Thonglor 1 Day : เที่ยวหรู...อยู่สบาย สไตล์คนเมือง
2 August 2561
ทำไมต้อง 'ทองหล่อ' ?
แรงบันดาลใจในการเดินทางมา 'ทองหล่อ' ครั้งนี้ เกิดจากคำพูดที่หลายคนบอกกันว่า 'มาทองหล่อแล้ว...เราจะได้ทุกอย่างครบ!' วันนี้เราจึงขอมาพิสูจน์กันว่าจริงหรือเปล่า? ด้วยการพาทุกคนไป ใช้ชีวิตแบบ 'ช็อป ชิม ชิลล์' ตลอดทั้งวันที่ทองหล่อ
เรื่องเล่า...กาลครั้งหนึ่ง ณ 'ทองหล่อ'
ก่อนจะเริ่มทริปก็ต้องมารู้จักกับ 'ทองหล่อ' กันก่อน เพราะถนนเส้นนี้มีประวัติอยู่คู่กับกรุงเทพฯ มายาวนาน เกิดเรื่องราวมากมายตลอดระยะทางกว่า 2 กิโลเมตร ซึ่งเคยเป็นสถานที่ๆ กองทัพญี่ปุ่นเคลื่อนผ่านและตั้งฐานทัพกันในสมัยสงครามโลก!
'ซอยทองหล่อ' เป็นซอยที่มีสภาพแวดล้อมน่าอยู่ ถนนหนทางกว้างถึง 6 เลน สามารถสัญจรผ่านไปมาได้สะดวก หรือใครอยากเดินเท้าก็สบาย เพราะมีทางเท้าร่มรื่นมีต้นไม้สูงปลูกไว้ตลอดทาง ทำให้บรรยากาศในซอยมีชีวิตชีวา
ทองหล่อแบ่งออกเป็น 2 โซน คือ 'ทองหล่อตอนต้น' และ 'ทองหล่อตอนปลาย' โดยใช้ J Avenue เป็นตัวแบ่ง แต่สภาพแวดล้อมกลับไม่ต่างกันมากนัก ยังคงความสงบและเป็นส่วนตัวไว้ท่ามกลางความเจริญระดับ Luxury โดยเฉพาะทองหล่อตอนปลาย
และเหตุผลที่ดีเวลลอปเปอร์หลายเจ้าต่างเข้ามาตีตลาดสร้างเป็นที่พักอาศัยกันที่ ทองหล่อตอนปลาย เพราะกลิ่นอายของความสงบและความปลอยภัย ที่มีทั้งสถานีตำรวจและโรงพยาบาลคอยสร้างความอุ่นใจให้กับคนทองหล่อ
เดินทางมา 'ทองหล่อ' : All about Transportation
การเดินทางมาทองหล่อค่อนข้างสะดวกมาก เหมาะสำหรับคนใช้รถยนต์ส่วนตัว เพราะถนนเส้นนี้พาดผ่านถนน 2 สายหลักด้วยกัน ได้แก่ 'ถนนสุขุมวิท' และ 'ถนนเพชรบุรี' ซึ่งไม่ว่าจะมาจากทางไหนก็ถึงทองหล่อได้ง่ายดาย
นอกจากนี้ยังมีเส้นทางลัดอีกหลายสาย เช่น จากถนนเอกมัยลัดเลาะเข้าซอยเล็กซอยน้อยมา ใช้เวลาเพียงไม่นานก็มาถึงทองหล่อแล้ว
ในชั่วโมงเร่งด่วน...การเดินทางด้วย 'รถไฟฟ้า BTS' คงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของชาวทองหล่อ หรือจะไปเปลี่ยนเส้นทางไปเป็นรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ก็อยู่ถัดไปไม่กี่สถานี และในอนาคตยังจะมีรถไฟฟ้าสายสีเทาผ่านบนถนนเส้นนี้ ยิ่งทำให้การเชื่อมต่อในทองหล่อสะดวกสบายขึ้น
วันไหนว่างๆ อยากปล่อยอารมณ์ให้ไหลไปกับสายน้ำ ก็ลองมาสัมผัสวิถีชีวิตริมน้ำผ่าน 'เรือด่วน' ได้เช่นกัน
แค่พูดถึง 'การเดินทางที่ทองหล่อ' เราก็เริ่มเห็นถึงความสมบูรณ์แบบของที่นี่กันแล้ว แต่จะชัดเจนกว่านี้...ถ้าเราได้เข้าไปสัมผัสไลฟ์สไตล์ทองหล่อด้วยตัวเอง!
