรับนวดแผนไทย” อันยาวนานตั้งเเต่สมัยรัชกาลที่ 1 ใครมีเวลา ลองแวะนวดแบบตำรับวัดโพธิ์ดูซักครั้งนะคะ รับรองว่า จะติดใจแน่นอน
ไปต่อกันที่ “วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร” หรือที่เราเรียกติดปากกันว่า “วัดภูเขาทอง” ถือเป็นอีกจุดชมวิวอันงดงามของเมืองกรุงเเละยิ่งถ้าเป็นช่วงเวลาเย็น ๆ ที่พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าเเล้วล่ะก็ เรียกได้ว่าเป็นบรรยากาศที่โรเเมนติกสุด ๆ เเละนอกจากนี้ยังมีจุดไฮไลท์บริเวณรอบ ๆ ภูเขาทอง ไม่ว่าจะเป็น “พระอุโบสถ” ที่มีความงดงาม และเป็นเอกลักษณ์ ต่อด้วยเวะกราบสักการะหลวงพ่อพระประธาน “พระอุโบสถวัดสระเกศ” และต้องไม่ลืมที่จะแวะเข้า “พระวิหาร” ที่ประดิษฐาน “พระอัฏฐารสศรีสุคตทศพลญาณบพิตร” ถือเป็นพระพุทธรูปยืนศิลปะสมัยสุโขทัยตอนต้นที่มีความสูงที่สุดในกรุงเทพฯ ถึง 10.75 เมตร เเละมีอายุเก่าเเก่กว่า 700 ปี
หลังจากอ่ิ่มบุญเรียบร้อยแล้ว เราพาทุกคนมาแวะเติมอาหารสมองกับที่ “มิวเซียมสยาม” พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้แห่งแรกที่เน้นการสร้างประสบการณ์สดใหม่ในการชมพิพิธภัณฑ์ หลายคนได้ยินคำว่าพิพิธภัณฑ์ อาจจะฟังดูน่าเบื่อ แต่ที่นี่ เป็นต้นแบบของแหล่งเรียนรู้ที่จะทำให้เราเพลิดเพลินไปกับการเล่าเรื่องผ่านเทคโนโลยี ที่สนุกและไม่น่าเบื่อ ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของนิทรรศกาลถาวร ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ช่วงการเเสดงของชุด “ถอดรหัสไทย” เเละ “ภาพจำสงครามโลก The Clidren” ที่เปิดให้เข้าชมตั้งเเต่วันนี้ - 31 ธันวาคม 2562 เเละนิทรรศการหมุนเวียนชุด “พระนคร On The Move” ที่เปิดให้เข้าชมถึง 1 มีนาคม 2563 กันเลย! ดูข้อมูลเพิ่มเติม https://www.museumsiam.org/Home
มาต่อกันที่ “บ้านหมอหวาน” พิพิธภัณฑ์อาคารเก่าแก่สไตล์โคโลเนียล มรดกตกทอดจาก “หมอหวาน รอดม่วง” แพทย์แผนโบราณตั้งเเต่สมัยรัชกาลที่ 4 - รัชกาลที่ 8 เเละปัจจุบันนี้ที่เเห่งเป็นทั้งบ้านและสถานที่ปรุงยาแผนโบราณที่สืบต่อกันมากว่า ๔ ชั่วอายุคน ซึ่งภายในตัวอาคารยังคงเต็มไปด้วยโบราณวัตถุนานาชนิด ที่บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาในอดีตไปจนถึง “ยาหอมโบราณ” ที่มีมากว่าร้อยปี ทั้ง ๔ ตำรับของหมอหวาน ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังมีเครื่องยาให้เราได้สามารถเลือกซื้อเป็นของขวัญปีใหม่อีกด้วยนะ
เเละปิดท้ายด้วย “ท่ามหาราช” สถานที่ท่องเที่ยวที่รวบรวมทั้งเเหล่งชอปปิงเเละอาหารเอาไว้ในที่เดียว เดินชิลล์ ๆ เเละเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศริมเเม่น้ำเจ้าพระยา อีกหนึ่งจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่ถือว่างดงามไม่เเพ้ยืนชมจากตึกสูงกันเลยที่เดียว เเละที่นี่ก็เปิดให้บริการทุกวันตั้งเเต่ 10.00 - 22.00 น. อ่านบทความ "ท่ามหาราช" ฉบับเต็มได้ที่ http://bit.ly/2MwteWp
นี่ก็เป็นสถานที่เที่ยวสำหรับคนที่อยากจะไปสัมผัสความเป็นวัฒนธรรม ถือโอกาสดี ๆ ในวันหยุดยาวช่วงปีใหม่นี้ ออกมาเที่ยวชมความงามที่ซ่อนญุ่ในกรุงเทพฯ ยังไงในเทศกาลฉลองปีใหม่นี้ เอสโตพลัสขอให้ทุกคนได้พักผ่อนจากการทำงานมาทั้งปีเเละเที่ยวกันให้สนุกสุดสำราญ เดินทางปลอดภัยกันทุกคนเลยนะคะ สวัสดีปีใหม่ค่ะ