รู้จักบางหว้าผ่าน 5 เหตุผลที่ตอบโจทย์ทุกจังหวะชีวิต...จนต้องคว้ามาครอง
28 September 2561
เพราะ ‘กรุงเทพมหานคร’ เป็นนครที่ไม่เคยหยุดนิ่ง ทำให้ทุกๆ มุมของเมืองมีการพัฒนาและขยายตัวอยู่ตลอดเวลา เช่นเดียวกับ “บางหว้า” ที่ได้รับอิทธิพลมาจากพื้นที่เขตธุรกิจ CBD แห่งใหญ่อย่าง “สาทร” ที่แผ่ขยายความเจริญออกมาอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นหนึ่งในทำเลอนาคตที่น่าจับตามอง มีแผนการพัฒนาต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นอีกมากมายเพื่อรองรับความต้องการของคนเมืองทั้งผู้ที่ซื้ออยู่เอง และซื้อไว้ลงทุนปล่อยเช่าหรือเก็งกำไร เพราะถ้าเทียบราคาที่ดินกับโอกาสในการพัฒนาของย่านนี้แล้ว ก็นับว่าคุ้มค่า คุ้มราคาไม่น้อย
บางหว้า ทำเลที่ต้องคว้ามาครอง
หลายคนคงสงสัยว่า..ทำเลบางหว้ามีอะไรดี เราถึงต้องคว้ามาไว้ในครอบครอง? ถ้าอย่างงั้นเราลองมาทำความรู้จักกับ “บางหว้า” พื้นที่แห่งการเชื่อมต่อทุกจังหวะชีวิตไปด้วยกัน พร้อมกับปัจจัยที่ทำให้ทำเลนี้น่าลงทุนอย่างที่สุด
เหตุผลข้อที่หนึ่ง : บางหว้า จุดอินเตอร์เชนจ์แห่งใหม่ของการเดินทางเชื่อมต่อ
อย่างที่รู้กันดีว่า “บางหว้า” กำลังจะกลายเป็นจุดอินเตอร์เชนจ์สำคัญในอนาคต ที่เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างรถไฟฟ้า BTS และ MRT สถานีบางหว้าที่คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2563 ทำให้เราเลือกได้ว่าจะเข้า-ออกเมืองด้วยเส้นทางใดจึงจะสะดวกที่สุด และไม่ใช่แค่เชื่อมต่อด้านการเดินทางเท่านั้น แต่บางหว้ายังเป็นทำเลที่เชื่อมระหว่างพื้นที่เศรษฐกิจ CBD กับแหล่งที่อยู่อาศัยอันเงียบสงบเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืน
บางหว้า อินเตอร์เชนจ์ ไม่ได้ถูกตั้งขึ้นเพียงเพราะเป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าเท่านั้น แต่ย่านนี้ยังเป็นทำเลศูนย์กลางที่สามารถเชื่อมไปยังมุมต่างๆ ของกรุงเทพได้หลากหลายอย่างถนนเส้นหลัก ถนนกรุงธนบุรี ที่มุ่งหนัาเข้าสู่ย่านสาทรได้โดยตรง และสามารถมุ่งเข้าถนนราชพฤกษ์เพื่อเชื่อมไปยังย่านบางใหญ่ เรื่อยไปจนถึงจังหวัดปทุมธานี หรือจะวิ่งไปทางถนนเพชรเกษมก็สามารถออกไปยังจังหวัดนครปฐมได้อย่างสะดวกสบาย
และความเป็นต่อด้านการเดินทางของย่านบางหว้ายังไม่จบแค่นี้ เพราะปัจจุบันสถานีบางหว้าเป็นสถานีต้นทางของรถไฟฟ้าสายสีเขียว ทำให้แต่ละวันเราสามารถเดินทางเข้าสีลม-สาทรได้แบบสบายๆ ไม่ต้องเบียดเพื่อเข้าขบวนเหมือนกับสถานีอื่นๆ
เหตุผลข้อที่สอง : บางหว้า คือความผสมผสานของวิถีชีวิตดั้งเดิมกับความทันสมัย