Check in Checkpoint กันที่ 'ซอยทองหล่อ'
1st Checkpoint @ CHOW Cafe & Bar Thonglor
ในเมื่อกองทัพต้องเดินด้วยท้อง เราจึงขอเริ่มทริปนี้ด้วยอาหารมื้ออร่อยจากร้านในซอยทองหล่อ เพราะอย่างที่รู้กันดีว่าทองหล่อเต็มไปด้วยร้านอาหารและบาร์มากมายตั้งแต่ต้นซอยจนถึงสุดซอย ซึ่งแต่ละร้านก็ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ระดับไฮเอนด์ได้ดีด้วยรสชาติและวัถตุดิบชั้นยอด
ร้านแรกที่เราเลือกแวะในวันนี้คือ ร้าน 'CHOW Cafe & Bar' ห้องอาหารและบาร์ที่เสิร์ฟความอร่อยของอาหารอาเซียนสไตล์ฟิวชั่น ท่ามกลางบรรยากาศร้านแบบจีนร่วมสมัยเหมาะที่จะมาฝากท้องไว้
กลิ่นอายของอารยธรรมจีนร่วมสมัยลอยเข้ามาหาเราตั้งแต่หน้าประตู แค่ก้าวขาเข้าไปในร้านก็รู้สึกประทับใจด้วยการตกแต่งไม้สีเข้มผสมกับเครื่องประดับโทนแดง ที่เป็นเอกลักษณ์ของจีนแผ่นดินใหญ่
พร้อมใส่ลูกเล่นสมัยใหม่เข้าไปผ่านลวดลายกระเบื้องสีขาวดำกับโคมไฟสีเหลืองนวลตา ทำให้ห้องอาหารแห่งนี้มีทั้งความ Luxury และ Modern ผสมอยู่
ผนังบางส่วนถูกฉาบด้วยปูนเปลือยก่ออิฐ คล้ายเป็นโซนแสดงผลงานภาพเขียนจากหลากหลายศิลปิน ที่สลับเปลี่ยนหมุนเวียนกันมา
พื้นที่ครัวแบบเปิดโล่ง เพื่อให้เรามองเห็นทุกกรรมวิธีการประกอบอาหารอย่างใกล้ชิด ทุกเมนูของที่นี่ล้วนถูกสร้างสรรค์โดยเชฟระดับมิชลินสตาร์ ซึ่งการันตีได้ว่าเราจะได้รับความสุขจากอาหารมื้อนี้อย่างแน่นอน
เปิดมื้อนี้ด้วยเมนูออเอิร์ฟอย่าง 'Asian Nachos' แป้งปอเปี๊ยะทอดกรอบ เสิร์ฟมาพร้อมกับซอสโฮมเมดสไตล์ฟิวชั่น ได้รสชาติกลมกล่อมของพริกแห้ง, มะเขือเทศสดและเชดด้าชีสที่เข้ากันลงตัว
ตามมาติดๆ กับ Main Dish อย่าง 'Lo Mein Chow shrim' เมนูฟิวชั่นที่เกิดจากการเอาเมนูท้องถิ่น 2 อย่างที่ได้รับความนิยมในจีนมาหลอมรวมกัน คือ
- Lo Mein : เมนูบะหมี่ผัดกระทะร้อน ซึ่งเส้นที่ใช้ผัดจะนิ่มเพราะมีส่วนผสมของไข่
- Chow Mein : เมนูเส้นบะหมี่ทอดกรอบนำมาผัดบนกระทะร้อน
โดยเมนู Lo Mein Chow shrim นี้เกิดจากการนำเส้น Lo Mein มาผัดกับกุ้งสดที่ถูกราดด้วยซอสรสชาติกลมกล่อม แล้วท็อปตบท้ายด้วยเส้นบะหมี่ทอดกรอบจากเมนู Chow Mein อีกชั้นหนึ่ง
นอกจากโซนอาหารกับคาเฟ่แล้ว ภายในร้านยังมีบาร์เครื่องดื่มค็อกเทล ที่ได้ Mixologist มืออาชีพมาคอยครีเอทเครื่องดื่มสุดสร้างสรรค์นี้ให้ รับรองว่าหาทานที่ไหนได้ยาก เหมาะกับการชวนคนพิเศษมาแฮงค์เอ้าท์กันเบาๆ หลังเลิกงาน
ห้องอาหาร CHOW Cafe & Bar อยู่บริเวณชั้นล่างของโรงแรม Metropole Bangkok เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 06.00 - 04.00 น.
