ESTOPOLIS | ใช้ส่วนกลางคอนโดอย่างไรไม่ให้โดนด่า
19 March 2560
หลายคนคิดว่าเมื่อย้ายเข้าไปอยู่คอนโดแล้ว ส่วนกลางทุกอย่างเราคือหนึ่งคนที่เป็นเจ้าของ จะทำอะไรก็ได้ ค่าส่วนกลางก็จ่ายไปแล้ว ต้องรักษาสิทธิ์ในการใช้งาน แต่สิ่งที่คุณกำลังคิดนั้นเป็นสิ่งทีผิดมากๆ เพราะแม้ว่าเราจะมีสิทธิ์แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำอะไรก็ได้ เพราะหากมีคน 500 คน ที่อาศัยอยู่คอนโดเดียวกันกับเราคิดเหมือนกันเราสังคมในคอนโดก็คงไม่น่าอยู่ เพราะฉะนั้นมาดูกันดีกว่า การอยู่ร่วมกันกับคนอื่นในสังคมคอนโดนั้นสิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำมีอะไรบ้าง
1. จอดรถแบบเห็นแก่ตัว
หลายคนอาจจะเห็นประสบกับปัญหาเรื่องการจอดรถข้างนอกกันมาแล้ว เช่น รถโดนจอดชิดกับประตูจนทำให้ขึ้นรถของตัวเองไม่ได้ หรือมีรถคันอื่นจอดรถคร่อมเลนทำให้เราเข้าไปจอดไม่ได้ ปัญหาเหล่านี้เชื่อว่าหลายคนคิดว่าอยากให้เจอเฉพาะตอนอยู่ข้างนอกเท่านั้นแต่ปรากฏว่ากลับมาพบในคอนโดของตัวเองซะนี่ คงเป็นเรื่องที่ชวนปวดหัวสุดๆ บางคนเล่นจอดรถจักรยานยนต์ในที่จอดรถยนต์ยิ่งพื้นที่จอดรถยิ่งไม่พอกันเล่นทำเอาเพื่อนบ้านปวดหัวไม่หยุดหย่อน หรือบางคนพักอาศัยเพียงห้องเดียวเท่านั้นแต่กลับเอารถมาจอด 2 – 3 คัน จากกรณีที่ยกตัวอย่างมานี้มีบางโครงการออกกฎเพิ่มคือมีการล็อกล้อรถบ้าง เสียค่าปรับบ้าง จึงทำให้ปัญหาเรื่องการจอดรถเพลาๆ ลง
2. การชวนคนนอกเข้ามาใช้ส่วนกลาง
เป็นปัญหาที่พบกันเกือบทุกคอนโด สาเหตุเพียงเพราะคอนโดมีฟิตเนส สระว่ายน้ำ และลานจอดรถที่ปลอดภัย ก็ทำให้คนในอยากชวนเพื่อนๆ ข้างนอกเข้ามาใช้ เหมือนอยากเป็นเจ้าบ้านที่ดี ซึ่งจริงๆ แล้วเพียงแค่สมาชิกลูกบ้านที่มีก็ทำเอาส่วนกลางแทบจะไม่เพียงพอกันอยู่แล้ว นี่เล่นพาคนข้างนอกเข้ามาช่วยใช้ ปัญหาก็ตกมายังผู้อาศัยร่วมที่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่บ่นในใจและแจ้งที่นิติบุคคล ดังนั้นเรื่องการชวนคนนอกให้มาช่วยใช้ส่วนกลางนี้เป็นเรื่องของความคิดหรือพูดง่ายๆ ว่าจิตสำนึกนั่นเอง
3. เสียงดังรบกวนคนข้างห้อง
ว่าด้วยเรื่องของเสียงนั้น หลายคอนโดที่มีประตูไม่แบบไม่เก็บเสียงจากด้านใน ผนังห้องเพียงแค่เอาหูแนบก็ได้ยินลมหายใจของคนข้างห้อง ดังนั้นสิ่งที่บางคนกำลังเผชิญอยู่ก็คือเสียงที่ดังเล็ดลอดออกมานั่นเองซึ่งก็ไม่ใช่เสียงที่น่าฟังหรือทุกคนอยากรับรู้กันเท่าไหร่นัก ดังนั้นสิ่งที่ระวังอีกประการหนึ่งของการอยู่ร่วมกันในคอนโดก็คือการควบคุมเสียงของตัวเองไม่ว่าจะอยู่ในห้องตัวเองหรืออยู่ในโถงทางเดินก็ตาม
4. วางรองเท้าหน้าห้อง
