ขั้นตอนการสมัครบัตรเครดิตใบแรก สำหรับมนุษย์เงินเดือน สมัครอย่างไรให้ผ่านง่าย ๆ
5 June 2560
หลายคนเกรงกลัวกับการมีบัตรเครดิต กลัวใจตัวเอง กลัวว่าจะก่อหนี้จนไม่สามารถชำระไหว แต่จริง ๆ แล้วปัญหาเหล่านี้เป็นเรื่องของวินัยทางการเงิน ไม่ใช่ข้อเสียของบัตรเครดิต และถ้าหากคุณต้องการที่จะสร้างประวัติทางการเงิน เพื่อนำร่องไปยังการกู้สินเชื่ออื่น ๆ เช่น การกู้สินเชื่อบ้านและคอนโด มีความจำเป็นที่จะต้องใช้บัตรเครดิตช่วยสร้างประวัติทางการเงินบนเครดิตบูโรให้คุณ ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารพิจารณาการปล่อยกู้ได้ง่ายขึ้น
ในการปล่อยกู้สินเชื่อบ้านและคอนโด หรือสินเชื่ออื่น ๆ ธนาคารจะเช็คประวัติการชำระหนี้ผ่านสำนักงานเครดิตแห่งชาติ (เครดิตบูโร) หากคุณไม่เคยมีการกู้ยืมในระบบ อย่างการใช้จ่ายบัตรเครดิต ธนาคารจะไม่สามารถจัดลำดับความน่าเชื่อถือด้านการชำระหนี้ของคุณได้ ในบางธนาคารจะมองว่าเป็นความเสียงในการปล่อยกู้ และอาจจะปล่อยกู้สินเชื่อบ้านและคอนโดได้ยาก
ดังนั้นในบทความนี้ Estopolis จะมาแชร์เคล็ดลับการสมัครบัตรเครดิตว่าทำอย่างไรจึงจะผ่านง่าย ๆ
1. ตรวจสอบสถานะของตัวเองก่อนสมัครบัตรเครดิต
1.1 ฐานเงินเดือนขั้นต่ำต้องอยู่ที่ 15,000 บาท
แม้ว่าข้อตกลงของธนาคารจะเริ่มที่ 15,000 บาท แต่รายได้จำนวนนี้ควรเป็นรายได้ที่ผ่านการหักค่าใช้จ่ายประจำเดือนอื่น ๆ แล้ว เช่น เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษา งวดรถ หรือรายจ่ายอื่น ๆ
1.2 ทำงานมาแล้วอย่างน้อย 6 เดือน
ข้อนี้หมายถึงการได้รับเงินเดือนมาแล้ว 6 เดือนมากกว่า เพราะเอกสารที่คุณต้องยื่นก็คือ สลิปเงินเดือน กับรายการเดินบัญชีธนาคารที่รับเงินเดือน (Statement)
1.3 สถานที่ทำงานต้องมีความน่าเชื่อถือ
สำหรับความน่าเชื่อถือของสถานที่ทำงานในการสมัครบัตรเครดิตสามารถดูได้ดังนี้
1.3.1 มีการจ่ายเงินเดือนตามวันเวลาที่กำหนดทุกเดือน ไม่มีเลื่อนหรือล่าช้า
1.3.2 ควรเป็นการจ่ายเงินเดือนเป็นระบบ Payroll ซึ่งเป็นการผูกบัญชีเงินเดือนกับธนาคาร
1.3.3 การจ่ายเงินเดือนแบบโอนเข้าบัญชีสามารถเป็นบัตรเครดิตผ่านได้เช่นกัน แต่ไม่ชัวร์เท่าแบบ Payroll
1.3.4 บริษัทมีการจดทะเบียนถูกต้องตามกฏหมาย
1.3.5 บริษัทมีการจ่ายภาษี หักภาษีพนักงาน และจ่ายเบี้ยประกันสังคมให้กับพนักงาน (แสดงในสลิปเงินเดือน)
2. เลือกบัตรเครดิตที่เหมาะสม