2nd Checkpoint @ the COMMONS Thonglor
อิ่มท้องกันแล้ว...มาอิ่มเอมใจกันต่อที่ 'The COMMONS' คอมมูนิตี้ มอลล์น่านั่งในซอยทองหล่อ 17 หลายคนอาจจะเคยได้ยินชื่อเสียงเรื่องความสวยงามและใกล้ชิดธรรมชาติของที่นี่กันมาบ้างแล้ว ยิ่งได้ลองมาสัมผัสด้วยตัวเองก็ยิ่งไม่ผิดหวังเลย
ที่นี่ถูกตกแต่งสไตล์มินิมอลล์ ลอฟ (Minimal Loft) เน้นความเรียบง่ายแต่ก็ดูเรียบหรูไปในตัว บวกกับลายเส้นและต้นไม้สีเขียวที่ปลูกแซมอยู่ให้ความรู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย ภายใน The COMMONS แบ่งออกเป็น 4 โซนแตกต่างกันออกไป ซึ่งแต่ละโซนจะมีเอกลักษณ์และช่วยเพิ่มพลังบวกกับทุกคนที่เข้ามา
เริ่มกันที่โซน 'Top Yard' ที่อยู่ชั้นบนสุด มีเอกลักษณ์อยู่ตรงลานสนามหญ้าที่ให้เราได้นั่งผ่อนคลายอารมณ์และถ่ายรูปสวยๆ กัน ภายในโซนมีร้านอาหารและคาเฟ่ชื่อดัง 'Roast' ที่เปิดครัวให้เห็นกรรมวิธีการทำอาหาร
ส่วนอีกร้านที่น่าสนใจก็คือ 'The COMMONS Kitchen' ร้านอาหารชื่อดังที่เปิดคอร์สสอนทำอาหารให้กับคนที่มีความสนใจโดยเฉพาะ
เมื่อมองลงไปจะเห็นผู้คนต่างใช้เวลาของตัวเองไปกับกิจกรรมที่ชอบ
โซนต่อมาคือ 'Play Yard' พื้นที่สำหรับทำกิจกรรมที่มีไฮไลท์หลักๆ อยู่ที่
- Little Pea Kids COMMONS : เพราะ 'ทุกจิตนการของเด็กเป็นสิ่งที่มีคุณค่า' พื้นที่ส่วนนี้จึงถูกออกแบบให้เป็นเวิร์คช็อป (Work Shop) สำหรับเด็กๆ มีทั้งการเรียนศิลปะไปจนถึงทำอาหาร
- Absolute You : โซนสำหรับคนรักสุขภาพที่มีฟิตเนสและโยคะให้บริการ
ขยับลงมาโซน 'Village' ที่รวมรวบทั้งร้านอาหารคาวหวาน ไปจนถึงร้านเสื้อผ้าและร้านอุปกรณ์ D.I.Y เช่น 'Plant House' เป็นร้านขายเมล็ดพันธุ์ขนาดกะทัดรัด สำหรับใครที่รักสุขภาพก็สามารถมาซื้อเมล็ดพันธุ์จากที่นี่ไปปลูกผักออแกนิกกันได้
ได้รวบรวมหลายเมนูอร่อยจากทั่วทุกมุมโลกมาไว้ให้แล้วในโซน 'Market' พร้อมมีที่นั่งรับประทานภายในโซนเรียบร้อย ให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในตลาดติดแอร์
The COMMONS มีที่จอดรถเรียบร้อยไม่ต้องกังวลว่าจะไม่มีที่จอด โดยที่นี่เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 - 00.00 น.
