ปัจจัยความนิยมคอนโดมิเนียม รูปแบบใหม่ของการพักอาศัยแนวสูง
4 February 2562
หากจะพูดถึงรูปแบบการใช้ชีวิตของคนเมือง ที่เปลี่ยนมาให้ความสนใจกับ การอยู่อาศัยคอนโดมากขึ้น ไม่ว่าจะด้วยโอกาสด้านการลงทุน หรือความสะดวกสบายในเมืองใหญ่ ก็ล้วนส่งผลต่อความนิยมในวิถีชีวิตแนวดิ่งทั้งสิ้น แต่จะมีปัจจัยอะไรบ้างนั้น ต้องลองดูไปพร้อมๆ กันเลย
เพราะการลงทุนทำเลคือการซื้อเวลา
จากอดีตจนถึงปัจจุบัน หลายพื้นที่ได้รับการพัฒนาจนเกิดความสะดวกสบายภายในทำเลนั้นๆ มากขึ้น แต่สด้วยความเจริญที่กระจุกตัวอยู่เฉพาะในบางพื้นที่ ทำให้การพัฒนาความเจริญในรูปแบบของที่อยู่อาศัย ไม่สามารถเติบโตในแนวราบได้ดีนัก ด้วยข้อจำกัดนี้ทำให้เกิดการเติบโตในแนวสูงหรือที่เห็นเป็นอาคาร เช่น อพาร์ทเมนต์หรือคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นด้วยปัจจัยต่างๆ ดังนี้
การเดินทางของโอกาสที่ขยับใกล้กว่า ก็ได้เตรียมพร้อมมากกว่า
'เวลา' เป็นสิ่งมีค่าที่เราทุกคนมีเท่ากัน การบริหารเวลาที่ดี จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้คุณค่าของเวลา ถูกใช้ออกมาอย่างคุ้มค่ามากที่สุด จึงไม่แปลก ที่ผู้คนส่วนใหญ่เลือกที่จะขยับเข้าใกล้ 'พื้นที่ซื้อเวลา' เพื่อลดระยะเวลาที่ใช้ในการเดินทาง และเข้าใกล้แหล่งไลฟ์สไตล์ที่ตรงใจสำหรับชีวิตประจำวันมากขึ้น
เมื่อผู้คนส่วนใหญ่ขยับเข้าใกล้ 'พื้นที่ซื้อเวลา' ไม่ว่าจะใกล้แหล่งทำงานของตัวเอง หรือใกล้สถานศึกษาของลูกๆ จำนวนการกระจุกตัวของการอยู่อาศัยก็ส่งผลให้เกิดสิ่งอำนวยความสะดวกตามมาอีกมากมาย ทั้งร้านสะดวกซื้อ ร้านอาหาร แหล่งชอปปิง และแหล่งไลฟ์สไตล์ เมื่อเกิดสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ จนครบครันต่อความต้องการพื้นฐานแล้ว demand ในการอยู่อาศัยก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้น จนเกิดการเปลี่ยนแปลงที่อยู่อาศัยจากแนวราบไปสู่แนวสูงในที่สุด เพื่อตอบสนองความต้องการในการอยู่อาศัยให้เพียงพอต่อพื้นที่ที่มีขนาดจำกัด
ขยายพื้นที่ขึ้นสูง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่สูงขึ้น
นอกจากพื้นที่ที่พัฒนาตัวเองจนเติมเต็มศักยภาพที่ครบครันในหลายๆ ด้านแล้ว พื้นที่บริเวณย่านข้างเคียงโดยรอบก็ได้รับอิทธิพลจนเกิดการสร้างคอนโดมิเนียมในย่านข้างเคียงเหล่านั้นเพิ่มมากขึ้น ยิ่งโดยเฉพาะพื้นที่ที่อยู่ใกล้กับ transportation ที่เดินทางสะดวกสบายอย่าง 'รถไฟฟ้า' ก็จะยิ่งกลายเป็นตัวแปรหลักที่ทำให้พื้นที่นั้นๆ เกิดการเปลี่ยนแปลงและพัฒนาขึ้นได้
ใกล้...ทุกแหล่งที่ต้องไป สะดวก...ทุกสิ่งที่ต้องใช้