2.1 รู้จักประเภทของบัตรเครดิตกันก่อน
บัตรเครดิต หรือสินเชื่อส่วนบุคคลประเภทบัตรเครดิตมี 3 ประเภท ได้แก่
บัตรกดเงินสด
บัตรประเภทนี้จะไม่สามารถใช้รูดซื้อของได้โดยตรง เจ้าของบัตรจะต้องไปกดเงินสดออกมาเพื่อใช้ซื้อของ และแน่นอนว่าบัตรประเภทนี้จะใช้ผ่อนของไม่ได้เช่นกัน บัตรประเภทนี้อาจจะมีการคิดค่ากดเงินครั้งละ 3% จากยอดที่กด และอัตราดอกเบี้ยอยู่ที่ 20 - 28 % ต่อปี ซึ่งถือว่าโหดเอาเรื่องอยู่
บัตรเครดิต
บัตรประเภทนี้จะไว้ใช้รูดซื้อสินค้า และใช้ในการผ่อนของได้ด้วย แต่จะกดเงินสดออกมาไม่ได้ ซึ่งปัจจุบันจะไม่ค่อยมีให้เห็นแล้ว
บัตรเครดิตที่สามารถกดเงินสดได้
เป็นบัตรที่สามารถทั้งรูดซื้อของ ผ่อน และกดเงินสดได้ในใบเดียว โดยจะคิดดอกเบี้ยต่อปีแบบบัตรเครดิต และหากกดเงินสดจะมีการคิดค่ากดอยู่ที่ 3% ของจำนวนเงินที่กดออกมา ในบางสถาบันการเงินยอดของการกดเงินสดและเครดิตจะรวมกัน แต่ในบางสถาบันก็มีการแยกยอดออกมาอย่างชัดเจน และนอกจากนี้ยังมีการแบ่งยอดแปลก ๆ อีก ตรงนี้อาจจะต้องศึกษากติกาของแต่ละบัตรเพิ่มเติมกันไป
2.2 VISA หรือ MasterCard
จริง ๆ แล้วในบ้านเรานิยมใช้ทั้ง VISA และ Mastercard แต่ในตอนที่คุณสมัครคุณจะต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ในบางธนาคารอาจจะมี JCB มาให้เลือกด้วย ซึ่งสำหรับคนที่เปิดบัตรเครดิตใบแรก และต้องการใช้งานที่หลากหลาย เลือกเป็น VISA จะค่อนข้างครอบคลุมทุกร้านค้ามากกว่า รองลงมาจะเป็น MasterCard ส่วน JCB ส่วนใหญ่จะเป็นร้านอาหาร หรือร้านค้าที่มีความเป็นญีปุ่นซึ่งค่อนข้างจะให้โปรโมชั่นที่ดีสำหรับบัตรใบนี้
3. ทริกการสมัครบัตรเครดิตอย่างไรให้ผ่านฉลุย
3.1 เตรียมเอกสารการสมัครให้พร้อม
เอกสารที่ต้องเตรียมสำหรับการสมัครบัตรเครดิตได้แก่
- สำเนาบัตรประชาชน พร้อมเซ็นรับรองสำเนาถูกต้อง
- สำเนาสลิปเงินเดือน 6 เดือน
- รายการเดินบัญชีธนาคาร(Statement) 6 เดือน
- ใบรับรองเงินเดือนที่ออกโดยบริษัทพร้อมตราประทับ (หากธนาคารจะขอ)
- สำเนาทะเบียนบ้าน (บางธนาคารจะขอ)
3.2 หากไม่เคยมีบัตรเครดิตมาก่อนให้เลือกเปิดบัตรเครดิตที่เปิดง่ายก่อน
การอนุมัติบัตรเครดิตของธนาคาร บางทีก็ขึ้นอยู่กับดวงเช่นกัน บางครั้งเรามองว่าน่าจะสมัครผ่านแน่นอน แต่กลับถูกปฏิเสธเสียอย่างงั้น ดังนั้นเรามาดูกันดีกว่าว่าบัตรไหนออกง่ายกันบ้าง