ก่อนที่ความสะดวกสบายจะคืบคลานตามรถไฟฟ้าเข้ามา แต่เดิมบางหว้ายังเป็นเพียงชุมชนเล็กๆ ที่อยู่อาศัยสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน ทำให้วิถีชีวิตของคนในย่านนี้จะค่อนข้างเรียบง่ายและมีกลิ่นอายของความดั้งเดิมให้เราได้เห็นอยู่จนถึงปัจจุบัน แต่เมื่อวันเวลาเปลี่ยนไป...ความสะดวกสบายเริ่มเข้าใกล้ทำเลนี้มากขึ้น ภาพจำของบางหว้าจึงค่อยๆ เปลี่ยนไป แต่ก็ใช่ว่าจะปรับตัวให้เป็นเขตธุรกิจโดยสิ้นเชิง ที่แห่งนี้ยังคงเอกลักษณ์ความเก่าและใหม่มาไว้ร่วมกัน
ถ้าใครได้เดินทางไปถึงบางหว้า เราก็จะพบกับสภาพความเป็นอยู่ที่แสนเรียบง่าย พื้นที่ส่วนใหญ่ล้วนถูกสร้างเป็นบ้านเรือนและอาคารที่ไม่สูงนัก ปลูกเคียงข้างไปกับต้นไม้ใหญ่ให้ความรู้สึกเหมือนมีสวนอยู่รอบบ้าน ดูอบอุ่น ร่มรื่น ช่วยป้องกันเราออกจากความวุ่นวายในเมือง ซึ่งนับเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นบางหว้าฉบับดั้งเดิม
ขณะเดียวกัน...ถ้าเราลองหันไปมองอีกมุมหนึ่งก็จะเห็นความเจริญค่อยๆ แทรกซึมเข้ามา ซึ่งย่านนี้ค่อนข้างมีการปรับตัวที่ดี เปิดรับและจัดวางความสะดวกสบายไว้ได้อย่างลงตัว ไม่เยอะจนอึดอัดหรือน้อยไปจนรู้สึกแปลกแยก ทำให้ย่านบางหว้ามีความสมดุลของการใช้ชีวิตทั้งช่วงเวลาพักผ่อนที่ต้องการความสงบ และช่วงเวลาแอคทีฟที่ต้องการความรวดเร็ว ตื่นตัวรับกับไลฟ์สไตล์คนเมืองยุคใหม่
เหตุผลข้อที่สาม : บางหว้า HUB แห่งการพักอาศัย รองรับการขยายตัวจากสาทร
ทุกการขยายตัวของแต่ละพื้นที่ย่อมส่งผลกระทบต่อทำเลใกล้เคียงเสมอ เช่นเดียวกับ “บางหว้า” ที่ได้รับผลพวงความเจริญมาจากแหล่ง CBD ขนาดใหญ่นั่นก็คือ สาทร ที่ได้กระจายอิทธิพลเข้ามายังพื้นที่ฝั่งธนฯ เรื่อยๆ เริ่มจากวงเวียนใหญ่ที่กลายเป็น Hub ที่อยู่อาศัยแห่งแรก และส่งไม้ต่อมายังบางหว้า รับอิทธิพลนี้เข้าผสานกับเอกลักษณ์ของพื้นที่อย่างลงตัว
เพราะ “บางหว้า” เป็นพื้นที่ที่อาจเรียกได้ว่ากำลังอยู่ในระยะ “ตั้งไข่” มีความเจริญหลายๆ อย่าง กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาเช่น รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสีเขียวอ่อนซึ่งเป็นสถานีอินเตอร์เชนจ์สำคัญในย่านฝั่งธนฯ ทำให้ราคาประเมินที่ดินยังไม่ดีดตัวสูงมากนัก บวกกับค่าครองชีพที่ยังคงย่อมเยาเพื่อให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของชุมชนดั้งเดิมที่เคยเป็นมา ส่งผลให้ย่านนี้เหมาะจะเป็นที่พักแห่งแรกสำหรับ First Jobber และเหมาะจะเป็นแหล่งลงทุนด้านอสังหาฯ สำหรับนักลงทุนมือใหม่ด้วยปัจจัยด้านราคาบวกกับความสะดวกสบายที่ไม่ห่างจากเขต CBD มากนัก
