ESTOPOLIS | เก็บเงิน ซื้อคอนโด ฉบับ มนุษย์เงินเดือนก็ทำได้
20 February 2560
ในยุคสมัยนี้ การซื้อคอนโดเป็นของตัวเอง ดูเหมือนจะเป็นเรื่องปรกติไปเสียแล้ว แต่ถ้าเราอยากมีคอนโดเป็นของตัวเองอยู่อาศัยบ้างละ จะต้องทำอย่างไรให้สามารถเก็บเงินเพื่อซื้อคอนโดได้ตามที่หวังได้บ้าง
การซื้อคอนโดนั้น ดูเหมือนจะเป็นเป้าหมายหลักอันดับต้นๆ ของมนุษย์เงินเดือนทั้งหลายไปเสียแล้ว เพราะนอกจากจะสะดวกสบาย ปลอดภัยแล้ว เมื่อจะเปลี่ยนที่อยู่อาศัย คอนโดที่ซื้อก็สามารถขาย หรือปล่อยเช่า หรือนำไปทำกำไรได้ง่ายกว่าอสังหาริมทรัพย์แบบอื่นๆ อีกด้วย
แต่จะทำอย่างไรกันดีละ ในเมื่อการเก็บเงินเพื่อซื้อคอนโด สำหรับหลายคนอาจจะเป็นเรื่องที่ยาก ปรกติก็ใช้เงินแทบจะเดือนชนเดือนอยู่แล้ว แบบนี้ต้องปรับการใช้จ่าย และเก็บเงินกันอย่างไร ให้ซื้อคอนโดที่เราหมายปองได้นะ?
จะซื้อคอนโด ต้องเริ่มที่ทำบัญชีรายรับรายจ่าย
การสำรวจตัวเองทั้งรายรับ และรายจ่าย จะช่วยให้คุณรู้ถึงกำลังทรัพย์ของตัวเองได้เป็นอย่างดี ทำให้สามารถวางแผนการใช้จ่าย รวมไปถึงการวางแผนเก็บเงินเพื่อซื้อคอนโดได้
หลายคนอาจมองว่าการทำบัญชีรายรับรายจ่ายสำหรับคนรุ่นใหม่ หรือมนุษย์เงินเดือน อาจมองว่าเป็นเรื่องที่น่าเบื่อ และไม่มีความจำเป็นจะต้องทำ แต่เราขอบอกเลยว่า ไม่ใช่อย่างที่คิดแน่นอน เพราะการที่เก็บออมเงินเพื่อซื้ออะไรสักอย่าง ไม่เพียงแต่การซื้อคอนโดโดยที่ไม่รู้ว่าเรามีกำลังอยู่เท่าไหร่ ทำให้อิสระทางการเงินของคุณอาจสะดุดขึ้นได้
แล้วทำบัญชีรายรับรายจ่ายมีข้อดีอย่างไร? การทำบัญชีรายรับรายจ่ายในช่วงแรกอาจจะลำบากด้วยความไม่คุ้นชินไปบ้าง แต่เมื่อจดบัญชีรายรับรายจ่ายไปสักระยะ ความคุ้นชินจะทำให้คุณไม่รู้สึกลำบากเวลาจดอีกต่อไป และเมื่อจดไปได้สักระยะ คุณก็จะพบว่า ส่วนใหญ่แล้วเราใช้จ่ายเงินไปกับอะไร และควรจัดการเงินต่างๆ ได้อย่างไรบ้าง
สำหรับใครที่ยังคิดไม่ตกว่า ต้องทำบัญชีรายรับรายจ่ายนานมากแค่ไหน ถึงจะเห็นภาพการใช้เงินของตัวเองมากที่สุด เราขอแนะนำให้เริ่มต้นที่ 2 – 3 เดือน จะช่วยให้เห็นภาพการจับจ่ายของคุณได้ดียิ่งขึ้น