3rd Checkpoint @ Pacamara Coffee Roasters x Specialty Coffee Lab
สถานที่ต่อไปที่จะมาเยี่ยนคือ ร้านกาแฟชื่อดังจากเชียงใหม่ Pacamara ที่ขึ้นชื่อเรื่องเมล็ดกระแฟคั่วเอง โดยครั้งนี้เจ้าของเลือกเปิด Flagship store ที่ซอยทองหล่อ ภายใต้ชื่อ 'Pacamara Coffee Roasters x Specialty Coffee Lab' แล้วเพิ่มความพิเศษด้วยโซนสอนทำกาแฟแบบครบวงจร Specialty Coffee Lab ที่ไม่มีในสาขาอื่น แต่ยังคงรสชาติดั้งเดิมสไตล์ต้นตำหรับไว้อย่างครบถ้วน
ภายในร้านแบ่งออกเป็น 2 ชั้น ให้ความรู้สึกปลอดโปร่งด้วยแสงธรรมชาติที่ลอดผ่านมาทางหน้าต่างบานใหญ่ คุมธีมร้านด้วยโทนสีอ่อนๆ แล้วค่อยเพิ่มความสดใสด้วยเฟอร์นิเจอร์ลายไม้และหินอ่อน
บริเวณชั้น 1 ตั้งเคาท์เตอร์ทำกาแฟไว้เด่นอยู่กลางร้าน เพื่อให้ทุกคนได้เรียนรู้วิธีการชงกาแฟไปพร้อมๆ กัน โดยจะแบ่งพื้นที่ไว้สำหรับรองรับลูกค้าและ Specialty Coffee Lab ด้วย
ขึ้นมาที่ชั้น 2 เป็นพื้นที่ Co-Working space และห้องประชุม ที่ยังคงตกแต่งด้วยโทนสีอ่อนแบบเอิร์ธโทน ให้ความรู้สึกอบอุ่นและใกล้ชิดธรรมชาติยิ่งขึ้นด้วยดอกไม้แห้ง ส่วนของตกแต่งก็ยังเน้นวัสดุจากธรรมชาติเป็นหลัก
คราวนี้ก็ถึงเวลาสำหรับคอกาแฟกันแล้ว!
พร้อมแล้วกับเมนูซิกเนเจอร์แต่แน่นด้วยคุณภาพอย่าง 'Cafe Latte' ลาเต้ร้อนรสชาติกลมกล่อมตามแบบฉบับของ Pacamara ที่ให้รสสัมผัสเข้มข้มผสมกับความนุ่มนวลของนม เป็นเมนูที่ช่วยปลุกความสดชื่นระหว่างวันได้ดีทีเดียว
ยิ่งทานคู่กับ 'Vary Berry Pancake' แพนเค้กเนื้อนุ่มเบายิ่งได้อรรถรส หน้าแพนเค้กโรยด้วยไอซิ่งขาวสะอาดตา ท็อปปิ้งด้วยความชุ่มฉ่ำจากผลไม้ตระกูลเบอร์รี่และผลไม้อื่นๆ แล้วตบท้ายความสุขด้วยครีมสดสูตรเข้มข้นจากทางร้าน ช่วยเพิ่มรสชาติให้ของหวานจานนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
และไฮไลท์อีกอย่างของ Pacamara สาขานี้คือมีเมนูอาหารจานหลักทั้งไทยและเทศที่ให้บริการแบบ All Day Brunch เพื่อตอบสนองทุกความชอบสำหรับทุกคน
Pacamara Coffee Roasters x Specialty Coffee Lab เปิดให้สัมผัสเสน่ห์ของกาแฟที่อบอวลไปทั่วร้านได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00 - 21.00 น.