นอกจากปัจจัยด้านราคาแล้ว จุดเด่นด้านทำเลของบางหว้าก็ไม่แพ้ที่ไหน เพราะเป็นย่านที่เชื่อมต่อการใช้ชีวิตของสังคมเมืองที่ทั้งคึกคักและรวดเร็วเข้ากับความเงียบสงบแต่ดูอบอุ่นตามแบบฉบับของชุมชนชานเมือง บางหว้าจึงค่อนข้างได้เปรียบด้านบรรยากาศและถนนหนทางที่หลากหลาย
เพราะบริเวณสถานีบางหว้าเป็นจุดตัดของถนนเพชรเกษมกับถนนราชพฤกษ์ สามารถเชื่อมไปออกนอกเมืองได้แค่วิ่งไปทางบางแคหรือพุทธมณฑลบนถนนเพชรเกษม หรือจะกลับเข้ามาในเมืองก็ง่ายดาย เพียงวิ่งไปทางใต้ของถนนราชพฤกษ์แล้วข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาก็จะเข้าสู่ย่านสีลม-สาทรแล้ว
ส่วนด้านความอุดมสมบูรณ์ก็ครบครันทั้งสถานพยาบาลอย่างโรงพยาบาลพญาไท 3, สถานศึกษา, แหล่งจับจ่ายใช้สอยอย่างตลาดเสนีย์ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากสถานีบางหว้า และสองฝั่งถนนก็ยังมีร้านอาหารเปิดขายกันเรียงรายสร้างความน่าอยู่ให้กับย่านนี้ได้เป็นอย่างดี
เหตุผลข้อที่สี่ : แหล่งไลฟ์สไตล์น่าค้นหามากมายซ่อนตัวอยู่ที่ บางหว้า
หลังจากที่เราพูดถึงบรรยากาศของการอยู่อาศัยกันไปแล้ว ก็ถึงเวลาแสดงให้ดูชัดๆ อีกสักหน่อยว่าทำไมบางหว้าถึงค่อนข้างได้เปรียบทำเลข้างเคียง เหมาะจะเป็นทั้งแหล่งพักอาศัยและแหล่งลงทุนของคนรุ่นใหม่
หากกล่าวถึงไลฟ์สไตล์ชีวิตคนเมืองย่านฝั่งธนฯ แล้ว สิ่งที่ขาดไม่ได้เห็นจะเป็นศูนย์การค้าขนาดใหญ่อย่าง Seacon Bangkae (ซีคอน บางแค) และ The Mall Bangkae (เดอะมอลล์ บางแค) ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าสถานีบางหว้ามากนัก โดยศูนย์การค้าทั้งสองแห่งจะมีร้านค้า ร้านอาหารมากมาย พร้อมโซนพักผ่อนที่ให้อารมณ์ครอบครัวเหมาะจะชวนกันมาเดินเล่นในวันว่าง
แต่ถ้าให้พูดถึงแหล่งท่องเที่ยวเชิงวิถีชีวิตชุมชนดั้งเดิมแล้วล่ะก็ จะต้องแวะมาที่ “คลองบางหลวง” ชุมชนเก่าแก่ริมคลองในย่านบางหว้าที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา หากใครได้ลองเดินทางมาก็จะพบเห็นภาพสะท้อนของวิถีการใช้ชีวิตแบบดั้งเดิมอยู่มาก นับเป็นมุมสงบที่หาได้น้อยในเมืองกรุงเหมาะกับการพักผ่อนชิลล์ๆ ให้ความสุขทั้งกายและใจเลยทีเดียว
นอกจากความสงบที่เราจะได้จากคลองบางหลวงแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมให้ทุกคนได้ผ่อนคลายกัน ยกตัวอย่างเช่น การให้อาหารปลา, ระบายสีปูนปั้น หรือจะเดินชมการแสดงที่บ้านศิลปินก็น่าสนใจ พร้อมมีสินค้ายุคเก่าและของที่ระลึกให้เลือกซื้อเลือกชมกันอีกมากมาย
โดยเราสามารถเข้าเยี่ยมชมคลองบางหลวงได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 09.00 - 18.00 น. ส่วนการเยี่ยมชมบ้านศิลปินนั้นจะแบ่งเวลาให้บริการออกเป็น
วันจันทร์ - อังคาร 10.00 - 18.00 น.