ลองจดบัญชีรายรับรายจ่าย จะทำให้คุณเห็นภาพของการใช้จ่ายในแต่ละเดือนได้ดีขึ้น และเพื่อเป็นข้อมูลในการวางแผนเก็บเงิน รวมไปถึงการซื้อคอนโดอีกด้วยว่า คุณสามารถซื้อไหวหรือไม่
อยากจะซื้อคอนโด ต้องหัดหักค่าใช้จ่ายลงเสียบ้าง
หลังจากที่เราทำบัญชีรายรับรายจ่ายได้สักระยะแล้ว หลายคนคงจะรู้อยู่แก่ใจดีว่า ไลฟ์สไตล์ของคุณหนักไปที่รายจ่ายแบบไหน ลองพิจารณาดูว่ารายจ่ายเหล่านั้นจำเป็นหรือไม่ เมื่อหักแล้วจะไม่มีผลกระทบต่อชีวิตคุณแน่ๆ เพื่อนำเงินส่วนนั้นเข้าสมทบทุนการซื้อคอนโดของตัวเอง
เพราะแต่ละคนล้วนใช้ชีวิต ใช้ไลฟ์สไตล์ไม่เหมือนกัน ทำให้รายจ่ายนั้นแตกต่างกันไป บางคนอาจหมดเงินไปกับค่าเช่าห้อง ค่าการเดินทาง บางคนหมดไปกับการช้อปปิ้ง ในขณะที่บางคนอาจหมดไปกับค่าของกิน เครื่องสำอาง รวมไปถึงบางคนที่ต้องส่งเงินให้กับที่บ้าน หรือต้องใช้จ่ายเกี่ยวกับการลงทุน การทำธุรกิจส่วนตัว
และแน่นอนว่าหากรายจ่ายอะไรที่ฟุ่มเฟือย ไม่จำเป็น คุณก็ต้องหัดปรับลดลงเสียบ้าง หรือเพิ่มอัตราสัดส่วนในการออมให้เพิ่มมากยิ่งขึ้น จะทำให้การซื้อคอนโดไม่ไกลเกินเอื้อม
อะไรที่คิดว่าไม่จำเป็น อะไรที่ซื้อมาแล้วต้องถามตัวเองว่า ซือ้ไปเพื่ออะไร ก็ให้ลองปรับลด แล้วนำเงินที่ปรับลดไปเพิ่มในกองทุนส่วนตัวสำหรับการซื้อคอนโดจะดีกว่า
จะซื้อคอนโด แต่ลดกิน ลดเที่ยว ลดปาร์ตี้ไม่ได้ ก็เดินทางสายกลาง
คนเรามันเคยใช้จ่ายแบบนี้มาตลอด ครั้นจะให้หักดิบ งดรายจ่ายทุกอย่าง ทั้งกิน ดื่ม เที่ยว ก็ดูจะเป็นการฝืนใจมากจนเกินไป แบบนี้ลองปรบมาค่อยๆ ลด หรือจำกัดวงเงินการใช้จ่ายของตัวเอง น่าจะเป็นหนทางที่ดีกว่า
ทำงานมาเหนื่อยๆ ตลอดทั้งเดือนแบบนี้ จะให้ออมเงิน เก็บตังค์ไปตลอดๆ ชีวิตอาจจะไม่ดูแฮปปี้เท่าไหร่ แต่ถ้าให้ใช้จ่ายเพื่อความสุขส่วนตัวมากๆ เข้า การซื้อคอนโดในฝันก็ดูเป็นเรื่องที่ไกลเกินตัวแน่ๆ และถ้าหากคุณเลือกไม่ได้ มันจะไปยากอะไร แค่เลือกทางสายกลางกันก็พอ!