4th Checkpoint @ : Eight Thonglor
หลังเติมพลังให้ร่างกายก็ถึงเวลาให้ของขวัญกับตัวเองและคนที่รัก ด้วยการมาเดินช็อปปิ้งที่ 'Eight Thonglor' ไลฟ์สไตล์มอลล์สุดหรูบนทองหล่อ ที่เปิดให้บริการทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง
บรรยากาศของที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ในนวนิยาย ภายในตกแต่งด้วยโทนสีขาวทองและเล่นเส้นสายสไตล์เรียบหรูดู Luxury
สมบูรณ์พร้อมด้วยร้านค้าสไตล์ไฮเอนด์กว่า 40 ร้าน ให้เราแวะเวียนเข้ามาเลือกสรรสินค้ากันอย่างคล่องมือ ส่วนวันไหนแดดร่มลมตกนึกอยากแฮงค์เอ้าท์ ก็ออกมาพบปะสังสรรค์ นั่งจิบเครื่องดื่มเย็นๆ พร้อมดื่มด่ำบรรยากาศยามค่ำคืนของทองหล่อกันได้
5th Checkpoint @ : สวนครูองุ่น มาลิก
เที่ยวกันมาเต็มอิ่มตลอดระยะทาง 2 กิโลเมตร ก็ขอปิดท้ายวันให้สมบูรณ์แบบสุดๆ ที่ 'สวนครูองุ่น มาลิก' พื้นที่สีเขียวสไตล์คนเมืองบนถนนทองหล่อ
"ปอดแห่งใหม่ทองหล่อ" ที่เป็นทั้งสวนสาธารณะและพื้นที่สร้างสรรค์ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่น
เนื้อที่ 250 ตร.ม. อาจไม่ใหญ่มากมายนัก แต่ถ้าเทียบกับประโยชน์ใช้สอยของที่นี่แล้ว นับว่าสมบูรณ์แบบไม่แพ้สวนสาธารณะขนาดใหญ่เลย เพราะมีทั้งพื้นที่สีเขียวสำหรับการพักผ่อน, ห้องเรียนแบบนอกระบบสำหรับเด็กๆ, ห้องสมุดออนไลน์, ร้านแบ่งปันเพื่อการระดมทุน, ลานจัดกิจกรรมเพื่อสังคม ตลอดจนพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวของครูองุ่น ผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่มอบสวนหน้าบ้านให้กับคนทองหล่อ
เกือบ 1 ปีที่ 'สวนองุ่น มาลิก' ทำหน้าที่เป็นสวนหน้าบ้านให้คนทองหล่อ หรือแม้แต่บุคคลทั่วไป, หน่วยงานอื่นๆ ก็ยังได้ใช้ประโยชน์จากที่นี่ โดย โครงการสวนครูองุ่น จะเปิดทำการวันจันทร์ - ศุกร์ เวลา 09.00 - 18.00 น. และวันเสาร์ - อาทิตย์ เวลา 10.00 - 16.00 น… แล้วอย่าลืมแวะมาเยี่ยมชมกันนะ
ยังเหลือเวลาให้พอได้เดินสำรวจรอบๆ ทองหล่อว่ามีอะไรน่าสนใจอีกบ้าง วันนี้เลยขอพาลัดเลาะออกไป 'พร้อมพงษ์' ย่านไลฟ์สไตล์ระดับไฮเอนท์...ใกล้ทองหล่อ
Special time is just around Thonglor
'The Em District' เป็นเมกะโปรเจ็กต์ในเครือ The Mall Group ที่รวมเอาห้างสรรพสินค้าชั้นนำอย่าง Emporium, EmQuartier และ Emsphere ไว้ใจกลางสุขุมวิท ติดสถานีพร้อมพงษ์
เริ่มที่ 'Emporium' Luxury Mall แห่งแรกของไทย ที่เปิดให้บริการมาอย่างยาวนาน และได้รับการแปลงโฉมใหม่ ช่วยสร้างประสบการณ์การช็อปปิ้งให้คนเมืองที่มีสไตล์ สินค้าตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ระดับไฮเอนด์ รวบรวบเอาแบรนด์ชั้นนำจากทั่วโลกมาไว้ด้วยกัน
ตรงข้ามเป็น 'EmQuartier' ศูนย์การค้าแห่งที่ 2 ในกลุ่ม The Em District ที่ยังคงเน้นตอบโจทย์ลูกค้ากลุ่มไฮเอนท์ทั้งชาวไทยและต่างชาติ
ตกหลุมรัก 'ทองหล่อ' จนอยากให้มาอยู่ด้วยกัน
จุดเริ่มต้นของการเดินทางเกิดจากคำถามเกี่ยวกับ 'ทองหล่อ'
และคำตอบก็ถูกเติมเต็มด้วยทุกตารางเมตรของ 'ทองหล่อ' ทำให้เรารู้ว่า...