แต่บางครั้ง...การอยู่ใกล้กับการเดินทางที่สะดวกสบาย ก็อาจไม่ได้ช่วยให้เวลาถูกใช้ไปอย่างคุ้มค่าเท่าที่ควรนัก เพราะหากแหล่งทำงานหรือสถานศึกษาที่เราต้องเดินทางไปใช้ชีวิตในทุกๆ วันนั้นอยู่ห่างไกลออกไป การเดินทางที่สะดวกสบายก็อาจไม่สอดคล้องกับระยะทางจนทำให้การอยู่อาศัย ณ พื้นที่บริเวณนั้น ไม่ตอบโจทย์สำหรับไลฟ์สไตล์ของเราเท่าที่ควร ดังนั้น การขยับเข้าใกล้พื้นที่ในชีวิตประจำวันของเรามากขึ้น ก็อาจตอบโจทย์ และเป็นทางเลือกที่ดีมากกว่า
เพราะแม้ว่าการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจะดูสะดวกสบาย รวดเร็ว และตอบโจทย์สำหรับชีวิตคนเมือง แต่สายรถไฟฟ้าในประเทศไทยที่มีทั้งหมด 5 สาย รวมระยะทางเพียงแค่ 110.8 กิโลเมตร ดูเหมือนจะยังไม่ครอบคลุมพื้นที่ทั่วเมือง ดังนั้น 'รถไฟฟ้า' จึงไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ส่งผลต่อการเกิดของคอนโดมิเนียม
เพราะในบางพื้นที่อย่างคลองสาน พระราม 3 หรือลาดกระบัง ก็อุดมสมบูรณ์ด้วยตัวของมันเอง จนทำให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาใช้ชีวิตในพื้นที่บริเวณดังกล่าว โดยไม่มีรถไฟฟ้า
ดูแลง่ายทั้งตัวห้องและตัวเรา
นอกจากเรื่องทำเลที่คอนโดค่อนข้างได้เปรียบ และตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมืองแล้ว ด้านความปลอดภัยก็ย่อมมีระบบที่รัดกุมกว่าเช่นกัน ทำให้เราหมดห่วงว่าจะมีคนแปลกหน้ารุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ส่วนตัว
อีกทั้งการใช้ชีวิตแนวดิ่งแบบนี้ ยังดูแลรักษาง่ายกว่า หรือพูดง่ายๆ ก็คือ เราไม่จำเป็นต้องดูแลพื้นที่รอบนอกอย่างบ้าน ช่วยประหยัดเวลาและเพิ่มโอกาสในการใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี
แถมยังไม่ต้องคอยจัดการปัญหากวนใจอย่างระบบไฟฟ้า, ท่อน้ำ, ประปาด้วยตัวเอง เพราะคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่มักมีนิติบุคคลคอยจัดการให้แล้ว
วัฎจักรน่าสนใจ จะซื้อก็ง่าย จะปล่อยขายก็คล่อง
ซึ่งในเวลานี้ การเป็นเจ้าของคอนโดสักห้องไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไปแล้ว เพราะผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่มักจะคิดโปรโมชันขึ้นมาแข่งขันกันอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะกลุ่ม Segment ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดอย่างกลุ่มคอนโดราคา 1.5 ล้าน ถึง 3 ล้านบาทต่อยูนิต ที่มีสัดส่วนมากกว่า 70% ของห้องชุดในตลาด
และสะดวกยิ่งขึ้น เมื่อแต่ละโครงการเริ่มจับมือกับธนาคารหลายเจ้า เข้ามาให้คำปรึกษาทางด้านการเงิน อย่างเรื่องการขอสินเชื่อกู้ยืม, การวางเงินดาวน์, เอกสารที่สำคัญ พร้อมให้คำแนะนำที่เหมาะสมถึงที่ จนใครๆ ก็สามารถมีคอนโดอยู่ในมือได้ง่ายๆ
ได้คอนโดมาแล้ว ยังไงต่อดีนะ