การเดินทางสายกลางที่ว่านี้ หมายถึง การให้คุณนำเงินไปใช้จ่ายเพื่อความสุขส่วนตัวเสียบ้าง การฝืนเก็บเงินที่เกินพอดีจะทำให้ชีวิตเครียด เหนื่อย และไม่มีความสุขจนคุณอาจท้อแท้ได้ ยิ่งกับบางคนที่หักดิบ หันมาเก็บออมเงินอย่างเดียวเลยก็ดูจะตึงเกินไป และไม่ค่อยดีเท่าไหร่
ถ้าอย่างงั้น เรามาลองเริ่มต้นกันง่ายๆ ด้วยการปรับลดลงดูบ้าง ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าใช้จ่ายในเรื่องของความบันเทิง จากเดิม สมมุติว่าคำนวณแล้วออกมา คุณจ่ายไปแล้วสัก 20% ของเงินเดือน ก็ลองปรับลงมาเป็น 15% หรือ 10% แทน
นอกจากนี้อาจจะลองอยู่ให้ติดบ้าน ติดห้องมากยิ่งขึ้น เพราะสำหรับคนที่อยู่ในตัวเมืองแล้ว การเดินทางไปไหนมาไหน แค่ขยับก็เท่ากับคุณเสียเงินเป็นค่าเดินทางเสียแล้ว ลองปรับมาทำงานอดิเรกง่ายๆ ที่สามารถทำได้ที่บ้านแทน น่าจะดีกว่านะ
หักดิบกันทั้งที ยังไงก็ทรมานเกินไป ลองค่อยๆ ปรับลด และเดินทางสายกลางดีกว่า เพราะการฝืนใจเก็บเงินมากๆ โดยไม่หาความสุขให้ตัวเองเลย จะส่งผลเสียกับตัวคุณเองมากกว่า
ทริค :
สำหรับใครที่ไม่รู้ว่าจะจัดสรรปันส่วนเงินอย่างไร เราก็มีตารางกำหนดคร่าวๆ มาให้คุณ ซึ่งการแบ่งสัดส่วนเหล่านี้ คุฤณสามารถปรับลดเพิ่มได้ตามความจำเป็น รวมไปถึงความเหมาะสมในแต่ละไลฟ์สไตล์ของแต่ละคน
- เงินออม 10% ของรายได้ : เก็บไว้เผื่อฉุกเฉิน หรือเพื่อการเกษียณ เพราะเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้เสมอ หากมีเงินก้อนนี้ จะช่วยเหลือคุณได้เมื่อเกิดภาวะฉุกเฉินต่างๆ ซึ่งส่วนนี้จะเป็นการแยกออกจากเงินส่วนที่ต้องการซื้อคอนโด เพื่อให้คุณยังมีสภาพคล่องทางการเงินนั้นเอง
- เงินใช้จ่ายส่วนตัว 5 – 10% : เป็นสัดส่วนเงินใช้จ่ายส่วนตัว เพื่อเป็นรางวัลให้กับความพยายามในแต่ละเดือน ทำให้เงินสัดส่วนในข้อนี้มีไม่มากนัก เอาแค่หอมปากหอมคอก็พอ
- เงินเพื่อผ่อนคอนโด 25 – 30% : สำหรับใครที่อยากจะมีคอนโดในฝันไวๆ สัดส่วนเงินออมเพื่อการซื้อคอนโดจึงถูกปรับเพิ่มมากขึ้นเป็นพิเศษ เพราะการซื้อคอนไม่ใช่แค่เฉพาะเงินมัดจำ แต่ยังมีรายจ่ายอื่นๆ ที่คุณต้องเก็บออมเผื่ออีกด้วย
- เงินใช้จ่ายจำเป็น 50% ของรายได้ : ค่าใช้จ่ายต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นค่าน้ำไฟ ค่ามือถือ ค่าเดินทาง ค่าอาหาร ในส่วนนี้สามารถลดเพิ่มปริมาณได้ และถ้าประหยัดได้ก็ควรประหยัดนะ
แบ่งสัดส่วนค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนดู จะช่วยให้คุณเก็บเงินเพื่อซื้อคอนโดได้ง่ายขึ้น และไม่เบียดเบียนไลฟ์สไตล์ของคุณอย่างแน่นอน