ESTOPOLIS | รวมวิธีการประหยัดแอร์ ประหยัดค่าไฟ สำหรับชาวคอนโด
29 March 2560
หน้าร้อนแบบนี้ หลายคนน่าจะกังวลใจไม่น้อย เพราะนอกจากความร้อนของซัมเมอร์นี้แล้ว เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่าง แอร์ ก็กินไฟไม่น้อยหน้า จนค่าไฟของห้องคอนโดพุ่งกันเป็นว่าเล่น แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะวันนี้ เรามีเทคนิคดีๆ ให้แอร์เย็นฉ่ำ แบบสบายกระเป๋า มาบอก!
อากาศร้อนๆ แบบนี้ โดยเฉพาะกับใจกลางเมืองกรุงแล้ว เราคงปฏิเสธไม่ได้เลยว่า แอร์ได้กลายเป็นส่วนสำคัญที่ทุกๆ คอนโดต้องมีติดเอาไว้เสียแล้ว และแน่นอนว่าแอร์ก็นับว่าเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าอันดับต้นๆ ที่กินไฟมากที่สุดอีกด้วย
เอ๋ แล้วแบบนี้ เราจะใช้แอร์อย่างไรดีละ? ให้สบายกระเป๋า แต่ก็เย็นฉ่ำตลอดทั้งปีได้ ตามเรามาดูเทคนิคดีๆ เหล่านี้กันดีกว่า
1. เลือกขนาดแอร์ให้เหมาะกับห้องคอนโดที่ใช้
ถ้าใครมีปัญหาแอร์เย็นไม่ทั่วถึง แม้จะล้างแอร์ก็แล้ว เร่งแอร์จนเบอร์แรงสุดก็แล้ว แต่ก็ยังไม่เย็นฉ่ำดั่งใจ ปัญหาอาจจะไม่ได้เป็นเพราะแอร์เสีย คุณภาพแอร์ไม่ดี แต่เป็นเพราะขนาดเครื่องนั้นไม่เหมาะสมกับห้องคอนโดก็ได้
หากคุณใช้แอร์เครื่องเล็ก แต่ห้องคอนโดของคุณนั้นมีขนาดกว้างหรือใหญ่จนเกินไป จะส่งผลให้แอร์ไม่สามารถกระจายความเย็นได้ทั่วถึงกับทั้งห้องได้
โดยทั่วไปแล้ว สำหรับห้องห้องคอนโดขนาดพื้นที่ 20 - 25 ตารางเมตร ฝ้าเพดานสูงประมาณไม่เกิน 2.50 เมตร ควรเลือกเครื่องปรับอากาศประมาณ 16,000 B.T.U. – 20,000 B.T.U. จะช่วยกระจายความเย็นได้ทั่วทั้งห้องดีกว่า
แต่ถ้าหากห้องนั้นตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกและได้รับแสงแดดโดยตรงในช่วงบ่าย ก็อาจจำเป็นต้องเพิ่มขนาดของเครื่องปรับอากาศเพื่อสู้กับความร้อน โดยอาจต้องเลือกใช้เครื่องขนาดเพิ่มเข้าไปอีกประมาณ 2,000 B.T.U. จะทำให้คุณสามารถรับมือกับช่วงหน้าร้อนได้ดีกว่า แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับด้วยว่า ยิ่งขนาดแอร์ใหญ่มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งกินค่าไฟมากเท่านั้น
หากห้อง หรือคอนโดของคุณมีขนาดใหญ่ ก็ควรเลือกขนาดแอร์ที่เหมาะสมกับความกว้างของห้องให้ดี
คุณสามารถใช้สูตรคำนวณ BTU แอร์ได้ ดังนี้
พื้นที่ห้อง (กว้าง x ยาว) x ค่าตัวแปร (ตามตารางประกอบด้านล่าง) = B.T.U. ที่เหมาะสมกับห้อง
เช่น ห้องกว้าง 4 x 5 เมตร สูตรคำนวณ คือ 4x5x700 = 14,000 ดังนั้น BTU ที่เหมาะสมสำหรับห้องนี้ คือ 14,000-16,000 BTU
2. หลีกเลี่ยงการวางเครื่องใช้ไฟฟ้าเยอะๆ ในห้องที่ติดแอร์
รู้หรือไม่ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ เมื่อเราเปิดใช้งาน เครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านั้นจะปล่อยความร้อนออกมา แน่นอนว่ายิ่งมีเครื่องใช้ไฟฟ้ามากเท่าไหร่ ก็หมายความว่า มีความร้อนปล่อยอยู่ในห้องของคุณมากเท่านั้น และเป็นผลพ่วงทำให้แอร์ทำงานหนักมากยิ่งขึ้นด้วย
และสำหรับห้องคอนโดอาจจะตัดสินได้ว่ายูนิตที่เป็นครัวปิด จะประหยัดแอร์ได้ดีกว่า เพราะตู้เย็น และทุกอย่างที่สามารถสร้างความร้อนได้ถูกวางไว้อย่างเป็นสัดส่วน แต่ถ้าหากคุณอยู่ในคอนโดที่เป็นครัวเปิดโดยเฉพาะห้องที่ครัวอยู่บริเวณห้องรับแขก เครื่องปรับอากาศจะถูกติดตั้งไว้ที่โซนนั่งเล่น ซึ่งเครื่องปรับอากาศเองจะไม่ได้รับรู้ถึงความร้อนของการทำอาหารมากนัก
เพียงเท่านี้ แอร์ของคุณก็จะสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิ์ภาพ ภายในห้องของคุณก็จะเย็นเร็ว โดยที่ไม่จำเป็นต้องเร่งแอร์เลยด้วยซ้ำ!