เคยเดินผ่านหน้าห้องของคนข้างๆ แล้วไปสะดุดกับรองเท้าของห้องนั่นๆ บ้างหรือไม่ หรือเคยได้กลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ของรองเท้าหน้าห้องใครสักคนบ้างหรือเปล่า บางคนยกชั้นรองเท้าทั้งหมดมาไว้ทางเข้าห้องอย่างสบายอุราทำให้เจ้าของห้องคนอื่นๆ เกิดความไม่พอใจ เพราะไม่ใช่เพราะเกะกะ หรือส่งกลิ่นแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้นยังเป็นการทำลายเรื่องความสวยงามภายในโถงทางเดินอีกด้วย ลองนึกว่ามีห้องทั้งหมดอยู่ 100 ห้อง แล้วทุกคนวางรองเท้าหน้าห้องเหมือนกันทั้งหมด ก็เหมือนตลาดนัดดีๆ นี่เอง
5. กวาดเศษฝุ่นและเส้นผมออกมากองนอกห้อง
การรักษาความสะอาดภายในที่พักเป็นสิ่งที่ดี แต่หากทำแล้วคนอื่นเดือดร้อนแล้วก็ไม่ควรทำเท่าไหร่นัก เรื่องบางอย่างไม่ใช่กฎระเบียบแต่เป็นมารยาท ยิ่งการทำหน้าห้องสกปรกด้วยการกวาดฝุ่นละอองเศษผมออกมาแล้วก็ยิ่งสร้างความลำบากใจให้กับเพื่อนข้างห้องใกล้เคียง โดยเฉพาะห้องที่ไม่ได้ยกธรณี หรือไม่มีธรณีกั้นตรงทางเข้าห้อง ก็จะเจอกับปัญหาฝุ่นจากด้านนอกโถงทางเดินปลิวเข้ามาในห้องผ่านช่องประตูด้านล่าง ดั้งนั้นการกวาดเศษฝุ่นเศษผมออกมานอกห้องจึงเป็นการเสียมารยาทไม่น้อยเลยล่ะ
6. ไม่แบ่งปันเครื่องเล่นในฟิตเนส
สำหรับเรื่องมารยาทของการเล่นฟิตเนสนั้นนอกจากจะเป็นเรื่องการแต่งกาย รองเท้าที่ถูกต้องตามกาลเทศะแล้วก็ยังกล่าวรวมไปถึงมารยาทในการใช้เครื่องเล่นอีกด้วย จะเห็นว่าบางคอนโดมีเครื่องเล่นจำนวนจำกัด ช่วงเวลาไหนที่ไม่มีคนเล่นห้องฟิตเนสก็จะโล่ง สามรถเล่นคนเดียวทุกเครื่องเล่นได้อย่างสบายๆ แต่เมื่อมีคนมาเล่นเพิ่มจนเครื่องเล่นเริ่มเต็มหมดแล้ว สิ่งที่เราต้องทำคือการแบ่งเครื่องเล่นที่กำลังเล่นอยู่เมื่อรู้สึกว่าเล่นนานพอสมควรแล้ว บางคนไม่สนใจว่ามีคนมารอเล่นเครื่องออกกำลังกายก็ทำเป็นฟังเพลงบ้าง หรือทำเป็นไม่สนใจไปเลยก็มี ดังนั้นจึงมีหลายคอนโดที่ติดป้ายเตือนว่า เครื่องเล่นนี้เล่นได้ไม่เกิน 30 นาทีนั่นเองเพื่อเป็นการเตือนสติให้เกิดจิตสำนึกในเรื่องของแบ่งปันนั่นเอง
แน่นอนว่าใครๆ ก็อยากให้บ้านของตัวเองมีความเป็นระเบียบเรียบร้อยและสวยงามไม่ว่าจะเป็นหน้าบ้าน ในบ้าน หรือหลังบ้าน แต่เมื่อบ้านมีคนอยู่ด้วยกันหลายคนแล้วสิ่งที่ตามก็คือการไม่ปฏิบัติตามกฎระเบียบของบ้านนั่นเอง และนี่ก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่เราทุกคนควรเคารพกฎกติกามารยาทของการร่วมกันในสังคมโดยเริ่มจากสังคมเล็กๆ เมื่อเราสามารถควบคุมพฤติกรรมของเราเองได้ ต่อไปเมื่ออยู่ในสังคมใหญ่ เราก็จะสามารถอยู่ร่วมกับคนอื่นได้อย่างเป็นสุขนั่นเอง
ที่มาของภาพ : https://www.pinterest.com