- สำหรับคนที่ทำงานมานานแล้วแต่ไม่เคยมีบัตรเครดิตมาก่อน และไม่เคยมีประวัติอะไรมาก่อน แนะนำให้เปิดบัตรในเครือกดเงินสดกันก่อน เช่น FirstChoice และ Aeon น่าจะเปิดได้ง่ายที่สุด
- สำหรับคนที่พึ่งเริ่มทำงาน อายุไม่มาก เลือกสมัครบัตรเครดิตกับธนาคารที่คุณใช้รับเงินเดือน โดยเฉพาะหากการรับเงินเดือนของคุณเป็นระบบ Payroll
- นอกจากนี้ KTC ก็เป็นอีกบัตรหนึ่งที่เปิดได้ง่าย ขอเพียงแค่คุณมีรายได้ผ่านเกณฑ์ และยิ่งถ้าไม่มีบัตรเครดิตมาก่อน หรือไม่มีบัตรเครดิตมากจนเกินไป
สมัครบัตรกดเงินสด KTC Proud เงินเดือน 12,000 ก็สมัครได้
คลิก http://bit.ly/2MPn0Bo
3.3 เลือกบัตรตามฐานเงินเดือนหลังหักค่าใช้จ่าย
หากคุณมีรายได้อยู่ที่ 30,000 บาท และบัตร gold มีไว้สำหรับคนที่มีฐานเงินเดือนตั้งแต่ 30,000 บาทขึ้นไป เราแนะนำให้คุณลดลงมาสมัครบัตรปกติดีกว่า เพราะธนาคารจะมีการหักลบรายจ่ายต่อเดือนของคุณออก เช่น ค่าเช่าห้อง ค่าโทรศัพท์ ค่าใช้จ่ายจิปาถะ ทำให้ฐานรายได้ของคุณต่ำกว่า 30,000 บาท และอาจจะเปิดบัตรไม่สำเร็จ เราแนะนำให้คุณใช้บัตรธรรมดาไปก่อนหากธนาคารเห็นว่าคุณสามารถใช้บัตรระดับสูงกว่าได้ธนาคารจะยื่นข้อเสนอเปลี่ยนบัตรให้คุณเอง
3.4 ฝึกเซ็นชื่อให้เหมือนกัน
การเซ็นชื่อสำคัญมากในการเปิดบัตรเครดิต หลายคนงงว่าทำไมเปิดบัตรไม่ผ่าน คำตอบอาจจะอยุ่ที่การเซ็นชื่อนั่นเอง แม้แต่ในบัตรเครดิตที่เปิดง่ายก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้
3.5 กรอกข้อมูลอย่างมีสติ และห้ามผิด
การกรอกข้อมูลขอเปิดบัตรเครดิต ช่องที่กรอกของแต่ละธนาคารจะมีความซับซ้อน งงงวยมาก คุณควรถามเจ้าหน้าที่ให้เยอะ ๆ หรือตรวจดูรอบหนึ่งก่อนกรอก เพราะถ้าคุณกรอกผิดคุณจะต้องแก้ไขโดยการเซ็นชื่อกำกับทุกครั้ง และถ้าการกรอกข้อมูลของคุณผิดเยอะเกินไป รับรองว่าการสมัครบัตรของคุณไม่ผ่านอย่างแน่นอน
3.6 กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน
การกรอกข้อมูลให้ครบถ้วนสำคัญมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณต้องมี Email หากคุณกรอกข้อมูลไม่ครบถ้วน จะมีผลกับการพิจารณาได้ บางธนาคารอาจจะมีการโทรมาสอบถามเพิ่มเติม บางธนาคารอาจจะส่งเอกสารมาให้คุณกรอกเพิ่มเติม และในบางสถาบันการเงินอาจจะปฏิเสธการเปิดบัตรเครดิตของคุณไปเลย
3.7 บางข้อมูลไม่ต้องกรอกข้อมูลจริงก็ได้
โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายด้านที่อยู่อาศัย หากคุณเช่าคอนโดอยุ่เดือนละ 10,000 คุณอาจจะลงที่อยู่จริงไป แต่ให้เช็คที่ช่องอาศัยอยุ่กับญาติแทนเพราะข้อมูลตรงนี้ธนาคารตรวจสอบไม่ได้ การขอสินเชื่อของคุณจะง่ายขึ้นเพราะไม่เห็นรายจ่าย แต่ถ้าหากคุณเช่าอพาร์ทเม้นท์ซึ่งการกรอกที่อยู่มันจะขึ้นว่าอพาร์ทเม้น คุณอาจจะลดราคาค่าเช่าต่อเดือนลงครึ่งหนึ่ง และถ้าหากทางธนาคารโทรถามคุณอาจจะบอกไปว่าเช่าอยู่กับเพื่อนก็ได้เช่นกัน
ถ้าหากคุณมีบัตรเครดิตมาก่อน แต่ยังไม่ได้เปิดใช้ หรือใช้ได้ไม่ถึง 1 เดือน ไม่ต้องกรอกลงไปในใบสมัครก็ได้ เนื่องจากข้อมูลจะยังไม่ทันเข้าไปที่สำนักงานเครดิตแห่งชาติ(เครดิตบูโร) แต่ถ้าใช้มานานแล้วก็ให้เขียนไปตามปกติแต่แนะนำให้ปิดเขียนเลขบัตร 4 ตัวหลังเป็น xxxx แทน
3.8 สมัครทีละหลาย ๆ ใบ
ทุกครั้งที่คุณสมัครบัตรเครดิต สถาบันการเงินจะขอเช็คเครดิตบูโรของคุณ หากคุณสมัครบัตรทีละใบ และไม่ผ่านสักที ธนาคารจะเห็นการยื่นเรื่องขอดูเครดิตบูโร และอาจจะสงสัยว่าคุณอาจจะมีบัตรเครดิตเยอะเกินไป ทำให้ไม่อนุมัติบัตรให้คุณได้ แต่ถ้าหากยื่นทีเดียวพร้อม ๆ กัน หลายธนาคาร ข้อมูลจะยังไม่ขึ้นในเครดิตบูโรตอนที่ธนาคารยื่นตรวจ
3.9 ให้ตอบไปว่าสมัครบัตรเครดิตของที่นี่ที่เดียวเท่านั้น
การสมัครบัตรเครดิตจะมีขั้นตอนหนึ่งหลังจากส่งเอกสารการสมัครไปแล้ว นั่นคือการโทรสอบถามข้อมูล ซึ่งจะมีทั้งโทรเข้าที่ทำงานเพื่อเช็คว่าคุณเป็นพนักงานจริง ๆ และโทรหาคุณเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม หากธนาคารถามคุณว่าสมัครบัตรของธนาคารไหนบ้าง ให้คุณบอกว่าสมัครของธนาคารที่โทรมาเพียงทีเดียว เพราะถ้าคุณบอกว่าสมัครไปหลายใบ นั่นเท่ากับว่าธนาคารจะมองว่าคุณมีบัตรหลายใบ อาจจะทำให้การเงินคุณฝืดจนไม่สามารถชำระหนี้ได้ หรืออาจจะใช้ใบอื่นมากกว่าก็ได้
เพียงเท่านี้การสมัครบัตรเครดิตใบแรกของคุณก็น่าจะผ่านได้ไม่ยาก อย่าลืมว่าบัตรเครดิตคือสินเชื่อส่วนบุคคล หรือเงินกู้นั่นเอง ดังนั้นมันคือการดึงเงินในอนาคตมาใช้ ไม่ใช่เงินที่เขาให้คุณมาฟรี ๆ การใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตจึงควรวางแผน และจัดการให้ดี เพราะอย่าลืมว่าวงเงินในบัตรที่ธนาคารอนุมัติให้คุณมักจะอยู่ที่ 2 - 4 เท่าของเงินเดือน (ส่วนตัวผู้เขียนยังไม่เคยเจอวงเงิน 5 เท่า ตามที่โฆษณาเลย) เรียกได้ว่าเงินที่คุณใช้ได้เกินกว่าเงินที่คุณสามารถหาได้ในแต่ละเดือนไปเยอะ ซึ่งอาจจะทำให้คุณหมุนเงินไม่ทันอย่างที่คุณเคยกลัวก็ได้