ยิ่งเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าในห้องที่มีแอร์มาก ยิ่งทำให้แอร์ของคุณทำงานหนัก และกระจายความเย็นได้ช้า
3. หามุมติดตั้งที่เหมาะสม ให้ระบายอากาศได้ทั้งห้อง
แต่ละห้อง แต่ละคอนโดนั้น ล้วนมีมุม มีแผนผังห้องที่แตกต่างกันไป ลองมองแผนผังห้องให้ดี หามุมที่สามารถกระจายความเย็นได้อย่างทั่วถึง จะช่วยให้ทั้งห้องของคุณเย็นขึ้นได้ โดยไม่ต้องเพิ่มองศา หรือเร่งแอร์
ลองมองทิศทางของลมเมื่อต้องเปิดแอร์ แล้วมองว่าสามารถกระจายความเย็น และระบายอากาศได้ดีหรือไม่ จะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจในการมองหามุมที่ติดตั้งแอร์ได้ง่ายมากขึ้น เช่น บริเวณที่ติดตั้งสามารถกระจายลมได้ทั่วถึงทั้งห้อง ไม่มีสิ่งกีดขวาง และไม่ควรติดตั้งในมุมอับ เป็นต้น
รวมไปถึง การคำนึงในเรื่องของทิศทางแดดที่ส่องมายังห้องด้วย เนื่องจากส่งผลต่อการทำงานของแอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อย่าติดชิดผนังที่รับแดดจัด หรือทิศตะวันตก เพราะจะทำให้แอร์ทำงานหนัก ส่งผลเสียให้แอร์พังง่าย และกระจายความเย็นได้ไม่เต็มที่ แถมยังกินไฟอีกด้วย
หลีกเลี่ยงผนังของฝั่งที่โดนแดด จะช่วยให้แอร์ของคุณไม่ทำงานหนักจนเกินไป
4. หมั่นล้างแอร์ ช่วยเซฟค่าใช้จ่ายระยะยาว
การล้างแอร์อย่างอย่างสม่ำเสมอนั้น เป็นสิ่งจำเป็น นอกจากจะเป็นการช่วยยืดอายุการใช้งานของตัวเครื่องแล้ว ยังช่วยรักษาสุขภาพของคุณได้
แอร์มักจะมีฝุ่นผงติดอยู่ตามแผงด้านในทำให้ประสิทธิภาพในการทำความเย็นลดลง และเป็นแหล่งสะสมของเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ ถ้าคุณไม่หมั่นล้างแอร์เสียบ้าง แอร์เครื่องนี้ก็จะกินทั้งค่าไฟ และทำลายสุขภาพของคุณได้
ดังนั้น เราจึงควรล้างเครื่องปรับอากาศทุกๆ 3-6 เดือน แต่สำหรับแอร์ที่ติดตั้งในบริเวณที่มีการรับประทานอาหาร, สถานที่ที่มีคนเยอะ หรือมีการปิดเปิดของประตูตลอดเวลา ควรพิ่มระยะความถี่ในการล้างแอร์ เป็นทุกๆ 2-3 เดือน แทน
5. ใช้ฟังชั่นตั้งเวลาบ้างก็ดี
รู้หรือไม่ การตั้งฟังก์ชั่นการใช้งานแอร์ให้มีการเปิดปิดอัตโนมัตินั้น จะช่วยให้คุณเซฟค่าไฟได้มากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะการตั้งเวลาเปิดปิดในช่วงที่คุณตื่นนอน
การตั้งเวลาเปิดปิดของแอร์ในช่วงตื่นนอนก่อนสัก 1 ชั่วโมง จะช่วยให้คุณประหยัดค่าไฟได้มากขึ้น เนื่องจากเวลาประมาณ 1 – 2 ชั่วโมง นั้น อุณหภูมิห้องจะยังคงเย็นอยู่ แถมยังป้องกันไม่ให้คุณลืมปิดแอร์ก่อนออกจากห้องได้อีกด้วย
การใช้งานแอร์ให้ได้เต็มประสิทธิภาพ แต่ยังสบายกระเป๋า เริ่มต้นได้ง่ายๆ เพียงแค่คุณเลือกขนาดของแอร์ให้เหมาะสมกับห้องคอนโดที่อยู่, เลือกมุมติดตั้งที่ระบยอากาศได้ดี, หลีกเลี่ยงการเปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าเยอะๆ ภายในห้องขณะเปิดแอร์ และไม่ลืมว่า ต้องหมั่นล้างแอร์อย่างสม่ำเสมอ รวมไปถึงการหมั่นใช้ฟังก์ชั่นปิดเปิดในช่วงก่อนตื่นนอน จะช่วยให้ห้องของคุณเย็นฉ่ำ แต่ประหยัดเงินได้สมใจอย่างแน่นอน!