การซื้อ “พื้นที่แนวสูง” ต่างจาก “พื้นที่แนวราบ” ตรงที่รูปแบบการถือครอง ซึ่งเราจะเป็นหนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุดหรือ อ.ช. 2 แทน โดยในสัญญาจะระบุไว้ถึงการเจ้าของร่วม เพราะนอกจากห้องของตนเองแล้ว พื้นที่ส่วนกลางส่วนอื่นๆ ลูกบ้านทุกคนจำต้องรับผิดชอบร่วมกันในรูปแบบของการจ่ายค่าส่วนกลางให้กับโครงการทุกเดือน
โดยเราจะมีสิทธิ์ มีชื่อในทรัพย์สินนี้ก็ต่อเมื่อชำระค่าใช้จ่ายทั้งหมดแล้ว หรือในกรณีกู้ผ่านธนาคารก็จะกลายเป็นชื่อธนาคารจนกว่าจะผ่อนชำระหมดนั่นเอง
ในกรณีที่โครงสร้างอาคารเสื่อมสภาพ หรือเกิดวินาศภัยต่างๆ ส่วนใหญ่แล้วทางคอนโดจะมีการผูกค่าใช้จ่ายในการทำประกันตัวอาคารไว้อยู่แล้ว หากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นมาจริงๆ ทางนิติบุคคลจะนำเงินส่วนนั้นมาแบ่งจ่ายให้กับลูกบ้านตามกรรมสิทธิ์ที่แท้จริง
คิดเป็นเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งดังนี้ : [พื้นที่ห้องของเรา (ตร.ม) x 100 ] / พื้นที่อยู่อาศัยสุทธิทั้งหมดโดยไม่ร่วมพื้นที่ส่วนกลางต่างๆ (ตร.ม)
เช่น [พื้นที่ห้อง 30 ตร.ม x 100] / พื้นที่อยู่อาศัยสุทธิทั้งหมด 60,000 ตร.ม = 0.05% หากนิติบุคคลได้ค่าประกันมา 100 ล้านบาท นั่นเท่ากับว่าเราจะได้เงืนคืนประมาณ 5 ล้านบาท
ด้วยกระบวนการหลายอย่างที่ดูง่ายดายไปเสียหมด ทำให้คนเมืองหลายคนหันมาสนใจการอยู่อาศัยแนวดิ่งมากขึ้น หรือในอนาคต หากต้องการปล่อยขายก็นับว่ามีโอกาสทำเงินได้ค่อนข้างดี ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่สะดวกสบาย
แต่อย่างไรก็ตาม ก่อนจะลงนามเซ็นสัญญาใดใดทุกครั้ง เราควรอ่านและทำความเข้าใจกับสัญญาให้ดีเสียก่อน เพื่อป้องกันข้อผิดพลาด และลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้ หรือจะลองเข้าดูข้อแนะนำการเตรียมตัวให้พร้อมกับขั้นตอนการยื่นกู้คอนโดอย่างละเอียด เพื่อทำความเข้าใจก็ก่อนได้
เพราะผลตอบแทนเขาดี แม้แต่ต่างชาติก็สนใจ
คอนโดมิเนียมคือความได้เปรียบของนักลงทุนอย่างหนึ่ง ที่แม้จะอายุน้อยแต่มีมูลค่า ดังนั้นเมื่อจับมาลงทุนจึงได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าทั้งในระยะสั้นอย่างการซื้อขายเก็งกำไร หรือระยะยาวอย่างการปล่อยเช่าซึ่งก็เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากคนที่ขยับเข้าพักอาศัยในเมืองส่วนใหญ่มักต้องการความปลอดภัยและความสะดวกสบายเป็นสำคัญ จึงเรียกให้นักลงทุนน้อยใหญ่เข้ามาสนใจตลาดนี้มากขึ้น
โดยเฉพาะการลงทุนกับชาวต่างชาติ ที่กฎหมายอนุญาตให้คนนอกราชอาณาจักรสามารถเป็นเจ้าของห้องชุดพักอาศัยในโครงการได้ในสัดส่วนร้อยละ 49 ของจำนวนยูนิตทั้งหมด และเมื่อบวกลบหารคูณกับข่าวความคืบหน้าของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจ หรือ EEC ด้วยแล้ว ก็ยิ่งกระตุ้นให้นักลงทุนชาวต่างชาติสนใจเข้ามาจับจองที่พักแนวสูงมากขึ้นเช่นกัน