ทำไมใครๆ ต่างก็หลงรักทองหล่อ
Real Asset ดีเวลลอปเปอร์ชื่อดังเตรียมเปิดโครงการ 'AESTIQ Thonglor (เอสทีค ทองหล่อ)' คอนโด Super Luxury ภายใต้แนวคิด 'A Reflection of you' เพื่อเน้นย้ำสุนทรียภาพในการใช้ชีวิตของคนเมืองรุ่นใหม่ ที่ให้คุณได้ใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบท่ามกลางไลฟ์สไตล์ระดับไฮเอนด์บนทำเลทองหล่อ
รายละเอียดโครงการ AESTIQ Thonglor (เอสทีค ทองหล่อ)
ชื่อโครงการ : AESTIQ Thonglor (เอสทีค ทองหล่อ)
ผู้พัฒนา : บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด
ที่ตั้ง : ติดถนนทองหล่อ ตรงข้ามซอยทองหล่อ 25
ลักษณะอาคาร : คอนโดมิเนียมแบบ Ultimate Luxury อาคาร High Rise สูง 40 ชั้น
พื้นที่ : 1 - 3 - 88.9 ไร่
จำนวนยูนิต : 203 ยูนิต
แบบห้อง :
- 1 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 33 - 52 ตารางเมตร จำนวน 127 ยูนิต (คิดเป็น 64%)
- 2 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 76 - 115 ตารางเมตร จำนวน 56 ยูนิต (คิดเป็น 25%)
- 3 Bedroom พื้นที่ใช้สอย 131 - 158 ตารางเมตร จำนวน 18 ยูนิต (คิดเป็น 10%)
- Penthouse พื้นที่ใช้สอย 289 - 297 ตารางเมตร จำนวน 2 ยูนิต (คิดเป็น 1%)
จำนวนที่จอดรถ : 220 คัน
ราคาเริ่มต้น : 8.99 ล้านบาท (ประมาณ 269,000 บาท/ตารางเมตร)
เริ่มสร้าง : พฤษภาคม 2562
คาดว่าจะสร้างเสร็จ : ธันวาคม 2564
สิ่งอำนวยความสะดวก AESTIQ Thonglor (เอสทีค ทองหล่อ)
พร้อมด้วยดีไซน์สวยงามโดดเด่น
- Step Garden
- Sky Private Garden for Penthouse
- Super Car & Super Bike and Bicycle
- Luxury Car Sharing Service
- Shuttle Service
- EV Charging Station
- Golf & Bike Simulator
- Private Theater
- Private Onzen
- Panoramic Gym
- Sky Social Club
ที่ตั้ง AESTIQ Thonglor (เอสทีค ทองหล่อ)
คอนโดจะตั้งอยู่ติดถนนทองหล่อ ตรงข้ามซอยทองหล่อ 25 เป็นทำเลทองของที่อยู่อาศัยที่มีศักยภาพครบถ้วน ทั้งด้านการเดินทาง, รูปแบบการใช้ชีวิต และไลฟ์สไตล์การพักผ่อนที่เป็นเอกลักษณ์
พร้อมให้คุณได้สะท้อนตัวตนของคุณเร็วๆ นี้
สนใจลงทะเบียนรับสิทธิ์จองห้องก่อนใครได้ที่ https://www.aestiq.com หรือติดต่อกับทางโครงการโดยตรงที่เบอร์ 1232