วันพุธ - วันพฤหัสบดี 09.00 - 18.00 น.
และวันเสาร์ - วันอาทิตย์ 09.00 - 19.00 น.
ซื้อหาของสดและอาหารสำเร็จรูปพร้อมที่นั่งกินสบายๆ กันบนถนนราชพฤกษ์ได้ที่ “ฟู้ดวิลล่า” พื้นที่สำหรับคนที่ชอบตามหาของอร่อยทานเพราะที่นี่มีอาหารหลากหลายให้ชิมและซื้อกลับบ้าน เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศให้อารมณ์เหมือนเดินอยู่ในตลาด อตก. หรือใครจะซื้อของสดกลับไปทำอาหารทานเองที่ห้อง ตลาดนี้ก็มีผักผลไม้คุณภาพดี ของสดน่าทานให้ช็อปกันสนุกสนานเป็นที่ถูกใจเหล่าพ่อบ้านแม่บ้านยุคใหม่แน่นอน
ส่วนใครที่เป็นสายบุฟเฟ่ต์อยากหาของอร่อยกินให้อิ่มจุใจ บนถนนราชพฤกษ์ก็มีอีกหนึ่ง Community Mall ให้แวะเข้ามากับ J Arena ที่มีร้านอาหารน่าสนใจอย่าง เตี๋ยวเหอะ! และ Shin Kai Sushi เป็นต้น
ใกล้ๆ กันก็มี Communitiy อีกหนึ่งจุดให้แวะ ให้เดินเล่นกันท่ามกลางบรรยากาศสีเขียวของต้นไม้ร่มรื่น “The Circle” ตกแต่งให้เป็นสไตล์ยุโรปโทนสีสบายตารับกับช่วงเวลาพักผ่อนดีๆ ในวันหยุด
สำหรับใครที่ชอบไลฟ์สไตล์ชิคๆ ต้องมา “The Bloc” ที่ออกแบบร้านค้าและอาคารส่วนใหญ่เป็นตู้คอนเทนเนอร์ทรงสี่เหลี่ยมสมชื่อ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบทานของหวาน และมีมุมสวยๆ ที่ถูกจัดไว้ให้เราได้ถ่ายภาพลงโซเชียล เป็นอีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนแบบ slow life ของย่านฝั่งธนฯ ที่เงียบสงบ
และอีกหนึ่งโครงการที่ทำให้พื้นที่ฝั่งธนบุรีน่าจับจองมากขึ้นก็คือ โครงการยักษ์ใหญ่อย่าง ICONSIAM (ไอคอนสยาม) แลนด์มาร์คริมแม่น้ำแห่งใหม่ของกรุงเทพมหานครที่ถูกสร้างสรรค์ให้ยิ่งใหญ่ ประกอบด้วยศูนย์การค้าขนาดใหญ่และคอนโดมิเนียมสุดหรูด้วยความร่วมมือจาก 3 กลุ่มธุรกิจชั้นนำของประเทศ จึงทำให้พื้นที่ฝั่งนี้มีความคึกคักมากทีเดียว
เหตุผลข้อที่ห้า : บางหว้า ตัวเลือกใหม่สำหรับนักลงทุนอสังหาฯ รุ่นใหม่
จากความครบครันที่ค่อยๆ เติมเต็มทำเลบางหว้า ทำให้พื้นที่แห่งนี้มีเอกลักษณ์ชัดเจน จนเกิดความต้องการ ด้านที่อยู่อาศัยและอยากเข้ามาจับจองพื้นที่เพื่อใช้เป็นแหล่งลงทุนกันมากขึ้น
และเอกลักษณ์อย่างแรกที่เห็นได้ชัดเจนในทำเลนี้ก็คือ การผสมผสานที่ลงตัวของสิ่งใหม่ๆ และความคลาสสิคแบบฉบับบางหว้า ทำให้การใช้ชีวิตอยู่ที่นี่สามารถตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้ทั้งแบบ Slow life และ Work Hard Play Hard เลยทีเดียว
นับเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งที่ส่งผลต่อความต้องการเข้าอยู่อาศัยและการตัดสินใจซื้อของเหล่านักลงทุน ที่อยากลงทุนอสังหาฯ ทั้งแบบระยะสั้นและยาว เพราะศักยภาพของบางหว้ายังอยู่ในระยะกำลังพัฒนา สามารถต่อยอดไปได้อีกไกลและมีแนวโน้มจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับนักลงทุนมือใหม่ที่ต้องการลดความเสี่ยงในการลงทุนอสังหาฯ อาจลองศึกษาทำเลบางหว้าดูก่อนก็ได้ เพราะย่านนี้เป็นทำเลเกิดใหม่ที่กำลังได้รับความสนใจ ราคาประเมินที่ดินจึงยังไม่สูงเกินไปนักอยู่ที่ 42,000 - 47,500 บาท/ตารางเมตรในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา
แต่ถ้าเรามองด้านการเจริญเติบโตแล้วล่ะก็ จะพบว่าย่านนี้มีการพัฒนาที่เพิ่มขึ้นทุกปี โดยเฉพาะหนึ่งปีที่ผ่านมานี้ ราคาที่ดินของทำเลตากสิน-บางหว้ามีการปรับสูงขึ้นเฉลี่ย 8.90% และคาดว่าจะมีการขยับตัวสูงขึ้นอีกหลังจากเปิดใช้รถไฟฟ้าสถานีบางหว้า อินเตอร์เชนจ์แล้ว ทำให้ผู้คนทั้งในและนอกพื้นที่สามารถเข้ามายังทำเลบางหว้าได้สะดวกยิ่งขึ้น ตอบโจทย์คนทำงานในเมืองที่ต้องการที่พักอาศัยใกล้ๆ แหล่งทำงานในราคาที่เอื้อมถึง
หลากหลายจังหวะชีวิตที่บางหว้า
แล้วจังหวะไหนล่ะที่ใช่คุณ
รายละเอียดโครงการ Beat Bangwa Interchange
ชื่อโครงการ : Beat Bangwa Interchange (บีท บางหว้า อินเตอร์เชนจ์)
ผู้พัฒนาโครงการ : Northland Development (บริษัท นอร์ธแลนด์ ดีเวลลอปเม้นต์ จำกัด)
ขนาดพื้นที่ : 2-3-72 ไร่
จำนวนอาคาร : 2 อาคาร
จำนวนชั้น : 8 ชั้น
จำนวนยูนิต :
- อาคาร A จำนวน 134 ยูนิต
- อาคาร B จำนวน 268 ยูนิต
ขนาดห้อง :
- แบบห้อง 1 ห้องนอน 25.6 - 32.6 ตารางเมตร
- แบบห้อง 1 ห้องนอน พลัส 32.5 - 39.9 ตารางเมตร
- แบบห้อง 2 ห้องนอน 45.7 - 51.1 ตารางเมตร
จำนวนที่จอดรถ : 156 คัน หรือคิดเป็น 33.5% รวมจอดซ้อนคันเป็น 39%
ราคาเริ่มต้นที่ : 1.6 ล้านบาท
ราคาต่อตารางเมตร : 69,000 บาทต่อตารางเมตร
เริ่มสร้าง : ปี 2562
คาดว่าจะแล้วเสร็จ : ปี 2563
ที่ตั้ง : ถนนเทอดไท แขวงบางหว้า เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร 10160
โทร : 063-2176565
เว็บไซต์ของโครงการ : Beat Bangwa Interchange (บีท บางหว้า อินเตอร์เชนจ์)
โครงการ Beat Bangwa Interchange (บีท บางหว้า อินเตอร์เชนจ์) ตั้งอยู่ใกล้กับจุด Interchage สถานีบางหว้าเพียง 280 เมตร และพร้อมด้วยฟังก์ชันการอยู่อาศัย, สิ่งอำนวยความสะดวกที่จะช่วยตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคุณอย่าง Active Space, Creative Space ที่รวมล็อบบี้กับ Co-working space เข้าไว้ด้วยกัน, Fit and Firm Space, Library Corner และ Ozone Space เป็นต้น ส่วนใครที่สนใจก็อดใจรออีกหน่อย หากมีรายละเอียดเพิ่มเติม Estopolis จะมาอัพเดตให้ชมกันแน่นอน